สมาชิก

หัวใจปฐพี

ตอนที่ 8

อัลบั้ม: ทีวีซีนส่งละครแนวอนุรักษ์ป่าไม้ "หัวใจปฐพี"


เย็นนี้เอง เรนไปที่โกดังถามตุลย์ว่าศักดิศรฟื้นแล้วหรือยัง ตุลย์บอกว่ายัง

ทันใดนั้นเสียงไซเรนรถตำรวจดังที่หน้าโกดัง ตุลย์ผงะถามว่าตำรวจมาได้ยังไง เรนสงสัยว่าพสุจะติดตามตนมาเร่งให้รีบหนีกัน ปล่อยศักดิศรไว้ที่นี่ ขืนพาไปด้วยเราจะไม่รอด

พอทั้งสองหนีไป ภูริชก็นำตำรวจบุกเข้ามา เขาตรงไปช่วยศักดิศรทันที ภูริชยิ้มดีใจที่ตนช่วยพสุได้สำเร็จแล้ว

ตกค่ำ พสุไปเยี่ยมศักดิศรที่โรงพยาบาล ภูริชบอกว่ายังอยู่ในห้องฉุกเฉินเพราะสภาพบอบช้ำมาก

เมื่อหมอออกมา พสุ ภูริช ทิชา และภาคินตรงไปหาหมออย่างอยากรู้อาการของศักดิศร แต่เมื่อเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ศักดิศรรู้สึกตัวแล้ว แต่จำใครไม่ได้เลย ดิ้นรนดึงทึ้งเอะอะโวยวายตะโกนถาม “พวกมึงเป็นใครจับกูมาทำไม ปล่อยกู!”

พวกพสุช่วยกันจับศักดิศรไว้ รีบเรียกหมอ พอหมอเข้ามาก็ฉีดยาให้ศักดิศรทันที

พสุและเพื่อนมองสภาพของศักดิศรอย่างสมเพช เสียดายที่ได้ตัวเขามาแล้วแต่ศักดิศรกลับคลุ้มคลั่งจำอะไรไม่ได้เลย

“หมอพบสารเสพติดหลายอย่างในเลือดของคุณศักดิศร ซึ่งบางตัวมีผลต่อระบบประสาทของผู้ป่วยทำให้เกิดอาการอย่างที่พวกคุณเห็น” พสุถามว่าจะมีโอกาสหายเป็นปกติไหม หมอถอนใจบอกว่า “ถ้าจะให้ตอบตอนนี้หมอคงยังบอกไม่ได้หรอกครับ ต้องรอดูอาการไปก่อน” ทุกคนฟังหมอแล้วต่างสลดใจ มองหน้ากันอย่างหนักใจ แต่ยังดีที่อย่างน้อยพสุก็รอดเรื่องเอาตำแหน่งไปประกันตัวศักดิศร พสุหันไปขอบใจภูริช

“ขอบใจคุณเรนเถอะ แผนชิงตัววันนี้เป็นไอเดียของเขา ตอนผมไปขอร้องให้เขาช่วย เขาก็ดูเฉยๆ นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าเขาจะเปลี่ยนใจ ไม่รู้อะไรดลใจ” ภูริชยักไหล่เป็นนัย พสุแอบยิ้มบางๆ

ขณะทุกคนกำลังเดินกลับ เรนค่อยๆโผล่ออกจากมุมตึกมองตามไป แล้วเธอก็เข้าไปเยี่ยมศักดิศรที่นอนไม่ได้สติอยู่ รู้สึกผิดที่ตัวเองมีส่วนทำให้เขาตกอยู่ในสภาพนี้

ooooooo

คืนนี้ทีวีมีข่าวอธิบดีลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพป่าและการตัดไม้ มีเสียงบรรยายประกอบภาพว่า

“พบการลักลอบตัดไม้ในหลายพื้นที่ เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการจับกุม เชื่อว่าเชื่อมโยงถึงผู้มีอิทธิพลในท้องที่”

เดวิดกดรีโมตปิดทีวี พูดขำๆ หยันๆ ว่า “ตอนนี้เรื่องศักดิศรก็หมดห่วงได้แล้ว ได้ตัวคนบ้าไปจะทำประโยชน์อะไรได้” ถามอาร์ม เรน และตุลย์ที่อยู่ในห้องว่า “เห็นข่าวเมื่อกี๊แล้วใช่ไหม หลายพื้นที่ป่ากำลังมีปัญหา เพราะฉะนั้นช่วงนี้พวกแกต้องเร่งตัดไม้ที่ภูสรวงให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้”

“แต่ตอนนี้เอวาทำงานอยู่ที่ภูสรวง แด๊ดไม่กลัวเอวาจะขัดขวางงานของเราเหรอคะ” เรนถาม เดวิดยิ้มเยาะว่าเอวาจะทำอะไรได้ ไม่ต้องสนใจเลย

“นั่นสิ เห็นเทียวไปเทียวมาตั้งหลายรอบยังไม่เห็นมีอะไรคืบหน้าเป็นชิ้นเป็นอันเลย...ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวจะเปลี่ยนใจพวกชาวบ้านเห็นแก่เงินให้เลิกตัดไม้ได้ยังไง หึๆ...เป็นไปไม่ได้หรอก” อาร์มหัวเราะขำ

“แต่ครั้งนี้เรนว่าเอวาเอาจริงนะคะ เห็นว่าตอนนี้กำลังจะทำโครงการอาสาสมัครพิทักษ์ป่าด้วย” เรนบอก ถูกเดวิดขัดขึ้นว่า พอเถอะขี้เกียจฟัง แล้วเดินออกไป อาร์มกับตุลย์ตามไป เรนได้แต่ถอนใจที่เดวิดไม่ฟังตนเลย

ooooooo

เช้าวันหนึ่ง ณ ลานกิจกรรม ที่หมู่บ้านภูสรวง นอกจากมีป้ายรณรงค์การอนุรักษ์ป่าแล้ว ที่ด้านหน้า เอวายืนเตรียมพร้อมจะพูดเปิดงาน ด้านหลังเธอมี จุรีจันทร์ยืนให้กำลังใจอยู่กับทีมงาน

“ป่าไม้คือสมบัติของคนไทยทุกคน พวกเราต้องช่วยกันดูแลรักษาป่าเพื่ออนาคตของคนรุ่นต่อไป” เอวา มองไปที่กลุ่มชาวบ้านเห็นมากันไม่กี่คนก็หน้าเจื่อนแต่พอมองไปทางจุรีจันทร์ที่พยักหน้าให้กำลังใจ เอวาก็ยิ้มออกพูดต่อเสียงเจื้อยแจ้ว “วันนี้ดิฉันขอเปิดโครงการอาสาสมัครพิทักษ์ป่าอย่างเป็นทางการค่ะ”

