ตอนที่ 6
หลังจากเจอนภัสชลเมื่อวาน ชนะมุ่งมั่นต้องคืนดีกับเธอให้ได้ โดยเข้าทางวริสาซึ่งรู้จักสนิทสนมกันดีให้ช่วยเหลือ และถือโอกาสรุกหนักช่วงที่นภัสชลกับวริสาได้กลับมาประจำที่โรงพยาบาลต้นสังกัดในกรุงเทพฯ
ชนะแวะเวียนมาหานภัสชล ทำให้ได้พบภูริชที่พยายามง้อหญิงสาวอยู่เหมือนกัน ชนะไม่ยอมแพ้ภูริชแน่ รีบดึงวริสามาร่วมมือเพื่อให้นภัสชลเข้าใจผิดว่าภูริชกับวริสาปิ๊งกัน โดยมีภาพยืนยันความใกล้ชิดของทั้งคู่ที่ชนะแอบถ่ายได้ที่โรงพยาบาล
ปรากฏว่าภาพนั้นไม่ได้มีผลกับความรู้สึกของนภัสชลนัก แต่สำหรับพิมพ์วรีย์นั้นเห็นแล้วแทบเต้น เธอไม่ต้องการให้ผู้หญิงคนไหนใกล้ชิดภูริช จึงเพียรมาเอาอกเอาใจเขาบ่อยครั้งแม้มันยังจะไม่ได้ผล แต่เธอก็ไม่ท้อ
วันหนึ่งที่โรงพยาบาล ลาชิลอบเข้ามาเพื่อเล่นงานภูริชหลังจากได้ระเบิดทำเองจากวาริสมาลูกหนึ่ง แต่ยังไม่สบโอกาสลงมือเพราะชนะกับนภัสชลอยู่ด้วย กระทั่งนภัสชลกับภูริชต่างโดนแม่ของตนโทร.ตามตัวไปที่ห้างสรรพสินค้า ลาชิจึงติดตามไปอีก หมายมั่นปั้นมือว่ายังไงวันนี้ต้องเล่นงานภูริชให้ได้
วลัยพรรณกับปรียาพรร่วมมือกันเป็นกาวใจให้ลูกๆของตนด้วยการจัดฉากให้นภัสชลกับภูริชมาเจอกันที่ห้างสรรพสินค้าโดยที่ตัวเองไม่ได้มา แต่หนุ่มสาวยังไม่ทันจะง้องอนปรับความเข้าใจกัน ลาชิก็ปรากฏตัว ใช้ระเบิดเล่นงานเขาสองคนกลางห้าง สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คนจนต้องหนีตายกันจ้าละหวั่น
โชคดีที่ภูริชกับนภัสชลปลอดภัย ส่วนลาชิหนีรอดไปได้เพราะมีสมุนมาช่วย แต่ก็เจ็บใจที่จัดการภูริชกับนภัสชลไม่สำเร็จ
เหตุการณ์อุกอาจที่เกิดขึ้นทำให้ภูริชพร้อมด้วยหน่วยกระทิงต้องรีบเข้ารายงานตัวต่อนายพลอนุชิต โดยมีนภัสชลที่ยังตกใจไม่หายติดตามมาด้วย แล้วหลังจากนั้นไม่นานนายพลอนุชิตก็ได้เบาะแสรถคันที่คนร้ายใช้หลบหนีจอดทิ้งอยู่ริมถนนในซอยเปลี่ยวแห่งหนึ่ง แต่เมื่อส่งทหารไปตรวจสอบกลับไม่พบใครสักคน เชื่อว่าพวกมันเตรียมการหลบหนีมาอย่างดี
ลาชิกลับมายังเซฟเฮาส์ที่ชานกรุง และไม่คิดจะย้ายหนีไปไหนตามที่สมุนแนะนำ บอกว่าวันนี้แค่เริ่มต้น ยังไงตนต้องจัดการผู้กองภูริชให้ได้
ค่ำนั้น นายพลอนุชิตและหน่วยกระทิงประชุมกันเคร่งเครียดเพื่อวางแผนตามล่าลาชิที่กล้ามากเข้ามาป่วนถึงกลางเมือง ระหว่างนี้สายข่าวที่ชายแดนแจ้งเข้ามาว่า หลังจากภูริชช่วยหมอนภัสชลหนีจากฐานที่มั่นเมืองเผ่าของนายพลอาเชมาได้ไม่นาน กองทัพรัฐบาลได้โจมตีฐานที่มั่นของทั้งนายพลอาเชและนายพลลาแปได้สำเร็จ ทำลายฐานที่มั่นทั้งสองแห่งไม่มีเหลือ
จากข้อมูลนั้นทำให้ภูริชกับนายพลอนุชิตค่อนข้างแน่ใจว่าลาชิกับนายพลลาแปหนีข้ามชายแดนเข้ามากบดานในไทย นภัสชลที่นั่งฟังอยู่ด้วยอดห่วงชยินไม่ได้ การที่ชยินจับเธอไปเป็นตัวประกันทำให้เขาเป็นอีกคนที่เข้ามาในชีวิตเธอ
“แล้วผู้กองชยินล่ะคะ ได้ข่าวเขาบ้างรึเปล่า”
“ฝ่ายของนายพลอาเช ทั้งลูกชายสองคน ยังไม่ทราบชะตากรรม ไม่แน่ชัดว่าถูกกองกำลังรัฐบาลจับกุมตัวไว้ หรือว่าหลบหนีไปได้”
“ผมว่าคนที่น่าห่วงคือลาชิมากกว่า ไม่ใช่ชยิน เพราะตอนนี้ลาชิอยู่ที่นี่ ในกรุงเทพฯแล้ว และลงมือไปแล้วด้วย หมอต้องระวังตัวนะครับ เพราะเป้าหมายของมันคือมาเก็บเราสองคน”
“ลาชิพูดกับคุณเหรอว่าจะมาเก็บคุณกับหมอ”
“ครับ มันบอกว่าที่เข้ามากรุงเทพฯ อย่างแรกคือมาเก็บผมกับหมอ แล้วจะทำอย่างอื่นอีกรึเปล่า มันพูดมีลับลมคมในว่าไม่บอก”
“มันคงจะแค้นที่คุณเอาพิมพ์เขียวอาวุธที่มันสั่งซื้อมา”
“ครับ นั่นอาจจะเป็นเหตุผลนึง” ตอบแล้วภูริชเห็นนภัสชลหน้าเสีย ยกมือบีบขมับตัวเองไปมา จึงถามเธอว่าไหวไหม หญิงสาวไม่ทันจะตอบ นายพลอนุชิตตัดบทเสียก่อน
“ผมว่าคุณหมอไปพักเถอะครับ ขอบคุณที่มาให้ข้อมูล เดี๋ยวผมจะให้คนไปส่งคุณหมอที่โรงพยาบาลนะครับ
“ค่ะ งั้นฉันกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ”
นภัสชลยกมือไหว้ทุกคนแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่เดินได้แค่สองก้าวก็หน้ามืดซวนเซ ภูริชลุกพรวดมาพยุงเธอไว้ทัน ขณะที่คนอื่นๆลุกขึ้นอย่างตกใจ
ร่างนภัสชลอ่อนปวกเปียก วินาทีนั้นภูริชไม่คิดอะไรแล้วนอกจากความเป็นห่วง เขาอุ้มเธอเพื่อพาไปหาหมอ นายพลอนุชิตสั่งหน่วยกระทิงทั้งเจ็ดนายให้รีบตามไปอารักขาสองคนนั้น
ถึงโรงพยาบาลได้ไม่นาน พ่อแม่ของนภัสชลและแม่กับน้องสาวของภูริชก็ตามมา ทุกคนอยู่ในอาการตระหนกตกใจ
“ไม่เป็นไรใช่ไหมลูก แม่เห็นข่าวระเบิดแล้วหัวใจจะวาย”
“ผมระวังตัวอยู่แล้ว ไม่เคยประมาท แม่ไม่ต้องห่วงครับ”
“ภีร์ก็บอกแม่แล้ว พี่ริชฝังชิพเตือนภัยไว้ทั่วตัว ไม่มีอะไรหลุดรอดพ้นสายตาเขาไปได้หรอก”
“แล้วลูกภัสล่ะ เป็นอะไรมากรึเปล่าคะ”
ภูริชหันไปยกมือไหว้วลัยพรรณกับอนันต์ “สวัสดีครับ หมอแค่โดนแรงกระแทก ไม่ได้รับอันตรายร้ายแรงหรอกครับ แต่หมอที่รักษาอยากให้นอนพักดูอาการให้แน่ใจซะก่อนครับ”
“ผมโทร.คุยกับท่านนายพลอนุชิตเมื่อกี้ ดูเหมือนมือระเบิดมันจงใจจะวางบอมบ์ผู้กองกับลูกสาวผม”
“ครับ คาดว่ามันพุ่งเป้ามาที่ผมกับหมอ”
สองคุณแม่ฟังแล้วตกใจแทบเป็นลม อนันต์ร้อนใจมาก ถามว่าคนร้ายเป็นใคร ลูกสาวตนไปทำอะไรให้ ถึงโกรธแค้นจะฆ่ากันขนาดนี้
“ผมก็คิดไม่ถึงว่ามันจะทำถึงขนาดนี้ เรียกได้ว่าเป็นสถานการณ์ต่อเนื่องมาจากที่หมอถูกจับตัวไปก็ได้ ...คนร้ายตามมาจากชายแดนครับ”
ฟังภูริชแล้วทุกคนตกใจยิ่งขึ้นไปอีก หลังจากนั้นทุกคนเข้าไปเยี่ยมนภัสชล ภูริชไม่ได้ตามเข้ามาถึงเตียงคนไข้ ยืนอยู่ตรงประตูแต่ก็เห็นสายตาเฉยชาราวกับไร้ความรู้สึกของนภัสชลชัดเจน
พยาบาลเห็นว่าภูริชมีบาดแผลเล็กน้อย จึงให้เขาตามมาเพื่อทำแผล แต่ภูริชยังยืนอยู่กับที่ มองสามคนพ่อแม่ลูกสวมกอดและถามไถ่อาการของลูกด้วยความเป็นห่วง
“ภัสไม่เป็นอะไรมากค่ะ คุณพ่อคุณแม่อย่าห่วงนะคะ แค่ได้รับผลข้างเคียงจากแรงอัดระเบิด แล้วตอนที่ตกใจภัสคงจะเครียดมาก มันก็เลยวูบค่ะ”
ภูริชเป็นห่วงนภัสชลมาก แต่จะไม่แสดงออกอีกแล้วในเมื่อเธอไม่ต้องการ เขาหันไปสั่งหน่วยกระทิงทั้งเจ็ดให้เฝ้าอยู่ตรงนี้ ตนจะไปทำแผลแล้วจะรีบกลับมา
ลูกน้องทั้งเจ็ดต่างมองตามหัวหน้าของตนด้วยความเห็นใจ รู้ดีว่ายังง้อหมอไม่สำเร็จ แต่ทุกคนก็เอาใจช่วย เพราะอยากเห็นหัวหน้าสมหวังในความรัก
ขณะเดียวกันนั้นในห้องผู้ป่วย วลัยพรรณกับอนันต์กำลังปลอบขวัญลูกสาวและโน้มน้าวให้เห็นถึงความดีของภูริช
“ในความโชคร้ายก็มีความโชคดีนะลูก ที่แม่นัดให้ลูกไปเจอกับผู้กองภูริช เขาถึงช่วยให้ลูกรอดจากระเบิดมาได้อย่างหวุดหวิด”
“นั่นสิ ถ้าไม่มีผู้กองภูริชอยู่ตรงนั้นด้วย แค่นึกภาพพ่อก็ใจหายแล้ว ไม่รู้ว่าลูกจะรู้ตัวรึเปล่าว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย จะหนีทันรึเปล่า”
“ภัสเป็นหนี้บุญคุณผู้กองภูริชอีกแล้วสิคะ ถ้าไปขอบคุณเขาก็จะได้ยินเขาตอบมาว่าไม่ต้องมาขอบคุณหรอกครับ ผมทำตามหน้าที่”
“พี่ริชก็ชอบพูดอย่างงั้นแหละค่ะพี่หมอ เขาขี้เกรงใจคนอื่นจะตายไป ไม่อยากได้อะไรหรือให้ใครมาตอบแทนเขา”
“แต่สำหรับหมอ ริชคงจะดีใจมาก ถ้าหมอจะตอบแทนด้วยการยกโทษให้กับเรื่องที่เข้าใจผิดกัน”
ภีรชากับปรียาพรช่วยกันพูด แต่นภัสชลยังนิ่งเฉย วลัยพรรณเลยต้องขอร้องลูกสาวให้เลิกงอนภูริชแล้วกลับมาคืนดีกัน พร้อมกันนั้นก็สะกิดอนันต์ให้ช่วยอีกแรง
“ภัส...ถึงขนาดนี้แล้ว พ่อว่าลูกก็รู้ว่าผู้กองเป็นคนที่ดีมากคนนึง แล้วลูกยังจะโกรธเคืองอะไรผู้กองเขานักหนา”
“ภัสไม่ปฏิเสธค่ะว่าผู้กองเป็นคนดี เขาช่วยชีวิตภัส ซึ่งภัสไม่มีวันลืมว่าติดหนี้เขามากแค่ไหน แต่ความรู้สึกที่เสียไปแล้วมันเอาคืนไม่ได้ ภัสไม่สามารถกลับไปหาเขาได้สนิทใจอีก...ภัสขอโทษนะคะแม่ปีย์ น้องภีร์”
“ไม่เป็นไรจ้ะ แม่เข้าใจ เรื่องของความรักมันละเอียดอ่อน ฝืนใจกันง่ายๆไม่ได้ มันคงต้องใช้เวลาเยียวยา แม่ว่าลูกชายแม่ก็คงจะเข้าใจดี ริชจะไม่มีวันฝืนใจหมอให้กลับไปหาเขาเด็ดขาด ถ้าใจหมอยังไม่พร้อมจะกลับไปรักเขา”
ปรียาพรบีบมือนภัสชลอย่างเข้าใจ...วลัยพรรณกับอนันต์มองหน้ากัน อ่อนใจกับทิฐิของลูกสาว
ooooooo
ชยินอพยพมาหลบซ่อนตัวอยู่ชายแดนไทยพร้อมพ่อกับน้องชายและลูกน้องคนสนิทอีกหนึ่งคน วันนี้เขาเข้ามาในหมู่บ้านเพื่อซื้อของใช้จำเป็นแล้วเผอิญได้เห็นข่าววางระเบิดจากโทรทัศน์ ซึ่งปรากฏภาพภูริชกับนภัสชลชัดเจน รวมทั้งลาชิด้วย
ชยินคาดไม่ถึงว่าลาชิจะกล้าเข้าไปป่วนถึงกลางกรุง เขารีบร้อนกลับมายังที่พักแล้วเตรียมตัวไปกรุงเทพฯ เพื่อหยุดการกระทำของลาชิ โดยไม่ฟังคำทัดทานของเตโชที่บอกว่าลาชิจะวางระเบิดเผาเมืองก็เรื่องของมันไม่เกี่ยวกับเรา
“ทำไมจะไม่เกี่ยว ไอ้ลาชิมันเป็นคนสะลองเหมือนกับเรา พี่ไม่ยอมให้มันเข่นฆ่าทำลายประเทศใครให้คนทั้งโลกสาปแช่งบรรพบุรุษเราเด็ดขาด คิดดูถ้ามันทำให้คนไทยตายสักคน พี่น้องชาวสะลองของเราที่เข้ามาอาศัยความช่วยเหลือในศูนย์พักพิงที่ชายแดนไทยจะได้รับผลกระทบยังไง ถ้าคนไทยโกรธเกลียดคนสะลองขึ้นมา พวกเขาจะไปอยู่ที่ไหน”
ฟังเหตุผลนั้นแล้วเตโชเถียงไม่ออก ส่วนซาเยร์ห่วงนายของตนจึงขอไปด้วย แต่ชยินไม่ยอม บอกให้เขาอยู่ดูแลพ่อของตนที่นี่ พอชยินคว้าเป้สะพายไหล่จะออกไป นายพลอาเชที่กำลังป่วยถือไม้ตะพดพยุงตัวเดินเข้ามาตบไหล่ลูกชายคนโต สนับสนุนให้เขาไปทำเพื่อคนสะลอง อย่าให้ลาชิทำลายชื่อเสียงและเกียรติภูมิของคนสะลองได้...
ค่ำวันเดียวกันนี้ นภัสชลยังพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลโดยมีภูริชกับหน่วยกระทิงคอยอารักขาอยู่นอกห้อง นภัสชลใจแข็งยังไม่คืนดีกับภูริช แม้เธอหิวแต่ก็ไม่ยอมกินโจ๊กที่เขาเอาเข้ามาให้ แต่พอชนะมาเยี่ยม เธอกลับยอมให้เขาป้อนโจ๊กหน้าตาเฉย แถมยังพูดเหมือนจะให้โอกาสอดีตคนรักกลับมาแก้ตัวใหม่ ทำให้ภูริชเศร้าหนักขึ้นไปอีก...
กลางดึก วริสาสะดุ้งตื่นด้วยเสียงโทรศัพท์จากวาริสที่อยากรู้ตำแหน่งที่ตั้งบ้านของนภัสชล วริสาหงุดหงิดบ่นพ่อไปหลายคำก่อนจะตอบคำถามนั้นโดยที่วาริสไม่ยอมบอกรายละเอียดว่าขอไปทำไม
ที่แท้ลาชิต่างหากที่ต้องการข้อมูลของนภัสชล เมื่อรู้จากวาริสแล้ว วันรุ่งขึ้นเขาจึงตั้งใจให้วาริสพาไป แต่พอดีวริสาที่เข้าไปยังโรงพยาบาลและรู้เห็นว่านภัสชลกำลังจะกลับบ้าน จึงรีบโทร.แจ้งพ่อ เป็นเวลาที่ภูริชและหน่วยกระทิงออกไปชานเมืองเพราะมีเบาะแสเรื่องคนร้ายที่วางระเบิด โดยฝากทหารสามนายพานภัสชลไปส่ง
แต่เมื่อพวกภูริชไปถึงก็พบว่าคนร้ายไหวตัวพากันหนีไปก่อนหน้านี้แล้ว ฝ่ายลาชิตัวแสบที่นั่งรถตู้ของวาริสเพื่อไปจับตัวนภัสชลที่บ้าน พอรู้ว่าหมอสาวกำลังจะออกจากโรงพยาบาลจึงให้วาริสเปลี่ยนเส้นทางทันที
วาริสไม่อยากยุ่งแต่ปฏิเสธไม่ได้เพราะลาชิชักปืนข่มขู่บังคับ พวกเขามาทันเห็นนภัสชลเพิ่งนั่งรถออกไป ขณะที่ชยินก็ดั้นด้นมาถึงแล้วเช่นกัน เขาฉกฉวยมอเตอร์ไซค์แถวนั้นขับตามรถที่นภัสชลนั่งไปทันที โดยไม่รู้ว่ารถตู้ติดฟิล์มดำที่ตามมาด้วยมีวายร้ายลาชินั่งอยู่ข้างใน
ooooooo










