สมาชิก

หัวใจปฐพี

ตอนที่ 10

อัลบั้ม: ทีวีซีนส่งละครแนวอนุรักษ์ป่าไม้ "หัวใจปฐพี"




เอวานั่งมองไปนอกรถ ใจเธอยังว้าวุ่นเจ็บปวดกับเหตุการณ์ที่เพิ่งประสบมาคือ...

เช้านี้เธอเข้าไปในห้องทำงานของเดวิด เดินไปที่ตู้เอกสารซึ่งอยู่ในมุมอับของห้อง พลันก็ได้ยินเสียงเดวิดกับอาร์มเดินคุยกันมา เธอนึกสนุกขึ้นมาเลยแอบอยู่ที่ข้างตู้ พอเดวิดกับอาร์มเดินเข้ามา เอวาชะงักเมื่อได้ยินอาร์มพูดว่า

“สายที่โน่นบอกว่าเอวายังไปช่วยไอ้พสุสอน ชาวบ้านที่ภูสรวงอยู่เลย”

“อุตส่าห์ลงทุนฆ่าชาวบ้านไปตั้งเยอะ เอวายังไม่เข็ดอีก แกก็ไม่น่าพลาดให้ไอ้พสุมันรอดไปได้”

“ถ้าจะลงมืออีก คราวนี้ไอ้พสุมันคงระวังตัวมากกว่าเดิม”

“ไอ้พสุน่ะช่างมันเถอะ มันลาออกไปแล้วคงทำอะไรมากไม่ได้ ตอนนี้ทำยังไงก็ได้ให้เอวาเลิกไปที่ภูสรวง พวกเราจะได้ส่งของกันได้สะดวก แด๊ดไม่อยากเสียลูกค้า”

เอวาช็อกแล้วช็อกอีกกับความจริงที่ได้ยินจากปากพ่อและพี่ชาย!

ภูริชเห็นเอวายังเศร้าซึม เขาถามว่าอยากไปไหน เธอบอก “ไปไกลๆ ที่ไหนก็ได้” ภูริชจึงพาเธอไปที่บึงหนองบอน ที่ที่พสุเคยพาตนมาตอนเครียดๆ บอกว่าตนเห็นเธอไม่สบายใจเลยอยากพาเธอมาบ้าง

เอวาถามทั้งที่ยังสะอื้นว่า ถ้าเดวิดทำเรื่องไม่ดีอย่างที่เขาเคยพูดไว้จริง เขายังจะเป็นเพื่อนกับตนไหม เห็นภูริชอึ้ง เธอบอกเขาว่า “คุณไม่ต้องตอบฉันดีกว่า ช่างมันเถอะ” จนภูริชถามว่าเธอเป็นอะไรหรือเปล่า เล่าให้ตนฟังได้นะ เอวาจึงตัดสินใจบอกเขาว่าทะเลาะกับที่บ้านนิดหน่อย แต่พอมองหน้าเขาเห็นรอยฟกช้ำเธอถามว่า “หน้าคุณไปโดนอะไรมา”

“มีเรื่องตอนออกพื้นที่นิดหน่อย” นึกๆแล้วถาม “คุณรู้จักเพื่อนพ่อคุณที่ชื่อเกริกมั่งไหม” เอวาส่ายหน้า ย้อนถามว่าถามทำไม “ไม่มีอะไรหรอก ถามเผื่อคุณจะรู้จักเท่านั้นแหละ”

ระหว่างเดินไปด้วยกัน เอวาสะดุดเชือกผูกรองเท้าตัวเองเกือบล้ม เธอก้มจะลงผูกเชือกรองเท้า ภูริชไวกว่าก้มลงผูกให้เธออย่างทะมัดทะแมง พูดไม่มองหน้าว่า

“ที่คุณถามผมว่าเราจะยังเป็นเพื่อนกันได้ไหม ผมคงตอบว่าไม่...” เอวาอึ้งไปทันที แล้วภูริชก็เงยหน้ามองเธอเต็มตาบอกว่า “เพราะผมอยากเป็นมากกว่านั้น”

นอกจากเอวาจะซึ้งในความจริงใจของภูริชแล้ว เธอยังชื่นชมความเป็นสุภาพบุรุษของเขาที่ในยามมีโอกาสที่จะจูบบอกรัก แต่เขาก็ยับยั้งชั่งใจและให้เกียรติเธอ

เดวิดโทร.หาเอวาเป็นสิบๆครั้งแต่เธอไม่รับสายทำให้เดวิดแทบคลั่ง พออาร์มเข้ามาเขาถามทันทีว่าเจอเอวาไหม

“เห็นมีแต่รถจอดทิ้งไว้ ในห้องก็ไม่มี ถามใครก็ไม่มีใครเห็น แล้วแด๊ดโทร.ติดไหมครับ” เดวิดบอกว่าติดแต่ไม่รับบ่นว่าทำไมเหลวไหลอย่างนี้ชอบทำให้เป็นห่วง แล้วลุกพรวดออกจากห้องทำงานตรงไปที่ห้อง รปภ.ดูภาพจากกล้องวงจรปิด

ภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นชัดๆว่าภูริชลากเอวาขึ้นรถทั้งที่เอวาขัดขืนสุดฤทธิ์ พอลากขึ้นรถได้ก็ขับรถออกไปทันที เดวิดยกปืนจ่อ รปภ.ตวาดว่าเรื่องเกิดแต่เช้าทำไมไม่รายงาน คาดโทษว่า “ถ้าลูกสาวฉันเป็นอะไรไป แกไม่รอดแน่”

อาร์มบอกเดวิดให้ใจเย็นๆ แล้วจ้องภาพกล้องวงจรปิดอีก บอกเดวิดว่า

“นี่มันไอ้ภูริชนี่แด๊ด หรือมันแค้นที่เราซ้อมมันคราวก่อน”

เดวิดจ้องภาพบนจออีกที พอเห็นชัดๆก็ปึงปังออกไป อาร์มถามว่าจะไปไหน เขาตะโกนบอกอย่างแค้นสุดขีดว่า

“ไปจัดการไอ้ภูริช!”