พอเอวาพูดจบ ชาวบ้านไม่กี่คนที่ฟังอยู่ก็แยกย้ายกันออกไป เอวาหันมองจุรีจันทร์ฝืนยิ้มกับแม่อย่างให้กำลังใจตัวเอง

เมื่อวันเปิดงานไม่ได้รับความสนใจจากชาวบ้านนัก เอวาคิดหาวิธีการหลายรูปแบบเพื่อเรียกความสนใจและดึงชาวบ้านเข้าร่วม โดยถือป้ายข้อความ “ป่าไม้คือลมหายใจของแผ่นดิน” เดินไปตามหมู่บ้านพร้อมทีมงาน ก็เริ่มได้รับความสนใจจากชาวบ้านมากขึ้น

นอกจากนี้ยังมีการแจกใบปลิว และตระเวนพูดคุยกับชาวบ้านอย่างไม่ย่อท้อ

“ในหลวงกับพระราชินีทรงงานหนักเพื่ออนุรักษ์ป่าไม้แหล่งต้นน้ำให้เรามีน้ำกินน้ำใช้ พวกเราก็ต้องช่วยกันดูแลต้นไม้ตามรอยพวกท่านนะคะ”

“พวกเราเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาจะเอาอะไรไปสู้กับพวกนายทุนล่ะคุณ” ชาวบ้านคนหนึ่งถาม

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงค่ะ หนูจะช่วยชาวภูสรวงสู้กับนายทุนเองค่ะ” เอวาตอบอย่างมั่นใจ

ooooooo

ด้วยการทำงานอย่างมุ่งมั่นอดทนของเอวากับทีมงาน นับวันก็มีชาวบ้านเข้าร่วมโครงการมากขึ้น แต่เมื่อข่าวนี้ไปถึงหูเดวิด เขาไปที่ภูสรวงด้วยตัวเองพร้อมกับอาร์มและเรน แต่พอไปถึงเจ้าหน้าที่บอกว่าเอวาเพิ่งกลับไปตอนสายๆนี่เอง

“ไอ้ลูกคนนี้นี่ อุตส่าห์โทร.มาบอกให้รอ ยังหลบหน้าอีก” อาร์มคาดว่าคงรู้ตัวว่าจะโดนให้เลิกทำโครงการบ้าๆนี่เลยหลบหน้า เดวิดสั่งอย่างหงุดหงิดว่า “เอาเอกสารที่เกี่ยวกับงานของเอวาทั้งหมดมาให้ฉัน”

เจ้าหน้าที่มูลนิธิรีบไปเอาเอกสารมาให้ เดวิดพลิกอ่านอย่างตั้งใจ อ่านเอกสารครู่เดียวก็เขวี้ยงทิ้งอย่างหัวเสีย อาร์มเห็นแล้วถอนใจที่คราวนี้เอวาลูกรักทำให้เดวิดโกรธได้ถึงขนาดนี้ ส่วนเรน เห็นแล้วแอบดีใจที่แผนการของเอวาส่งผลถึงเดวิดได้ถึงขนาดนี้

เวลาเดียวกันที่กรุงเทพฯเอวากำลังไปเยี่ยมศักดิศรที่โรงพยาบาล เธอเอากระเช้าผลไม้ไปวางแล้วเดินไปที่เตียง เห็นศักดิศรนอนตาเหม่อลอยมีสายน้ำเกลือและอื่นๆ ระโยงระยางไปหมด เธอเดินไปยืนติดเตียงเรียกเบาๆ

“คุณศักดิศรคะ เอวามาเยี่ยมค่ะ” ศักดิศรหันมองแล้วหันกลับไปอย่างไม่สนใจ เอวาถามว่า “คุณศักดิศรจำเอวาได้ไหมคะ เอวาลูกสาวคุณเดวิดไงคะ”

พอได้ยินชื่อเดวิดเท่านั้น ศักดิศรก็หันขวับจ้องเอวาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อจนเอวากลัว ถามว่าจำตนได้ไหม

พริบตานั้น ศักดิศรคว้ามือเอวาไปอย่างแรง เอวาตกใจร้องเบาๆ แต่ศักดิศรโวยไม่เป็นภาษา เอวาเห็นท่าไม่ดีจึงร้องขอความช่วยเหลือ

ทันใดนั้น ภูริชผลักประตูพรวดเข้ามารีบแกะมือศักดิศรออกแล้วดึงเอวาออกไป ศักดิศรยังตะโกนไม่เป็นภาษาอย่างบ้าคลั่ง ภูริชหันไปพยักพเยิดให้เอวาออกไปก่อน เธอพยักหน้า รีบออกไป ยังได้ยินเสียงศักดิศรโวยวายไม่หยุด

เมื่อภูริชออกมาพบเธออีกครั้ง เขาเอาน้ำให้เธอดื่มถามว่าหายตกใจรึยัง เธอพยักหน้า เขาถามว่ารู้ได้ยังไงว่าศักดิศรพักรักษาตัวอยู่ที่นี่ เอวาบอกว่าเรนบอก

“พี่ดินบอกว่าคุณไฟแรงมาก ลุยงานที่ภูสรวงจนเอาชนะใจชาวบ้านได้” ภูริชเปลี่ยนเรื่อง เอวาจะเล่าเรื่องงานของตนให้ฟัง แต่พอนึกได้ว่ายังโกรธกันอยู่ก็ทำหน้าบึ้งใส่ ภูริชดูอาการออกนั่งลงข้างๆ เอ่ยอ้อน “หายโกรธผมเหอะ”

“ฉันกลับล่ะ” เอวาลุกหนี ภูริชคว้ามือไว้บอกว่าตนอยากอธิบายเรื่องที่ร้านอาหารวันนั้น แต่ไม่ทันพูดก็ถูกเอวาสาดน้ำใส่หน้าจนเขาอึ้ง แต่แล้วก็ยิ้มบอกว่า หายกันนะ “มันจะหายได้ไง! คุณแค่โดนสาดน้ำ แต่ฉันเสียความรู้สึก ฉันจริงใจแต่คุณหลอกลวง!”

ภูริชชี้แจงว่าวันนั้นตนกลัวเธอเดือดร้อนเลยต้องโกหกไปแบบนั้น ถูกด่าอีกว่ากะล่อน! ภูริชทำหน้าตายชวนไปทานข้าวเย็นด้วยกันไหม เอวามองขวับอย่างเอาเรื่อง ภูริชไม่สนใจพูดต่อว่า

“ทิกับคินก็ไปด้วยนะ กินข้าวกันหลายๆคนสนุกดี คุณจะได้หายเครียดด้วย” เอวาสะบัดเสียงว่าตนไม่ได้เครียดแต่ตนกำลังโกรธเขามาก ภูริชยังทำหน้าตายนัด “เย็นนี้เจอกันนะครับ”

เอวายังทำตะบึงตะบอนใส่ ภูริชตามวอแวถามว่าไม่ไปจริงหรือ เธอหันขวับจ้องหน้าเขม็ง ทำเอาภูริชสะดุ้งชะงัก แต่แล้วเธอก็บอกว่า “เสร็จงานแล้วจะตามไป” ทำเอาภูริชหัวเราะออกมาอย่างกลั้นขำไม่อยู่ ไม่คิดว่าเธอจะมามุกนี้

พูดแล้วเอวารีบหันหน้าหนีวิ่งไปกลัวตัวเองกลั้นหัวเราะไม่อยู่จะเสียฟอร์มมากกว่านี้

ooooooo

จากการทำงานของเอวาและประสบการณ์ของตัวเอง ชาวบ้านนับวันตื่นตัวเมื่อเห็นว่าอนาคตลูกหลานจะไม่เหลือป่าที่เป็นต้นน้ำ บางคนพอเห็นภูเขาหัวโล้นก็ใจหาย บอกเพื่อนว่าอยากจะเลิกรับใช้นายทุนก็กลัวถูกเก็บ ดีไม่ดีจะถูกเก็บทั้งครอบครัว

“จะไปกลัวพวกมันทำไมวะ พวกเอ็งจำไอ้ไผ่ได้รึเปล่า มันร่วมมือกับทางการ ตอนนี้มันหนีไปนอนสบายอยู่ที่กรุงเทพฯแล้ว มันยังโทร.คุยกับกูอยู่เลย ถ้าเราแจ้งทางการจับพวกมันไปจนหมด หมู่บ้านเราก็จะกลับมา...” วันเพื่อนของไผ่พูดไม่ทันจบก็ถูกกระชากจนตัวลอยด้วยฝีมือของตุลย์

ชาวบ้านเห็นดังนั้นก็ตกใจถอยร่นไปรวมกัน ตุลย์เอาปืนจ่อวันตะคอก “ไหนมึงพูดอีกทีสิว่ามึงคิดจะทำอะไร!”

อาร์มเดินคุยมากับเดวิดและเรนออกจากโกดัง อาร์มบ่นว่าชาวบ้านเริ่มถอนตัวไม่ยอมตัดไม้ให้เราแล้ว เดวิดสั่งให้หาวิธีจะขู่หรือฆ่าก็ได้ให้พวกนั้นตัดไม้ให้เราต่อไปให้ได้

ทันใดก็ได้ยินเสียงวันอ้อนวอนตุลย์ให้ปล่อยตน มองไปเห็นตุลย์จิกหัววันมาตามทางพอใกล้ถึงจุดที่เดวิดกับอาร์มและเรนยืนอยู่ก็เหวี่ยงไปนอนกองใกล้เท้าเดวิด เรนถามตุลย์ว่ามีเรื่องอะไรกัน

“ไอ้นี่มันเป็นเพื่อนของไอ้ไผ่ที่เคยเอามีดจี้คุณเอวาน่ะครับ มันรู้ที่อยู่ของไอ้ไผ่ที่กรุงเทพฯ มันคิดจะร่วมมือกับทางการแจ้งจับเราด้วยครับ”

เดวิดถามวันว่าอยากมีชีวิตอยู่ต่อไหม วันยกมือไหว้ท่วมหัวอ้อนวอนอย่าทำอะไรตนเลย

“ถ้าแกบอกที่อยู่ไอ้ไผ่มา ฉันจะสั่งลูกน้องฉันไว้ชีวิตแก ตกลงไหม” เดวิดถาม วันรีบรับคำ เรนมองเดวิดอย่างไม่เชื่อคำพูดของเขา แล้วมองวันอย่างสมเพชว่า...ไม่รอดแน่

แล้วก็จริงอย่างที่เรนคิด พอได้ที่อยู่ของไผ่ในกรุงเทพฯแล้ว ตุลย์บอกวันว่าไปได้ พอวันเดินไปไม่กี่ก้าว ตุลย์ก็ยิงตายจมกองเลือด เอาเท้าเขี่ยพูดกับศพว่า “กูไว้ชีวิตมึงก็จริง แต่นายกูไม่ยอมว่ะ”

ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ต่างตกใจหันเดินขาสั่นก้มหน้างุดถอยไป

เพียงบ่ายวันต่อมา ตุลย์ก็ขี่มอเตอร์ไซค์ไปจอดที่หน้าอพาร์ตเมนต์ที่ไผ่พักอยู่ เขาขึ้นไปเจอแม่ของไผ่ ถามว่าไผ่อยู่ไหน แม่บอกว่าไปตลาดเดี๋ยวก็กลับ เวลาเดียวกันไผ่ได้รับโทรศัพท์บอกว่าวันตายแล้วและพวกมันรู้แล้วว่าไผ่อยู่ที่ไหน ไผ่ตกใจรีบโทร.บอกแม่ว่าถ้ามีคนแปลกหน้ามาถามหาอย่าบอกว่าตนอยู่ไหนและอย่าเปิดประตูให้มัน พลางวิ่งขึ้นไปที่ห้อง เห็นตุลย์ยืนอยู่หน้าห้องแล้ว!

พอตุลย์เห็นไผ่มาก็ยิงแม่ไผ่ทิ้งแล้วหันปืนใส่ไผ่ทันที ไผ่วิ่งหนีด้วยความชำนาญตรอกซอกซอยแถวนั้นไปจนถึงป้ายรถเมล์ โดดขึ้นรถเมล์ย่อตัวแอบ ตุลย์วิ่งตามมาที่ป้ายรถเมล์ไม่เห็นไผ่แล้วจึงกลับไปอย่างเจ็บใจ

เรนรายงานเดวิดว่าไผ่หนีไปได้ เดวิดสั่งตามให้เจออย่าให้หนีรอดไปได้เด็ดขาด เรนก้มหน้าบอกว่าตนกำชับตุลย์แล้ว อาร์มถามเรนว่าแล้วที่แด๊ดให้ตามเอวาล่ะ

“เอวามีนัดกินข้าวกับพวกภูริช บอกไว้เจอกัน ที่บ้าน” สิ้นเสียงเรน เดวิดตบโต๊ะปัง! บ่นเอวาทั้งรักทั้งโกรธว่า

“ไอ้ลูกคนนี้นี่ ให้มันได้ยังงี้สิ!”

ooooooo

ตุลย์ดักทางไผ่ถูก เชื่อว่าไผ่ต้องมาขอความช่วยเหลือจากพสุกับภูริช ไผ่มาจริงๆ แต่พอเห็นตุลย์ไผ่ก็หันหลังวิ่งกลับถูกรถกระบะที่ขับมาอย่างเร็วชนจนสลบ คนขับเร่งเครื่องหนีไป

เอวาขับรถตามรถกระบะมาเห็นดังนั้นรีบลงไปช่วย ตุลย์ที่ชักปืนจะยิงไผ่อยู่แล้วเห็นเอวาเลยเก็บปืนหลบไป

“คุณเป็นอะไรรึเปล่าคะ...คุณ” เอวาพลิกร่างนั้นขึ้นมา พอเห็นหน้าก็จำได้ว่าเป็นไผ่ เธอรีบพาไปโรงพยาบาล

เมื่อเดวิดได้รับรายงานจากตุลย์ว่ายังทำงานไม่สำเร็จ เดวิดพูดอย่างขัดใจว่า “สงสัยฉันต้องลงมือเองเสียแล้ว!”

ไผ่อยู่โรงพยาบาล ทั้งภูริชและเอวาเฝ้าอยู่อย่างเป็นห่วง แต่พอหมอออกมาบอกว่าไผ่ปลอดภัยดีมีแค่รอยฟกช้ำส่วนเรื่องทางสมองต้องรอผลการตรวจอย่างละเอียดก่อน ทุกคนก็ถอนใจโล่งอก

เรนกับจุรีจันทร์รู้ข่าวจากเอวาจึงมาหาที่โรงพยาบาล เมื่อเห็นเอวาไม่เป็นอะไรก็เบาใจ จุรีจันทร์บอกเอวาว่าถ้าไม่มีอะไรแล้วก็กลับบ้านกันเถอะ

พสุกับทิชาและภาคินเดินคุยกันระหว่างมาที่ห้องพักฟื้นของไผ่ว่า เราคงต้องผลัดกันมาเฝ้าไผ่ที่โรงพยาบาลถ้าไม่เป็นอะไรมากก็จะรีบย้ายออกไปซ่อนที่ปลอดภัยทันที ทิชากับภาคินเห็นด้วย เมื่อมาถึงห้องพักคนป่วยของไผ่ พอผลักประตูเข้าไปก็ตกใจเมื่อพบว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงไม่ใช่ไผ่! พสุวิ่งออกไปทันที ทิชากับภาคินรีบตามไปติดๆ

ที่อีกห้องหนึ่ง เดวิดอยู่กับไผ่ พอไผ่ฟื้น เดวิดทำทีชวนคุยถามโน่นถามนี่ แล้วเขาก็ดึงหมอนขึ้นมากดลงที่หน้าไผ่อย่างเลือดเย็น!

ฆ่าไผ่แล้วออกไปเจอตุลย์ที่ลานจอดรถ ตุลย์บอกว่าตนลบภาพจากกล้องวงจรปิดหมดแล้ว เดวิดยิ้มพอใจแล้วขึ้นรถขับออกไป ตุลย์ยืนมองจนเห็นเดวิดปลอดภัยแล้วจึงเดินแยกไป

ooooooo

เมื่อเดวิดกลับถึงคฤหาสน์ เจอเอวายังไม่นอน พอทักเธอบอกว่ารอแด๊ดอยู่ เมื่อเข้าไปนั่งในห้องรับแขก เอวาเอาผลงานของตนที่ภูสรวงมาอวดว่า ตอนนี้พวกชาวบ้านยอมหันมาช่วยตนปลูกต้นไม้กันแล้ว พูดอย่างมีความหวังว่า

“เอวาหวังว่าต่อไปพวกนายทุนที่สั่งตัดไม้ก็จะกลับใจเหมือนกัน”

“เก่งมากลูก อย่างนี้ก็กลับมาอยู่กรุงเทพฯได้แล้วสิ แด๊ดคิดถึงเราจะแย่อยู่แล้ว...วันนี้แด๊ดขอโทษทีนะที่ไม่ได้ไปรับ” เอวาบอกว่าไม่เป็นไรมีแม่กับเรนเป็นเพื่อนแล้ว เดวิดทวงว่ายังไม่รับปากเลยว่าจะกลับมาอยู่กับแด๊ดได้หรือยัง

“ยังก่อนค่ะ ขอเอวาทำตามความตั้งใจให้สำเร็จก่อนนะคะ” เดวิดตามใจ เอวาบอกว่าพรุ่งนี้ตนจะไปปลูกป่าที่ภูสรวงชวนไปด้วยกันไหม เดวิดทำเป็นเสียดายว่าพรุ่งนี้ติดธุระพอดี ไว้โอกาสหน้าก็แล้วกัน แล้วตัดบทบอกให้เอวาไปนอนเสียพรุ่งนี้ต้องออกแต่เช้าและวันนี้ตนก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้วเหมือนกัน พอเอวาแยกไป เดวิดมองตามยิ้มอย่างมีแผนการ

ขณะเอวาหวีผมกำลังจะเข้านอน แม่บ้านก็เอานำอุ่นมาให้บอกว่าเดวิดบอกว่าเธอทำงานหนักเลยต้องบำรุงหน่อย เอวารับนมไปดื่มอย่างชื่นใจในความห่วงใยของเดวิด

ปรากฏว่าเช้าวันรุ่งขึ้น ทีมงานรอเอวาจนสายก็ไม่มา ติดต่อก็ไม่ได้ จนตุลย์โทร.มาบอกว่าวันนี้เอวาไม่สบายไปปลูกป่าด้วยไม่ได้ ทีมงานจึงไปกันเอง

เมื่อทีมงานไปกันแล้ว ตุลย์หลบไปโทรศัพท์รายงานเดวิดทันที

ooooooo

พสุขับรถไปจอดรอเรนที่ถนนสายเปลี่ยวแต่เช้า พอเรนขึ้นนั่งรถ เขาถามทันทีว่า

“ไผ่ถูกอุ้มไปจากโรงพยาบาล ป่านนี้ยังตามหาตัวไม่เจอ คุณมีส่วนรู้เห็นด้วยหรือเปล่า”

“ฉันไม่รู้” เรนบอก แล้วตัดบทว่า “เรื่องนี้เอาไว้ก่อนเถอะ ฉันมีเรื่องสำคัญกว่ามาบอกคุณ” พอพสุมองหน้า เธอเล่าพลางยื่นกระดาษโน้ตให้ว่า “วันนี้จะมีการส่งของที่ภูสรวง นี่เป็นเวลา สถานที่ กับข้อมูลที่ฉันได้มา”

พสุรับไปดูถามว่าทำไมกะทันหันแบบนี้ล่ะ เรนบอกว่าตนก็เพิ่งรู้เวลาคอนเฟิร์มมาเหมือนกัน พสุถามว่าแล้วมาบอกตนทำไม เรนนิ่งคิดเครียด ชี้แจงว่า

“ฉันไม่สามารถออกตัวคัดค้านพ่อฉันได้อยู่แล้ว ยังไงเขาก็ขึ้นชื่อว่าพ่อที่เลี้ยงดูฉันมา มีแต่วิธีนี้เท่านั้นแหละที่ฉันพอจะทำเพื่อไถ่ความผิดในใจได้ ที่สำคัญวันนี้

พวกชาวบ้านที่ภูสรวงไปปลูกป่าใกล้ๆ จุดส่งของด้วย ฉันกลัวจะมีเรื่องกัน”

พสุพยักหน้าเข้าใจเหตุผลของเรน เธอชำเลืองมองพสุแว่บหนึ่งเห็นสายตาเข้าใจและห่วงใยของเขา เธอ

รีบหลบสายตานั้น ดึงความรู้สึกกลับแล้วรีบลงจากรถหนีความรู้สึกของตัวเองไปอย่างเร็ว

เมื่อพสุกลับไปเล่าให้ภาคินฟัง ภาคินถามเขาว่าเราจะไว้ใจเรนได้จริงๆหรือ เราน่าจะเช็กข้อมูลให้แน่ใจก่อน เป็นคำทักท้วงเหมือนกับที่ภูริชเคยบอกเขาเรื่องที่ช่วยศักดิศรออกมาว่า ตนไม่อยากให้เขาไว้ใจเรนมากเกินไปผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา เวลานั้นพสุบอกภูริชว่าตนจะระวังตัวก็แล้วกัน

แต่ครั้งนี้ฟังภาคินแล้วพสุบอกว่าเราไม่มีเวลาไปทำอะไรอย่างนั้นทัน คงต้องเอาอาสาสมัครไปช่วยกันเดวิดไว้ก่อน อย่างน้อยก็ยังดีกว่าเราไม่ทำอะไรเลย บอกภาคินกับทิชาว่า

“ถ้าเกิดอะไรขึ้น พี่จะรับผิดชอบเอง ทิกับคินแค่ไปช่วยเป็นแบ็กอัพให้พี่ เผื่อเกิดอะไรขึ้นก็พอ” ทิชาถามว่าบอกภูริชหรือยัง พสุพยักหน้าบอกว่า “คุยกันบ้างแล้ว พี่อยากให้ภูเฝ้าศักดิศรไว้ก่อน ไม่อยากให้เกิดเรื่องซ้ำรอยกับไผ่”

ทิชากับภาคินพยักหน้าเห็นด้วย

ooooooo

ขณะที่เดวิด อาร์ม กับตุลย์กำลังเช็กอาวุธก่อนออกทำงานนั้น เรนมาเคาะประตูเข้ามาหน้าตาไม่สบายใจ อาร์มถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เรนส่ายหน้า ตุลย์ถามว่าเรนไม่ไปด้วยกันแน่ใช่ไหม เรนพยักหน้า

“ไม่ต้องไปน่ะดีแล้ว ไปทำบุญกับแม่เรานั่นแหละ จะได้ไม่ต้องมาใจอ่อนให้เสียงานอีก” เดวิดเหน็บนิดๆ

เรนได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ

เอวาตื่นขึ้นมาตอนเที่ยง เธอตกใจคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นกดโทร.ออกพลางลุกขึ้นอย่างลนลาน คุยโทรศัพท์โวยวายกับทีมงานว่าทำไมไม่เห็นมีใครโทร.มาตามตนเลย ทีมงานบอกว่ามีคนโทร.มาบอกว่าเธอไม่สบายพวกตนจึงออกมากันเอง

“ฉันจะรีบตามไปเดี๋ยวนี้”

เอวาบอกด้วยสีหน้าแปลกใจ แล้วไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างเร่งรีบ

ooooooo

พสุคุยกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้เสร็จก็เดินมาบอกทิชากับภาคินที่ยืนอยู่ข้างรถตู้ของหน่วยพิเศษว่า

“ทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้พร้อมแล้ว ทิกับดินสแตนด์บาย เผื่อพี่เรียกแล้วกัน”

“โชคดีครับพี่” ภาคินเอ่ย ทั้งภาคินและทิชาต่างยิ้มให้พสุ พสุยิ้มรับเดินกลับไปสมทบกับพวกเจ้าหน้าที่ป่าไม้

ภูริชที่มีหน้าที่เฝ้าศักดิศรที่โรงพยาบาล จู่ๆก็ได้รับข้อความส่งเข้ามาว่า “พสุกำลังตกอยู่ในอันตราย!”

ส่วนเรนที่ไปวัดกับจุรีจันทร์ เธอมีสีหน้าไม่สบายใจ จนจุรีจันทร์ดูออกบอกว่า “มีธุระอยากทำก็ไปเถอะลูก ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวแม่เรียกคนรถมารับกลับเองได้” เรนยิ้มดีใจขอบคุณแล้วออกวิ่งอ้าวไปทันที จุรีจันทร์มองตามด้วยแววตาสงสาร

ที่รถตู้หน่วยพิเศษ ทิชาคุยโทรศัพท์กับภูริช เธอถามเขาว่าใครเป็นคนส่งข้อความให้เขา ภูริชบอกว่า ไม่รู้เพราะโทร.กลับก็ไม่มีคนรับสาย มีข้อสังเกตว่า “เหมือนตอนที่ศักดิศรโทร.บอกเรื่องหลักฐานกับพี่ดินเลย” ภูริชบอกว่าตนโทร.หาพสุแล้วแต่ไม่รับสายเหมือนกัน เปรยๆ กับทิชาว่า “รู้สึกสังหรณ์ใจยังไงก็ไม่รู้”

“เอางี้...เดี๋ยวทิลองติดต่อพี่ดินดู ถ้าไม่ได้เรื่องยังไงจะตามเข้าไปดู” ทิชาบอก ภูริชขอบใจบอกทิชาว่าเดี๋ยวตามไปก็แล้วกัน ว่าแล้วก็กระโดดขึ้นรถขับออกไปอย่างรีบร้อน

พอเรนแยกจากจุรีจันทร์ก็ขับรถตะบึงไปอย่างเร็วด้วยความเป็นห่วงพสุ

ooooooo

เย็นแล้ว ที่อีกมุมหนึ่งของป่า ลูกน้องเดวิดกำลังขนไม้ขึ้นรถกระบะหลายคัน มีผ้าใบคลุมมิดชิดทุกคัน เดวิดยืนคุมอยู่ด้วยความพอใจ ครู่หนึ่งลูกน้องวิ่งมารายว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว

“ได้เวลาแล้ว ไปได้เลย” เดวิดสั่ง ยิ้มร้ายกับแผนของตน แล้วเดินไปขึ้นรถนั่งคู่คนขับคันหน้าสุด พอรถกระบะคันแรกเคลื่อนออก อีกหลายคันก็เคลื่อนตามไป

รถกระบะหลายคันขับตามกันมายังจุดที่รถเจ้าหน้าที่ป่าไม้ซุ่มอยู่ รถเจ้าหน้าที่ป่าไม้ออกมาขวางรถกระบะจนต้องจอด เจ้าหน้าที่ป่าไม้สั่งให้ทุกคนลงจากรถให้หมด แต่พอคนในรถลงมา กลายเป็นแค่ชาวบ้านคนหนึ่งเท่านั้น คนในรถคันอื่นๆต่างลงจากรถตามคำสั่งล้วนแต่เป็นชาวบ้านทั้งสิ้น!

พสุอึ้ง เพราะชาวบ้านเหล่านี้ไม่น่าจะเป็นพวกทำผิดกฎหมายที่อีกมุมหนึ่งของป่า รถกระบะที่ขนไม้มากับเดวิดขับตามๆกันมา เดวิดที่นั่งอยู่ในรถคันแรกหยิบโทรศัพท์สั่ง

“จัดการได้เลย”

ชาวบ้านที่พสุสั่งให้ลงจากรถคนหนึ่งบอกเขาว่าพวกตนเพิ่งไปปลูกป่ากับคนของมูลนิธิเดวิดมา พสุถามว่าแล้วเจ้าหน้าที่มูลนิธิตอนนี้อยู่ไหน? ชาวบ้านคนนั้นบอกว่ากำลังตามมา

เจ้าหน้าที่ป่าไม้เดินไปเปิดผ้าใบที่คลุมรถกระบะทุกคัน ปรากฏว่าทุกคันเป็นรถเปล่า! เจ้าหน้าที่ป่าไม้มาบอกพสุบอกว่ามีแต่รถเปล่าทุกคัน ถามพสุว่าเขาได้ข่าวขนไม้เถื่อนจากที่ไหนมา?

พสุเอะใจถามชาวบ้านว่า มากับเจ้าหน้าที่มูลนิธิเดวิดแล้วเอวามาด้วยหรือเปล่า ชาวบ้านบอกว่าวันนี้

เอวาไม่สบายไม่ได้มาด้วย

ทันใดนั้นเสียงปืนกึกก้องขึ้น ชาวบ้านที่ยืนคุยอยู่กับพสุถูกยิงร่วงลงไปกองกับพื้นสถานการณ์กลายเป็นการสู้รบทันที! อาร์มกับตุลย์และลูกน้องอาวุธครบมือซุ่มยิงพวกพสุอย่างเลือดเย็น เจ้าหน้าที่ป่าไม้กับชาวบ้านถูกยิงล้มตายเป็นใบไม้ร่วง พสุตะโกนให้ทุกคนหมอบลง ชาวบ้านบางส่วนตกใจวิ่งกันแตกตื่น

อาร์มกับตุลย์และลูกน้องเห็นว่าฝ่ายตนได้เปรียบจึงลุกยืนยิ้มเหี้ยมหมายปิดบัญชีแค้นกับพสุให้ได้ในวันนี้

ooooooo

ทิชากับภาคินกำลังบ่ายหน้าไปยังจุดเป้าหมาย ภาคินได้ยินเสียงปืนเสียงระเบิดกึกก้องก็รู้ว่ามีการปะทะกัน แล้วบอกทิชาให้รีบโทร.เรียกกำลังเสริมกับรถพยาบาลด่วน

พสุอยู่ในสนามรบ เขาเป็นห่วงชาวบ้านตะโกนให้รีบหนีไปตนจะคุ้มกันให้ ชาวบ้านวิ่งกรูกันไป พสุยิงคุ้มกันจนกระสุนหมด รีบเอากระสุนสำรองมาเปลี่ยน เห็นชาวบ้านถูกยิงตายกันหมด เห็นระเบิดถูกปามาทางตน เขาหลบทัน เสียงระเบิดกึกก้องฝุ่นฟุ้งตลบ

ที่ป่าอีกมุมหนึ่ง มีกำลังอีกกลุ่มจำนวนมากพอสมควร ลงจากรถตู้วิ่งเข้ามาในสมรภูมิการต่อสู้

พอฝุ่นจางจึงเห็นว่าชาวบ้านล้มตายเป็นเบือ อาร์มกับตุลย์และลูกน้องเดินเข้ามาอย่างสะใจ อาร์มตะโกนอย่างผยอง

“หาศพไอ้พสุให้เจอ กูอยากเห็นว่ามันตายจริงๆ”

แต่ลูกน้องอาร์มไม่ทันขยับก็ถูกกองกำลังที่เพิ่งมาถึงยิงตายคาที่ อาร์มกับตุลย์ถามกันด้วยสายตาว่าเกิดอะไรขึ้น? ฝีมือใคร? พวกลูกน้องอาร์มถูกยิงตายเกลื่อน ตุลย์เห็นท่าไม่ดีบอกอาร์มให้รีบหนีไปก่อน อาร์มวิ่งไปอย่างเจ็บใจที่สถานการณ์พลิกกลายเป็นฝ่ายถูกกระทำ พวกลูกน้องอาร์มที่เหลือวิ่งตามไป

กองกำลังที่เพิ่งมา กระจายกันออกทั่วสนามรบเพื่อค้นหาร่างของพสุ ลูกน้องคนหนึ่งตะโกนบอกว่า

“ทางนี้ครับ”

คนที่เป็นหัวหน้าเดินไปดู เห็นพสุนอนอยู่ในสภาพหมดสติเลือดอาบร่าง เขาย่อตัวลงจับชีพจร

พยักหน้าบอกลูกน้องว่ายังไม่ตาย พอดีเสียงรถของทิชากับภาคินดังมาแต่ไกล เขาสั่งลูกน้อง “ไปกันได้แล้ว”

ooooooo

เรนวิ่งมายังที่เกิดเหตุ พลันก็ต้องหลบเมื่อได้ยินเสียงคนกำลังวิ่งสวนมา เป็นอาร์มกับลูกน้องนั่นเอง เรนมองตามอย่างแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับอาร์ม พอเห็นพวกอาร์มวิ่งผ่านไปแล้วจึงออกจากที่ซ่อนวิ่งตรงไปยังที่เกิดเหตุ

เรนตกใจเมื่อเห็นศพเกลื่อนมีทั้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ชาวบ้าน และลูกน้องของอาร์ม เธอเดินหาจนเจอพสุนอนเลือดเต็มตัว เรนตรงไปประคองเขาขึ้นกอดน้ำตาท่วม...

“คุณพสุ ฉันขอโทษ”

“ผมรู้แล้วว่าคุณต้องมา” พสุพูดเสียงอ่อนแรง เรนดีใจมากที่เขายังไม่ตาย “คุณรีบหนีไปเถอะ ผมไม่อยากให้คุณเดือดร้อน ผมยังไม่ตายง่ายหรอก”

เรนพยักหน้า ซึ้งใจที่แม้ในยามที่ตัวเองกำลังอยู่ในสภาพสาหัสเขาก็ยังเป็นห่วงตน เธอค่อยๆวางเขาลงลุกวิ่งไป พสุมองตามจนสุดสายตา พลันก็ได้ยินเสียงทิชากับภาคินตะโกนเรียกหาตนอยู่ พอเจอทั้งสองก็วิ่งมาหาดีใจที่เขายังรู้สึกตัว

ครู่เดียวภูริชกับเอวาก็มาถึง ภูริชหน้าเครียดเมื่อเห็นศพมากมาย เอวาเห็นศพชาวบ้านที่มาช่วยตนปลูกป่าก็หน้าเสีย

ภูริชเห็นภาคินประคองพสุอยู่ก็รีบไปหาถามว่า “พี่ดินเป็นยังไงบ้าง”

“มากันพร้อมหน้าพร้อมตาเลยนะ” พสุมองหน้าทุกคนยิ้มให้ทั้งที่ตัวชุ่มเลือด แล้วหมดสติไป ทุกคนผวาตกใจ!

ทิชาเห็นเอวาก็แค้นใจตรงเข้าไปพูดใส่หน้าว่าถ้าพสุเป็นอะไรไปตนจะเอาเรื่อง...ภูริชรีบปิดปากเธอไว้บอกให้ใจเย็นๆ เอวาไม่รู้เรื่องนี้ ทิชายอมรับว่าพอเห็นหน้าพวกนี้ตนก็ทนไม่ได้ ภาคินบอกว่าเอวาไม่รู้เรื่องอาละวาดกับเธอก็ช่วยอะไรไม่ได้

พาพสุไปถึงโรงพยาบาลแล้ว ภูริชกับเอวายืนคุยกันอยู่มุมหนึ่ง เอวาถามว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่ถึงต้องยิงกันตายด้วย ภูริชยังตอบอะไรไม่ได้ บอกเธอว่า “ผมก็อยากรู้พอๆกับคุณแหละ”

พสุอยู่ในห้องฉุกเฉิน แพทย์พยาบาลทำงานกันอย่างเคร่งเครียด ปรากฏว่าชีพจรของพสุเต้นอ่อนลง ...อ่อนลง...จนหยุด! หมอสั่งให้เตรียมเครื่องปั๊มหัวใจ แต่ปั๊มอย่างไรหัวใจก็ไม่เต้น หมอกับพยาบาลมองอย่างเป็นห่วงว่าคงไม่รอดเพราะบาดแผลฉกรรจ์และเสียเลือดมาก ทุกคนในห้องตกอยู่ในความเงียบงัน

พสุหยุดหายใจไปแล้ว แต่ในอีกมิติหนึ่ง...เขาได้ยินเสียงถาวรผู้เป็นพ่อมาบอก...

“ดิน...ยังตายไม่ได้นะลูก...”

ในความฝันนั้น พสุเจอพ่อที่ลานใต้ต้นไม้ใหญ่ที่พ่อปลูกไว้ เขาได้ยินเสียงเรียก พอเห็นเป็นพ่อ พสุยิ้มดีใจ วิ่งไปกอดพ่อ ถาวรยกมือลูบศีรษะพสุอย่างแสนรัก พสุผละออกถามพ่อว่า “พ่อครับ...นี่ผมตายแล้วใช่ไหม”

“ยังหรอกลูก...ลูกยังตายไม่ได้ ลูกยังมีหน้าที่ต้องอยู่ช่วยดูแลรักษาป่าไม้ต่อไป อย่าลืมที่สัญญากับพ่อสิ ลูกน้องล้างมลทินให้ลุงพิภพแล้วก็จับคนร้ายมาลงโทษให้ได้...ดูแลต้นไม้แทนพ่อด้วยนะ”

“ครับพ่อ...” พสุรับคำมองหน้าพ่ออย่างมีกำลังใจ สองพ่อลูกยืนมองต้นไม้ใหญ่ด้วยกันอย่างภูมิใจ

ooooooo

ค่ำนี้...ณ มูลนิธิเดวิดที่ภูสรวง บรรยากาศตึงเครียดมาก เดวิดโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงเมื่อรู้ว่ามีกองกำลังมาช่วยพสุ ถามอาร์มกับตุลย์ว่าพวกมันเป็นใคร ทั้งสองส่ายหน้า ถูกเดวิดด่าว่าไม่ได้เรื่อง แค่นี้ก็จัดการไม่ได้

ตุลย์รีบอธิบายว่าถ้าอยู่ต่อตนเกรงว่าอาร์มจะเป็นอันตรายจึงบอกให้ถอยดีกว่า ทำให้เดวิดเงียบไป แต่ก็คำรามกับตัวเองอย่างเจ็บใจว่า “ใครมันกล้ามาเป็นศัตรูกับกู!”

เวลาเดียวกัน เรนปลอมตัวเป็นหมอไปเยี่ยมพสุที่ห้องฉุกเฉิน พสุหลับไม่สนิทเขาได้ยินเรนเอ่ยอย่างห่วงใยว่า “คุณต้องไม่เป็นอะไรนะ” เธอเลื่อนมือมาแตะแขนเขาเบาๆ พูดทั้งน้ำตา “ฉันขอโทษที่ทำให้คุณเป็นแบบนี้ หายเร็วๆนะคะ”

พสุได้ยินเสียงก๊อกแก๊กลืมตาดูเห็นคนในชุดขาวกำลังเปลี่ยนสายน้ำเกลือ เขามองไปรอบๆ สงสัยตัวเองว่า เมื่อกี๊นี้เป็นความฝันหรือความจริง? แล้วก็หลับไปอย่างอ่อนแรง...

ooooooo

เรนออกมาถอดเสื้อกาวน์ทิ้งถังขยะตรงไปที่รถ ถูกภูริชมาดักถามว่ามาดูว่าพสุตายแล้วหรือยังใช่ไหม ถูกเรนตวาดว่าไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่า จ้องหน้าภูริชบอกว่าถ้าอยากให้พสุปลอดภัยก็ให้ปล่อยข่าวว่าพสุอากรหนักเป็นตายเท่ากัน

เมื่อกลับมาเจออาร์มที่บ้าน เรนถามอย่างไม่พอใจว่า ทำไมไม่ทำตามที่แด๊ดดี้ตกลงกับตนไว้! อาร์มเสียงแข็งใส่ว่าให้จำใส่กะโหลกไว้ว่า “มันเป็นศัตรู!”

ความจริงคือ เดวิดบอกเรนว่าเพื่อเป็นการพิสูจน์ตัวเอง ตนจะให้โอกาสเรนอีกครั้งให้เธอทำทุกอย่างให้พสุไว้ใจแล้วทำให้เขาออกจากงานให้ได้ เรนไปตกลงกับภูริชให้ปล่อยตัวศักดิศร ย้ำว่าถ้าไม่อยากให้พสุตายต้องร่วมมือกับตน!

“สุดท้ายเรนมันก็ยอมไปตกลงกับภูริชเรื่องปล่อยตัวไอ้ศักดิศร”

เดวิดบอกว่าพอพสุตายใจก็ให้เรนไปบอกเรื่องการส่งของ ตนจะจัดฉากให้พสุเป็นแพะทำร้ายชาวบ้านแต่ให้อาร์มกับตุลย์เป็นคนลงมือ อาร์มถามว่าเขาสั่งให้ตนเก็บพสุไม่ใช่หรือ

“ไอ้นี่มันดวงแข็ง แด๊ดเลยคิดเผื่อว่าถ้ามันตายก็ดี แต่ถ้ามันไม่ตายมันก็เสร็จเราอยู่ดี ทีนี้พวกชาวบ้านที่มันคิดแข็งข้อกับเราจะได้เข็ด เลิกหันไปปลูกป่าเสียที” เดวิดยิ้มร้ายอย่างสะใจ

ในที่สุดเอวาก็รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของเดวิด เรนพยายามแก้ต่างให้เดวิดว่าคนที่ขัดแย้งกับพสุมีหลายกลุ่ม แต่เอวาก็ยังอดสงสัยไม่ได้ เธอภาวนาขอให้จับตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้ด้วยเถิด

ส่วนเดวิดเมื่อแผนการสำเร็จแล้วก็ทำเป็นนักบุญไปเยี่ยมครอบครัวผู้เสียชีวิตและแจกเงินเยียวยา

เอวาไปขอโทษชาวบ้านผู้สูญเสีย ชาวบ้านบอกว่าต่อไปคงไม่มีใครไปปลูกป่าอีกแล้ว เอวาสะอึกอึ้ง

ในขณะที่เดวิดที่แอบฟังอยู่ยิ้มสะใจที่แผนการของตนสำเร็จด้วยดีโดยเร็ว

ooooooo

มะยมเป็นลูกชาวบ้านที่ไปช่วยกันปลูกป่าและพ่อแม่ถูกยิงตายหมด มะยมเก็บความแค้นไว้ในใจหมายแก้แค้นแทนพ่อแม่ เพราะเธอแอบได้ยินอาร์มตะโกนว่า

“หาศพไอ้พสุให้เจอ กูอยากเห็นว่ามันตายจริงๆ”

มะยมรู้แก่ใจว่าการฆ่าครั้งนี้เป็นฝีมือของพวกอาร์ม กำมีดซุ่มหมายแก้แค้น แต่เรนมาเจอเสียก่อนดึงไปหว่านล้อมว่า

“หนูต้องเข้มแข็งเอาไว้นะ พี่ก็เป็นเด็กกำพร้าเหมือนกัน หนูยังโชคดีกว่าพี่ที่ยังมีโอกาสได้อยู่กับพ่อแม่ ส่วนพี่ยังไม่รู้เลยว่าพ่อแม่พี่เป็นใคร”

มะยมนิ่งไปอย่างเห็นใจ กอดเรนร้องไห้ เรนลูบหัวมะยมอย่างคนที่ตกอยู่ในชะตาเดียวกัน

ภูริชได้รับการทาบทามจากอธิบดีให้เป็นตำรวจป่าไม้ แต่ให้เวลาเขาไปคิดก่อนตัดสินใจ

ที่แท้ภูริชรู้จากการเยาะเย้ยของอาร์มแล้วว่า เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเรนเป็นคนวางแผน แต่ทิชาท้วงติงไว้ ไม่อยากให้เขาบอกพสุตอนนี้เกรงจะกระทบกระเทือนจิตใจในขณะที่ร่างกายเขาก็ได้รับบาดเจ็บมากพอแล้ว ภูริชจำต้องพยักหน้ารับ เขาถามทิชาว่าเรื่องที่ให้ไปสืบหาเบอร์ที่ส่งข้อความล่ะ ถึงไหนแล้ว ทิชาส่ายหน้าบอกว่า...

“มันเป็นเบอร์ที่ไม่ได้ลงทะเบียน แล้วก็ปิดเครื่องตลอดเวลา ทิเลยหาตำแหน่งไม่ได้”

“เบอร์นี้น่าจะเปิดเฉพาะตอนที่ต้องการแจ้งข่าวเราเท่านั้นมากกว่า” ภาคินเสริม ภูริชฟังอย่างติดใจสงสัย

ooooooo

แสงสุดาไปเยี่ยมพสุที่ห้องพักโรงพยาบาล พสุถูกแม่รบเร้าให้เลิกทำงานนี้เสีย พสุบอกแม่อย่างอึดอัดใจว่าเลิกพูดเรื่องนี้เถิด เราคุยกันมาหลายร้อยรอบแล้ว

ขณะสองแม่ลูกกำลังตึงเครียดกันนั้น ภูริช ทิชา และภาคินก็ผลักประตูเข้ามา เห็นบรรยากาศแล้วทั้งสามรับรู้ถึงความไม่ปกติ แสงสุดาฝืนยิ้มบอกทั้งสามว่าขอออกไปโทรศัพท์รายงานปู่ของพสุก่อนเพื่อให้ทั้งหมดได้คุยกันอย่างสะดวกใจ

“มีใครเจอคุณเรนไหม พี่อยากจะขอบคุณเขาที่มาช่วยพี่” พสุถาม ทั้งสามสบตากันอย่างไม่สบายใจ พสุพูดต่อว่า “พี่อยากรู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ไม่รู้ว่าที่เรนมาช่วยพี่จะโดนเดวิดเล่นงานอีกรึเปล่า...พี่...”

“พี่เลิกพูดถึงเขาเสียทีเถอะ” ภูริชขัดขึ้น ทิชากับภาคินมองเหวอ ส่วนพสุงง ถามว่าเป็นอะไรของแก ภูริชถามอย่างขัดใจว่า “พี่รู้ได้ยังไงว่าเขามาช่วยพี่ เขาอาจจะเป็นคนวางแผนทั้งหมดก็ได้”

“แกมองคุณเรนในแง่ร้ายเกินไปหรือเปล่า พี่ว่าพี่มองคนไม่ผิด ไม่งั้นเขาคงไม่ช่วยชีวิตพี่ไว้ตั้งหลายครั้งหรอก”

ภูริชทำท่าจะทนไม่ได้ ทิชากับภาคินรีบยับยั้ง ภาคินเห็นพสุสงสัย บอกให้เขาพักผ่อนเสียแล้วขอตัวกลับทั้งหมดเวลาเดียวกัน เดวิดเห็นพสุยังไม่ตายเสียทีสั่งอาร์มว่าให้ไปเก็บเสีย “จัดการให้เร็วที่สุดอย่าให้เรนรู้เรื่องนี้เด็ดขาด”

เรนเข้าไปในห้องเดวิดไม่พบใครเลย เอะใจจึงโทร.หาอาร์มถามว่าอยู่ไหน อาร์มบอกว่ามาเที่ยว แต่เรนได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลประกาศเรียกคน เธอถามว่าอาร์มอยู่โรงพยาบาลใช่ไหม อาร์มไม่ตอบตัดบทว่า “แค่นี้นะ”แล้ววางสาย

เรนกังวลว่าอาร์มจะไปทำร้ายพสุ เธอโทร.หาภูริชทันที รอเขารับสายอย่างกระวนกระวาย แต่ไม่ทันใจเธอวิ่งออกไปจากห้องอย่างร้อนใจทันที...

ooooooo

หัวใจปฐพี

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด