ตอนที่ 11
อัลบั้ม: วี วีรภาพ คั่ว 3 นางเอก 'นาว-โบว์-เซฟ' เพื่อนรักหักสวาทใน “กุหลาบเล่นไฟ”
ธิปไตยแสบได้ใจ ขนข้าวของในบ้านปริตาโยนทิ้ง เธอเข้าไปห้าม เขาอ้างว่ามีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้เพราะทุกอย่างในบ้านหลังนี้เป็นของเขา ผลักเธอพ้นทางก่อนจะโยนของทิ้งต่อไป แล้วหันไปเห็นภาพถ่ายครอบครัวของปริตาพร้อมหน้าพ่อแม่และลูกๆก็ไม่ชอบใจ ดึงออกจากผนังห้อง ปริตาร้องห้ามเสียงหลง
“เธอยังจะหวงมันอีกหรือ มันก็แค่ภาพความรักปลอมๆ พ่อเธอไม่ได้รักเธอเขารักเงินมากกว่าเธอซะอีก”
ปริตาเข้าไปแย่งคืน ธิปไตยยื้อไว้ไม่ยอมให้ แย่งกันไปแย่งกันมาภาพหล่นพื้นแตกกระจาย เธอรีบเก็บภาพมากอดไว้อย่างหวงแหน เขายิ่งไม่พอใจ เดินกระแทกเท้าปังๆออกไป ปริตาหยิบโกศแม่มาถือไว้ คร่ำครวญให้ท่านช่วยเธอด้วย มีเสียงเหมือนคนสาดน้ำดังมาจาก
หน้าบ้าน เธอเดินถือโกศแม่ออกไปดู เห็นธิปไตยราดน้ำมันใส่บ้านก็ตกใจ สั่งให้หยุดเดี๋ยวนี้ คิดจะทำอะไรกันแน่
“ฉันไม่อยากได้กลิ่นสาบคนจน ฉันจะเผามันทิ้ง” ธิปไตยเดินราดน้ำมันต่อไป ปริตาพยายามจะห้ามแต่ไม่สำเร็จ ตัดสินใจก้มลงกราบแทบเท้า หากเขาเกลียดเธอ อยากจะทำอะไรกับเธอก็ได้ ขออย่างเดียวอย่าทำลายบ้านแม่ของเธอ ธิปไตยกระชากเธอลุกขึ้น
“ออกไปจากบ้านฉัน...ไปสิ เธอพูดเองว่าฉันทำยังไงกับเธอก็ได้ สิ่งที่ฉันต้องการมากที่สุดคือเห็นเธอออกไปจากบ้านหลังนี้ ออกไป” ธิปไตยไม่พูดเปล่าผลักไสปริตาไปด้วย เธอต่อรองขอเก็บข้าวของก่อน แล้วกลับเข้าไปข้างในโกยของที่เกลื่อนพื้นไว้ในอ้อมแขน เขาตามมากระชากไปโยนทิ้งอย่างเก่า
“เธอจะหวงอะไรนักหนา มันก็แค่เสื้อผ้าของเก่าๆ ที่เน่าเหม็น ไม่มีราคาไม่มีใครอยากได้มันอีกแล้ว”
“คุณไม่มีวันเข้าใจฉัน เพราะคุณมันไม่เคยรู้จักคำว่ารัก ก่อนหน้านี้ฉันพยายามจะเข้าใจคุณ คิดว่าที่คุณเป็นอย่างนี้เพราะคุณขาดความรักจากครอบครัว แต่ตอนนี้ฉันชักไม่แน่ใจว่าปัญหามาจากครอบครัวหรือตัวคุณเอง” ปริตาหยิบข้าวของของตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง “ของพวกนี้มันไม่ใช่แค่วัตถุ มันคือความทรงจำ ที่ช่วยหล่อเลี้ยงให้เรามีกำลังใจอยู่ได้ แต่คุณกลับมองเห็นเป็นแค่ของ คนที่คิดแบบนี้ ทำกับฉันอย่างนี้คือคนไม่มีหัวใจ”
ธิปไตยจะให้เวลาปริตาหนึ่งชั่วโมงเพื่อเก็บความทรงจำเน่าๆออกไป ก่อนที่เขาจะเผาทุกอย่างทิ้ง แล้วผละจากไป ปริตากอดโกศแม่ร้องไห้โฮ
“แม่จ๋า อ้อมขอโทษ อ้อมรักษาบ้านไว้ไม่ได้”...
ทางด้านธิปไตยครุ่นคิดถึงคำพูดของปริตาเมื่อครู่แล้วอดนึกถึงคำสอนของพ่อตัวเองไม่ได้ ตอนนั้นเขายังเป็นแค่ ด.ช.ธิปไตยเพิ่งกลับจากโรงเรียน พร้อมกับร่องรอยจากการต่อสู้กับเพื่อน เนื่องจากถูกเพื่อนล้อเลียนว่าไม่มีแม่ เพราะไม่เคยเห็นแม่ของเขาไปรับไปส่งเขาที่โรงเรียน พ่อสั่งสอนว่าการที่เขาทำร้ายเพื่อน เขาเองก็เจ็บตัวไปด้วย ทำอย่างนั้นไม่ได้อะไรขึ้นมา
“ลูกอยากมีเพื่อน อยากให้คนรัก ลูกก็ต้องรักคนอื่นให้มาก”
คำสั่งสอนของท่าน ทำให้ธิปไตยตัดสินใจจะทำบางอย่าง
ooooooo
รัญชิตาอยากจะแก้ตัวที่ทำให้ปัทมาศตาย อุตส่าห์นำกระเช้าอาหารสุขภาพมาเยี่ยมพัชรินทร์ แต่กลับถูกเธอโยนทิ้ง และบอกให้รัญชิตาฆ่าเธอเหมือนที่ทำกับปัทมาศ แล้วเข้ามาจับมือหญิงสาวให้ทำร้ายตัวเธอ
“มิ้นท์ไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะคะ คุณอาคะ มิ้นท์ขอโทษ มิ้นท์เอาตัวดาวกลับคืนมาไม่ได้ ขอให้คุณอาคิดว่ามิ้นท์เป็นลูกของคุณอานะคะ ดาวเป็นเพื่อนรักของมิ้นท์มิ้นท์จะมาดูแลคุณอา ทำทุกอย่างที่ดาวเคยทำ” รัญชิตาพูดจบเข้าไปดูแลจัดข้าวของในบ้านให้พัชรินทร์ที่เอาแต่ร้องไห้
ปริเทพซึ่งยืนดูอยู่นานแล้ว ทนไม่ได้ เข้ามาลากตัว รัญชิตาให้ออกจากบ้าน เธอดิ้นหลุด แล้วเดินหายเข้าไปด้านใน เขาเดินตามไปเห็นเธอหยิบผ้าขี้ริ้วมาเช็ดทำความสะอาดบ้าน คว้ามือไว้
“เธอไม่มีวันเป็นดาวได้ จิตใจของดาวมีค่าและน่าบูชามากกว่าเธอ”
หญิงสาวสะบัดมือหลุด เดินไปหยุดที่หน้าภาพถ่ายของปัทมาศที่แขวนบนผนัง ร้องไห้ออกมาอย่างอัดอั้น เอื้อมมือจะไปจับภาพ แต่ถูกปริเทพลากตัวออกห่าง สั่งไม่ให้เอามือสกปรกมาแตะต้อง รัญชิตาคร่ำครวญว่า พยายามทำทุกอย่างแล้ว เขายังต้องการอะไรอีก
“ฉันเคยบอกแล้วไง ฉันต้องการให้เธอตายไปซะ ฉันไม่มีวันลืมว่าเธอฆ่าดาว อ้อมก็จดจำมันได้ดี ฉันกับอ้อมจะทำทุกอย่างที่จะให้เธอได้รับกรรมที่เธอทำกับดาว”
“มิ้นท์พยายามทำดีที่สุดแล้ว แต่ในเมื่อไม่มีใครให้อภัย มิ้นท์ก็จะไม่สนใจอีกต่อไป”...
ขณะที่รัญชิตาออกจากบ้านพัชรินทร์อย่างเจ็บช้ำใจ ธิปไตยกลับเข้าไปในบ้านปริตาที่สังขละบุรีอีกครั้งแปลกใจที่เธอหายไป ออกมาดูนอกบ้านก็ไม่พบ จึงถามชาวบ้านที่เดินผ่านมาว่าเห็นปริตาบ้างไหม เขาเห็นเธอเดินร้องไห้ไปที่สะพาน ธิปไตยใจเสียคิดว่าเธอจะฆ่าตัวตาย รีบตามไปดู ปริตาไม่ได้จะโดดสะพานอย่างที่เขาหวั่นใจ เธอแค่มายืนคิดหาวิธีจะสู้กับปัญหาต่อไปอย่างไร คนอย่างเธอไม่ใช่พวกยอมแพ้อะไรง่ายๆ
“ยิ่งคุณทำร้ายฉันมากเท่าไหร่ ฉันก็จะเอาชนะคุณให้ได้” พูดจบ ปริตาเดินกลับ ธิปไตยร้องถามว่าจะไปไหน เธอจะกลับไปเก็บของของเธอ เขาอยากจะทำอะไรก็เชิญ แต่ถ้าเผาบ้านหลังนั้นเมื่อไหร่ เธอเอาเรื่องแน่
“ฉันจะขายบ้านให้เธอ ฉันจะขายเอากำไร เธอหาเงินมาซื้อต่อให้ได้ ฉันให้เวลาแค่หนึ่งเดือน ถ้าไม่มีเงินก็อย่ามาดราม่าเรียกความสงสาร”
“ฉันจะซื้อบ้านของฉันคืนมาให้ได้” ปริตาดีใจที่มีโอกาสจะได้บ้านหลังนี้กลับคืน
ooooooo
เมื่อกลับถึงกรุงเทพฯ ในตอนค่ำ ปริตาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ลัดดาวัลย์และปริเทพฟัง ทั้งคู่ลงความเห็นไปในทำนองเดียวกันให้ปล่อยบ้านหลังนั้นไป เธอเหนื่อยกับมันมานานแล้วอย่าไปยึดติดจนตัวเองต้องเดือดร้อน
“ต่อให้อ้อมต้องเหนื่อย ต้องลำบาก อ้อมก็ทำเพื่อแม่ได้ค่ะ”
“แล้วอ้อมจะหาเงินก้อนจากไหน เขากดดันกระชั้นกว่าเดิมอีก” ปริเทพพูดยังไม่ทันขาดคำ ชาญวุฒิโผล่เข้ามาบอกข่าวดีว่าสมภพจะเปิดละครเรื่อง “ร้ายรักร้ายมารยา” แล้วส่งแฟ้มเรื่องย่อให้ปริตาอ่าน เขายังเล่าคร่าวๆให้ฟังอีกว่าละครเป็นเรื่องราวของเพื่อนรักที่มีผู้ชายมาเกี่ยวพัน ทำให้ความรักไม่ลงตัว
“คนคิดเรื่องนี่ก็เก่งนะ สร้างเรื่องได้เหมือนชีวิตจริง พี่อ่านครั้งแรกก็นึกถึงน้องดาว น้องมิ้นท์ที่หลงรักคุณตรัย ดีนะที่ไม่มีน้องอ้อมร่วมวงอีกคน” คำพูดของชาญวุฒิทำเอาปริตาอึ้ง ชาญวุฒิยังบอกอีกด้วยว่าปริตาไม่ต้องไปแคสติ้งละครเรื่องนี้ เพราะสมภพวางตัวเธอไว้แล้ว ลัดดาวัลย์ไม่เห็นด้วยที่หลานจะไปเล่นละครแนวนี้
“ไม่ทันแล้วล่ะ ฉันตอบตกลงแล้ว งานนี้คุณสมภพยกให้ฉันดูแลการผลิตทั้งหมด น้องอ้อมโอเคนะ อย่าให้พี่เสียหน้าเสียชื่อ มันจะเป็นบันไดก้าวสู่การเป็นผู้จัดในอนาคตของพี่”
ปริตาตกลงรับเล่นละครเรื่องนี้ ปริเทพไม่ค่อยเห็น ด้วยนัก ดึงเธอมาคุยกันนอกรอบว่าสมภพไม่น่าไว้ใจเธอไม่มีทางเลือก เพราะต้องการเงินไปจ่ายค่าบ้านให้หมด และอีกอย่างหนึ่ง ในกองถ่ายมีคนมากมาย เขาไม่กล้าทำอะไรแน่ ปริเทพเตือนไม่ให้ประมาท คนอย่างสมภพ เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว...
คนที่ปริเทพพูดถึงกำลังจะเล่นบทซาดิสต์กับดอกแก้วอยู่ในคอนโดฯที่พัก เธอจำต้องทำตามใจเขาเพื่อจะได้มีโอกาสได้เล่นละครที่เขาเป็นผู้จัด พลันมีเสียงพอลลี่ทุบประตูห้องเรียกเขาดังขึ้น ดอกแก้วถึงกับตาเหลือกรีบวิ่งซ่อนที่ระเบียงห้อง สมภพเกรงเสียงพอลลี่จะรบกวนเพื่อนบ้าน ตัดสินใจเปิดประตูออกมาไล่ เธอผลักเขาพ้นทางแล้วบุกถึงห้องนอน ไม่พบใครเห็นแต่แส้ตกอยู่ที่พื้นกับกองชุดชั้นใน รู้ว่าต้องมีผู้หญิงอยู่ด้วยตะโกนลั่น
“แกอยู่ไหน แกออกมานะ ฉันจะฆ่าแก”
พอลลี่กำลังจะไปถึงจุดที่ดอกแก้วซ่อนตัว สมภพรีบกระชากเธอมาตบหน้าหัน แล้วไล่ตะเพิดออกจากห้อง เธอปล่อยโฮ ต่อว่าเขาที่เห็นเธอเป็นแค่ของเล่น นึกจะโยนให้ใครก็ได้ สมภพเตือนเธออย่าหวังให้มาก เธอแค่มาเกาะเขาดัง เขาหาละครให้เธอเล่นถือว่าเป็นการตอบแทนที่เธอบำบัดสุขให้เขา แล้วไล่ให้กลับไป พอลลี่ผิดหวังที่เขาไม่เคยเห็นเธอในสายตา ออกจากห้องทันที ดอกแก้วรีบกลับเข้าข้างในด้วยสีหน้าหวาดๆ
“พอลลี่รู้ว่าเป็นดอกแก้ว พอลลี่เอาดอกแก้วตาย แน่ค่ะ”
“เธอสวมบทสาวใจเด็ดได้สมบทบาทมาก ฉันขอทดสอบความกล้าอีกหน่อย” สมภพว่าแล้วหยิบแส้ขึ้นมา
ooooooo
ในที่สุดก็ถึงวันฟิตติ้งละคร “ร้ายรักร้ายมารยา” ก็มาถึง ต้อยติ่งเตรียมงานทุกอย่างไว้พร้อมสรรพศิโรจน์กำลังจะเดินเข้าไปหาแต่ต้องหยุดกึกเมื่อเห็นชาญวุฒิเดินมาจากอีกมุมหนึ่ง ร้องเรียกเธอเสียก่อน ต้อยติ่งฉีกยิ้มพร้อมกับส่งเสียงหวานว่าเตรียมงานให้เขาเรียบร้อยแล้ว
“แกเป็นอะไร วันก่อนเหวี่ยงใส่ฉัน วันนี้มาดีซะงั้น”
“ติ่งก็เป็นของติ่งอย่างนี้ล่ะ รักใครรักจริง ไม่ทิ้งขว้างค่ะบอสขา”
ชาญวุฒิละเหี่ยใจที่เธอยังจีบไม่เลิก เดินส่ายหน้าหนี ศิโรจน์ปรี่เข้ามาต่อว่าต้อยติ่งว่าเจ็บแล้วไม่จำ ยังจะไปทำดีกับเขาอีก เธอทำใจไม่ให้รักเขาไม่ได้ อยากจะลองสู้ดูอีกสักตั้งเผื่อบอสจะเปลี่ยนใจมาชอบชะนี
“ว่าแต่งานนี้ไม่เกี่ยวกับบริษัทนาย มาทำไมเนี่ย”
ศิโรจน์มาช่วยเจ้านายซึ่งมาเป็นเพื่อนรัญชิตา ต้อยติ่งอดเป็นกังวลไม่ได้ ที่รัญชิตาต้องโคจรมาเจอกับ ปริตา ถึงขนาดจะขอหมวกกันน็อกมาไว้ใส่เผื่อระเบิดจะลงกลางสตูดิโอ...
ด้านปริตาแต่งตัวเสร็จเดินออกไปอีกทางหนึ่ง จึงไม่เจอกับรัญชิตาที่เพิ่งมาถึงห้องแต่งตัว...
ชาญวุฒิรู้ดีว่าขืนให้สองสาวเจอกันก่อนจะต้องเป็นเรื่องจึงส่งต้อยติ่งไปถ่วงเวลารัญชิตา รอให้ปริตา ฟิตติ้งเสร็จค่อยพาเข้ามา ต้อยติ่งรับคำ วิ่งปรู๊ดออกไปสวนกับธิปไตยที่เดินเข้ามาในสตูดิโอ อึดใจ ทีมงานพาปริตาในชุดฟิตติ้งละครตามเข้ามา ธิปไตยถึงกับตะลึงในความงามของเธอ ชาญวุฒิเองก็ชมไม่หยุดปากว่า เป๊ะเว่อร์ ตรงกับคาแรกเตอร์ตัวละครที่สุด แล้วหันไปจะเรียกช่างภาพให้มาถ่ายภาพกลับเจอแต่กล้อง
ทีมงานเข้ามาแจ้งว่าช่างภาพกำลังเดินทางมา ชาญวุฒิจึงบอกปริตาให้รอสักครู่ก่อน
“ผมรอไม่ได้ครับ ผมกับมิ้นท์ต้องไปออกงานด้วยกันต่อ พี่ชาญเลื่อนวันฟิตติ้งนะครับ”
“เหลือคิวฟิตติ้งวันเดียวเท่านั้นครับ ต้องรีบเปิดกล้องแล้ว เอาอย่างนี้แล้วกัน รบกวนคุณตรัยช่วยเป็นช่างภาพจำเป็นก่อน คุณตรัยและน้องมิ้นท์จะได้ไปงานทัน เวลาด้วย นะครับพี่ขอ”
ธิปไตยหนีไม่ออก ต้องรับหน้าที่เป็นตากล้อง โดยมีชาญวุฒิคอยกำกับและแนะนำอารมณ์ตัวละครให้ ปริตา ซึ่งเธอทำได้ดีมากไม่ว่าจะเป็นอารมณ์รักหรือเกลียด
“คราวนี้พี่ขอรักสดใสของวัยนักศึกษา”
ปริตาเดินตรงมาทางธิปไตย แล้วผ่านเลยไปหาพลศิษฎ์ที่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่งไม่ห่างกันนัก ขอร้องให้ช่วยมาเป็นแรงบันดาลใจ แล้วจูงมือเขามายืนด้านหลังตากล้องจำเป็น ก่อนจะกลับไปยังจุดมาร์กกิ้ง โพสท่าตามที่ ชาญวุฒิสั่ง ธิปไตยเก็บภาพปริตาส่งตาหวานให้พลศิษฎ์อย่างไม่ค่อยจะพอใจนัก พอลลี่สังเกตเห็นปฏิกิริยาของธิปไตยแล้ว ชักจะสงสัยว่าเขาต้องมีใจให้ปริตา...
ด้านรัญชิตาแต่งตัวเสร็จ จัดแจงจะไปรอที่ห้องสตูดิโอ ต้อยติ่งขอให้นั่งรอที่นี่ก่อน ให้เธอออกไปดูก่อนว่าข้างนอกถ่ายเสร็จหรือยัง รัญชิตาเริ่มสงสัยว่ากำลังถ่ายภาพใครอยู่ เธอไม่อยากตอบคำถาม จะเดินเลี่ยงออกจากห้อง รัญชิตาคว้ามือไว้ คาดคั้นให้บอกมาว่าตนต้องแสดงร่วมกับใครบ้าง ต้อยติ่งยังไม่ทันจะพูดอะไร
พอลลี่ชิงตอบคำถามแทนว่า “เพื่อนรักหักเหลี่ยม ที่คิดจะจับคุณตรัยไง”
รัญชิตาเดาได้ทันทีว่าต้องเป็นปริตา รีบออกจากห้องโดยไม่ฟังเสียงทัดทานของต้อยติ่ง
ooooooo
เมื่อได้ภาพตามต้องการ ชาญวุฒิสั่งให้ปริตาไปเปลี่ยนชุดเตรียมถ่ายเซตต่อไป ธิปไตยต้องการแกล้งเธออ้างว่ายังไม่เสร็จ อยากได้อีกหนึ่งอารมณ์คืออารมณ์แสนเจ็บ ชาญวุฒิรู้ไม่เท่าเล่ห์ของเขาก็เลยเออออไปด้วย ธิปไตยอาสาจัดท่าให้ จับปริตาบิดตัวแล้วบีบหน้าให้หันมาทางกล้อง เธอเจ็บถึงกับร้องลั่น หาว่าเขาจงใจแกล้ง
“ฉันไม่ได้แกล้ง แค่อยากให้เธอสื่ออารมณ์ออกมาให้ถึง”
รัญชิตาเข้ามาเห็นธิปไตยอยู่ใกล้ชิดกับศัตรูคู่แค้นก็ไม่พอใจ โวยวายจะขอคุยกับชาญวุฒิ ปริตาไม่อยากมีเรื่อง รีบขอตัวไปเปลี่ยนชุด รัญชิตาแว้ดใส่ทันที
“เปลี่ยนชุดคืนทีมงานแล้วกลับบ้านไปซะ พี่ชาญไม่บอกมิ้นท์สักคำว่าปริตามาเล่นด้วย”
“พี่ขอโทษ งานนี้คุณสมภพประสานงานทาง
น้องมิ้นท์โดยตรง พี่คิดว่าคุณสมภพแจ้งน้องมิ้นท์แล้ว”
สมภพมาทันพอดี พยายามกล่อมให้รัญชิตายอมแสดงละครร่วมกับปริตา แต่เธอยืนยันกระต่ายขาเดียว หากมีปริตา เธอขอถอนตัว คู่กรณีตกใจไม่คิดว่าเธอจะเล่นไม้นี้ ธิปไตยเองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน
“ไม่ได้นะครับ ละครเรื่องนี้คุณชาลินีเป็นสปอนเซอร์ใหญ่ คุณถอนตัวคุณชาลินีก็ถอนโฆษณา เอาอย่างนี้แล้วกัน ผมจะให้คนเขียนบท ปรับบทให้คุณสองคนไม่ต้องเจอกัน” สมภพไม่ละความพยายาม
“ไม่ค่ะ ไม่ใช่แค่ไม่เจอ แต่ต้องไม่มีชื่อปริตาอยู่ในละครเรื่องนี้” รัญชิตาจงใจบีบปริตาทุกทาง
พลศิษฎ์จับแขนน้องสาวจะพาออกไปคุยกันข้างนอก เธอสะบัดมือเขาออก คาดคั้นสมภพถ้าไม่ตัดชื่อปริตาออกก็ให้คุยกับแม่ของเธอเอาเอง แล้วหยิบมือถือขึ้นโทร.หาชาลินี ปริตาเห็นรัญชิตากดดันสมภพ ไม่อยากให้ตัวเองสร้างภาระให้คนอื่นต้องลำบาก ตัดสินใจถอนตัว
รัญชิตายิ้มสะใจ เช่นเดียวกับพอลลี่และดอกแก้วที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ ปริตามองทุกคนอย่างผิดหวัง ก่อนจะเดินออกจากห้อง พลศิษฎ์ต่อว่ารัญชิตาที่เอาแต่ใจตัวเอง แล้วผละจากไป ชาญวุฒิมองสมภพ
“แล้วจะหาใครแทนครับ”
สมภพจะให้ดอกแก้วเล่นบทนี้แทนปริตา พอลลี่นิ่วหน้าแปลกใจที่เขาส่งเสริมดอกแก้ว...
ฝ่ายปริตาวิ่งร้องไห้มาทรุดตัวลงนั่งหน้ากระจกเงาในห้องแต่งตัว เสียใจที่ถูกบีบจนต้องถอนตัว เงินที่จะเอาไปจ่ายค่าบ้าน พลอยอดได้ไปด้วย ธิปไตยตามมาจะปลอบใจ แต่พอโดนปริตาต่อว่าว่ารวมหัวกับผู้หญิงของเขากลั่นแกล้งไม่ให้เธอได้งาน ไม่มีเงินมาจ่ายค่าบ้าน ก็เลยรับสมอ้าง แล้วบอกให้เธอไปหาเงินมาจ่ายค่าบ้านให้ทันตามกำหนดไม่อย่างนั้นเขาจะเอาไปขายให้คนอื่น เธอตัดพ้อจะหาเงินทันได้อย่างไร
“เงินไม่กี่ล้านมันไม่ยากนักหรอก เธอก็ไปขอเงินจากคนรักของเธอสิ”
“ฉันไม่เคยคิดพึ่งใคร บ้านหลังนี้ต้องได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงของฉัน”
“อยู่ในโลกความฝันมากไป บ้านของเธอมันก็เป็น ได้แค่ฝัน” ธิปไตยเย้ยหยัน ปริตาคับแค้นใจมากผลักเขาพ้นทาง วิ่งหนีเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วทรุดตัวลงนั่งร้องไห้เอามือปิดปากตัวเองด้วยไม่อยากให้เขาได้ยินเสียง ธิปไตยรู้สึกผิดที่พูดรุนแรงไป จะเคาะห้องเรียก แต่ก็ได้แค่เงื้อมือค้าง...
ภายในห้องสตูดิโอ ขณะรัญชิตา พอลลี่และดอกแก้วกำลังให้ช่างภาพตัวจริงถ่ายภาพร่วมกัน พอลลี่คอยกระซิบข้างหูยุแหย่รัญชิตาว่าเสียดายที่เธอไม่เล่นละครกับปริตา ไม่อย่างนั้นคงมีซีนมันๆแซ่บๆแน่
“ตัวละครแสนดีแต่ร้ายลึกเหมาะกับยัยอ้อมมาก ดูสิ ยัยอ้อมไป คุณตรัยก็หายไปอีกแล้ว”
รัญชิตาไม่เห็นธิปไตยอยู่แถวนั้น คิดแผนชั่วร้ายขึ้นมาได้ ขอหยุดพักสักครู่แล้วเดินลิ่วออกไป...
ปริตาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จออกมาจากห้อง เจอธิปไตยยังรออยู่ ไม่อยากเสวนาด้วยเดินเลี่ยงไปหยิบกระเป๋าถือจะกลับ เขาคว้าแขนไว้ ขอให้อยู่คุยกันก่อน รัญชิตาเปิดประตูห้องแต่งตัวเข้ามาเห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกันก็ไม่ชอบใจอย่างแรง แต่ต้องข่มอารมณ์ไว้ ปริตาไม่อยากอยู่ให้มีเรื่อง ขยับจะไป รัญชิตาเรียกไว้
“เธอจะกลับไปไหน เธอยังไม่ได้ฟิตติ้งชุดเลย”
ooooooo
ดอกแก้วอดสงสัยไม่ได้ ตอนถ่ายภาพร่วมกันพอลลี่คุยอะไรกับรัญชิตา ถึงได้หายหัวไปนานขนาดนี้
“ป่านนี้คงตบกับยัยอ้อมหน้าคว่ำไปแล้ว” พอลลี่ยิ้มสะใจ
“อยากรู้แล้วสิว่าใครตบใคร ไป...ไปดูกัน” ดอกแก้วจะลากพอลลี่ออกไปดู แต่รัญชิตา ธิปไตยและปริตาเข้ามาในสตูดิโอเสียก่อน ทุกคนมองแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
รัญชิตาบอกกับสมภพว่าเปลี่ยนใจแล้ว อยากจะร่วมงานกับเพื่อนเคยรัก ทุกคนดีใจที่ทุกอย่างลงเอยด้วยดี ตบมือส่งเสียงเฮกันลั่น รัญชิตารีบยกมือห้าม
“เดี๋ยวก่อนค่ะ จากเรื่องย่อที่มิ้นท์อ่าน บทของอ้อมเป็นเพื่อนที่ยอมคน ก้มหัวให้กับเพื่อนได้ทุกเรื่อง ไม่ตรงกับคาแรกเตอร์อ้อมเลย มิ้นท์ขอทดสอบการแสดงค่ะ”
สมภพไม่เห็นจะต้องทดสอบอะไรอีก ในเมื่อปริตาผ่านงานโฆษณามาแล้ว เชื่อว่าน่าจะแสดงได้ไม่ยากเย็นอะไร รัญชิตายืนยันต้องให้เธอทดสอบก่อน แล้วหันไปถามเจ้าตัว จะยอมหรือไม่ แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายคอยหาเรื่องกลั่นแกล้ง แต่ปริตาจำเป็นต้องตกลง เพราะต้องการเงินไปจ่ายค่าบ้าน
รัญชิตาสมมติตัวเองเป็นตัวละครตัวหนึ่ง เดินไปนั่งที่เก้าอี้กลางห้องสตูดิโอ เรียกให้ปริตาซึ่งต้องสวมบทเป็นเพื่อนที่ยอมเพื่อเพื่อนทุกอย่างให้มาเช็ดเท้าที่เปื้อนดินให้ ปริตาทำสมาธิ ก่อนจะเดินไปหยิบผ้ามาเช็ดเท้า อย่างที่เธอต้องการ รัญชิตายิ้มพอใจที่แกล้งอีกฝ่ายได้ สมภพเข้าไปประคองปริตาให้ลุกขึ้นเพื่อช่วยกู้หน้า
“คุณอ้อมแสดงได้สมบทบาทมาก ขอเสียงตบมือให้กับนักแสดงเจ้าบทบาทด้วยครับ”
ทุกคนตบมือให้ปริตา ชาญวุฒิเข้ามาถามสมภพถ้าเป็นแบบนี้ คงต้องวางตัวละครกันใหม่อีกครั้ง เขาสั่งให้ดอกแก้วคืนบทให้ปริตา แล้วบอกให้สาวๆไปเปลี่ยนชุดเพื่อมาถ่ายเซตเพื่อนรักเพื่อนแค้นกันใหม่ ดอกแก้ว
จะเข้าไปตื๊อสมภพ แต่เห็นทุกคนมองอยู่ จำต้องรักษาหน้าเขาไว้ พอลลี่มองสงสัยกับท่าทีแปลกๆของเธอ
ooooooo
ที่ห้องแต่งตัว รัญชิตายังไม่ยอมรามือ ตามมาหาเรื่องปริตาอีก ด่าว่าหน้าไม่มียางอาย นี่ถ้าตนสั่งให้นวดเท้า ตัดเล็บเหมือนสั่งพวกคนรับใช้ เธอก็คงทำได้ ปริตายอกย้อน แล้วทำไมถึงไม่สั่ง เธอจะได้ทำให้ เพราะเธอทำได้ทุกอย่างเพื่อเงินอยู่แล้ว รัญชิตาโกรธที่ปริตายั่วประสาท หยิบขวดน้ำใกล้มือสาดหน้า
อีกฝ่ายกลับนิ่งไม่ตอบโต้ หยิบผ้ามาเช็ดหน้าเช็ดตัวที่เปียก รัญชิตายิ่งโกรธ กระชากตัวมาถามว่าเมื่อครู่นี้ ธิปไตยเข้ามาคุยอะไรด้วย ปริตาหมั่นไส้จึงโกหกว่าเขามาแสดงความเห็นใจที่รัญชิตาแกล้งเธอ
“ฉันไม่เชื่อ เขาก็คงมาสมน้ำหน้าเธอมากกว่า”
ปริตาต้องการเอาคืนรัญชิตาที่กลั่นแกล้งตนเองมาตั้งแต่เช้า จึงพูดยั่วยุเป็นทำนองว่าธิปไตยมีใจให้ตนเองมากกว่ารัญชิตา ถ้าจะลองนึกย้อนไป บ่อยครั้งแค่ไหนที่เธอเห็นเขาอยู่กับตน
“เขาบุกไปหาฉันที่สังขละบุรี เขาไปทำอะไร เขาไม่ได้ไปทำงาน แต่เขารู้ว่าฉันอยู่ที่นั่น เขามาตามหาฉัน แล้วเขาก็ขอนอนค้างกับฉัน ฉันอยากจะเล่ารายละเอียดทุกช็อตให้ฟัง แต่กลัวเธอจะหัวใจวายตายเสียก่อน หรือว่าอยากจะฟังก็ได้นะ ที่เขามานอนค้างคืน เขาก็...” ปริตายังเล่าไม่ทันจบ รัญชิตาทนฟังไม่ไหวตบเธอหน้าหัน ปริตาไม่ยอมให้ถูกกระทำฝ่ายเดียว ตบคืนไปบ้าง สองสาวตบตีกันอุตลุด
ดอกแก้วที่ยืนดูอยู่กับพอลลี่เชียร์ให้ตบกันให้ตายไปข้างหนึ่ง เพื่อเธอจะได้แสดงละครแทนที่ พอลลี่ดูจนสาแก่ใจแล้ว เดินออกจากห้อง ธิปไตยเข้ามาเห็นสภาพของสองสาว แปลกใจว่าเกิดอะไรกันขึ้น
ปริตายิ้มหวานเข้าไปหาเขา “รับข้อเสนอของอ้อมไว้พิจารณานะคะ แล้วเจอกันค่ะ” ไม่พูดเปล่า เธอจับแขนเขา แล้วหันไปยิ้มเย้ยรัญชิตา ก่อนจะผละจากไป รัญชิตาแค้นใจมาก พาลอารมณ์บูดใส่ธิปไตย คว้ากระเป๋าถือเดินหนี เขารีบตามไปง้อ ปริตาแอบมองอยู่ ยิ้มสะใจที่แกล้งรัญชิตาสำเร็จ
ทางด้านธิปไตยรีบวิ่งไปดักหน้ารัญชิตาถามว่าโกรธเขาเรื่องอะไร มีอะไรไม่เข้าใจกันก็ควรจะเคลียร์กันให้รู้เรื่อง เธอถามเสียงเย็นชาว่าจะให้เคลียร์ในฐานะอะไร เพื่อนร่วมงานหรือคนที่รักกัน เขาอึกอักไม่รู้จะตอบอย่างไร รัญชิตามองออกว่าเขาไม่ได้มีใจให้ก็เสียใจ
“ถ้าคุณมีคำตอบแล้วบอกมิ้นท์ด้วยนะคะ” รัญชิตาพูดจบเดินไปขึ้นรถแท็กซี่ พอลลี่ยืนมองอยู่อีกมุมหนึ่งอย่างสะใจ ดอกแก้วยังคาใจไม่หาย ทำไมพอลลี่ถึงไปจับมือคืนดีกับรัญชิตา เธอไม่เคยคิดจะดีด้วย แค่อยากจะเอาคืนที่พวกนั้นทำให้เธอเจ็บปวด ดอกแก้วยุส่งให้เอาคืน
ให้สาแก่ใจไปเลย แล้วเหลือบเห็นสมภพกำลังออกมาจากสตูดิโอ รีบตัดบท ขอตัวกลับก่อน แล้วชิ่งออกไปทันที พอลลี่มองตามจ้องจับผิด
ดอกแก้ววิ่งไปดักหน้าสมภพ ตัดพ้อที่ใจร้ายกับเธอ เขาปลอบว่าเริ่มงานชิ้นแรกก็ค่อยๆไต่ ตราบใดที่เขายังหนุนหลัง เธอไปถึงฝันแน่ ดอกแก้วชวนเขากลับด้วยกัน ทำท่าจะควงแขน เขาเห็นพอลลี่เดินมาแต่ไกล รีบทิ้งระยะห่าง ดอกแก้วแปลกใจ หันมองตามสายตาสมภพเห็นพอลลี่ก็รีบถอยห่าง ยกมือไหว้ลาสมภพ
“ขอบคุณนะคะที่ให้โอกาสดอกแก้ว ดอกแก้วจะทำให้ดีที่สุดค่ะ”
สมภพพยักหน้ารับ แล้วเดินไปที่ลานจอดรถ พอลลี่เข้ามาถามดอกแก้วทำไมสมภพถึงให้แสดงละคร
“เขาเห็นว่าฉันเป็นเพื่อนเธอ เขาเลยเสนองานให้ ขอบใจเธอมากนะเพื่อนรัก เธอรีบตามคุณสมภพไปสิ”
พอลลี่ส่ายหน้า เราเลิกกันแล้ว สมภพมีผู้หญิงคนใหม่ ดอกแก้วทำเป็นฮึดฮัด ถ้ารู้ตัวว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครให้บอกตนด้วยจะไปดักตบให้ พอลลี่ไม่ต้องการให้ช่วย ใครที่แย่งของของเธอเธอจัดการเองได้...
ดึกคืนเดียวกัน ปริเทพฝันเห็นปัทมาศ พอจะเดินไปหาเธอกลับเดินหนี เขาวิ่งตามแต่เธอหายตัวไป เขา ร้องเรียกเธอจนตกใจตื่น มองไปรอบๆห้องถึงได้รู้ว่าเป็นแค่ความฝัน เห็นภาพถ่ายของปัทมาศที่วางอยู่ในห้องนอนตัวเอง ฉุกคิดถึงตอนที่เธอกระซิบกับเขาก่อนจะสิ้นใจให้บอกรัญชิตาด้วยว่าเธอเห็นแก่ตัวเกินไป ขอให้เพื่อนอโหสิกรรมให้เธอด้วย
“ดาวไม่จำเป็นต้องขอโทษมิ้นท์...มิ้นท์ต่างหากที่ผิด มิ้นท์ทำร้ายดาวทุกเรื่อง พี่จำเป็นต้องทวงความยุติธรรมให้ดาว” ปริเทพขบกรามแน่นด้วยความแค้น
ooooooo
ในวันเปิดกล้องละคร “ร้ายรักร้ายมารยา” ต้อยติ่งกลัวฟ้าฝนจะไม่เป็นใจ จึงเอาต้นตะไคร้มาปักดิน พนมมือหลับตาอธิษฐานขอให้ฝนไม่ตก ศิโรจน์แอบมาด้านหลัง ถอนต้นตะไคร้ออก แกล้งกระเซ้าเหย้าแหย่เธออย่างสนุกปาก ชาญวุฒิมาจากไหนไม่รู้ ปรี่เข้ามาทักทายศิโรจน์ว่าคุยอะไรกันอยู่
“กำลังชื่นชมที่พี่ชาญช่วยคุณสมภพผลิตละครครับ อีกไม่นานคงขยับเป็นผู้จัดเอง”
“ครับ ถ้าถึงวันนั้น อ๋องต้องช่วยพี่นะ” ชาญวุฒิอ้อน ต้อยติ่งได้แต่มองหมั่นไส้...
กล้องพร้อม ทีมงานพร้อม นักแสดงก็พร้อมเข้าฉาก แต่นางเอกของเรื่องยังไม่โผล่ พอลลี่ได้ทีด่าลับหลังเป็นชุด ดอกแก้วต้องปรามให้เบาเสียงลงหน่อย งานนี้แม่ของรัญชิตาเป็นสปอนเซอร์ใหญ่ เธอไม่สนใจ นินทารัญชิตาอีกว่าไม่เคยทำอะไรเอง เรียนจบมาได้ก็เพราะปริตา และที่ได้เล่นโฆษณาก็เป็นเพราะเส้นสายของแม่ตัวเอง แต่พอคนถูกนินทามาถึงเท่านั้น พอลลี่สวมบทเป็นจิ้งจกเปลี่ยนสีทันที
“มิ้นท์มาแล้วหรือจ๊ะ วันนี้เธอดูมีออร่ามาก เธอเหมาะสมที่จะเป็นนางเอกจริงๆ”
สมภพเข้ามาทักทายทุกคนและแนะนำให้รู้จักกับพ่ออู๊ดผู้กำกับละครมือหนึ่งของเรา แล้วผายมือไปทางด้านหลัง พ่ออู๊ดเดินเข้ามากับชาญวุฒิและต้อยติ่ง ทุกคนยกมือไหว้สวัสดี
“ไหว้พระเถอะลูก พ่อดีใจที่เราได้ร่วมงานกัน ตามหลักพุทธศาสนาแล้ว พวกเราได้มาเจอกันล้วนแต่ทำกรรมร่วมกันมา กรรมที่ว่าหมายถึงกรรมดี เราถึงได้มาทำสิ่งดีๆในละครเรื่องนี้ เปิดกล้องคิวแรกเพื่อความเป็นมงคล พ่อขอถ่ายซีน 7” สิ้นเสียงพ่ออู๊ด ต้อยติ่งรีบเปิดบทละครดูฉากที่ว่า ถึงกับร้องอุทาน “ว้าย” เสียงลั่น...
หลังจากปล่อยให้นักแสดงทบทวนบทละครฉากที่ 7 สักพัก พ่ออู๊ดเรียกทุกคนมาสรุปให้ฟังว่า รัญชิตาซึ่งเล่นเป็นรดา นางเอกของเรื่อง และเดือน ซึ่งสวมบทโดยปริตา ภายนอกจะดูเป็นเพื่อนรักกันเพราะเติบโตมาด้วยกัน แต่ลึกๆแล้ว รดาเกลียดเดือนมาก เนื่องจากเดือนเก่งกว่าเธอทุกด้าน มีแต่คนชื่นชม
ฉาก 7 นี้ พอลลี่ซึ่งแสดงเป็นจ๊อยส์กับเพื่อนซึ่งสวมบทโดยดอกแก้ว พารดามาหาเดือนเพราะเห็นเดือนหายไปกับแฟนของรดา ทำให้รดาเข้าใจผิดคิดว่าเดือนแย่งแฟน สรุปเสร็จ พ่ออู๊ดสั่งให้แสดงได้เลย ชาญวุฒิทักท้วงว่ามีฉากต้องตบตีกันด้วย น่าจะซ้อมคิวกันก่อน สมภพขัดขึ้นทันที
“ไม่ต้องซ้อมก็ได้ครับ ผมว่าละครต้องการความสด อารมณ์แรงๆ โฆษณาจะได้เข้าเยอะๆ” สมภพเห็นพ่ออู๊ดไม่ขัดข้อง สั่งให้ถ่ายทำกันได้เลย ชาญวุฒิอดเป็นกังวลไม่ได้ กำชับต้อยติ่งคอยสแตนด์บายอยู่ใกล้ๆ เผื่อเกิด
ผิดคิวขึ้นมา จะได้ช่วยเหลือกันทัน...
อีกมุมหนึ่งของกองถ่ายละคร ธิปไตยเห็นศิโรจน์ถือกุหลาบแดงช่อใหญ่ยืนรอท่าอยู่ ก็ซักว่ามาที่นี่ทำไม ได้ความว่าเสาวลักษณ์สั่งให้เขานำดอกไม้มาแสดงความยินดีกับรัญชิตา ธิปไตยบ่นอุบ เมื่อไหร่คุณแม่จะเลิกจัดฉากเสียที ศิโรจน์เห็นเขาไม่เต็มใจจะอยู่ แนะให้กลับก่อนก็ได้ ตนรับหน้าที่นี้เอง ธิปไตยตั้งใจจะมาคืนดีกับรัญชิตาและถือโอกาสมาดูปริตาแสดงละคร จึงเดินเข้าไปในกองถ่าย ศิโรจน์มองตามงงๆ
“เอ้า...ไม่ปลื้ม ไม่ชอบแต่ก็มา เมื่อไหร่ปากจะตรงกับใจสักที บอส”
ooooooo
ปริตาเห็นว่ามีฉากตบ จึงเข้าไปนัดแนะคิวกับรัญชิตา จะตบด้านไหนก่อน จะได้หันหน้าหลบได้ถูก เธอกลับไม่ให้ความร่วมมือ อ้างพ่ออู๊ดต้องการความสด ปริตาท้วง เตี๊ยมคิวไว้ก็เล่นอารมณ์สดได้
“ฉันไม่ชอบซ้อม ฉันชอบอะไรที่มันจริงๆ เตรียมรับมือให้ดีแล้วกัน...เดือน” รัญชิตาจงใจเรียกปริตาเป็น
ชื่อตัวละครในบท แล้วเดินไปซ้อมบล็อกกิ้ง ปริตามองตามไม่สบายใจ...
เป็นอย่างที่ปริตาหวั่นใจ รัญชิตาเล่นนอกบท ตบจริง เข้าเต็มหน้าเธอ เสียงเพียะดังสนั่นจนทุกคนตกใจ โดยเฉพาะธิปไตย ชาญวุฒิเป็นห่วงใบหน้าสวยของปริตา บอกพ่ออู๊ดว่าจบฉากแล้ว สั่งคัตได้เลย เขากลับบอกให้แช่ภาพไว้ก่อน พอลลี่ต้องการให้รัญชิตาเล่นงานปริตาให้หนักมือ ยุส่งทั้งๆที่ไม่มีในบท ให้ตบคนที่จะมาแย่งแฟนเธออีก ชาญวุฒิเห็นท่าไม่ดีขอร้องให้พ่ออู๊ดสั่งคัตอีกครั้ง เขายกมือห้าม
“นักแสดงกำลังอิน ลื่นไหลไปตามชีวิตละคร มันสดและจริงมาก”
ปริตาแปลกใจที่ผู้กำกับไม่สั่งคัต ตัดสินใจเดินออกจากฉาก รัญชิตาตามมากระชากตัวแล้วตบไม่ยั้ง ปริตาได้แต่ปัดป้องไม่โต้ตอบ พ่ออู๊ดเห็นว่านักแสดงอินกับบทมากไปสั่งคัตทันที รัญชิตามองปริตาที่กองอยู่กับพื้นด้วยสายตาเย้ยหยัน แต่ปากกลับพูดจาภาษาดอกไม้ด้วย
“ฉันขอโทษด้วยนะอ้อม ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันอินจนควบคุมตัวเองไม่ได้ เธอไม่โกรธฉันนะอ้อม”
ชาญวุฒิกับต้อยติ่งรีบวิ่งเข้าไปในฉาก ตามมาด้วยพ่ออู๊ด รัญชิตารีบยกมือไว้ขอโทษทุกคน พ่ออู๊ดไม่ถือสา การแสดงมีผิดพลาดกันได้ ผิดแล้วก็ต้องขอโทษและให้อภัยกัน แล้วขอถ่ายใหม่อีกรอบ เพราะเมื่อครู่นี้อารมณ์ถึง ฝีมือได้ แต่กล้องตัดรับไม่ทัน แล้วบอกให้สาวๆไปเติมหน้าเติมปากแล้วค่อยมาซ้อมคิวกันอีกที...
ธิปไตยเห็นปริตาจะไปที่ห้องแต่งตัว รีบไปดักหน้า ถามด้วยความเป็นห่วงว่าเป็นอย่างไรบ้าง เธอเดินหนี ไม่ตอบ เขาจะตามแต่ต้องชะงักเมื่อเห็นพลศิษฎ์ดึงมือปริตาไปที่มุมหนึ่งของกองถ่าย เอาผ้าห่อน้ำแข็งประคบแก้มให้ เขาขยับจะตาม รัญชิตาร้องเรียกไว้ ขอโทษที่เมื่อวันก่อนโวยวายใส่ เขาไม่ติดใจอะไร ลืมไปหมดแล้ว
“ขอบคุณนะคะที่มาเป็นกำลังใจให้มิ้นท์...วันนี้แปลกจังไม่มีดอกไม้มาให้เหมือนทุกครั้ง”
ขาดคำ ศิโรจน์ถือช่อดอกไม้เดินเข้ามา บอกว่าธิปไตยตั้งใจจะเซอร์ไพรส์เธอ สั่งให้เขาซ่อนมันไว้ แล้วยื่นช่อดอกไม้ให้ธิปไตยซึ่งจำใจรับ ก่อนจะส่งต่อให้รัญชิตา เธอหอมแก้มเขาแทนคำขอบคุณ มีเสียงชัตเตอร์กล้องถ่ายรูปดังขึ้น ธิปไตยหันมองตามเสียงเห็นนักข่าวกลุ่มใหญ่ยืนอยู่ โดยมีเสาวลักษณ์ ชาลินีและพิชัยยืนอยู่ด้านหลัง เสาวลักษณ์สั่งให้เก็บภาพคู่แบรนด์แอมบาสเดอร์ ไว้เยอะๆ ธิปไตยไม่พอใจแม่ตัวเอง ทำท่าจะเดินหนี
รัญชิตาดึงมือไว้ ชวนให้มาถ่ายรูปด้วยกัน ชาลินีกึ่งชวนกึ่งบังคับให้พิชัยร่วมถ่ายรูปครอบครัวอบอุ่น เขาหนีไม่ออกจำต้องทำตาม พอลลี่เข้ามาเห็นพิชัยกำลังถ่ายภาพกับธิปไตย เสาวลักษณ์และครอบครัวก็หยุดมอง
ดอกแก้วไม่วายแขวะ “พอลลี่ น่าอิจฉาอะ ครอบครัวสุขสันต์”
“ขอให้สุขกันตลอดไปแล้วกัน” พอลลี่พูดจบเดินจากไป ดอกแก้วมองตามสงสัย
ครู่ต่อมา พอลลี่มาถึงห้องแต่งตัว เห็นช่างแต่งหน้าเติมเครื่องสำอางให้ปริตาเสร็จพอดี เข้ามาถามไถ่ถึงใบหน้าที่โดนตบเหมือนจะหวังดี แถมเสนอตัวจะเป็นเพื่อนหากเธอต้องการ ปริตารู้เช่นเห็นชาติว่าทั้งพอลลี่และดอกแก้วไม่ได้หวังดีอย่างปากพูด บอกว่าอยู่คนเดียวได้ แล้วลุกหนี พอลลี่ไม่พอใจ หาทางกลั่นแกล้ง
ooooooo
ธิปไตยไม่ค่อยชอบเป็นข่าวเท่าใดนัก ถ่ายรูปเสร็จจัดแจงจะกลับ เสาวลักษณ์เข้ามาขอร้องให้อยู่ก่อนจะได้ให้นักข่าวทำสกู๊ปสัมภาษณ์เขากับรัญชิตาคู่กัน เขาเบื่อแล้ว อยากจะกลับไปทำงานของตัวเอง
“ลูกยอมช่วยงานแม่แล้ว ก็ช่วยจนกว่าจะขายห้องหมดสิ”
“คุณแม่อย่าลืมนะครับ ผมช่วยเพราะคุณมิ้นท์ไม่ใช่เพราะคุณแม่”
“ตรัย ตอนนี้สถานการณ์การเงินบริษัทแย่มาก นี่เป็นความหวังเดียวของแม่ ลูกช่วยดูแลหนูมิ้นท์ ช่วย พีอาร์คู่กัน แม่ขอร้อง” เสาวลักษณ์ว่าแล้ว เดินจากไป ธิปไตยมองตามสีหน้าครุ่นคิด...
ด้านรัญชิตายังคงให้นักข่าวเก็บภาพอย่างต่อเนื่อง เสาวลักษณ์ยืนลุ้นให้ธิปไตยเข้าไปถ่ายรูปด้วย แต่เขากลับเดินเลี่ยงไปทางอื่น รัญชิตาเห็นเขาเช่นกัน อดแปลกใจไม่ได้ที่เขาเดินหนี ต้อยติ่งเห็นใกล้เวลาต้องเข้าฉากแล้ว รัญชิตายังไม่ได้เติมหน้าเติมตา ก็เลยเข้าไปขอตัวเธอจากชาลินีที่คอยเจ้ากี้เจ้าการให้นักข่าวเก็บภาพลูกสาวตัวเองทุกอิริยาบถ แล้วรีบพาออกไป ชาลินีเข้าไปหาเสาวลักษณ์
“ลูกชายคุณพี่ไปไหนแล้วล่ะคะ”
“ตรัยออกไปหาน้ำมาให้หนูมิ้นท์น่ะค่ะ” เสาวลักษณ์โกหกหน้าตาเฉยทั้งๆที่ไม่รู้ว่าลูกไปไหน...
ฝ่ายปริตาเดินท่องบทเตรียมพร้อมจะเข้าฉาก เจอพลศิษฎ์ถือแก้วน้ำมาให้ พร้อมกับเชิญชวนให้ดื่มน้ำผลไม้ จะได้อารมณ์ดีเวลาเข้าฉาก แล้วยกแก้วน้ำให้เธอดื่มอย่างเอาอกเอาใจ ธิปไตยเห็นภาพบาดตาก็ชะงัก ขณะที่ชาลินีเข้ามาเห็นก็โวยวายลั่น สั่งให้พลศิษฎ์ไปช่วยดูแลน้อง ไม่ใช่มาเสียเวลากับตัวประกอบ เขาจำต้องทำตามคำสั่ง พอพลศิษฎ์คล้อยหลังเท่านั้น ชาลินีเล่นงานปริตาทันที สั่งห้ามมายุ่งกับลูกชายของตนอีก
“อย่าทำให้ฉันเหลืออด ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่มีที่ยืนในวงการนี้” ขู่เสร็จชาลินีสะบัดหน้าเดินจากไป สมภพเข้ามาปลอบปริตาให้อดทนเข้าไว้ แล้วจับมือเธอมากุม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาจะพยายามช่วยเหลือเธอเต็มที่
ปริตาค่อยๆเอามือออก “มีอะไรที่อ้อมตอบแทนคุณสมภพได้ อ้อมยินดีค่ะ”
“หลังเลิกงานเราค่อยคุยกัน โชว์ฝีมือให้เต็มที่”
ธิปไตยรอจนสมภพลับสายตา เข้าไปเหน็บแนมปริตาว่ามีดีอะไรหนักหนา ใครๆถึงได้วิ่งไล่ตอม ปริตาเดินหนีไม่อยากเสวนาด้วย เขาตามไม่ลดละ เธอขอร้องอย่ามายุ่งกับเธอ เขาควรเอาเวลาไปสนใจผู้หญิงของเขาจะดีกว่า แล้วเดินต่อไปไม่สนใจ ธิปไตยคว้ามือไว้ คาดคั้นให้เธอบอกว่าวันก่อนไปพูดอะไร รัญชิตาถึงโกรธเขา
“อ๋อ ผิดใจกันก็เลยแคร์คนรัก”
ชายหนุ่มไม่พอใจที่โดนแดกดัน ขู่ว่าอย่าทำให้เขาโกรธ เขาอาจเปลี่ยนใจไม่ขายบ้านให้ก็ได้ ปริตาร้องห้ามลั่นว่าทำอย่างนั้นไม่ได้ รัญชิตาเห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกัน ถามประชดว่ามารบกวนเวลาคุยเรื่องส่วนตัวหรือเปล่า
“ไม่หรอกมิ้นท์ เรื่องของเราคุยกันลงตัวแล้ว” ปริตาทิ้งทุ่นระเบิดเสร็จ ขยับจะไป ต้อยติ่งเห็นรัศมีอำมหิตแผ่มาจากทั้งสามคน รีบเข้าไปกั้นกลาง บอกปริตาว่าถ้าพร้อมแล้วไปที่หน้าเซ็ตได้เลย
“ส่วนน้องมิ้นท์ไปเติมหน้าอีกหน่อยค่ะ ผู้กำกับรอนานแล้วค่ะ”
ooooooo
ด้วยแรงยุแหย่ของพอลลี่ ทำให้รัญชิตาหาทางกลั่นแกล้งปริตาอีก หลังจากพ่ออู๊ดนัดแนะคิวตบให้ผู้รับบทเป็นรดาและเดือนเรียบร้อย ก็สั่งให้แยกย้ายไปเตรียมตัวเข้าฉาก รัญชิตาแอบกระซิบปริตา
“อ้อม...ตอนฉันตบเธอล้มลงไป เธอผลักฉันออกนะ”
“พ่ออู๊ดไม่ได้สั่ง” ปริตาทักท้วง รัญชิตาขอแค่ผลักตนออกมาแค่นั้น ตัวละครควรจะป้องกันตัวเอง ไม่ใช่ปล่อยให้คนอื่นทำร้ายฝ่ายเดียว มันถึงจะสมจริง ปริตาพยักหน้ารับ โดยไม่ล่วงรู้เลยว่ารัญชิตามีแผนร้ายจะเล่นงานตนเอง พอถึงเวลาถ่ายทำ ปริตาหลงเชื่อ คำลวงของรัญชิตา ผลักเธอออกตามคิวลวงที่เธอสั่งไว้
รัญชิตาแกล้งเซล้ม หัวกระแทกเลือดไหล ทุกคนในกองถ่ายตกใจ โดยเฉพาะชาลินี ชิงสั่งคัตตัดหน้าพ่ออู๊ด แล้ววิ่งไปดูลูก ธิปไตยเองก็ตกใจไม่แพ้กัน รีบตามไปอีกทอดหนึ่ง ปริตาเข้าไปช่วยประคองรัญชิตาให้ลุกขึ้น กลับถูกปัดมือ แถมใส่ความว่าที่ปริตาทำแบบนี้เพราะต้องการแก้แค้น ชาลินีจะเอาเรื่องปริตาให้ได้
ยิ่งมีบ่างช่างยุอย่างพอลลี่และดอกแก้ว ช่วยกันสนับสนุนคำโกหกของรัญชิตา ชาลินียิ่งเล่นงานปริตาหนัก ถึงขั้นให้สมภพถอดออกจากละครเรื่องนี้ พิชัยสั่งให้หยุด เรื่องอื่นไว้ก่อน ให้พารัญชิตาไปทำแผลก่อน ธิปไตยจะเข้าไปประคองเธอ แต่พิชัยกันท่าไว้ แล้วพยุงลูกไปด้วยตัวเอง โดยมีพลศิษฎ์ช่วยพยุงอีกข้างหนึ่ง เสาวลักษณ์กลัวลูกชายจะหนีหน้าอีก ลากตัวให้ตามไปดูแลรัญชิตา ขณะที่ปริตาใจเสียที่ถูกไล่ออก
ชาลินีจะให้รัญชิตาไปตรวจที่โรงพยาบาล แต่เธอไม่ยอมไป อ้างไม่ได้เป็นอะไรมาก พลศิษฎ์ขอร้องให้แม่ทบทวนเรื่องปลดปริตา เพราะมันรุนแรงเกินไป เรื่องนี้เป็นแค่อุบัติเหตุเท่านั้น ธิปไตยเห็นด้วยกับเขา
“นักข่าวมากันเยอะ ถ้าพวกเขาหยิบเอาประเด็นนี้ไปขายข่าว มันจะทำให้มิ้นท์เสียชื่อ และกระทบภาพลักษณ์ของธุรกิจนะครับ ผมอยากให้คุณอาชาลินีให้โอกาสอ้อมอีกครั้งครับ”
สมภพเดินนำปริตาตามเข้ามา ช่วยขอร้องชาลินีอีกแรงหนึ่ง เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ ไม่มีใครอยากให้เป็นอย่างนั้น รัญชิตาสวมบทนางเอกผู้แสนดี
“คุณแม่คะ อ้อมคงจะอินกับตัวละครควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เผลอทำร้ายมิ้นท์ มิ้นท์เข้าใจและให้อภัยอ้อมค่ะ”
“ถ้าลูกไม่ติดใจเอาความ แม่ก็แล้วแต่ลูก ถือว่าเป็นการทำบุญ”
ปริตายกมือไหว้ขอโทษชาลินี เสาวลักษณ์บอกให้เธอขอโทษรัญชิตาด้วย แม้จะฝ่ายถูกกลั่นแกล้ง ปริตาจำต้องขอโทษรัญชิตาเพื่อให้ได้งานคืน รัญชิตาเข้ามาจับมือเธอไว้ บอกว่าเราเป็นเพื่อนกัน ให้อภัยกันได้เสมอ นักข่าวเห็นภาพสมานฉันท์ของสองสาว รุมถ่ายภาพไม่ยั้ง พอลลี่กับดอกแก้วไม่พอใจที่เห็นทั้งคู่เลิกแล้วต่อกัน พิชัยมองไปทางพอลลี่ด้วยสายตาเป็นประกาย เธอไม่อยากเจอหน้าเขา เดินเลี่ยงออกมา...
ทางด้านชาญวุฒิและต้อยติ่งเห็นพ้องต้องกันว่าปริตาไม่มีวันตั้งใจทำร้ายรัญชิตา พวกตนรู้นิสัยเธอดี
ศิโรจน์ตั้งข้อสังเกต ถ้าเป็นเช่นนั้นก็แสดงว่ารัญชิตาสร้างเรื่อง ชาญวุฒิให้เขาไปคิดเอาเองว่าใครกันที่โกหก...
ปริตาตามมาขอบคุณสมภพที่ช่วยเอาไว้ เขาถือโอกาสชวนเธอไปดื่มเป็นเพื่อนคืนนี้ ปริตาอ้างว่าไม่ชอบดื่ม เขาไม่ยอมให้ปฏิเสธ เพราะถึงเวลาที่เธอควรจะรักษาน้ำใจเขาบ้าง ปริตาจำต้องรับคำ เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่พ้นสายตาธิปไตย ที่แอบมองด้วยความไม่พอใจ
ooooooo