ooooooo

เดวิดลิ่วไปที่กรมอุทยาน เข้าไปถึงห้องอธิบดียิ่งยศก็กวาดตามองไปรอบห้อง ถามว่าภูริชหายไปไหน หาว่าอธิบดีร่วมมือกับภูริช อธิบดียืนยันว่าภูริชไม่ได้อยู่ที่นี่และลูกน้องตนก็ไม่มีวันที่จะลักพาตัวเอวา น่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันมากกว่า

อาร์มฮึดฮัดขู่อธิบดีว่าต้องแจ้งความก่อนใช่ไหมท่านถึงจะยอมบอกว่าภูริชอยู่ไหน

สองพ่อลูกคุกคามอธิบดีจนทิชาทนไม่ได้ยืนยันว่าภูริชไม่มีวันทำอย่างนั้นแน่นอน อาจเป็นเพราะลูกสาวเขาสมยอมเองก็ได้ เดวิดเลยหาทางออกว่าเห็นว่ารู้จักกันมานานตนจะยังไม่แจ้งความ แต่อธิบดีต้องติดต่อภูริชให้เร็วที่สุดก่อนที่ตนจะหมดความอดทน

ระหว่างที่ภูริชกับเอวานั่งรถมากันนั้น เอวาเอี้ยวไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตนที่อยู่เบาะหลัง บอกว่าแด๊ดโทร.มาหลายรอบแล้ว แต่เธอไม่ทันทำอะไร ภูริชก็ได้รับสายจากภาคิน เขาถามอย่างตกใจว่า “จริงเหรอ!” วางสายจากภาคินแล้วหันบอกเอวาว่า “งานเข้าแล้วคุณ”

ภูริชพาเอวาบ่ายหน้ากลับไปที่กรมอุทยาน เดินเข้าห้องรับรองไปด้วยกัน เดวิดเห็นถึงกับลุกพรวดมองเอวาอย่างสำรวจบอกว่าเป็นห่วงแทบแย่ หันจ้องภูริชราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ถามเอวาว่า “มันทำอะไรลูกรึเปล่า”

พอเอวาบอกว่าเปล่า อาร์มก็โวยขึ้นว่าเห็นจากภาพจากกล้องวงรปิดชัดๆว่าถูกลักพาตัวไป ยังจะว่าไม่มีอะไรอีกหรือ

“เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว คุณภูริชไม่ได้ลักพาตัวเอวาซะหน่อย เอวานัดกับคุณภูริชเองต่างหาก”

เป็นคำตอบที่ทำเอาทุกคนงง แปลกใจ เมื่ออาร์มอ้างภาพจากกล้องวงจรปิด เอวาก็พูดขำๆว่าภูริชชอบแกล้งตนแรงๆแบบนี้แหละ ส่วนเรื่องที่เอวาไม่รับสายของเดวิด เธออ้างว่าตนลืมโทรศัพท์ไว้ในรถ แถมแถวนั้นไม่ค่อยมีสัญญาณด้วย เลยคิดว่าเดี๋ยวกลับบ้านแล้วค่อยเล่าให้ทุกคนฟัง

อาร์มไม่เชื่อ แต่เอวาไม่แยแส หันไปอ้อนเดวิดว่า “แต่แด๊ดดี้เชื่อเอวาใช่ไหมคะ” แล้วหันไปขอโทษท่านอธิบดีและทุกคนที่ทำให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดกัน พูดแล้วขอตัวไปท่ามกลางความงุนงงสงสัยของเดวิดกับอาร์ม ส่วนภูริช

มองอย่างเป็นห่วงกลัวเธอจะต้องมาเดือดร้อนเพราะตน

เมื่ออยู่กันตามลำพัง ภูริชขอโทษอธิบดีที่ทำให้ท่านเดือดร้อน อธิบดีถามตรงๆว่าเขากับเอวามีอะไรพิเศษกันรึเปล่า เห็นภูริชขมวดคิ้ว อธิบดีพูดอย่างผู้ใหญ่ว่า

“คุณก็รู้ว่าเป้าหมายหลักของหน่วยเฉพาะกิจเราตอนนี้ก็คือเดวิด ถ้าถึงวันที่เราจับนายเดวิดมาลงโทษได้ คุณคิดว่ามันจะไม่เป็นการทำร้ายความรู้สึกของคุณเอวาเหรอ...สิ่งแรกที่ผมกลัวที่สุดคือเดวิดจะใช้ความรักที่คุณมีต่อคุณเอวามาเป็นเครื่องมือทำให้คุณเดือดร้อนได้”

ภูริชอึ้งเพราะไม่เคยคิดอะไรลึกซึ้งถึงขนาดนี้ เขากลืนน้ำลายฝืดคอ นิ่งเงียบ

“ถึงตอนนั้น คนที่ลำบากใจที่สุดน่าจะเป็นตัวคุณเอง” พูดแล้วอธิบดีลุกเดินมาตบบ่าภูริชอย่างให้กำลังใจ

ooooooo

กลับถึงบ้าน เอวาอ้อนเดวิด ขอโทษและสัญญาว่าต่อไปถ้าจะไปไหนกับภูริชอีกจะบอกให้รู้ ต่อหน้าเอวาเดวิดสะกดกลั้นอารมณ์ทำเป็นรัก เอ็นดู แต่พอเอวาออกไปแล้วก็อาละวาดปาข้าวของบนโต๊ะทิ้งสบถลั่น “โธ่เว้ย!!”

เรนรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอเข้าไปคุยกับเอวาในห้อง เอวาบอกว่า ตนรู้ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นฝีมือของแด๊ดดี้ เรนขอโทษเอวาที่ตนจำเป็นต้องโกหก เอวาเข้าใจเรนแต่เสียใจที่เดวิดใจร้ายสั่งฆ่าคนได้ถึงขนาดนี้

“ถึงแด๊ดจะทำเรื่องไม่ดีขนาดไหน แต่แด๊ดก็ยังเป็นพ่อของเรานะ พี่อยากให้เอวาทำตัวเป็นปกติเหมือนไม่รู้อะไรได้ไหม” เอวานิ่งคิดก่อนพยักหน้ารับคำเรนแต่พูดอย่างมุ่งมั่นว่า

“เอวาจะทำทุกวิถีทางให้แด๊ดดี้กลับตัวเป็นคนดี ให้ได้”

เรนนิ่งไปกับความคิดโลกสวยของเอวา ได้แต่ยิ้มบางๆให้เอวาทั้งที่รู้แก่ใจดีว่ามันเป็นไปไม่ได้

ooooooo

ภูริชตัดสินใจไปหาเกริกที่บ้านถามตรงๆว่าพ่อรู้จักเดวิดได้ยังไง ทำไมดูสนิทสนมถึงขั้นไปกินข้าวด้วยกันได้ เกริกย้อนถามว่าทำไมจะสนิทกับเดวิดไม่ได้ ในเมื่อบริษัทของตนเป็นสปอนเซอร์ให้มูลนิธิของเดวิด

ภูริชเตือนเกริกว่าเดวิดไม่ใช่คนดีอย่างที่พ่อเห็น ลับหลังทุกคนมันทำเลวสารพัดตนไม่อยากให้พ่อเดือดร้อน แทนที่จะรับฟัง เกริกกลับถามว่าเขากินอะไรผิดสำแดงมารึเปล่า อยู่ดีๆก็เป็นห่วงตนขึ้นมา ซ้ำยังยืนยันว่าเดวิดเป็นคนดีจริงๆ

เมื่อภูริชบอกว่าตนทำงานที่กรมอุทยานรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ย้ำกับเกริกว่าเขาต้องระวังตัวถ้าเดวิดรู้ว่าตนเป็นลูก เกริกตกใจบอกภูริชอย่าบอกเดวิดว่าเป็นลูกตนอ้างว่า “ฉันไม่อยากทำให้ธุรกิจฉันต้องเดือดร้อน”

ขณะนั้นเองภูริชได้รับโทรศัพท์จากทิชา เขาดีใจตาเป็นประกายถามว่า

“ศักดิศรพูดได้เมื่อไหร่...ได้ๆ เดี๋ยวเราจะรีบไป” กดวางสายจากทิชาแล้ว ภูริชหันพูดกับเกริกอีกว่า “พ่ออยากทำอะไรก็ตามใจ แล้วก็ไม่ต้องห่วงนะว่าผมจะบอกเขาให้รู้ว่าเราเป็นพ่อลูกกัน ผมไม่ทำให้ธุรกิจพ่อเดือดร้อนแน่” ภูริชเหน็บทิ้งท้ายแล้วออกจากห้องรับแขกไปอย่างหงุดหงิด เกริกมองตามอย่างเป็นห่วง ไม่อยากให้เดวิดรู้ว่าภูริชเป็นลูกตนเดี๋ยวจะเดือดร้อนหนักขึ้น

ภูริชตรงไปหาศักดิศรที่โรงพยาบาลทันที แต่ศักดิศรพูดได้เบลอๆ พอจับความได้แค่ว่า “หลักฐาน...” ภูริชพยายามฟื้นความจำของศักดิศรพูดช้าๆให้เขาคิดตาม ถามว่าหลักฐานอะไร และเขาต้องการจะให้พวกตนทำอะไร ศักดิศรฟังอย่างตั้งใจแล้วหันรื้อค้นอะไรที่เตียง ปากก็ยังพูดแต่คำว่า “หลักฐาน...” ทิชากับภาคินคาดกันว่า ศักดิศรต้องการให้เราไปหาหลักฐาน แต่ที่รู้คือหลักฐานถูกเดวิดทำลายไปหมดแล้ว

ภูริชทบทวนความจำตอนที่เจอศักดิศรพร้อมกับพสุ ศักดิศรบอกว่าไฟล์มีปัญหากำลังเอาไปกู้ วิเคราะห์กันว่า แสดงว่าหลักฐานที่เดวิดได้ไปคือหลักฐานที่ปริ๊นต์ ออกมาจากตัวไฟล์ที่กู้ได้ แต่ตัวไฟล์ยังอยู่ เป็นปัญหาว่าแล้วไฟล์อยู่ที่ไหน?

ทางที่คาดว่าจะหาได้คือเอารูปของศักดิศรไปเดินถามตามร้านซ่อมคอมพิวเตอร์ต่างๆ ส่วนทิชาก็ค้นหาข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ของตัวเองอย่างคร่ำเคร่ง

ปรากฏว่าทิชาหาได้ ทุกคนดีใจรีบมาดู แต่ทิชาหาได้แค่ร้านที่ศักดิศรเอาไฟล์ไปให้กู้ แล้วทิชาก็หันไปหยิบโน้ตบุ๊กให้ดูบอกว่าเป็นโน้ตบุ๊กที่พสุเอามาให้ ตรวจแล้วไม่มีไฟล์ข้อมูลอะไรเลย แต่มีชื่อร้าน หาได้จากการใช้อินเตอร์เน็ตของศักดิศร ทั้งสามจึงบ่ายหน้าไปที่ร้านนั้น

แต่แล้วก็ผิดหวัง เมื่อเจ้าของร้านบอกว่ามีคนอ้างตัวเป็นญาติมารับไปแล้ว และตนก็ไม่ได้เก็บข้อมูลอะไรไว้ กล้องวงจรปิดก็ไม่มี ทั้งสามเดินออกจากร้านอย่างผิดหวัง แต่ภูริชยังมีความหวังที่จะหาวิธีใหม่ บอกทั้งสองว่า

“เดี๋ยวเรากลับไปส่งทิกับคินที่กรมแล้วเราจะเลยไปภูสรวงเลยนะ เผื่อจะสืบอะไรที่นั่นได้”

ooooooo

ภูริชบ่ายหน้าไปที่ภูสรวงเดินไปตามแผนที่ที่แอบถ่ายจากออฟฟิศเดวิด ไม่นานก็ได้ยินเสียงเลื่อยยนต์ เขาย่องไปดูเห็นตุลย์กำลังคุมลูกน้องตัดไม้ขนไม้กันอย่างเร่งรีบ ภูริชเอาโทรศัพท์มือถือถ่ายรูปไว้

แต่ภูริชทำต้นไม้ไหว ตุลย์เห็นเขาตะโกนบอก “มีคนแอบอยู่” ภูริชวิ่งหนีสุดชีวิต จู่ๆพสุก็โรยตัวลงมาอุ้มภูริชแล้วกดอุปกรณ์พิเศษลอยตัวขึ้นไป พอตุลย์กับลูกน้องวิ่งมาถึงภูริชก็หายไปแล้ว

“พวกแกไปทางโน้น” ตุลย์ชี้ให้ลูกน้องวิ่งไป ส่วนตัวเองวิ่งไปอีกทาง พอพวกตุลย์วิ่งหายไปแล้ว พสุกับภูริชก็โรยตัวลงมาด้วยอุปกรณ์พิเศษ ถามไถ่กันแล้วต่างมากันตามแผนที่ที่ได้จากห้องทำงานของเดวิด

“พี่ดิน ศักดิศรเริ่มจำอะไรได้นิดๆหน่อยๆ แล้วนะ แต่ยังพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง พวกผมอุตส่าห์หาจนเจอแล้วว่าไฟล์ที่ศักดิศรยังอยู่แต่เสียดายโดนใครก็ไม่รู้ตัดหน้าเอาไปเสียก่อน เจ็บใจจริงๆ”

“พี่นี่แหละเป็นคนไปเอามา ฝากทิจัดการต่อด้วยแล้วกัน” พสุเอาซองเอกสารให้ภูริช เขารับไปงงๆ อุทานทึ่งว่าร้ายจริงๆ ไม่บอกกันเลย พสุบอกว่าตนไปเยี่ยมศักดิศรบ่อยๆ เลยได้ยินเขาพูดเรื่องนี้เหมือนกัน

“พี่ทำขนาดนี้กลับมาทำงานด้วยกันเสียก็หมดเรื่อง”

“พี่ช่วยพวกเราลับๆแบบนี้ดีกว่า พวกเดวิดจะได้ไม่ทันระวังตัว”

เมื่อภูริชกลับมาเล่าให้ทิชากับภาคินฟัง ทั้งสองเห็นด้วยกับวิธีการของพสุ ภาคินบอกว่าแบบนี้ก็เหมือนกับพวกเราได้ทำงานด้วยกันเหมือนเดิม

“ตอนนี้เดวิดกำลังรวบรวมสินค้าอยู่ พี่ดินจะไปสืบให้ว่าใครคือคู่ค้าของมัน” ภูริชบอก

ทุกคนช่วยกันคิดหาวิธีสืบ ทิชาคิดได้บอกทั้งสองว่า “ทิมีวิธี”

วิธีของเธอคือ ใช้รถบังคับวิทยุติดกล้องจิ๋วเข้าไปแอบถ่ายรูปมุมต่างๆในโกดัง โดยลูกน้องเดวิดที่เฝ้าอยู่ไม่รู้ตัว

ทิชาควบคุมรถบังคับวิทยุพร้อมกับการบันทึกภาพอย่างคล่องแคล่วแม่นยำ จนภูริชกับภาคินมองทึ่ง

พสุเอาแผนที่นั้นไปให้ปู่พิทักษ์ดูปู่ผู้รู้ภูมิประเทศ

แถวภูสรวงอย่างทะลุปรุโปร่งเอาปากกาวงๆ ไว้ บอกพสุว่า

“จุดที่ปู่วงไว้เป็นป่าสักทั้งนั้นไม่ผิดแน่นอน”

เมื่อพสุไปตามแผนที่ก็พบว่า ที่นั่นตุลย์กำลังคุมลูกน้องให้กานไม้สักอยู่อย่างขะมักเขม้น เขาหยิบโทรศัพท์โทร.ออกทันที

ooooooo

เดวิดอยู่ในห้องทำงาน หลังจากวางโทรศัพท์ที่เพิ่งคุยเสร็จแล้ว เขาบอกอาร์มกับเรนที่ยืนรอคำสั่งอยู่ว่า

“ทุกอย่างเรียบร้อยดี ไปกันได้แล้ว”

“แด๊ดแน่ใจเหรอคะว่าจะไปพบฟายาดจริงๆ” เดวิดยักไหล่อย่างไม่สนใจ เรนพูดต่ออย่างเป็นห่วงว่า “เรนไปสืบมาแล้วว่าฟายาดหนีคดีอยู่ ถ้าแด๊ดไปติดต่อกับฟายาดโดยตรง เรนว่ามันเสี่ยงเกินไป” อาร์มติงว่าคิดมากไปรึเปล่า เรนตอบจริงจังว่า “คนอย่างฟายาดหักหลังคนไปทั่วจนขึ้นชื่อ เรนห่วงว่ามันจะทำให้แด๊ดเดือดร้อน”

เดวิดบอกว่าเรื่องนี้ตนรู้แล้ว แต่ถ้าสำเร็จขึ้นมาก็คุ้มที่จะเสี่ยง เรนจึงขอไปด้วยจะได้ช่วยดูแลความปลอดภัย เดวิดพยักหน้า แล้วเดินนำออกไป อาร์มกับเรนรีบเดินตาม

พอรถของเดวิดเคลื่อนออกไป เอวาโผล่มาเห็น เธอวิ่งขึ้นรถขับตามเดวิดไปอย่างสงสัย

เพียงบ่ายแก่ๆ เดวิดก็มาถึงหน้าตึกหรูใจกลางเมือง เดวิดลงจากรถอย่างผู้ยิ่งใหญ่ อาร์ม เรน และพวกลูกน้องเดินคุ้มกันเป็นแผง

ที่อีกมุมหนึ่ง...พสุนั่งซุ่มอยู่ในรถของตัวเอง จับตาดูการเคลื่อนไหวของพวกเดวิด พลางคุยโทรศัพท์

“พี่เห็นเดวิดแล้ว...ไม่เป็นไร พี่เข้าไปเลยดีกว่า...” พสุกดวางสาย แล้วใส่หมวกใส่แว่นอำพรางใบหน้าทำเป็นเดินอ่านหนังสือพิมพ์ เดินตามพวกเดวิดไปเหมือนไม่สนใจ

พสุแอบดูพวกเดวิดขึ้นลิฟต์ เห็นว่าพวกนี้ขึ้นไปชั้นบนสุด เขาคิดหาทางที่จะตามขึ้นไป อึดใจเดียวพสุก็เดินหายไปจากตรงนั้น เอวาปลอมตัวมาถึงก็หาพวกเดวิดไม่เจอแล้ว เธอทำหน้าเสียดายที่อุตส่าห์มาแต่ยังคลาดกันจนได้

ooooooo

พสุปลอมตัวเป็น รปภ.ดึงหมวกให้หลุบต่ำเล็กน้อย เขาเดินออกจากห้อง รปภ.เหมือนกำลังไปปฏิบัติหน้าที่

เลขาฟายาดมาต้อนรับเดวิด ทุกอย่างเป็นทางการเข้มงวดมาก แม้กระทั่งเรนกับอาร์มก็ถูกห้ามตามเดวิดไปที่เซฟเฮาส์แม้เดวิดจะอ้างว่าเป็นลูกก็ไม่ได้รับอนุญาต อ้างว่าเพื่อความปลอดภัยของฟายาด เรนสะอึกออกไปเผชิญหน้าถามเลขาฟายาด

“คุณห่วงความปลอดภัยของเจ้านายคุณ ฉันก็ห่วงความปลอดภัยของพ่อฉันเหมือนกัน” เรนหันมองลูกน้องที่เหลือของฟายาดยื่นเงื่อนไข “ถ้าจะให้พวกเราลงไปข้างล่างพวกคุณก็ต้องลงไปด้วยเหมือนกัน”

“พวกแกลงไปรอข้างล่าง” เดวิดปรามเรนกับอาร์ม แล้วมองไปทางเลขาฟายาดพูดเชิงตำหนิ “ทำธุรกิจร่วมกัน มันก็ต้องเชื่อใจกันหน่อย”

อาร์มกับเรนทำตามคำสั่งของเดวิด ลูกน้องเดวิดเดินตรงไปที่ลิฟต์ เลขาฟายาดยื่นมือไปตรงหน้าเดวิด พูดหน้านิ่ง

“รบกวนคุณเดวิดฝากปืนด้วยครับ”

เดวิดหน้าตึงแต่เก็บอาการหยิบปืนที่พกมายื่นให้ เลขาฟายาดรับปืนแล้วจึงผายมือเชิญเดวิดไปที่เซฟเฮาส์แล้วยืนคุมที่ประตูต่อ เรนกับอาร์มหันมองเดวิดด้วยความห่วงใย

พสุที่ปลอมตัวเป็น รปภ.ค่อยๆ โผล่ออกจากประตูหนีไฟเพื่อหาทางเข้าไปดูคู่ค้าของเดวิด เห็นเลขากับลูกน้องฟายาดยืนเต็มไปหมดเลยเปลี่ยนใจปิดประตูกลับเข้าไป

เดวิดเข้าไปในห้องรับแขกที่หรูหราของฟายาด เดินมาหยุดที่กลางห้องจึงเห็นฟายาดที่นั่งเก้าอี้พนักสูงหมุนตัวมาในมือถือแก้วแชมเปญ ยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ทักทาย เดวิดยิ้มอย่างพอใจที่วันนี้ได้เจอฟายาดเสียที

พสุขึ้นไปที่ดาดฟ้า มองลงมาหาเซฟเฮาส์ของฟายาดตามที่เห็นพวกนั้นกดลิฟต์ขึ้นชั้นสูงสุด เขาตัดสินใจปีนออกไป

ฟายาดรินแชมเปญแล้วยื่นแก้วแชมเปญให้เดวิด

“เป็นเกียรติอย่างมากที่ได้ทำธุรกิจร่วมกับคุณเดวิดเช่นกัน” เดวิดรับไปแต่ไม่ยอมดื่ม ฟายาดยิ้มอย่างดูออกว่าเดวิดก็ไม่ธรรมดา ฟายาดถามว่า “แล้วเมื่อไหร่ของคุณจะพร้อมล่ะ”

“เงินพร้อม ของผมก็พร้อม” เดวิดตอบอย่างไว้เชิง ยังความพอใจแก่ฟายาดมาก แต่พอยกแก้วแชมเปญดื่ม ฟายาดชะงัก เมื่อเห็นเงาสะท้อนจากกระจกเงาที่เคาน์เตอร์บาร์ เป็นมือของพสุยื่นพ้นขอบตึกกำลังใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายวีดิโออยู่

ไวปานสายฟ้าแลบ ฟายาดเปิดลิ้นชักหยิบปืนยิงไปทันที โชคดีที่กระสุนโดนขอบตึกเฉียดมือพสุไปเส้นยาแดงเดียว!

“มีคนบุกรุก!” ฟายาดตะโกนบอก

พสุวิ่งไปที่ลิฟต์แล้วกดปุ่มลง รอใจระทึก ลิฟต์ยังไม่มาแต่มีเสียงลูกน้องฟายาดวิ่งไล่มาแล้ว ลิฟต์มาพอดี พอประตูเปิดเลขากับลูกน้องฟายาดก็สาดกระสุนใส่ประตูลิฟต์

“มันลงลิฟต์ไปแล้ว” เลขาฟายาดสั่งงานผ่านหูฟัง

อาร์มกับเรนวิ่งมาถามว่ามีเรื่องอะไร ลูกน้องฟายาดบอกว่ามีคนบุกรุกเซฟเฮาส์ ลูกน้องฟายาดถือปืนไปดักที่ลิฟต์ แต่เรนนิ่งคิดเชื่อว่าคนร้ายต้องใช้วิธีหลอกว่าจะหนีทางลิฟต์แต่หนีทางอื่น เรนวิ่งแยกไปอีกทางทันที

“พวกแกตามไปช่วยคุณเรน ที่เหลือตามฉันมา” อาร์มสั่งแล้ววิ่งไปที่ลิฟต์พร้อมลูกน้องที่เหลือเพื่อขึ้นไปคุ้มกันเดวิด ลูกน้องฟายาดเสียหน้าที่แก้สถานการณ์ช้าเลยแยกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งขึ้นลิฟต์อีกส่วนตามลูกน้องเดวิดไป

ที่ห้องโถง เอวาใส่หมวกและแว่นกันแดดนั่งชะเง้อมองอย่างอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วทำเนียนเดินไปที่ลิฟต์

ooooooo

ที่บันไดหนีไฟ พสุวิ่งลงมาอย่างเร็วจนถึงชั้นที่เป็นประตู ทันใดนั้นประตูเปิดออก เรนโผล่พรวดออกมาผลักมือที่ถือปืนของพสุเบนไปและเตรียมจะฟันศอกใส่ พสุเตรียมสู้ พลันก็ชะงักเมื่อเห็นเป็นเรน!

ขณะทั้งสองกำลังงงกันอยู่นั้นมีเสียงคนตามมา เรนตัดสินใจเอามีดกรีดแขนตัวเองจนเลือดไหล แล้วกระชากพสุผลักเข้าไปในประตูหนีไฟบอกให้หาทางหนีเอาเองตนจะถ่วงเวลาให้ แม้พสุจะห่วงเรนแต่ก็จำต้องทำตามเพราะเสียงคนใกล้เข้ามาทุกที ปรากฏว่าเป็นลูกน้องฟายาด มันเจอเรนเลือดอาบแขนอยู่ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง เรนชี้ขึ้นไปบอกว่า

“มันหนีขึ้นไปข้างบน รีบตามไป”

พอพวกมันวิ่งขึ้นไป เรนก็เปิดประตูหนีไฟหลบเข้าไป เอามือกุมแผลที่แขนพลางมองหาพสุ

พสุออกมาถามว่า “คุณช่วยผมไว้ทำไม” เรนมองขวับถามว่าทำไมยังไม่หนีไปอีก อยากตายรึไง! พสุไม่ตอบแต่มองแขนที่บาดเจ็บของเธอถามอย่างห่วงใยว่าเจ็บไหม เรนไม่ตอบแต่มองหน้าเขาถามว่ามาที่นี่อีกทำไมมันอันตรายมากรู้ไหม

“ผมมองคุณไม่ออกจริงๆ คุณเป็นคนยังไงกันแน่ ถ้าคุณเลือกที่จะอยู่ข้างเดียวกับพ่อคุณ ก็อย่ามาทำดีกับผมได้ไหม”

“แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง จะให้ฉันหักหลังพ่อตัวเองรึไง?!” เรนย้อนถามอย่างเจ็บปวดจนพสุอึ้ง ต่างมองด้วยสายตาที่เข้าใจกันแต่เจ็บปวดเหลือเกิน...

ทันใดนั้นมีเสียงคนวิ่งมา เรนพยักหน้าให้พสุหลบไป เขาจำต้องทิ้งเธอไว้รีบหลบไป ที่แท้คนที่วิ่งมาคือเอวา เรนถามว่ามาทำอะไรที่นี่ เอวาบอกว่าแอบตามมาเอง พอดีเสียงประตูทางหนีไฟดังขึ้น เรนพยักหน้าให้เอวาหลบไป พอเอวาหลบไปประตูหนีไฟก็เปิดออก คนที่วิ่งพรวดออกมาคืออาร์มนั่นเอง!

เรนบอกอาร์มว่าชั้นนี้ไม่มีตนเช็กหมดแล้ว อาร์มเห็นเรนบาดเจ็บที่แขนบอกว่า “เดี๋ยวพี่พาไปทำแผล”

เรนพยักหน้าทันที อาร์มจึงประคองเรนไปที่ลิฟต์ เรนถอนใจโล่งอกที่พาอาร์มพ้นจากตรงนั้นมาได้

ooooooo

เมื่อกลับถึงคฤหาสน์ เดวิดไม่เชื่อว่าเรนจะได้รับบาดเจ็บ บอกอาร์มว่าฝีมืออย่างเรนมีหรือจะพลาดให้ใครง่ายๆ ถ้าไม่เต็มใจช่วย อาร์มถามว่าแด๊ดคิดมากไปหรือเปล่า ติงว่า

“แด๊ดเลิกระแวงเรนมันได้แล้ว พวกไอ้พสุมันก็หมดฤทธิ์กันไปแล้ว น่าจะเป็นฝีมือของพวกไอ้ฟายาดมันมากกว่า”

เดวิดเงียบไปแต่ก็ยังไม่เชื่ออาร์มนัก

ส่วนเรนกลับมาแล้วก็ตำหนิเอวาว่าต่อไปอย่าทำอย่างนี้อีก เอวาขอโทษ มองแขนเรนที่ทำแผลแล้วถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง ไปโดนอะไรมา เรนไม่ตอบแต่ย้ำให้เอวารับปากตนก่อน เอวาอึกอักยังไม่อยากรับปาก เรนถอนใจบอกน้องว่า

“ถ้าอยากจะช่วย ก็ช่วยเรื่องงานมูลนิธิของเราไป เรื่องอื่นไม่ต้องมายุ่ง”

“ต่อให้เอวาปลูกต้นไม้ไปจนตาย มันก็คงโตไม่ทันให้แด๊ดดี้ตัดหรอกค่ะ เอวาอยากแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ถ้าเอวาขัดขวางธุรกิจค้าไม้ของแด๊ดดี้ อย่างน้อยการตัดไม้ก็น่าจะลดลง”

“พี่รู้ความต้องการของเราว่าเราจะทำอะไร แต่พี่กลัวว่าเราจะเป็นอันตราย พี่ถึงห้าม” เอวาทำท่าจะชี้แจงอีก ถูกเรนปราม “ถ้าเอวายังดื้ออยู่อีก พี่จะให้แด๊ดส่งเอวาไปเรียนต่อ ต้องการอย่างนั้นใช่ไหม”

เอวาจำต้องพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ เรนมองเอวาแล้วถอนใจออกมาอย่างยังไม่วางใจนัก

ooooooo

ทิชาค้นหาข้อมูลประวัติของฟายาดจนรู้ว่าเขาเป็นอาชญากรข้ามชาติ ก่อคดีค้ายาเสพติด ค้าไม้เถื่อนและค้ามนุษย์ หลบหนีออกจากประเทศไทยไปเมื่อประมาณปี 2535 มีรายละเอียดเพิ่มเติมว่า

“จากรายงานล่าสุด ฟายาดคุมการค้าของเถื่อนแถบเอเชียทั้งหมด ตอนนี้อยู่ระหว่างการหนีคดีจากประเทศเพื่อนบ้านมากบดานอยู่ในประเทศไทย”

ข้อมูลที่ทิชาหามาได้นี้ ภูริชวิเคราะห์จากพฤติกรรมและเวลาย้อนไปเมื่อ 20 ปีก่อน เขาคาดว่า ฟายาดอาจคือเอเดน

พสุติงว่าจะใช่หรือไม่พวกเราต้องสืบต่อไป แต่ตอนนี้เราต้องรู้ให้ได้ว่าเดวิดกับฟายาดตกลงส่งไม้กันเมื่อไหร่ ภาคินเสนอให้ใช้แผนเครื่องดักฟังอีกครั้ง

เมื่อเห็นพ้องกันแล้วก็ดำเนินการทันที ภูริชกับภาคินลอบเข้าไปในบ้านหรูของฟายาด เอาเครื่องดักฟังไปติดกระเป๋าเอกสาร เนกไท นาฬิกา ทำงานกันอย่างมืออาชีพ รวดเร็ว! แนบเนียน!

นอกจากทำงานทางลับแล้ว ในทางเปิดเผย พสุกับภูริชยังไปคุยกับชาวบ้านที่ร้านกาแฟ ต่างดีใจที่ชาวบ้านตื่นตัวไม่รับใช้พวกค้าไม้ จะมีก็แต่พวกหมู่บ้านเล็กๆที่ไม่ได้อยู่ในเขตภูสรวงที่ยังตัดไม้กันอยู่ พสุรับปากกับชาวบ้านว่า

“ผมจะพยายามไปให้ความรู้กับทุกหมู่บ้านเองครับ ยังไงฝากทุกคนเป็นหูเป็นตาแทนเจ้าหน้าที่ด้วย”

ไกลออกไปจากร้านกาแฟ ตุลย์กำลังส่องกล้องดูอยู่อย่างสงสัยว่า พสุกับภูริชคุยอะไรกับชาวบ้าน

พสุกับภูริชยังไปหามะยม ซึ่งเวลานี้เด็กหญิงอยู่บ้านคนเดียวเพราะพ่อแม่ถูกฆ่าตายหมด ทั้งสองซื้อขนมไปฝากและกินด้วยกันอย่างสนิทสนม

ตุลย์ไปส่องกล้องดูอย่างสงสัยว่าทั้งสองไปคุยอะไรกับมะยม กลับไปรายงานเดวิด ถูกด่าว่าทำงานกันอย่างไรไหนบอกว่าพวกที่ไปปลูกป่าตายหมดแล้ว นี่ยังเหลือเด็กรอดตายมาคนหนึ่งโชคดีที่ช็อกจนพูดไม่ได้

เรนถามว่าจะให้ทำอย่างไร

“แด๊ดสั่งตุลย์ไปเก็บมันแล้ว” เดวิดบอกเลือดเย็น

เรนใจหายนึกเป็นห่วงมะยมขึ้นมา เธอโทร.ไปบอกพสุ แต่เขาถูกหลอกมาหลายครั้งแล้ว ย้อนถามว่า

“แล้วผมจะเชื่อได้ยังไงว่ามันไม่ใช่แผนการของพ่อคุณอีก”

เรนพูดไม่ออก ตัดสินใจไปช่วยมะยมเอง

แต่ช้าไปแล้ว ตุลย์ไปแอบทำร้ายมะยมจนหมดสติ อุ้มเข้าไปในบ้านแล้วราดน้ำมันจุดไฟเผา เรนไปถึงเห็นแต่ซากบ้านที่มอดไหม้แล้ว น้ำตาเธอไหลพรากเสียใจที่ช่วยมะยมไม่ทัน พอหันไปอีกทีเห็นพสุเดินหน้าเครียดเข้ามา เธอถามอย่างโกรธจัดว่า

“ทำไมคุณไม่เชื่อที่ฉันพูด เห็นไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น!”

“แทนที่คุณจะโทษผมทำไมคุณไม่โทษพ่อคุณล่ะ ทุกอย่างมันเริ่มต้นจากความโลภของพ่อคุณทั้งนั้น!” เห็นเรนอึ้ง เขาพูดต่อ “ผมไม่เข้าใจ ในเมื่อคุณก็รู้ว่าเดวิดไม่ใช่พ่อแท้ๆ แล้วทำไมคุณต้องยอมทำตามคำสั่งเขาอยู่อีก”

“ถึงฉันจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่ฉันก็ต้องตอบแทนบุญคุณที่เขาเลี้ยงฉันมา”

“ตอบแทนบุญคุณด้วยการช่วยทำเรื่องเลวๆ ขโมยทรัพย์สมบัติของแผ่นดินไปขายกินแบบนี้เหรอ!”

เรนได้แต่น้ำตาไหลพูดไม่ออก ทั้งสองต่างมองกันอย่างเจ็บปวดที่ความต้องการและทางเลือกของทั้งคู่สวนทางกันอย่างสิ้นเชิง!

ooooooo

แล้วทิชาก็สืบค้นจนรู้วันเวลานัดส่งของกันของเดวิดกับฟายาด พอรู้ชัด หน่วยเฉพาะกิจก็พร้อมลงมือทันทีเช่นกัน!

ทิชาเสนอให้แจ้งตำรวจ พสุห้ามไว้เพราะเคยพลาดให้เรนไปแล้ว บอกว่าคราวนี้ตนมีแผนเด็ด ภูริชอธิบายแทนว่า

“เราจะรอให้เดวิดกับฟายาดนัดส่งของแล้วเราค่อยขโมยของกลางมา” พสุเสริมว่าเดวิดเส้นสายเยอะ วิธีตรงๆคงเล่นงานมันไม่ได้ จึงต้องใช้วิธีนี้แทน ภูริชพูดต่อว่า “แผนที่เหลือจะบอกทีหลัง”

เดวิดก็ใช่ว่าจะไว้ใจฟายาด วันนี้จึงสั่งให้ทุกคนระวังตัว สั่งตุลย์ให้ไปเฝ้าของที่โกดังในป่า สั่งเรนกับอาร์มว่า

“แกสองคนไปกับแด๊ด แบ่งกันไปดูความเรียบร้อยทั้งหมด แด๊ดไม่อยากให้มีปัญหาอะไร” เมื่อทั้งสองรับคำสั่งแล้ว

เดวิดพยักหน้าบอก “ไปกันได้แล้ว เดี๋ยวแด๊ดตามไป”

ระหว่างนั้นเอง เอวาก็มาเคาะประตูเข้ามาถามว่าวันนี้แด๊ดจะไปไหนขอไปด้วยคน เดวิดส่ายหน้าปฏิเสธอ้างว่า

“แด๊ดนัดลูกค้าคุยธุระ เอวาอย่าไปเลย มีแต่ผู้ใหญ่ทั้งนั้น” เอวาต่อรองว่าตนไปนั่งรอแถวๆนั้นก็ได้ เดวิดเสียงแข็งว่า “วันนี้แด๊ดต้องคุยงานกันนาน แด๊ดขี้เกียจฟังเราบ่นถ้ารอนาน แด๊ดไปนะ” เดวิดตัดบทแล้วเดินผ่านเอวาไปเลย

เอวามองตาเดวิด สีหน้าเจ้าเล่ห์ แต่พอจะตามไป ก็ถูกจุรีจันทร์ผู้เป็นแม่ที่รู้ทันมาเรียกถามว่าจะไปไหน เอวาปดว่าจะไปซื้อของ จุรีจันทร์ขอไปด้วยให้รอแป๊บแม่ไปหยิบของก่อน

เอวาหน้าเหวอ มองตามรถเดวิดไปอย่างเสียดาย จุรีจันทร์มองเอวายิ้มอย่างรู้ทัน

ooooooo

การซื้อขายไม้ดำเนินไปอย่างคุมเชิงกันทุกขั้นตอน เมื่อฟายาดให้ลูกน้องเอาเงินให้เดวิดและอาร์มมารับไปแล้ว ก็รอรับของภูริชปลอมตัวเป็นลูกน้องฟายาดมารับของ แต่ถูกตุลย์จับได้ ภูริชปาระเบิดควันแล้วหนีไป ตุลย์นำลูกน้องไล่ตามไป แต่ไปถึงพบแต่กิ่งไม้ที่ภูริชตัดพรางมอเตอร์ไซค์เกลื่อนอยู่ ตุลย์กลับมาอย่างหัวเสียที่จับตัวภูริชไม่ได้

เวลาเดียวกันภาคินก็ปลอมเป็นลูกน้องฟายาดมาขอรับไม้ที่โกดัง แกล้งถามว่าได้ข่าวว่ามีคนอ้างเป็นลูกน้องฟายาดมารับของหรือ ลูกน้องเดวิดที่เฝ้าโกดังอยู่ถามว่า แล้วตนจะรู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นตัวจริง

“ยังจะมาเสียเวลาอีก ถ้าไม่เชื่อก็ลองโทร.หาเจ้านายแกดู” ภาคินทำเสียงแข็ง เอามือถือโทร.แล้วส่งให้ลูกน้องเดวิดคุย

ที่แท้ภาคินโทร.ถึงทิชา เธอปลอมเสียงเป็นเดวิดคุยกับลูกน้องที่เฝ้าโกดัง มันทำท่าจะไม่เชื่อ ทิชาเลยตวาด

“จะอะไรอีก ถ้างานกูเสีย กูไม่เอามึงไว้แน่!”

“ครับๆๆ” ลูกน้องเดวิดคนนั้นรับคำลนลาน ภาคินทำเป็นไม่พอใจพูดกับเดวิดก่อนวางสายว่า

“วันหลังอย่าทำให้ท่านเสียเวลาอย่างนี้อีกนะคุณเดวิด”

ลูกน้องเดวิดรีบเอากุญแจรถให้ ภาคินขับรถออกไปทันที มีรถเฉพาะกิจขับนำไปอย่างง่ายดาย โดยไม่เสียเลือดเนื้อเลย

เหตุการณ์นี้ทำให้ฟายาดกับเดวิดต่างระแวงว่าถูกอีกฝ่ายหักหลัง ฟายาดทวงเงินคืน เดวิดก็ทวงไม้คืน จนยิงต่อสู้กันสนั่น แต่ฝ่ายฟายาดไม่ชำนาญพื้นที่จึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ จนลูกน้องต้องช่วยกันยิงเปิดทางพาฟายาดหนีไปเรนวิ่งออกมา อาร์มสั่งลูกน้องให้ตามฟายาดไป เรนห้ามไว้บอกว่า

“ความปลอดภัยของแด๊ดสำคัญกว่า รีบไปจากที่นี่ก่อนที่มันจะย้อนกลับมา”

อาร์มชะงัก แต่ก็ทำตามเหตุผลของเรน เขาหัวเสียที่จัดการฟายาดไม่ได้

ooooooo

กลับมาถึงคฤหาสน์ ตุลย์บอกเรนว่าวันนี้ตนเจอภูริชที่โกดัง เรนชะงักแปลกใจ ตุลย์เล่าว่า

“มันแกล้งมาทำเป็นคนของฟายาดเพื่อมารับของ แต่ผมจำมันได้เลยไล่ตามมันไป แต่ก็จับมันไม่ได้ครับ”

“หรือภูริชอาจจะเป็นตัวล่อก่อนที่พวกมันจะมารับของไป” เรนวิเคราะห์ ตุลย์อ้างว่าลูกน้องตนได้คุยกับเดวิดโดยตรงด้วย เรนมองทะลุว่า “ทุกอย่างน่าจะเป็นแผนของหน่วยเฉพาะกิจที่ต้องการให้พวกเราตีกันเองโดยไม่ต้องออกแรงแน่ๆ”

ที่จุดนัดพบของพวกพสุ เขาพูดกับภูริชและทิชาว่า นี่เท่ากับเราขัดขวางการค้าไม้รายใหญ่ได้สำเร็จ

“พอข่าวกระจาย พวกค้าไม้คนอื่นกลัวกันหัวหด” ภูริชพูดขำๆ ริมถนนที่รถเฉพาะกิจและรถขนไม้จอดอยู่นั้น ทั้งพสุ ภูริช ทิชา และภาคิน มองรถขนไม้ที่ยึดมากันอย่างพอใจ

ooooooo

หัวใจปฐพี

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด