ตอนที่ 11
อัลบั้ม: ทีวีซีนส่งละครแนวอนุรักษ์ป่าไม้ "หัวใจปฐพี"
คนที่จะให้คำตอบหรือเบาะแสนี้ได้มีคนเดียวคือปู่พิทักษ์ ทั้งสองไปหาและเล่าเรื่อง “นายไม้” ให้ฟังทั้งปู่และพสุต่างไม่มั่นใจว่าจะเป็นไปได้ ภูริชถามปู่ว่าก่อนถาวรพ่อของพสุจะหายตัวไปเขาตามสืบเรื่องอะไรอยู่
ปู่บอกว่าตามเรื่องนายทุนบุกรุกป่าซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่ปู่ก็นึกได้ว่ามีเรื่องแปลกๆอยู่เรื่องหนึ่ง นั่นคือ...
วันหนึ่งถาวรบอกว่าจะไปสืบอะไรที่ต่างจังหวัด 2-3 วัน ถ้ายิ่งยศมาถามหา ฝากปู่บอกว่าเอกสารเก็บอยู่ที่ปลอดภัยแล้ว แต่ปู่ก็ไม่รู้ว่าเอกสารที่ว่านั้นอยู่กับใครและกลุ่มเพื่อนของถาวรนอกจากอธิบดียิ่งยศแล้ว ยังมีใครอีกหรือเปล่า?
“พ่อแกมีผู้ช่วยที่สนิทกันอยู่คนนึง แกลองไปถามเขาดูสิ”
คำบอกเล่าของปู่ทำให้ทั้งพสุและภูริชมีความหวังขึ้นมา
จากการไปสอบถามจากเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์พันธุ์สัตว์ป่าเพื่อนของถาวรในเย็นวันนี้ ได้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า
คนชื่อ “สม” ที่มาเอาเอกสารกับเจ้าหน้าที่คนนั้นบอกว่าถาวรเป็นคนให้มาเอาทั้งที่ถาวรหายสาบสูญไปนานแล้วแม้แต่ศพก็ไม่มีใครพบ พสุจำได้ว่าลุงสมเคยบอกว่าไปตามสืบเอาเอกสารจากพรรคพวกเก่าๆของแก
“คุณลุงพอจะทราบไหมครับว่าเอกสารที่ว่ามันเกี่ยวกับอะไรครับ” ภูริชถามเจ้าหน้าที่คนนั้น
“โทษทีนะพ่อหนุ่ม ลุงก็ไม่ได้เปิดดูเหมือนกัน พี่ถาฝากให้ลุงเก็บไว้ ย้ำนักย้ำหนาว่าอย่าบอกใคร เก็บรักษาไว้ให้ดี”
ฟังจากเจ้าหน้าที่เพื่อนเก่าของถาวรแล้ว ทำให้พสุมีความหวังขึ้นมาว่า พ่ออาจจะยังมีชีวิตอยู่ เมื่อได้คุยกับอธิบดีท่านบอกว่า ก่อนที่พ่อเขาจะหายไปตนไปดูงานต่างประเทศพอดีเลยไม่ได้เจอกัน “แต่ผมก็ได้รับอีเมลจากพ่อคุณว่ากำลังตามสืบเรื่องสำคัญอยู่ กลับมาถึงเมื่อไรให้รีบติดต่อกลับ...แต่พอผมกลับมา พ่อคุณก็หายสาบสูญไปแล้ว”
ฟังจากอธิบดีแล้ว พสุก็เครียดขึ้นมาอีก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อกันแน่?
ooooooo
ตุลย์ถูกใช้ให้สืบการเคลื่อนไหวของพสุ ค่ำนี้เขามารายงานเดวิดที่ห้องทำงานว่าตอนนี้พสุกำลังตามหาข้าราชการชื่อถาวรอยู่ เดวิดพึมพำหงุดหงิดว่าจะตามหาทำไม
อาร์มถามว่าถาวรเป็นใครทำไมพ่อต้องกังวลด้วย เดวิดบอกว่าเป็นพ่อของพสุ เล่าหน้าเครียดว่า
“ถ้ามันยังอยู่ มันมีหลักฐานที่จะเอาผิดแด๊ดได้น่ะสิ เรื่องนี้ช่างมันก่อน” เดวิดถามตุลย์ว่า “ที่ฉันสั่งให้จัดการครอบครัวไอ้ภูริชล่ะ เมื่อไหร่จะทำเสียที”
ตุลย์บอกว่าตอนนี้ภูริชพักอยู่กับพสุไม่ได้อยู่กับครอบครัว แล้วเขาก็เอารูปที่ภูริชอยู่กับเกริกในบ้านให้ดู เดวิดจึงรู้ว่าที่แท้แล้วภูริชเป็นลูกของเกริก เดวิดหัวเราะอย่างสะใจพร้อมกับแผนการบางอย่างที่คิดได้ในฉับพลัน
เดวิดโทร.เรียกเกริกมาพบทันที จนเกริกสงสัยว่ามีเรื่องอะไรเรียกมาพบกันกลางดึก
เดวิดบอกว่าตอนนี้พสุกำลังตามหาถาวรอยู่ ถามเกริกว่าแน่ใจหรือว่าถาวรตายแล้ว เกริกยืนยันว่าตนเห็นกับตาตัวเอง เดวิดเปลี่ยนเรื่องทันทีว่าทำไมไม่บอกว่าภูริชเป็นลูก เกริกตั้งหลักไม่ทัน นิ่งไปอึดใจจึงทำเป็นเล่าอย่างไม่แยแสว่า
“กะอีแค่ลูกเมียน้อย แยกกันอยู่ตั้งนานแล้ว มันทำมาหากินอะไรฉันยังไม่รู้เลย”
“ฉันอยากได้มันเป็นพวก” เดวิดยิ้มร้าย เกริกโวยวายว่าอย่าให้ตนพูดเลย เจอหน้ามีแต่ทะเลาะกัน อย่าไปยุ่งด้วยดีกว่า “แกไม่อยากพูดกับมันไม่เป็นไร ฉันมีวิธี” เดวิดตัดบท เกริกทำเป็นยักไหล่ไม่แคร์ทั้งที่ใจร้อนรุ่ม
กลับถึงบ้าน เกริกไปเคาะประตูเรียกจงเดือนออกมาบอกว่าทำอย่างไรก็ได้ให้ภูริชไปเรียนต่อหรือไปอยู่เมืองนอกเสีย จงเดือนงง เกริกตัดบท “คุณไม่ต้องรู้ว่าทำไมหรอก ทำตามที่ผมพูดก็แล้วกัน”
คืนเดียวกัน ทิชาดูข่าวทีวีเกี่ยวกับการตัดไม้ทำลายป่าแล้วก็รู้สึกตัวเองผิดที่ลาออกจากงาน
เช่นกัน ภาคินเห็นหนังสือเกี่ยวกับป่าไม้มากมายในห้องแล้วก็นึกเสียดายวิชาความรู้ที่ได้เรียนและค้นคว้ามา เขาทรุดนั่งกุมหัวอย่างคิดหนัก
เดวิดทำสงครามจิตวิทยากับภูริช โดยส่งภาพที่ตนอยู่กับเกริกหลายรูปเข้ามือถือของภูริช
ไม่นานเดวิดก็โทร.ถามว่าดูรูปครบหรือยัง ภูริชถามว่าเขาต้องการอะไร เดวิดตอบทันทีว่าให้ทำลายหลักฐานที่พวกเขามีทั้งหมดแล้วมาเป็นพวกตนถ้าไม่อยากเห็นพ่อตัวเองเดือดร้อน! ขู่ทิ้งท้ายว่า “ถ้าฉันติดคุกพ่อแกก็ต้องคิดคุกเหมือนกัน!”
ภูริชไปหาเกริกที่บ้านถามว่าคราวก่อนตนถามเรื่องเดวิดทำไมพ่อปกป้องมันไม่บอกความจริงกับตน เกริกนิ่งอึ้งเมื่อถูกภูริชคาดคั้นก็บอกว่า
“พ่อทำเพื่อปกป้องแก พอใจรึยัง เดวิดมีอิทธิพลมาก ถ้าพ่อไม่ร่วมมือกับมัน ครอบครัวเราก็จะโดนมันฆ่าเหมือน...”
“ผมไม่มีทางทำผิดเหมือนพ่อแน่!” ภูริชโพล่งไปอย่างโกรธจัดแล้วเดินผละไป
“ภู...” เกริกตะโกนเรียกอย่างเสียใจที่ภูริชไม่เข้าใจตน
ooooooo
ภูริชฝังใจมาแต่เด็กว่าพ่อไม่รักตน แต่วันนี้ความรู้สึกเปลี่ยนไป เมื่อได้ฟังจงเดือนผู้เป็นแม่เล่าให้ฟังว่า
“แม่ก็ไม่รู้ธุรกิจของพ่อมากนักหรอกนะ รู้แค่ว่าคนมีอิทธิพลขอให้พ่อเราช่วยงาน พ่อเราจำใจทำตามเพราะไม่อยากให้พวกเราเดือดร้อน... พ่อเขาส่งเราไป เรียนเมืองนอก ไม่ใช่เพราะเขาไม่รักภูนะ แต่เพราะเขาห่วงความปลอดภัยของภู”
ภูริชฟังแม่แล้ว เขายกมือลูบหน้าตัวเองเครียดๆ
“พ่อเขาพยายามถอนตัวออกมาจากอีกฝ่ายแบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น แม่รู้ว่าพ่อเขาอึดอัดใจมากแต่เขาเป็นคนไม่ค่อยพูด ภูก็เลยไม่เข้าใจ”
“มีอะไรที่ผมยังไม่รู้อีกไหมครับแม่” ภูริชถามเศร้า
“เมื่อคืนพ่อเขาขอให้แม่ช่วยพูดให้ลูกกลับไปเรียนต่อ ดูเขาร้อนใจมากนะภู” ภูริชโผกอดแม่อย่างรู้สึกผิดกับความจริงที่เพิ่งรู้ จงเดือนลูบหัวลูกชายอย่างอ่อนโยน พูดต่ออย่างสะเทือนใจว่า “พ่อเขายอมให้ลูกเกลียด ยอมให้ลูกเข้าใจผิด จะได้ห่างๆกัน พ่อเขา เสียสละเพื่อภูมากเลยนะลูก” ยิ่งฟังแม่เล่า หัวใจที่แข็งกระด้างต่อพ่อของภูริชก็ยิ่งสะเทือน...เจ็บปวด
ภูริชไม่ได้เล่าเรื่องของตนให้ใครฟัง แต่ความสะเทือนใจก็ทำให้เขาเศร้าซึมจนพสุดูออก แต่พอถามเขาก็เลี่ยงที่จะเล่า
ส่วนเดวิดคิดจะอาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัวของเอวากับภูริชมาเป็นประโยชน์ เขาทำทียอมรับความสัมพันธ์นี้บอกเอวาให้นัดภูริชมาทานข้าวเพื่อทำความรู้จักกัน แต่เดวิดไม่ได้นัดภูริชมาเท่านั้น หากยังนัดเกริกมาโดยไม่บอกก่อนแล้วทำเป็นเพิ่งรู้ว่าสองคนเป็นพ่อลูกกันที่โต๊ะอาหารนั่นเอง
เดวิดทำเป็นยินดียอมรับภูริช เขายื่นเมนูให้ภูริชกับเอวาเลือกอาหารบอกว่า “อยากกินอะไรสั่งเลยลูก คนกันเองทั้งนั้น” แล้วมองหน้าภูริชถามว่า “รู้รึเปล่าว่าลุงกับพ่อเราน่ะ สนิทกันตั้งแต่เรายังไม่เกิดเลยนะ” แล้วพูดกับเกริกอย่างสนิทกันมากว่า “แกก็แสบจริงๆ ปิดมาได้ตั้งนาน”
ไม่ว่าเดวิดจะสร้างบรรยากาศอย่างไร แต่เอวาก็ดูออกและรู้สึกถึงความไม่ปกติ แต่เธอก็ไม่พูดอะไร
หลังทานอาหาร แยกย้ายกันกลับ ภูริชกับเกริกรอจนรถของเดวิดเคลื่อนออกไปแล้ว ภูริชถามเกริกว่า
“เรื่องนัดกินข้าววันนี้ พ่อร่วมมือกับมันด้วยรึเปล่า” เกริกมองภูริชอย่างผิดหวัง ย้อนถามว่า
“แกเห็นหน้าฉันมีความสุขไหมล่ะ?” พูดแล้วเกริกแยกไปขึ้นรถตัวเองขับออกไปอย่างเร็ว ภูริชยืน มองอยู่ ครู่เดียวเดวิดก็โทร.เข้ามือถือเขาพูดอย่างสะใจ
“ทำตามที่ฉันบอก ทิ้งอุดมการณ์โง่ๆของแกเสียเพื่อคนที่แกรักทั้งสองคน” พูดแล้ววางสายเลย ภูริชเจ็บใจที่ถูกเดวิดเล่นเล่ห์จนถือไพ่เหนือกว่า
ส่วนทิชากับภาคิน หลังจากต่างคิดทบทวนแล้ว วันนี้ทิชาเอากระเช้าผลไม้ไปเยี่ยมน้องชายภาคิน เขาบอกว่าอีกสองวันน้องก็กลับบ้านได้แล้ว ทั้งสองนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วต่างก็เรียกอีกฝ่ายขึ้นพร้อมกัน ภาคินให้ทิชาพูดก่อน เธอพูดไม่เต็มเสียงว่า
“คินว่าเราตัดสินใจเร็วไปไหมที่ลาออก ทิรู้สึกผิดยังไงไม่รู้ที่ทิ้งงานมาแบบนี้”
“ทำไงได้ล่ะ สุดท้ายเราก็ต้องห่วงคนที่เรารักมากกว่างานไม่ใช่เหรอ”
ทิชามองหน้าเขาถามว่าคิดอย่างนั้นจริงๆหรือ ภาคินส่ายหน้า น้องชายเขาที่นอนฟังอยู่พูดแทรกขึ้นอย่างรู้สึกผิดว่า
“พี่กลับไปทำงานเหมือนเดิมเถอะ ผมไม่อยากเป็นต้นเหตุให้พี่ลาออกจากงานที่พี่รัก”
“แต่ที่พี่เราลาออกเพราะไม่อยากเห็นเราได้รับอันตรายนะ” ทิชาติง น้องภาคินมองหน้าพี่ชายบอกว่า
“แต่ผมก็ไม่อยากให้พี่ยอมแพ้ง่ายๆเหมือนกัน” ทิชากับภาคินอึ้งไปกับคำพูดของน้องชาย
ooooooo
เช้าวันนี้ ที่หมู่บ้านภูสรวง พสุพูดคุยกับชาวบ้านยิ้มแย้มแจ่มใสอย่างเป็นหนึ่งเดียวกัน เขาเห็นภูริชยืนใจลอยอยู่ก็เข้าไปทักว่ามีอะไรหรือเปล่า ช่วงนี้ชอบทำหน้าเครียดๆ
ไม่ทันที่ใครจะพูดอะไร ทิชากับภาคินก็เดินเข้ามาบอกข่าวดีว่า ตนทั้งสองจะกลับมาทำงานเหมือนเดิมแล้ว และที่ดีกว่านั้นคือ ยังมีชาวบ้าน นักศึกษาและอาสาสมัครมาช่วยกันปลูกป่าด้วย พสุมองไปเห็นเขาเหล่านั้นกำลังช่วยกันขนกล้าไม้ลงจากรถกันอย่างคึกคัก ทิชาเล่าว่า
“พอคลิปของเราปล่อยออกไปก็มีคนตั้งแฟนเพจ ‘หัวใจปฐพี’ ขึ้นมา มีคนมากดไลค์เป็นหมื่น แล้วก็นัดรวมตัวกันเพื่อมาช่วยปลูกป่า”
“ไม่ใช่แค่ภูสรวงนะครับ ที่อื่นก็มีไปกัน พวกน้องๆ เขาบอกว่าจะปลูกป่าสู้กับพวกตัดไม้” ภาคินพูดต่อ หันมองพสุพูดให้กำลังใจว่า “พี่ดินไม่ได้สู้คนเดียวแล้วนะครับ มีคนคิดเหมือนพี่อีกเยอะเลย”
พสุมองไปรอบๆอย่างมีความสุข ในขณะที่ภูริชเกิดความรู้สึกขัดแย้งในใจ
ooooooo
ที่ห้องทำงานของเดวิด ตุลย์ยืนหน้าจ๋อยเบื้องหน้าเขา โดยมีอาร์มกับเรนยืนอยู่ไม่ห่าง ตุลย์เสนอว่าตอนนี้พวกอาสาสมัครปลูกป่าที่ภูสรวงมากันทุกวัน พวกตนทำงานลำบากมาก เสนอว่าช่วงนี้เราพักกันก่อนดีไหม
เดวิดตวาดว่าเรื่องแค่นี้ก็กล้ามาบอกให้ตนหยุดหรือ! ตุลย์บอกว่าไม่ใช่แค่นั้น แต่เราต้องระวังพวกนักข่าวอีก เรนยืนฟังอยู่เสนอว่าเราหยุดตอนนี้ยังทัน แค่นี้เราก็มีเงินทองเหลือกินเหลือใช้ไปทั้งชีวิตแล้ว
“ไม่มีทาง! กว่าฉันจะมายืนอยู่ตรงนี้ ฉันลำบากมากแค่ไหน ต่อให้พวกมันไปขุดหลักฐานอะไรมา ฉันก็ไม่กลัว”
เมื่อเรนตอบโต้ว่าต้องรอให้ตำรวจจับก่อนหรือถึงจะหยุด เดวิดตวาดว่าเป็นลูกไม่มีสิทธิ์มาห้ามตน เรนย้อนถามว่า
“ลูกเห็นพ่อทำผิด มันก็เป็นหน้าที่ของลูกที่ควรจะเตือนสติไม่ใช่เหรอคะ”
เดวิดโมโหจนหน้ามืดจะเข้าทำร้ายเรน อาร์มรีบเข้าไปขวางขอร้องให้ใจเย็นๆ เรนพูดเพราะเป็นห่วงแด๊ด
“ไม่ต้องมาห่วง ฟังฉันให้ดี อีกไม่นานหลักฐานทุกอย่างมันจะโดนทำลายหมดแล้ว พวกแกคอยดูแล้วกัน!”
ooooooo
ที่หน้ากรมอุทยาน อธิบดียิ่งยศเดินมารับพสุ ภูริช ทิชา และภาคินที่กลับจากปลูกป่าที่ภูสรวง ท่าน กล่าวยินดีต้อนรับการกลับสู่ทีมของทิชากับภาคิน ถามว่าทุกคนเหนื่อยกันไหม พสุบอกว่าเหนื่อยแต่ชื่นใจ
ขณะที่ทุกคนต่างชื่นชมยินดีกับงานในวันนี้ อธิบดีสังเกตเห็นภูริชเงียบผิดปกติถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ภูริชก็ยังคงตอบเหมือนทุกครั้งกับทุกคนว่าไม่มีอะไร บอกว่าห่วงเรื่องงาน ถามว่าแล้วคลิปที่เหลือ พสุจะให้ปล่อยเมื่อไร พอรู้ว่าจะให้ทิชาปล่อยคลิปแล้วส่งหลักฐานให้ตำรวจพร้อมๆกันไปเลย ภูริชก็นิ่งไปนึกเป็นห่วงเกริกที่จะต้องเดือดร้อนเพราะเดวิดขึ้นมา
เย็นนี้ภูริชจึงเข้าไปในห้องทำงานของทิชา เธอปิดเครื่องพอดี เขาบอกว่าอยากดูคลิปก่อนเผื่อมีอะไรจะเสนอ ทิชาจึงเปิดเครื่องให้ดู ภูริชแอบจำรหัสเข้าเครื่องของทิชา ดูเสร็จแล้วถามว่าจะปล่อยคลิปนี้เมื่อไหร่
“พรุ่งนี้ เก้าโมงเช้า”
บรรดาผู้ติดตามเรื่อง “นักบุญใจบาป” ต่างรอคอยที่จะได้ดูคลิปพรุ่งนี้เวลา 09.00 น.กันอย่างใจจดจ่อ
แต่ค่ำนี้เอง ภูริชก็แอบเข้าไปใช้ทัมบ์ไดรฟ์ก๊อบปี้ไฟล์ไว้แล้วลบไฟล์ต้นฉบับในเครื่องทิชาทิ้ง แม้จะรู้สึกลำบากใจและรู้สึกผิด แต่ภูริชก็ทำเพราะไม่อยากให้พ่อตัวเองเดือดร้อน
คืนนี้เอง ภูริชก็เอาทัมบ์ไดรฟ์ไปมอบให้อาร์มบนถนนเปลี่ยวที่นัดกันไว้!
ooooooo
เช้านี้ทิชามาที่ทำงานด้วยความหวังว่าจะเป็นวันปิดฉากเดวิด แต่แล้วเธอก็ตกใจแทบช็อกเมื่อ
เปิดคอมฯแล้วเห็นว่าไฟล์ที่เตรียมไว้ถูกลบหมด!
พวกเดวิดบ้างยืนบ้างนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก รอดูคลิปสุดท้ายแฉว่าใครคือนักบุญใจบาป
แต่จนถึงเวลา 09.00 น. ก็ไม่มีคลิปนั้น มีแต่ข้อความแสดงความเห็น บ้างก็ด่าว่า “หลอกกันนี่หว่า ไม่เห็นมีคลิปอะไรเลย”
ขณะทิชานั่งหน้าเครียดหาคลิปที่หายไปนั้น จู่ๆ ภูริชก็เดินเข้ามาหยิบอะไรบางอย่างออกมายื่นให้ทิชาบอกว่า
“ไฟล์ทิที่หายไปอยู่ในนี้”
ทิชาโกรธมากพุ่งเข้าไปจะเล่นงานถูกพสุมองปรามถามภูริชว่าเรื่องมันเป็นยังไง ภูริชเล่าให้ฟังแล้วสารภาพว่า
“ก่อนหน้านี้เราว่าทั้งนายแล้วก็พ่อเราที่ไม่ยอมทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่ตอนนี้กลายเป็นเราเองที่ทำผิด”
บรรยากาศเครียด สับสน พสุมองหน้าทิชากับภาคินทำนองว่าตนจะพูดกับภูริชเอง แล้วเขาก็ปลอบใจให้กำลังใจภูริชที่ยอมรับผิดแล้วให้ทิชากับภาคินให้อภัยเพื่อนด้วย ทั้งสองพยักหน้าแม้จะยังไม่หายเคือง
ภูริชขอโทษที่ทำให้ทุกคนผิดหวัง ถามว่าถ้าตนจะขออะไรอีกสักอย่างได้ไหม ทุกคนพยักหน้า
“ช่วยเลื่อนเวลาการปล่อยคลิปออกไปก่อน จนกว่าผมจะจัดการเรื่องครอบครัวให้เรียบร้อย”
ทุกคนพยักหน้ารับคำ
ooooooo
แล้วเดวิดก็ตาเบิกโพลงเมื่อเห็นคลิปโพสต์ลงจนได้ ครู่เดียวเขาก็ได้รับโทรศัพท์จากตำรวจ เมื่อไปที่ห้องสอบสวน เดวิดนั่งอยู่มีอาร์มยืนอยู่ด้านหลัง เดวิดโวยวายว่าภาพเหล่านั้นเป็นภาพตัดต่อ
เมื่อตำรวจบอกว่าทั้งภาพและเสียงมันชัดเจนว่าเป็นตัวเขา เดวิดหัวหมอตะแบงว่ามันไม่ใช่ภาพที่ตนตัดไม้กับมือ อึดใจเดียวทนายความของเดวิดก็มาถึง บอกตำรวจว่ามีอะไรให้ถามตน เดวิดจึงขอตัวกลับไปกับอาร์ม
ทิชางุนงงว่า ในเมื่อพวกเราไม่ได้เป็นคนปล่อยคลิปแล้วใครเป็นคนทำ ที่แท้เอวาเป็นคนทำ แต่ถูกเรนจับได้ดุเอวาว่าทำอย่างนี้ได้ยังไง รู้ไหมว่าทำให้แด๊ดเดือดร้อน เราเป็นลูกเราต้องปกป้องพ่อ
“นี่แหละวิธีปกป้องแด๊ดแบบของเอวา พี่เรนก็รู้ว่าสิ่งที่แด๊ดทำมันผิด แต่พี่เรนก็ไม่ห้าม เอวาไม่อยากเห็นแด๊ดทำผิดไปมากกว่านี้ หยุดแด๊ดตอนนี้ดีกว่าก่อนที่
ทุกอย่างจะสายเกินไป” เอวาร้องไห้อย่างอัดอั้น เรนถามว่าเอวาไม่สงสารแด๊ดเวลาโดนจับหรือ “พี่เรนคิดว่าเอวาไม่เสียใจเหรอ เอวาก็รักแด๊ดไม่แพ้พี่เรนหรอก”
เรนเห็นเอวาร้องไห้ก็สงสารดึงน้องไปกอดลูบหัวปลอบใจ
ภูริชกลับไปที่บ้าน ถามเกริกว่าตกลงจะไม่ยอมเล่าเรื่องเดวิดให้ตนฟังใช่ไหม เกริกบอกว่าถึงเวลาแล้วจะเล่าเอง ภูริชโทษว่าเพราะพ่อทำตัวแบบนี้เดวิดถึงได้ขู่ตนได้ เกริกอ้างว่า ตนถึงขอให้เขาลาออก เลิกยุ่งกับเรื่องนี้ เพราะภูริชไม่มีทางเอาชนะเดวิดได้
“ต่อให้มันยากแค่ไหนผมก็จะทำ ผมว่าอีกไม่นานหรอกที่พวกผมจะจัดการเดวิดได้” ภูริชนิ่งไปพักหนึ่งจึงขอร้อง
“พ่อช่วยพาแม่กับแม่ใหญ่ย้ายไปอยู่ที่อื่นก่อนได้ไหมครับ รอให้เรื่องเดวิดจบแล้วพ่อค่อยกลับมา ผมไม่อยากให้เดวิดใช้คนในครอบครัวมาขู่ผมอีก”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก เดวิดไม่กล้าทำอะไรพ่ออยู่แล้ว” เกริกนึกอะไรได้บอกว่า “ภูช่วยนัดเพื่อนลูกที่ชื่อพสุมาเจอพ่อหน่อยได้ไหม” ภูริชทำหน้าแปลกใจแต่ก็รับปาก
เมื่อพสุไปพบเกริกจึงรู้จากปากของเกริกเองว่า เดวิดเป็นคนฆ่าพ่อของเขา เกริกบอกพสุว่าตนเตือนเพราะไม่อยากให้เขาจบชีวิตเหมือนพ่อแล้วปล่อยให้แม่ต้องอยู่คนเดียว แต่พอพสุขอให้บอกว่าพ่อตนเสียไปอย่างไร เกริกก็ตัดบทว่า
“เรื่องที่มันผ่านไปแล้ว บางเรื่องก็อย่าไปรื้อฟื้นมันเลย เชื่อลุงเถอะนะ” เกริกมองพสุด้วยแววตาสงสาร เห็นใจ
ooooooo
เรนไปดักพบพสุที่หน้ากรมอุทยาน เห็นภูริชมาคนเดียวเธอถามว่าพสุไม่ได้มาด้วยหรือ ภูริชพูดอย่างลำบากใจว่าช่วงนี้อย่าเพิ่งเจอพสุดีกว่า เพราะเขาเพิ่ง รู้ความจริงว่าเดวิดเป็นคนฆ่าพ่อเขา
เรนรู้ความจริงนี้ เธอไปที่ลานกว้างใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ถาวรเป็นคนปลูก เอ่ยกับต้นไม้อย่างรู้สึกผิดว่า
“หนูขอโทษแทนพ่อด้วยนะคะ”
ไม่นานพสุก็มาที่ต้นไม้ใหญ่พูดกับต้นไม้เศร้าๆ “ผมแอบหวังว่าพ่อยังมีชีวิตอยู่ แต่...” เขาพูดไม่ออกแหงน มองต้นไม้ใหญ่น้ำตาไหล หยดน้ำที่ค้างใบต้นไม้ใหญ่ หยดลงมาพอดี ทั้งหยดน้ำจากต้นไม้และน้ำตาของพสุไหลอาบแก้มพสุไปด้วยกันเหมือนต้นไม้ร้องไห้ไปกับพสุด้วย...
เรนแอบดูอยู่ เธอน้ำตาคลออย่างรู้สึกผิดไปด้วย เมื่อทั้งสองพบกัน เรนโผเข้าซบอกพสุพูดปนสะอื้น...
“ฉันเสียใจเรื่องพ่อคุณด้วย...” เรนกอดพสุด้วยความ รู้สึกผิด พสุกอดเรนไว้ด้วยความรู้สึกเสียใจ...
ทั้งสองยังนั่งอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เรนบอกว่าแม้คำขอโทษของตนแทนพ่ออาจไม่ทำให้อะไรดีขึ้น แต่ตนก็ยังอยากบอกเขา พสุยิ้มเศร้าๆ บอกเรนว่า ไม่ต้องขอโทษตน มันไม่ใช่ความผิดของเธอ พสุกุมมือเธอเอ่ยจากหัวใจว่า
“ที่สำคัญ...ความรู้สึกของผมที่มีต่อคุณไม่ได้เปลี่ยนไปด้วย”
“อย่างน้อยคุณก็ยังโชคดีที่ได้รู้จัก ได้ใช้เวลาอยู่กับพ่อคุณ...ตัวฉันยังไม่รู้เลยว่าพ่อฉันเป็นใคร...”
พสุเข้าใจความรู้สึกของเรน ดึงเธอเข้าไปซบอก เรนซบอกเขาโดยไม่ขัดขืน ต่างอยู่ในความเงียบด้วยหัวใจที่ตรงกัน
ooooooo
พสุกลับไปที่บ้าน ค้นเจอสมุดบันทึกของถาวรที่ซุกอยู่ในลิ้นชักโต๊ะทำงาน หยิบสมุดพลิกดูกระดาษแผ่นหนึ่งร่วงลงมา เขาหยิบอ่าน...
“ถึงแม้ฉันจะไม่ชอบให้คุณทำงานเสี่ยงๆ และคอยว่าคุณอยู่บ่อยๆ แต่ฉันก็ภูมิใจในตัวคุณมากขอโทษที่ตอน คุณยังมีชีวิตอยู่ฉันไม่มีโอกาสได้บอกว่าฉันรักและภูมิใจในตัวคุณมาก”
พสุสอดกระดาษแผ่นนั้นไว้ในสมุดตามเดิม เก็บสมุดไว้ที่เดิมแล้วลงไปถามแม่ว่านอกจากสมุดบันทึกของพ่อเล่มนี้แล้วยังมีเล่มอื่นอีกไหม เล่มก่อนที่พ่อจะเสีย แสงสุดาบอกว่าไม่แน่ใจ แต่จะลองหาดู
เดวิดยังดำเนินแผนการของตนต่ออย่างย่ามใจ วันนี้ก็โทร.คุยกับเกริกถามว่าตกลงจะมาช่วยงานตนแล้วใช่ไหม เกริกตอบว่า “ถ้าแกยอมรับปากว่าจะไม่ทำอะไรลูกชายฉัน”
ก็ได้...แต่พวกที่เหลือมันไม่ตายดีแน่” พอวางสายจากเกริก เดวิดก็สั่งเรน อาร์ม และตุลย์ ที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่ “เก็บลูกน้องไอ้พสุให้หมดยกเว้นไอ้ภูริช ดูซิว่าไอ้พสุมันยังจะดื้อด้านต่อไปไหม”
เรนโพล่งขึ้นว่าพอเถอะ ตนไม่เข้าใจว่าแด๊ดทำเรื่องพวกนี้ต่อไปทำไมในเมื่อตอนนี้ทั้งสื่อทั้งตำรวจจ้องจับตาแด๊ดอยู่
“แกคิดว่าคลิปโง่ๆพวกนั้นจะหยุดฉันได้เรอะ พวกมันดูถูกฉันเกินไปแล้ว”
“ถ้าแด๊ดยืนยันจะไม่หยุด เรนจะเป็นคนหยุดแด๊ดเอง” เรนแข็งข้อ จนถูกอาร์มเรียกปราม
“ได้...” เดวิดยิ้มเหี้ยม แล้วสั่งอาร์มกับตุลย์
“จับเรนมันไปขังไว้! ดูซิว่ามันจะหยุดฉันยังไง” พออาร์มกับตุลย์ทำตามคำสั่งอย่างไม่เต็มใจ เดวิดตะคอกถาม “แกสองคนจะขัดคำสั่งฉันเหรอ จับมันไป!”
ooooooo
คืนนี้เอง ภูริชเดินออกจากกรมอุทยานก็ถูกตุลย์ที่ใส่หน้ากากอำพรางใช้มีดพุ่งเข้าทำร้าย ตุลย์แกล้งทำเป็นพลาดทำให้ภูริชเผลอแล้วอาร์มก็ใช้ไม้กระหน่ำ ตีหัวภูริชจนเลือดอาบหมดสติแล้วลากร่างภูริชไป เลือดไหลเป็นทาง
ไม่นานทิชาก็เดินเสียบหูฟังฟังเพลงออกมา เห็นรอยเลือดเป็นทางที่พื้นก็มองไปรอบๆหวาดๆ รู้ว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ แต่เดินไปนิ่งๆไม่ให้ผิดสังเกต พลางแอบหยิบโทรศัพท์จะโทร.ก็ถูกอาร์มโผล่จากข้างหลังเงื้อไม้จะฟาด ทิชาไหวตัวร้องกรี๊ดเอากระเป๋าฟาดอาร์มแล้ววิ่งหนีไปพลางตะโกนขอความช่วยเหลือ
ภูริชที่เริ่มได้สติจำเสียงทิชาได้ เขาพยายามแก้มัดตัวเอง ถีบประตูห้องเก็บของที่ถูกขังอยู่วิ่งออกไป
ทิชาต่อสู้สุดฤทธิ์ถอดรองเท้าปาโดนหน้าอาร์มจนร้องโอ๊ย ทิชาวิ่งหนีพลางหันมองว่าอาร์มตามมาหรือเปล่าจังหวะนั้นก็ชนเข้ากับตุลย์ที่โผล่มาขวางอย่างจังจนล้มลงไป ตุลย์ควักมีดออกมาควง ทิชาหวาดกลัวหลับตาเตรียมรับชะตากรรม
ภาคินวิ่งมาช่วยทิชา เขาต่อสู้กับตุลย์และอาร์มพลางตะโกนให้ทิชารีบหนีไป แต่ทิชาทิ้งภาคินไปไม่ได้เธอล้วงโทรศัพท์เพื่อจะโทร.ขอความช่วยเหลือแต่โทรศัพท์หล่นอยู่ไกลตัวพยายามคลานไปหยิบ เป็นจังหวะที่ภาคินกระเด็นมาอยู่ตรงหน้าทิชา เห็นตุลย์กับอาร์มพุ่งมาเขากอดทิชาเอาตัวปกป้องเธอไว้
ภูริชวิ่งมาทันพอดีเขาขวางอาร์มกับตุลย์แต่สู้ไม่ได้เพราะบาดเจ็บ ทันใดนั้นมีชายลึกลับใส่หน้ากากพุ่งเข้ามาช่วยภูริชจนตัวเองถูกแทงแทน ผู้คนเริ่มมาดูทำให้อาร์มกับตุลย์ต้องหนีไป ชายลึกลับกุมแผลที่ถูกแทงจะเดินหนี
“นั่นพ่อใช่ไหมครับ” ภูริชตะโกนถาม ชายลึกลับชะงักหันมา ถอดหน้ากากออก ที่แท้คือเกริกนั่นเอง!
ooooooo
เมื่อกลับมาทำแผลที่ห้องพยาบาลในกรมอุทยาน ภูริชถามว่าพ่อรู้ได้ยังไงว่าจะมีคนมาทำร้ายพวกตน เกริกตัดบทตามเคยว่าอย่ารู้เลย เขาไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ต่อไปก็ระวังตัวด้วย
ภูริชนึกอะไรได้ถามว่า “พ่อคือคนที่คอยส่งข้อความเตือนพวกเราใช่ไหมครับ” พสุสังเกตอยู่ก็เดาได้ ถามว่า
“งั้นคนที่ช่วยผมไว้ที่ภูสรวงก็ต้องเป็นคุณลุงด้วยใช่ไหมครับ”
เกริกนิ่งไม่ตอบคำถามทั้งของภูริชและพสุ ภูริชเอ่ยอย่างซึ้งใจว่า
“พ่อรู้ความเคลื่อนไหวของเดวิด เลยแอบช่วย
พวกผมมาตลอด ที่พ่อทำแบบนี้แปลว่าพ่อก็ไม่ได้อยากร่วมมือกับเดวิด พ่อเล่าเรื่องทุกอย่างของเดวิดให้พวกเราฟังได้ไหม...ตอนนี้ผมเป็นตำรวจเต็มตัวแล้ว ผมไม่อยากจับพ่อตัวเอง ถ้าพ่อบอกความจริงกับผม ผมจะหาทางช่วยพ่อเอง”
เกริกมองภูริชนิ่ง ไม่ตอบแต่เดินออกจากห้องไป ภูริชขยับจะตาม พสุรั้งไว้บอกด้วยสายตาว่าไม่ต้องตาม
เดวิดฟังจากตุลย์และอาร์มว่าเกริกเป็นคนมาช่วยภูริชไว้ เขาบอกทั้งสองว่าเป็นไปไม่ได้ เกริกไม่มีทางทรยศ ตน อาร์มโวยวายว่าทำไมพ่อเชื่อมั่นอย่างนั้น
“แด๊ดรู้จักกับเพื่อนคนนี้มาเป็นสิบปี ตอนจัดการไอ้ถาวร เกริกก็เป็นคนจัดการกับศพมันให้” แล้วเดวิดก็พาลหาเรื่อง ถามว่า “หรือว่าเป็นฝีมือเรน”
ไวเท่าความคิด เดวิดไปห้องลับที่ขังเรนถามว่าเรนเป็นคนส่งคนไปช่วยพสุใช่ไหม เรนย้อนถามว่าตนถูกขังอยู่ในนี้จะไปช่วยได้อย่างไร เดวิดตะแบงว่าเรนอาจจ้างคนอื่นทำก็ได้ ถามอย่างไม่เชื่อว่า ถ้าไม่ใช่เรนแล้วจะเป็นใคร?
เรนน้อยใจ เสียใจ เกือบพลั้งปากไปว่าเพราะตนไม่ใช่ลูก แต่พูดแค่ว่าทีอาร์มทำพลาดกี่ครั้งก็ไม่เห็นเป็นอะไร เอวาอยู่ในห้องสมุดได้ยินทั้งหมดแต่ไม่อยากให้ใครรู้จึงรีบหลบออกไป
เรนโกรธเดวิดสะบัดหน้าเดินออกจากห้องไป
ooooooo










