สมาชิก

หัวใจปฐพี

ตอนที่ 9

อัลบั้ม: ทีวีซีนส่งละครแนวอนุรักษ์ป่าไม้ "หัวใจปฐพี"


อาร์มรับคำสั่งจากเดวิดแล้ว คืนนี้เขาลงมือทันที เดินไปที่ห้องพัก “พสุ ภูมิรักษา” ที่โรงพยาบาล เข้าไปในห้องเห็นคนป่วยนอนหันหลังให้อยู่ ก็ตรงไปเอาเข็มฉีดยาออกจากกระเป๋าหลังเตรียมฉีดใส่ถุงน้ำเกลือ

“เพิ่งรู้นะ ว่าจบหมอซะด้วย” เสียงจากเตียงคนไข้เยาะเย้ยขึ้น อาร์มตกใจเมื่อเห็นว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงไม่ใช่พสุเลยหันจะพุ่งเข็มฉีดยาใส่ที่แท้คือภูริช เขามานอนล่อเหยื่อแทนพสุ แล้วทั้งสองก็พุ่งเข้าต่อสู้กัน อาร์มสู้ไม่ได้กระชากผ้าม่านมาคลุมตัวภูริชแล้ววิ่งหนีไป ภูริชเสียจังหวะไปนิดหนึ่งแล้ววิ่งไล่ตามไป

อาร์มวิ่งไปที่ลานจอดรถ เรนขับรถมาถึงเห็นอาร์มวิ่งเตลิดมาก็เดาได้ว่าเขาน่าจะทำพลาด เธอเบรกรถเสียงสนั่น ทันทีที่อาร์มขึ้นรถเรนก็ขับรถพุ่งไปทันที ภูริชตามมาเห็น เขามองอย่างเจ็บใจเชื่อว่าเรนร่วมมือกับอาร์มฆ่าพสุ

ภูริชกลับไปที่อีกห้องหนึ่งที่พสุพักอยู่ ภาคินถามว่าจับคนร้ายได้ไหม เขาส่ายหน้า พสุเอ่ยขอบใจ เขาก็ทำเป็นไม่ได้ยิน ทิชาถามว่าแล้วเขาเห็นหรือเปล่าว่าคนร้ายเป็นใคร ภูริชเหลือบมองพสุแว่บหนึ่งพูดไม่มองหน้าว่า

“ก็เจ้าเดิมนั่นแหละ พี่เป็นคนลงมือ ส่วนน้องสาวมาช่วยพาหนี บ้านนี้เขาทำงานเป็นทีม แต่พูดไปคนบางคนก็ไม่เชื่อ เลยไม่อยากพูดมาก”

พสุสะอึกที่ถูกเหน็บ ทิชากับภาคินสบตากันอย่างไม่สบายใจกับบรรยากาศอึดอัดนั้น ทิชาเลยเปลี่ยนเรื่องว่า

“ดีนะที่เราย้ายห้องให้พี่ดินทัน แล้วภูรู้ได้ยังไงว่าอาร์มจะมาลอบทำร้ายพี่ดิน”

ภูริชบอกว่ามีคนส่งข้อความบอก ภาคินถามโพล่งว่าอีกแล้วหรือ! พสุถามว่าใครส่ง? ภูริชยักไหล่แบบไม่รู้แทนคำตอบ บรรยากาศในห้องเงียบไป ต่างคนต่างคิดไปตามข้อสงสัยของตัวเอง

ooooooo

ที่ห้องทำงานของเดวิด อาร์มเปิดประตูเข้ามา อย่างหัวเสียตามด้วยเรน ทั้งสองทะเลาะกันมาในรถ มาถึงต่างยังฮึดฮัดใส่กัน เรนถามเดวิดทันทีว่า

“ไหนแด๊ดสัญญากับเรนแล้วไงคะว่าจะไว้ชีวิตพสุ ถ้าวันนี้เรนตามไปช่วยไม่ทัน พี่อาร์มโดนจับขึ้นมาจะทำไง”

“แน่ใจเหรอว่าแกตามไปช่วยฉัน ไม่ใช่ตั้งใจไปช่วยไอ้พสุ” อาร์มเสียงเข้มใส่จ้องหน้าเรนเขม็ง “บางทีที่พวกมันไหวตัวทัน อาจจะเป็นฝีมือแกก็ได้”

“ต่อให้เรนทำหรือไม่ทำ ก็คงไม่มีใครเชื่ออยู่ดี” เรนพูดเหมือนน้อยใจแล้วบอกเดวิด “เรนบอกแด๊ดไว้เลยนะคะ ถ้าไม่อยากให้เอวารู้เรื่องที่เราทำทั้งหมด รักษาสัญญาด้วย” เดวิดโมโหตะคอกถามว่ากล้าขู่ตนหรือ “เรนไม่ได้ขู่ แต่เรนพูดจริง”

เรนสะบัดหน้าเดินออกไป เดวิดกับอาร์มมองตามอย่างไม่พอใจท่าทีกระด้างกระเดื่องของเรน

เมื่อเข้าห้องนอน เรนหยิบรูปครอบครัวดู ในรูปเธอถูกจัดให้ยืนอยู่ปลายแถว เรนรำพึงอย่างปวดร้าว...

“เพราะเรนไม่ใช่ลูกแท้ๆของแด๊ดใช่ไหมแด๊ดถึงไม่เคยสนใจความรู้สึกของเรนเลย” น้ำตาพานจะไหล เรนเลยลุกขึ้น สลัดความรู้สึกนั้นทิ้งไม่อยากคิดต่อให้จิตตก

เดวิดไม่เพียงใช้ความรุนแรงในการทำลายพวกพสุ หากยังใช้สงครามจิตวิทยาใช้อินเตอร์เน็ตใส่ร้ายป้ายสีด่าว่าอย่างสาดเสียเทเสีย จนทิชาโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงประกาศจะฟ้องเรียงตัวเลย

ภาคินบอกว่า เดวิดยังอาสาเป็นตัวแทนญาติผู้เสียหายจะฟ้องเราด้วย

ภูริชถามว่าผลพิสูจน์หลักฐานออกมาแล้วไม่ใช่หรือว่าพวกชาวบ้านที่ตายไม่ใช่โดนกระสุนของเจ้าหน้าที่ ภาคินบอกว่าเพราะมันเล่นงานเราตรงๆ ไม่ได้ตอนนี้เลยกดดันให้ยุบหน่วยเฉพาะกิจให้รับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ภูริชกับทิชาฟังข้อสันนิษฐานของภาคินแล้วต่างเครียดไปด้วย

ooooooo

แสงสุดามาดูแลพสุ เห็นเขาเครียดก็บ่นอย่างเป็นห่วงว่า อย่าห่วงแต่งาน ให้ห่วงสุขภาพตัวเองบ้าง พอดีโทรศัพท์ของพสุวางอยู่ที่โต๊ะดังขึ้น แสงสุดาจึงเดินไปหยิบให้ เพ่งหน้าจอบอกว่า คนชื่อเดวิดโทร.มา

พสุหน้าเครียดทันที แสงสุดาเดาใจเขาออกบอกว่าจะลงไปซื้อของข้างล่าง พสุจึงกดรับสาย

ไม่นาน ภูริช ทิชา และภาคินก็เดินคุยกันมาที่ห้องพักพสุ เปิดประตูเข้ามาไม่เห็นพสุ มองไปที่เตียงเห็นแต่เข็มน้ำเกลือถูกถอดวางอยู่ ทุกคนตกใจมองหากันวุ่นกลัวเขาจะถูกทำร้าย แสงสุดากลับมาก็ช่วยหา บอกว่าก่อนตนลงไปมีคนชื่อเดวิดโทร.มา ทิชาที่ไปขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดวิ่งกลับมาบอกว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นพสุเดินออกจากโรงพยาบาลไปคนเดียว

ภูริชฉุกคิดได้โทร.ไปถามเรนว่าพสุอยู่กับเธอหรือเปล่า เพราะเขารับโทรศัพท์จากเดวิดแล้วหายตัวไปจากโรงพยาบาล คาดคั้นว่า “คุณรู้เรื่องอะไรด้วยรึเปล่า?!” พอเรนรู้ว่าพสุหายไปก็ขับรถกลับบ้านทันที

ooooooo

ที่แท้เดวิดนัดพสุให้ไปหา บอกให้เขาลาออกเสียถ้าไม่อยากให้เพื่อนร่วมงานต้องเดือดร้อน ถ้าไม่อยากให้ใครตายอีกก็ทำตามที่ตนบอก

พสุถามว่าเพื่อให้ตนลาออกเขาถึงกับต้องฆ่าคนมากมายอย่างนี้หรือ เดวิดหัวเราะเหี้ยมประกาศว่า

“เพื่อให้ได้สิ่งที่ฉันต้องการ ให้ฆ่าคนมากกว่านี้ฉันก็ทำได้!”

เรนกลับมาเจอตุลย์เธอกระชากคอเสื้อเข้าไปถามว่า “แด๊ดกับพสุอยู่ที่ไหน!” พอรู้ว่าอยู่ห้องลับก็วิ่งอ้าวไปทันที

พสุกำลังเผชิญหน้ากับเดวิด เขาประกาศกับเดวิดว่าจะไม่ลาออกจนกว่าจะกระชากหน้ากากเขาออกและลากเข้าคุกได้ก่อน เดวิดหัวเราะเยาะว่าถึงกำจัดตนไปก็ยังมีคนอื่นขึ้นมาอยู่ดี เพราะคนชั่วไม่ได้มีตนคนเดียว พลางเดินเข้าไปเอาปืนจ่อหัว

“อย่านะคะแด๊ด!” เรนพรวดเข้ามาในห้องลับตะโกนก้อง เดวิดระเบิดหัวเราะออกมา เก็บปืนใส่กระเป๋า ส่ายหน้าพูดอย่างสมเพชความคิดของเรนว่า

“ใครจะโง่ให้มีคนมาตายในบ้านล่ะ ฮ่ะๆๆ แด๊ดสัญญากับแกไว้แล้วนี่ว่า ถ้าแกหลอกมันสำเร็จแด๊ดจะไว้ชีวิตมัน” เห็นพสุทำหน้าแปลกใจ เดวิดจงใจพูดให้รู้ว่า “นี่อย่าบอกนะว่าแกยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ” เรนพยายามที่จะยับยั้งไม่ให้พูด แต่เดวิดยกมือห้ามเรน พูดอย่างมีเจตนาว่า “ทั้งเรื่องช่วยศักดิศรเพื่อให้พ้นผิด ทั้งเรื่องส่งของที่ภูสรวง มันเป็นแผนการของฉันทั้งนั้นแหละ จริงไหมเรน” พูดจบเดวิดก็เดินออกไปอย่างสะใจ

พสุถามเรนที่หลบสายตาเขาว่า “คุณอยากอธิบายอะไรไหม” เรนสบตาพสุ ต่างมองกันอย่างปวดร้าว แล้วเรนก็ทนไม่ได้หันเดินออกจากห้องลับไป พสุตามไปเพื่อถามกันให้รู้เรื่อง

ในที่สุดพสุก็รู้ความจริงว่า เรื่องราวที่ผ่านมาเป็นจริงอย่างที่เดวิดพูด เรนพูดอย่างอัดอั้นว่าตนทำตามแผนของเดวิดเพราะอยากให้เขาลาออกด้วยเหตุผลเดียวกับแม่ของเขาคือไม่อยากเห็นเขาตาย ตนไม่คาดคิดมาก่อนว่าเดวิดกับอาร์มจะทำรุนแรงกับเขาถึงเพียงนี้ เพราะพวกเขาบอกว่าจะทำแค่ขู่ให้กลัวเท่านั้น เรนร้องไห้พูดอย่างรู้สึกผิดและเสียใจว่า

“ฉันไม่นึกว่าจะต้องมีคนบริสุทธิ์มาตายเยอะขนาดนี้”

พสุดึงเรนเข้าไปกอดบอกว่าตนคิดแล้วว่าดูคนไม่ผิด ขอบคุณมากที่เป็นห่วงตน ทันใดนั้นเขาถูกเรนผลักออกพูดอย่างเยือกเย็นเย้ยหยันว่า “คำพูดพวกนี้ใช่ไหมที่คุณอยากได้ยิน พอใจหรือยัง” พสุมองเรนอย่างเจ็บปวดแล้วเดินผ่านเธอไป

อาร์มที่แอบดูอยู่ เดินออกมายกแม่โป้งให้เรนชมว่าทำได้ดีมากแล้วเดินผ่านเรนไปอีกคน

เรนยืนอึ้ง พอเห็นทุกคนเดินผ่านไปหมดแล้ว เธอร้องไห้โฮออกมาอย่างเจ็บปวด อัดอั้น

พสุออกไปเจอทิชา ภาคินและภูริชที่ตามมาถึงพอดี เขาขอโทษที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง บอกภูริชว่า

“แกพูดถูกแล้วล่ะ พี่ไว้ใจคนง่ายไป พี่ทำให้คนบริสุทธิ์ต้องมาตายเพราะพี่”

ทิชา ภาคิน และภูริชต่างเดาได้ว่าพสุรู้ความจริงแล้ว ไม่มีใครพูดอะไรให้สะเทือนใจอีก ทิชาตัดบทชวนกลับกันเถอะ

ooooooo

จากเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ชาวบ้าน และคนของเดวิดปะทะกันจนตายไปมากมายนี้ กลายเป็นข่าวใหญ่ และเดวิดก็ถือโอกาสนี้สร้างภาพตัวเองเป็นพ่อพระ ซ้ำเติมให้พวกพสุยิ่งตกเป็นจำเลยของสังคม

นักข่าวรุมถามถึงความรับผิดชอบจากพสุ ชาวบ้านที่ภูสรวงก็ปฏิเสธเขากระทั่งด่าว่า “ไอ้ฆาตกร” ขับไล่ไสส่งไม่ให้มาที่ภูสรวง มีแต่เด็กหญิงมะยมที่วิ่งเอาผลไม้ป่ามายื่นให้แล้ววิ่งหนีไป พสุขอบใจทั้งซึ้งทั้งงง

ในที่สุดพสุขอลาออกจากหน่วยเฉพาะกิจ เขาชี้แจงกับอธิบดีว่าตนไม่ได้ลาออกตามคำขู่ของเดวิด แต่อยากแสดงความรับผิดชอบที่ทำให้ชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่ต้องตายเพราะความไม่รอบคอบของตน

ทั้งภูริช ทิชาและภาคินต่างท้วงติงว่าเขาไปแล้วใครจะจัดการกับเดวิดต่อไป ขาดเขาไปคนพวกตนคงเคว้งคว้าง

“ไม่หรอก พี่เชื่อว่าทุกคนในทีมมีความสามารถทำงานกันต่อไปได้ถึงแม้พี่จะไม่อยู่ พี่มั่นใจว่าทุกคนมีอุดมการณ์เดียวกับพี่ ไม่งั้นคงไม่ทนทำงานกับพี่ได้หรอก” แล้วพสุก็หันไปทางอธิบดี เอ่ยอย่างเข้าใจซึ้งว่า

“ตำแหน่งงานมันก็เป็นเหมือนใบเบิกทางให้อำนาจเราทำอะไรได้มากกว่าคนอื่น ก็เท่านั้น หลังจากนี้ผมคงไปดูแลป่าในแบบของผมเอง”

“ดินคงตัดสินใจมาแล้ว ขอให้โชคดีแล้วกัน” อธิบดีอวยพร พสุโค้งลาอธิบดีท่ามกลางความใจหายของทุกคน

ทิชาเข้าไปกอดพสุอย่างสะเทือนใจ ภาคินเข้าไปกอดและตบไหล่กันอย่างแมนๆ ส่วนภูริชเช็กแฮนด์แบบที่รู้กันสองคน พสุเดินจากไปท่ามกลางความเสียดายและใจหายของทุกคน...

ooooooo

เดวิดดำเนินธุรกิจผิดกฎหมายของตนต่ออย่างลำพองใจ เขาติดต่อทำธุรกิจกับฟายาดมาเฟียสากล วันนี้เดวิดพบกับเลขาของฟายาดที่สนามกอล์ฟ เดวิดถามว่าเมื่อไรตนจึงจะมีโอกาสได้เจอกับเจ้านายเขา

เลขาฟายาดยักไหล่อย่างยโส พูดเหน็บๆว่า

“ไม่นานหรอกครับ คงต้องใช้เวลาหน่อย เพราะเจ้านายผมไว้ใจคนยาก คุณคงไม่ทำให้เจ้านายผมต้องเป็นข่าวเหมือนโทนี่ล่ะ”

อาร์มเคืองที่พ่อโดนเหน็บฮึดฮัดจะเอาเรื่อง เดวิดยกมือห้าม แล้วพูดกับเลขาฟายาดอย่างพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ว่า

“ใครจะกล้ามีปัญหากับมาเฟียใหญ่อย่างคุณ

ฟายาดล่ะ คนในวงการรู้จักชื่อเสีย...ง กันทุกคนจริงไหมครับคุณเลขา”

ทั้งเดวิดและเลขาฟายาดต่างมองกันอย่างไว้เชิง

ooooooo

ข่าวการลาออกของพสุเป็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวาง บรรดานักข่าวต่างสัมภาษณ์สาเหตุและ ความรู้สึกของเขา

พสุบอกว่าตนทำเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ร้ายแรงที่ทำให้คนตายจำนวนมาก ต่อคำถามที่ว่าเขาลาออกอย่างนี้ พวกตัดไม้จะยิ่งได้ใจไหม? พสุตอบอย่างมั่นใจว่า

“ในบ้านเมืองเรายังมีข้าราชการที่ดีมีความสามารถอีกเยอะ ถึงแม้ว่าไม่มีผม กฎหมายบ้านเมืองก็ยังอยู่ ส่วนตัวผม...คงไปทำหน้าที่ดูแลป่าในแบบของผมต่อ”

เรนแฝงตัวอยู่ในกลุ่มนักข่าวฟังแล้วสะเทือนใจ รู้สึกผิด พสุมองนักข่าวทุกคนพูดอย่างเข้มแข็งมีความหวังว่า

“ขอบคุณพี่ๆน้องๆนักข่าวทุกคนนะครับที่ให้

ความสนใจทำข่าวเรื่องการทำงานของผมมาโดยตลอด ต่อไปผมคงต้องฝากให้ทุกคนช่วยกันเป็นหูเป็นตา เสนอข่าวที่เป็นประโยชน์กับเจ้าหน้าที่ด้วย เราจะได้ขัดขวางไม่ให้พวกนายทุนหรือพวกทำผิดกฎหมายมาหาผลประโยชน์จากป่าของเราได้อีก...ขอบคุณครับ”

พอพสุพูดจบเรนก็รีบเดินออกจากกลุ่มนักข่าวเกรงพสุจะเห็น เขาเห็นเธอแว้บๆ แต่พอจะมองให้ชัด ก็ถูกนักข่าวเข้ามาชวนคุยต่อ เลยไม่ได้มองตามไป

ooooooo

ภูริชตัดสินใจเป็นตำรวจป่าไม้ เขาสอบผ่านและได้ยศเป็นร้อยตรี ยังความพอใจ ยินดี แก่อธิบดีและพสุอย่างยิ่ง

ส่วนที่คฤหาสน์ของเดวิด ทั้งเอวา จุรีจันทร์และเดวิด คุยกันถึงการลาออกจากงานของพสุ เอวาเห็นเดวิดกับอาร์มสบตาอย่างรู้กันก็เอ่ยขึ้นว่า

“เพราะพวกตัดไม้แท้ๆ ข้าราชการดีๆเลยต้องลาออก ทั้งๆที่ไม่ได้ทำผิดอะไร คนพวกนี้นี่ไม่มีสำนึกเลยนะคะ”

“ธรรมดาโลกแหละลูก คนเราทำได้ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง” เดวิดผสมโรงทำเป็นคนดี แล้วเอ่ยชวน “เย็นนี้เราไปทานข้าวนอกบ้านกันดีกว่า แด๊ดจะฉลองที่เราได้เซ็นสัญญางานใหม่”

จุรีจันทร์หันไปบอกเรนกับเอวาให้ไปแต่งตัว เรนขอตัวอ้างว่าไม่ค่อยสบาย เดวิดกับอาร์มมองเรนอย่างไม่พอใจที่มีท่าทีเย็นชาหมางเมินกับพวกตน จุรีจันทร์เห็นท่าทีของเดวิดกับอาร์มที่มีต่อเรนแล้วก็รู้สึกถึงความไม่ปกติ

เรนกลับเข้าห้อง รื้อรูปถ่ายเก่าๆมาดู เป็นรูปตั้งแต่สมัยเธอ 7 ขวบไปเรื่อยๆ เรนพยายามทบทวนความจำของตน จนถึงรูปงานฉลองอายุ 15 ปีของเธอ

เรนจำได้ว่าวันนั้นเธอรู้สึกเศร้า ผิดหวังที่เดวิดไม่มาร่วมงาน จนจุรีจันทร์ดูออก ปลอบใจว่า

“ไม่เห็นต้องทำหน้าเศร้าเลยเรน แด๊ดไม่ว่างมาก็ไม่เห็นเป็นไร” แล้วจุรีจันทร์ก็เอากล่องของขวัญมอบให้ เรนรับไปเปิดดู มันเป็นสร้อยหนังถักรูปใบไม้ เรนมองดูสร้อยอย่างรู้สึกผูกพัน ถูกใจ บอกจุรีจันทร์ว่า

“สวยมากเลยค่ะมัม”

“มันเป็นสร้อยของผู้มีพระคุณของเรน รักษาให้ดีนะลูก”

เรนมองหน้าจุรีจันทร์อย่างแปลกใจกับคำพูดนั้น แต่ก็ยิ้มรับ มองสร้อยเส้นนั้นรู้สึกผูกพันอย่างประหลาด

ooooooo

เมื่อใกล้เวลาออกไปทานข้าวข้างนอก จุรีจันทร์ขึ้นไปดูเรนที่ห้องเห็นเธอยังไม่ได้เตรียมตัว พอถาม เรนบอกว่าตนปวดท้องกินอะไรก็ไม่อร่อย ขออยู่บ้านดีกว่า แล้วฉุกคิดอะไรได้ถามว่า

“ตอนมัมท้องเรน แพ้ท้องมากไหมคะ แล้วตอนเด็กๆเรนเลี้ยงยากรึเปล่า”

จุรีจันทร์ชะงักกับคำถามนี้ ไปนั่งข้างๆเรน ยิ้มอย่างอบอุ่นถามว่า ทำไมอยู่ดีๆถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมา เรนบอกว่าตนอยากรู้เท่านั้น จุรีจันทร์รู้ทัน บอกเรนว่า

“เรน...ฟังแม่นะ มันไม่สำคัญหรอกนะว่าอดีตมันจะเป็นยังไง แม่อยากให้เรนจำไว้ว่าตั้งแต่วันแรกที่แม่เจอเรนจนถึงวันนี้ เรนคือลูกของแม่ แม่รักเรนไม่เคยเปลี่ยน แล้วจะรักเรนอย่างนี้ตลอดไป”

“ขอบคุณค่ะมัม” เรนโผกอดน้ำตาคลออย่างซึ้งใจ จุรีจันทร์กอดและหอมหน้าผากเรนทั้งรักทั้งสงสาร...

ooooooo

พสุไปหาปู่พิทักษ์ที่บ้าน บอกว่าแม่ให้มาพักกับปู่ให้สบายใจก่อน สารภาพกับปู่ว่าตนดื้อเอง อะไรที่แม่เคยเตือนไว้มันถูกทุกอย่าง

“แล้วเอ็งจะทิ้งอุดมการณ์เอ็งทุกอย่างเลยรึเปล่า”

“ไม่หรอกครับ ผมก็จะดูแลป่าในแบบของผม แบบที่ปู่กับพ่อทำมาตลอดไงครับ”

“มันต้องอย่างนี้สิวะ” ปู่ตบไหล่พสุป้าบ พสุยิ้มกว้าง ขอสมัครเป็นลูกน้องปู่ก็แล้วกัน ค่าแรงขอเป็นที่พักกับอาหารก็พอ ถามว่าปู่โอเคไหม ปู่หัวเราะเสียงดัง พูดดังยิ่งกว่าอย่างยินดีว่า “ขอกันมากกว่านี้ปู่ยังให้ได้เลย ไป... เข้าบ้านดีกว่า ปู่ทำกับข้าวที่เอ็งชอบไว้เพียบเลย” ปู่โอบไหล่พสุพาเข้าบ้านกันอย่างดีใจ

หลังจากนั้นไม่นาน...เช้าวันหนึ่ง พสุยืนคุยกับชาวบ้านที่หมู่บ้านภูสรวง เขาพูดอย่างจริงจังกับชาวบ้านที่มายืนฟังว่า

“การต่อสู้กับพวกนายทุนคงไม่สำเร็จด้วยมือ

ของคนคนเดียว ผมถึงต้องให้ชาวภูสรวงมาร่วมมือรักษาผืนป่าที่เหลือด้วยกัน”

ชาวบ้านมองหน้ากันหวาดๆ คนหนึ่งถามขึ้นว่า “คราวที่แล้วทั้งเจ้าหน้าที่กับพวกเราก็ตายกันไปตั้งเยอะ คุณไม่กลัวบ้างเหรอ”

“การทำงานทุกอย่างมันก็มีอุปสรรคทั้งนั้นแหละครับ อยู่ที่เราจะสู้ต่อหรือจะยอมแพ้” พสุยกมือไหว้ท่วมหัวก่อนเอ่ย “ในหลวงของเราท่านเป็นถึงกษัตริย์แต่ท่านก็ทรงงานหนักเพื่อปกป้องดูแลรักษาธรรมชาติ แล้วเราเป็นราษฎรของท่านเราจะถอดใจกันง่ายๆเลยเหรอครับ”

เมื่อเห็นชาวบ้านเริ่มสนใจฟัง พสุพูดหนักแน่นว่า “คนที่ได้ผลประโยชน์จากการดูแลรักษาป่าก็คือชาวภูสรวง เราจะได้มีแหล่งน้ำ มีฝนตกตามฤดูกาล ถ้าทุกคนไม่คิดว่าจะทำเพื่อตัวเอง ผมก็อยากให้ทำเพื่อลูกหลานของเราในอนาคตครับ”

ชาวบ้านต่างหันมองพยักหน้าให้กันอย่างเห็นด้วยกับพสุ เจ้าตัวยิ้มอย่างมีความสุขที่ชาวบ้านเริ่มตื่นตัว

พสุไม่เพียงพูดคุยโน้มน้าวชาวบ้านให้หันมารักป่าพิทักษ์ป่าเท่านั้น เขายังทุ่มโถมทั้งกายใจคลุกคลีกับชาวบ้าน ร่วมกิจกรรมและทำงานกับชาวบ้านอย่างเป็นหนึ่งเดียวกัน วันนี้ขณะเขากำลังช่วยชาวบ้านลำเลียงพืชผลขึ้นรถกระบะนั้น เรนมาแอบดูอย่างสงสาร จะเข้าไปทักทายก็ไม่กล้ากลัวเขายังไม่หายโกรธ เลยถามชาวบ้านแถวนั้นว่า

“ขอโทษนะคะ ผู้ชายคนนั้นเขามารับจ้างทำงานที่นี่เหรอคะ”

ชาวบ้านคนนั้นบอกว่าเขาไม่ใช่คนงานแต่เป็นเจ้าหน้าที่คนที่เพิ่งเป็นข่าวออกทีวีไง เขาพยายามมาช่วยพวกชาวบ้านอยู่นานสองนานแล้ว เรนฟังแล้วพึมพำ “ช่วยงาน?”

“จ้ะ เขาคงรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุทำให้ชาวบ้านโดนฆ่าตาย เฮ้อ...แรกๆพวกชาวบ้านก็ด่ากันสาดเสีย

เทเสีย แต่พอหลังๆฟังข่าวก็รู้ว่าพ่อหนุ่มนี่ไม่เกี่ยวข้องจริงๆ ก็เลยใจอ่อนยอมคุยด้วย ยอมให้ช่วย”

เรนถามชาวบ้านว่าเขามาบ่อยไหม ชาวบ้านบอกว่ามาเกือบทุกวัน พอไม่มีงานอะไรให้ทำเขาก็มาให้ความรู้เรื่องการดูแลป่า บางทีก็ไปสอนหนังสือพวกเด็กๆ เด็กที่นี่ติดกันแจเลย

เรนพยักหน้ายิ้มกับข้อมูลที่ได้รับจากชาวบ้าน ยืนดูพสุทำงานและเล่นกับเด็ก แต่พอพสุหันมาก็รีบ

หลบหลังต้นไม้ ยิ่งเห็นการทำงานอย่างมุ่งมั่นของพสุ เรนก็ยิ่งรู้สึกผิดที่ทำให้เขาต้องกลายมาเป็นแบบนี้...

ooooooo

มะยมเป็นเด็กคนหนึ่งที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับพสุ วันหนึ่งมะยมมาลากเขาให้ไปดูอะไรบางอย่าง

สิ่งที่พสุเห็นคือตุลย์กำลังคุยกับชาวบ้านกลุ่มหนึ่งพร้อมกับแจกแผนที่ของภูสรวงที่มีวงไว้เป็นจุดๆ พสุเชื่อว่าตุลย์ต้องมีแผนการอะไรกับชาวบ้านแน่ๆ

แล้ววันนี้พสุก็ได้เจอกับภูริชอย่างโลดโผน ถูก

ภูริชเอาปืนจี้หลังขณะเขากำลังจะขึ้นรถ พอพสุหันไปเห็นเป็นภูริชก็ด่า “ไอ้น้องเวร!”

ทั้งสองดีใจที่ได้พบกัน ภูริชถามว่าที่มาช่วยชาวบ้านอย่างนี้เพราะยังรู้สึกผิดอยู่ใช่ไหม ชวนให้กลับมาช่วยงานด้วยกันดีกว่า พสุบอกว่าผิดหรือไม่ผิดตอนนี้ไม่สำคัญแล้ว มันสำคัญที่มีคนต้องสูญเสียญาติพี่น้องไปกับความสะเพร่าของตน ภูริชติงว่าคนทำผิดกฎหมายทำชั่วมีอยู่มากมายไม่เห็นเขาจะสำนึกผิดเลย ทุกคนยังใช้ชีวิตปกติ มีคนเคารพนับถือด้วยซ้ำ

“พี่เชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ ภายนอกเดวิดอาจจะดูมีความสุข แต่ในใจเขาอาจจะทุกข์ด้วยความโลภที่

ไม่สิ้นสุดของเขาอยู่ก็ได้ ใครจะรู้”

ooooooo

เดวิดมีแผนการใช้ชาวบ้านทำลายป่าอย่างที่พสุคาดจริงๆ วันนี้อาร์มมารายงานเดวิดว่าแผนที่ที่ให้ตนเอาไปแจกคนงานเรียบร้อยแล้ว ส่วนสินค้าลอตต่อไปตอนนี้รวบรวมได้ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์แล้ว เดวิดพยักหน้าพอใจ สั่งเลือดเย็นว่า

“ถ้าใครมาขวางก็จัดการได้เลย” พออาร์มจะออกไป เดวิดเรียกไว้ถามว่า “เรื่องไอ้พสุถึงไหนแล้ว” อาร์มบอกว่าลาออกไปแล้วนี่ “แค่นั้นยังไม่พอหรอก แด๊ดต้องการเล่นงานมันจนไม่มีแผ่นดินจะยืน!”

และเย็นนี้เอง ที่กรมอุทยาน ภูริช ทิชา และภาคิน จับกลุ่มคุยกันอย่างไม่พอใจกับข่าวที่เดวิดจะฟ้องพสุอีก ภูริชบอกว่าตนจะไปคุยกับเอวาเอง ทิชาถามว่าเอวาจะยอมพูดกับพ่อให้เหรอ ลุกขึ้นพูดอย่างไม่พอใจว่า

“ฟังที่ภูเล่าแค่นี้พี่ดินก็รู้สึกผิดจะแย่อยู่แล้ว ทิไม่อยากให้พี่ดินเสียชื่อเสียงไปมากกว่านี้ ต่อให้เป็นเรื่องไม่จริงก็เถอะ”

ภูริชนิ่งไป คิดหาทางที่จะช่วยพสุ แล้วเขาก็ใช้วิธีตามแบบของตัวเอง แอบไปฉุดเอวาขณะเดินอยู่ในมูลนิธิลากไปในที่ลับตา พูดอ้อนๆให้เอวาช่วยพูดให้เดวิดหยุดฟ้องพสุได้ไหม เห็นเอวาลังเล เขาคุกเข่าลงตรงหน้าอ้อนวอน

“ผมรู้ว่าคุณลำบากใจ แต่ผมอยากให้คุณเห็นแก่คนดีๆอย่างพี่ดิน ผมไม่อยากเห็นพี่ดินรู้สึกแย่มากไปกว่านี้ ผมขอร้อง ช่วยผมหน่อยนะ”

เอวาลำบากใจ บอกให้เขาลุกขึ้นเสีย เดี๋ยวตนจะไปคุยให้ก็ได้ ภูริชลุกขึ้นชมว่าเอวาใจดีจังเลย เธอถามว่าที่มาหาตนเพราะเรื่องนี้อย่างเดียวหรือ ภูริชเลยเล่นบทอ้อนว่ามาเพราะคิดถึงและอยากเจอเธอด้วย

ขณะนั้นเองเอวาได้ยินเสียงเดวิดเดินคุยโทรศัพท์มาจึงชี้ทางให้เขาหลบไป ภูริชหลบไปอย่างเร็วแต่ไปเจอห้องทำงานของเดวิด เพื่อไม่ให้เสียเที่ยวเขาเลยแว่บเข้าไปถ่ายรูปเก็บหลักฐานต่างๆ รวมทั้งแผนที่ส่งไปให้ทิชา แต่พอออกมาก็ถูกตุลย์ดักใช้ไม้กระบองฟาดจนหมดสติไป

พอภูริชรู้สึกตัวขึ้นมา ก็ถูกอาร์มซ้อมจะให้บอกว่าเข้ามาทำอะไร ความโหดเหี้ยมของอาร์ม นอกจากไม่อาจทำให้ภูริชก้มหัวให้แล้ว ยังถูกภูริชสวนกลับอย่างไม่หวั่นเกรงทั้งขู่ทั้งกล่อมว่า ถ้าตนเป็นอะไรไปพวกเขาเดือดร้อนแน่ ไม่ใช่แค่เอวาที่รู้ว่าตนอยู่ที่นี่ พรรคพวกตนก็รออยู่ข้างนอก จ้องหน้าเดวิด เรนและตุลย์ที่ยืนดูการ “รีด” ของอาร์มอยู่ บอกทุกคนว่า

“กลับตัวกลับใจเสียเถอะ คิดถึงเอวาบ้าง ถ้าเธอรู้ความจริงว่าพ่อที่เธอเคารพรักทำชั่วขนาดนี้ เธอจะต้องเสียใจขนาดไหน” ผลคือถูกเดวิดย่างสามขุมมาถีบโครมจนเก้าอี้ที่ภูริชถูกมัดอยู่ล้มโครมท่ามกลางความตกใจของทุกคน ตวาดว่า

“อย่าเอาเอวามายุ่งกับเรื่องนี้ ยังไงฉันก็ไม่มีวันยอมให้เอวารู้อะไรเป็นอันขาด” แล้วเดวิดก็ส่งสัญญาณให้ตุลย์กับลูกน้องจัดการภูริชแล้วเดินออกไปเลย อาร์มพุ่งเข้าไปซ้อมภูริชอย่างมันมือ จนเรนที่ดูอยู่สงสารเลยเดินตามเดวิดออกไป

ตกค่ำ เอวาเข้าไปอ้อนเดวิดขออย่าฟ้องพสุเลยเพราะเขาก็ลาออกไปแล้วไม่น่าจะมีประโยชน์ที่ทางมูลนิธิจะฟ้องอีก แค่นี้ก็น่าสงสารจะแย่แล้ว เดวิดยอมไม่ฟ้องพสุ แต่ในใจนึกรู้ถึงจุดประสงค์การมาของภูริช คิดแล้วก็ยิ่งเจ็บใจ

“ให้ฉันเข้าไปเดี๋ยวนี้เลยนะ” เสียงทิชาแว่วเข้ามา เดวิดกับเอวามองหน้ากันแปลกใจ เอวารีบออกไปดู เดวิดลุกตามไป

ทิชากับภาคินไปโวยวายกับลูกน้องเดวิด ยืนยันว่าภูริชมาหาเอวา จะเข้าไปให้ได้ เดวิดแกล้งทำเป็นถามเอวาว่าภูริชมาหาหรือ เธอบอกว่ามาและกลับไปนานแล้ว ทิชาจึงขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด

อาร์มกำลังซ้อมภูริชอย่างบ้าดีเดือด เรนบอกให้พอได้แล้วเพราะทิชากับภาคินกำลังขอดูกล้องวงจรปิด ถ้าไม่อยากให้เรื่องบานปลายตนจะต่อรองกับภูริชเอง หลังจากนั้นไม่นานภาคินก็ได้รับโทรศัพท์จากภูริช บอกว่าตนอยู่ที่กรมอุทยานแล้วทิชาจึงขอโทษเดวิดที่ทำให้เขาเสียเวลาแล้วขอตัวกลับงงๆ

กลับมาเจอกันที่กรมแล้ว ทิชากับภาคินเล่าให้ภูริชฟังว่าพวกตนเอะใจที่เขาหายไปจึงโทร.หาเรนให้ช่วยเรนเข้าไปช่วยภูริชแต่มีข้อแม้ว่าอย่าให้เอวารู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับพ่อของตนเด็ดขาด ย้ำกับภูริชว่า

“ฉันไม่อยากให้น้องฉันต้องผิดหวัง ฉันเชื่อว่าคุณคงไม่ทำร้ายจิตใจน้องฉัน”

เมื่อเล่าเหตุการณ์สู่กันฟังแล้ว ทิชาถามภูริชว่าส่งแผนที่อะไรมา ภูริชเองก็ไม่รู้บอกว่าตนแอบถ่ายจากออฟฟิศของเดวิด คาดว่า “น่าจะเกี่ยวกับการส่งของลอตหน้า” ทิชาชี้ให้ดูเครื่องหมายในบริเวณป่าลึกหลายจุด เดี๋ยวตนจะเช็กดูอีกที

ภาคินถอนใจถามว่าเมื่อไรเราจะเปิดโปงความชั่วของเดวิดได้เสียที ภูริชเองก็ถอนใจบอกว่า

“ตอนนี้คงได้แต่หวังให้ศักดิศรกลับมาพูดได้เหมือนเดิม อะไรๆคงง่ายกว่านี้”

เอวางุนงงว่าเกิดอะไรขึ้นกับภูริช เธอโทร.ไปถามเขา ภูริชไม่อยากโกหกแต่ก็บอกความจริงไม่ได้ เขาเลยแกล้งหยอกล้อเธอว่าคิดถึงตนหรือ พอถูกถามเรื่องที่เกิดขึ้น เขาตัดบทว่าไม่มีอะไร แค่เข้าใจผิดกันนิดหน่อยแล้วหยอกว่า “ห่วงผมล่ะสิ” ทำให้เอวาเขินเลยเลิกเซ้าซี้

เมื่อความหวังเดียวที่มีเวลานี้คือรอคอยให้ความจำของศักดิศรคืนมาและเป็นพยานมาเอาผิดเดวิดได้ แม้เวลานี้ศักดิศรเหมือนจะจำอะไรได้และพยายามพูด แต่เขาก็พูดไม่เป็นภาษา และหวาดผวาประสาทหลอนจนบางครั้งคลุ้มคลั่งเหมือนเดิม

ooooooo

นับวันสภาพป่าไม้ถูกทำลายร้ายแรง ชาวบ้านที่ต่อต้านถูกยิงตายรายแล้วรายเล่า หนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวครึกโครมว่า “ฆ่าตัดตอนขบวนการค้าไม้” ทีวีก็แพร่ภาพข่าว “ป่าไม้ไทยเข้าขั้นวิกฤติ”

แต่! เดวิดกลับได้รับรางวัลบุคคลดีเด่นด้านการช่วยเหลือสังคมและอนุรักษ์ธรรมชาติประจำปี เดวิดใช้เวทีนี้เล่นบทปีศาจปากคาบคัมภีร์ ประกาศว่า

“ปัญหาการลักลอบตัดไม้ยังเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ ผมขอสัญญากับทุกคนในที่นี้ว่า ผมจะปลูกต้นไม้ให้เยอะกว่าที่โดนลักลอบตัดไปให้ได้ ผมจะปลูกป่าจนลมหายใจสุดท้ายของผม ขอบคุณครับ”

และในงานนี้เอง อาร์มหลบมุมไปคุยโทรศัพท์กับลูกน้องที่ตัดไม้ในป่าแล้วโทร.รายงานเดวิดในงานว่า

“ไม้ลอตใหม่พร้อมแล้วแด๊ด”

“ดีมาก ทางสะดวกอย่างนี้ ตัดตุนไว้ลอตหน้าได้เลย” เดวิดสั่ง แสยะยิ้มกับรางวัลที่ได้รับภูริชทนไม่ได้บอกทิชากับภาคินที่เดือดแค้นกับการที่เดวิดได้รับรางวัลว่า “เราจะไปคุยกับพี่ดิน”

ภูริชไปขอให้พสุกลับมาเป็นกำลังใจให้กับพวกตน เล่าว่า “พอพี่ออก หน่วยเราก็ไม่เหมือนเดิม พอเห็นพี่ยอมแพ้ ข้าราชการคนอื่นก็พาท้อกันไปหมด เดวิดก็ยิ่งเหิมเกริมเพราะไม่มีใครขวางมือขวางตีนมันอีก... ทุกคนอยากให้พี่กลับมาจริงๆ”

แต่คำตอบที่ภูริชได้รับคือ “พี่ขอโทษที่ทำให้แกต้องผิดหวัง” ภูริชฟังแล้วก็ได้แต่รอคอยการตัดสินใจของเขา

ooooooo

พสุกลับไปนั่งที่ขอนไม้ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่พ่อปลูก เขามองต้นไม้ใหญ่รำพึง

“ผมตัดสินใจถูกหรือผิดครับพ่อ...ผมอยากให้พ่ออยู่กับผมตอนนี้จังเลย” พสุซบหน้ากับฝ่ามืออย่างคิดไม่ตก

“ข้าราชการก็เหมือนรากแก้ว” เสียงปู่พิทักษ์เอ่ยขึ้น “หากรากแข็งแรง ต้นไม้ก็แข็งแรง แต่หากรากไม่แข็งแรง ต้นไม้ก็จะโอนเอนไม่เป็นท่า”

พสุหันมอง นิ่งฟัง ปู่เดินมาลูบไล้ต้นไม้ หันมองพสุพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า

“ถ้าไม่มีข้าราชการดีๆ แผ่นดินก็อยู่ไม่ได้ ถ้าดินไม่อยากทำให้ต้นไม้ที่เรียกว่าบ้านเมืองต้องตาย ดินก็ต้องทำหน้าที่รากให้ดีที่สุด...” ปู่พูดอย่างอ่อนโยนแต่น้ำเสียงจริงจังหนักแน่นว่า “จงเป็นรากที่แข็งแรงและยึดแผ่นดินให้แน่นที่สุด”

“ผมว่า...ผมได้คำตอบที่ต้องการแล้วครับ ขอบคุณปู่มากนะครับ” พสุลุกขึ้น ปู่เดินมาโอบไหล่ มองต้นไม้ที่ถาวรปลูกด้วยกันอย่างมีความหวัง มุ่งมั่นที่จะเดินตามรอยเมื่อกลับเข้าบ้าน พสุไปยืนที่ระเบียงชั้นสอง...

ดูภาพจากไอแพดที่เดวิดได้รับรางวัลบุคคลดีเด่นด้านการช่วยเหลือสังคมและอนุรักษ์ธรรมชาติประจำปีแล้ว เขาลุกขึ้นมองป่ารอบบ้าน นึกถึงภาพลุงสมในห้องดับจิต ภาพต้นไม้ถูกตัดกองเป็นพะเนิน ภาพสัตว์ป่าและงาช้างที่กำลังจะถูกส่งออก...

ทุกภาพสร้างความเจ็บปวดแก่พสุอย่างไม่อาจทนได้ เขายืนกอดอกใช้ความคิดอย่างหนักก่อนตัดสินใจบางอย่าง

ooooooo

เช้าวันนี้ พสุไปเจอภูริชที่ภูสรวง ทักทายกันรุนแรงประสาหนุ่มฉกรรจ์ด้วยวิธีเดียวกับที่ภูริชทักเขาเมื่อหลายวันก่อน

ภูริชพาพสุเดินดูต้นไม้ที่ถูกกานให้ยืนต้นตายแล้วรอโค่น พสุบอกภูริชว่าต้องรีบให้ความรู้ชาวบ้านในการทำบายพาสต้นไม้ นึกได้ถามว่าบ่ายนี้เอวาจะมาเขาจะอยู่ด้วยกันไหม

“ไม่ล่ะ คุยกันแล้ว ผมว่าผมกลับกรุงเทพฯไปตามเดวิดดีกว่า”

เรนยังติดตามการทำงานของพสุ วันนี้เธอซื้อขนมมาฝากเด็กชายเผือกให้เอาไปให้พสุ พอพสุรู้ว่าเรนฝากมาให้ก็มองหาและตามไปจนเจอ พอดีเอวาที่มาช่วยพสุให้ความรู้ชาวบ้านมาถึงเห็นเรนอยู่ด้วยจึงชวนไปด้วยกัน

พสุและเอวาให้ความรู้ชาวบ้านในการรักษาป่าดูแลต้นไม้ที่ถูกกาน แต่เขาก็บอกชาวบ้านว่านี่เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเท่านั้น เผือกถามว่าแล้วต้นเหตุล่ะ?

“ต้นเหตุก็คือ...พวกนายทุนต้องการตัดไม้ไปขาย สิ่งที่พวกเราทำได้คือเป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่ ช่วยกันแจ้งทางการเมื่อเราเห็นพวกลักลอบตัดไม้”

เรนดูการทำงานของพสุอย่างชื่นชมที่เขายังไม่ละทิ้งอุดมการณ์ในการรักษาป่าแต่ก็นึกเศร้าสลดใจกับสิ่งที่เดวิดทำ ทั้งสองสบตาอย่างเข้าใจกัน เอวารู้ว่าพสุพูดพาดพิงถึงเดวิด เธอมองพสุกับเรนที่สบตากัน ก็ดูออกว่าทั้งคู่มีอะไรปิดบังตนอยู่

ภูริชไปสะกดรอยการเคลื่อนไหวของเดวิด วันนี้เดวิดนัดพบกับเกริกที่ร้านอาหาร ภูริชเฝ้าอยู่จนทั้งสองพบกันแต่เขาไม่เห็นหน้าเกริก จนเมื่อเกริกจะกลับ ภูริชจึงเห็นหน้าเต็มตา เขาถึงกับช็อกอุทาน “พ่อ!”

เช้าวันต่อมา ภูริชขับรถไปที่มูลนิธิเดวิด เจอเอวาวิ่งร้องไห้มาที่รถของเธอที่จอดอยู่ใกล้กัน ภูริชเห็นเธอร้องไห้ถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า พอดีลูกน้องเดวิดกำลังเดินคุยโทรศัพท์มาทางนี้ ภูริชจึงดึงเอวาขึ้นรถตนขับออกไปอย่างเร็ว

ooooooo

หัวใจปฐพี

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด