ตอนที่ 13
อัลบั้ม: 'แซมมี่-ธันวา' ดราม่าแซบ เปิดฉาก 'ไฟรักเกมร้อน'
ณัฐวุฒิไม่ได้กลัวกับท่าทีเอาเรื่องของปาณัทพูดจายั่วประสาทไม่หยุดหย่อน สุดท้ายสองหนุ่มฟาดปากกัน ณัฐวุฒิต่อยปาณัทได้แค่หมัดเดียวแต่ตัวเองโดนสองทีซ้อนเงื้อหมัดจะต่อยคืน วาสิตาเข้ามาห้ามเสียก่อน
“หยุดนะหมอณัฐ คุณแอบไปมีอะไรกับยัยพิรญาณ์แล้วยังกล้ามาทำร้ายหมอนนท์อีกเหรอ”
ทั้งปาณัทและณัฐวุฒิต่างตะลึง วาสิตาได้ทีใส่ไฟซ้ำว่าพิรญาณ์แอบคบหากับณัฐวุฒิ มีคนเห็นว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้งคู่เจอกัน แต่นับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ณัฐวุฒิโกรธมาก ที่เธอโกหกหน้าด้านๆอธิบายให้ปาณัทฟังว่าไม่เป็นความจริง หากเขาจะเชื่อคำโป้ปดของวาสิตาก็ตามใจ
“พอสักที พวกคุณสองคนกำลังเล่นอะไรกันอยู่เนี่ย” ปาณัททนไม่ไหวเดินหนี วาสิตารีบเดินตาม ณัฐวุฒิตะโกน ไล่หลังว่าเอาให้พอใจเธอเลย ถ้าคิดว่าแผนเสี้ยมเรื่องชู้สาว ของเธอจะช่วยให้ปาณัทกลับมาหาเธอได้ แล้วนึกถึงเรื่อง มุกระวีขึ้นมาได้ ไม่สนใจสองคนนั่นอีก รีบไปสืบข่าวเรื่องนี้...
ฝ่ายวาสิตาพยายามใส่ไฟให้ปาณัทเชื่อว่าพิรญาณ์เล่นชู้กับณัฐวุฒิ แต่ป่วยการพูด เขาอ้างว่ารู้จักพิรญาณ์ดีว่าไม่มีวันทำเรื่องแบบนั้นเด็ดขาด ขอให้เธอเลิกใส่ร้ายป้ายสีพิรญาณ์ได้แล้ว และขยับจะไป วาสิตากอดเขาไว้แน่น พร่ำเพ้อที่ทำทุกอย่างก็เพื่อให้เขาตาสว่างไม่ใช่เอาแต่หลงนังนั่นไม่ลืมหูลืมตา
“ความรู้สึกที่ผมมีให้น้องพิณคือความรักไม่ใช่ความหลง ปล่อยผมครับ”
“ไม่...หวาหวารักหมอนะ รักมาก” วาสิตายิ่งกอดเขาแน่นขึ้น ปาณัททนไม่ไหวดึงมือเธอออกสุดแรงจนล้มก้นจำเบ้า นึกเป็นห่วงเธอขึ้นมาจะช่วยพยุง แต่กลัวเรื่องจะไม่จบจึงยั้งมือไว้
“ผมขอโทษจริงๆครับคุณหวาหวา ความรักเป็นสิ่งที่บังคับใจกันไม่ได้ ผมไม่มีวันจะรักคุณเพราะผมได้รักน้องพิณไปจนหมดหัวใจแล้ว และผมจะรักน้องพิณไปจนลมหายใจสุดท้ายของผม” พูดจบปาณัทผละจากไป ทิ้งให้วาสิตานั่งร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง...
ขณะที่วาสิตาถูกปาณัททิ้งอย่างไม่ไยดี ณัฐวุฒิเข้าไปสืบข่าวของมุกระวีถึงในห้องพักฟื้น ถึงกับอึ้งเมื่อรู้ว่าเป็นท่านสุทัศน์นี่เองที่แอบมีสัมพันธ์ลับกับเธอ เขาทำเนียนเข้ามาตรวจอาการของเธอ อ้างทีมแพทย์ที่ทำการรักษาเธอให้เขาช่วยมาดูแลเพราะเห็นว่าเธอมีอาการมึนหัว ท่านสุทัศน์ไม่ติดใจสงสัยอะไร ยอมให้เขาตรวจอาการของเธอได้ ไม่นานนักณัฐวุฒิกลับออกมาจากห้องพักฟื้น สีหน้าพอใจที่ได้ข้อมูลทำลายล้างปาณัทแล้ว
ooooooo
พิรญาณ์ดีใจแทบโดดตัวลอยเมื่อกรกฎกับนิภาพรรณแจ้งว่าทางสถาบันไมเออร์ เห็นรูปถ่ายเครื่องเพชรทั้งสามแบบของมณีมัทนาจิวเวลรี่ที่ส่งไป ทางนั้นสนใจมาก โทร.มาติดต่อขอนัดดูเครื่องเพชรทั้งสามชุด
“อีกสองวันเขาจะส่งคนมาดูค่ะ แล้วจะคัดเลือกเครื่องเพชรเราชุดใดชุดหนึ่งเข้าประมูล”
“เราทำสำเร็จแล้วพี่นิภา”
ทั้งนิภาพรรณและกรกฎต่างจับมือกับพิรญาณ์ดีใจไปด้วยกัน...
เส้นริษยาของวิวัฒน์แตกซ่านเมื่อได้ข่าวในทางลับมาว่าสถาบันไมเออร์จะส่งเจ้าหน้าที่มาเลือกเครื่องประดับของมณีมัทนาจิวเวลรี่เพื่อส่งขึ้นประมูลในงานที่ดูไบ แต่บริษัทของเขากลับไม่มีใครติดต่อมา
“โธ่เว้ย เครื่องประดับมันดีวิเศษยังไงวะ ไมเออร์ถึงสนใจ”
“สายของนุสราบอกว่ายัยนั่นมันงัดเอาสมบัติเก่าสมัยเจ้าคุณตาของมันออกมาค่ะ” อนุสราว่าแล้วเปิดสมุดชนิดของเพชรพลอย พอเจอหน้าทับทิมพม่าสีเลือดนกพิราบก็เอาให้เจ้านายดู วิวัฒน์ถึงกับตะลึง...
ด้านวาสิตาอารมณ์เสียสุดๆที่ถูกปาณัทปฏิเสธความรักครั้งแล้วครั้งเล่า โทษพิรญาณ์ว่าทำให้เขากลายเป็นแบบนี้ ด้วยความที่อยากจะกำจัดมารหัวใจให้สิ้นซาก เธอขอให้วิชุดาช่วยนัดวิวัฒน์มาปรึกษาหารือกัน เขาเองก็ต้องการเขี่ยคู่แข่งทางธุรกิจอย่างพิรญาณ์ให้พ้นไปเช่นกัน ก็เลยร่วมมือด้วย
“ผมพอจะมีคนที่จะช่วยจัดการให้ได้ แต่ค่าแรง ข้อมูลต้องพร้อมทุกอย่าง”
วาสิตายินดีจะให้ทุกอย่างตามที่เขาต้องการขอแค่จัดการพิรญาณ์ให้ได้ก็พอ...
ตกค่ำ ปาณัทนั่งตรวจประวัติคนไข้รายหนึ่งที่เพิ่งย้ายมาจากโรงพยาบาลอื่นอยู่ที่ห้องรับแขกในเรือนเล็ก พิรญาณ์เข้ามากอดคอจากด้านหลัง กระซิบข้างหูป่านนี้แล้วทำไมยังทำงานอยู่อีก เขามีคนไข้ใหม่ที่เพิ่งย้ายมารักษากับเขาก็เลยจะดูว่าโรงพยาบาลก่อนหน้ารักษาคนไข้อย่างไรบ้าง พิรญาณ์อยากรู้ว่าท่านชีคคนไข้รายหนึ่งของเขาเห็นรูปเครื่องเพชรของเธอที่ไปให้หรือยัง และท่านว่าอย่างไรบ้าง เขาเรียกให้มาใกล้ๆเธอก็เลยแกล้งเขาด้วยการนั่งคร่อมบนตักหันหน้าประจันกัน ถามยั่วว่าแค่นี้ใกล้พอหรือยัง เล่นเอาชายหนุ่มใจเต้นไม่เป็นส่ำ
“ใกล้มากจนอันตราย”
พิรญาณ์หัวเราะชอบใจ ขยับจะลุกขึ้นแต่ปาณัทดึงเอวให้ลงนั่งอย่างเก่า เล่าว่าท่านชีคสนใจมากอยากนัดดูตัว เธอดีใจมากหอมเขาหนึ่งฟอดเป็นรางวัล ปาณัทยังมีรูปอีกหนึ่งรูปให้เธอดู แล้วหยิบมือถือขึ้นมาเปิดรูปที่เธอยืนคุยอยู่กับณัฐวุฒิ ยิ้มสดใสของพิรญาณ์หุบสนิท ใจหล่นไปที่ตาตุ่ม แต่ยังทำใจดีสู้เสือ
“พี่นนท์สงสัยว่าพิณ...เอ่อ...คุยอะไรกับหมอณัฐเหรอคะ”
“พี่ไม่สงสัยแต่พี่เป็นห่วงน้องพิณ คนอย่างหมอณัฐไม่น่าเข้าใกล้ที่สุด น้องพิณต้องอยู่ห่างๆเขาเข้าใจไหม”
“แล้วพี่ไม่ห่วงว่าพิณกับเขาจะสมคบคิดทำอะไรกันบ้างเหรอ” พิรญาณ์โยนหินถามทาง วูบหนึ่งปาณัทอดระแวงไม่ได้ แต่พอมองหน้าเธอความรู้สึกเหล่านั้นก็มลายไปสิ้น เขาเชื่อมั่นว่าเธอจะไม่มีวันทรยศเขา แล้วลูบไล้ใบหน้าเธออย่างแสนรัก เธอซาบซึ้งในความรักที่เขามีให้ยื่นหน้าเข้าไปจูบเขา
ooooooo
ในเวลาไล่เลี่ยกัน วิวัฒน์พาวาสิตากับวิชุดามายังตรอกที่ทั้งมืดและเปลี่ยวเพื่อพบกับมือสังหาร วาสิตายื่นซองสีน้ำตาลใส่เงินรวมทั้งข้อมูลและรูปถ่ายของพิรญาณ์ให้มือสังหาร งานสำเร็จเมื่อไหร่จะจ่ายให้อีก สองเท่าของที่จ่ายวันนี้ มือสังหารจะส่งข่าวไปให้เธอรู้เมื่องานเสร็จตามเบอร์โทร.ที่ให้ไว้
“คุณกลับไปก่อนคุณหวาหวา เดี๋ยวผมจะคุยเรื่องรายละเอียดแม่นั่นให้เอง” ณัฐวุฒิรอจนวิชุดาดึงแขนวาสิตาเดินหายไปในความมืด จึงหันมาทางมือสังหาร “ก่อนจะจัดการแม่นั่น ฉันอยากให้แกใจเย็นๆตามดูมันก่อน ฉันอยากได้เครื่องเพชรจากมัน”...
ปาณัทกลัวจะห้ามใจไม่ไหว รีบดันตัวพิรญาณ์ออกห่าง บอกให้ไปนอนกับคุณแม่ของเธอได้แล้ว เขาไม่อยากผิดคำสัญญาที่ว่าจะรอหลังเธอกลับจากงานดูไบ เธอเองก็ไม่ได้อยากไป อ้อยอิ่งอยู่อย่างนั้นจนเขาต้องไล่ซ้ำ แล้วเดินมาส่งที่หน้าประตูเรือนเล็ก เหมือนฟ้าฝนจะเป็นใจ ไม่มีเมฆตั้งเค้ามาก่อนแต่ฝนกลับเทกระหน่ำ ปาณัทเป็นห่วงหญิงคนรักคว้าร่มออกไปกางให้ แล้วเช็ดน้ำฝนที่เปียกหน้าให้เธอ
“เอ่อ เอาร่มไปนะเดี๋ยวไม่สบาย” พูดจบเขายัดร่มใส่มือเธอ
แต่สุดท้ายปาณัททนห้ามใจไม่ไหวขอร้องให้เธออยู่กับเขาอย่าไปไหน เธอเองก็อยากอยู่กับเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วโผกอดเขาแน่นทิ้งร่มปลิวไปตามแรงลม จูบกันอย่างดูดดื่มกลางสายฝน จากนั้นก็ไปสานสัมพันธ์กันต่อในห้องนอน ทุกสัมผัสเต็มไปด้วยความรัก ปาณัทค่อยๆปลดเสื้อพิรญาณ์ออก
“น้องพิณของพี่...พี่รักน้องพิณมากและเมื่อเราก้าวผ่านคืนนี้ไปด้วยกันแล้ว เราสองคนจะเป็นสามีภรรยากันโดยสมบูรณ์และจะครองคู่กันไปจนกว่าความตายจะมาพรากเราจากกัน” ปาณัทบรรจงจูบพิรญาณ์ซึ่งจูบตอบอย่างเต็มใจ...
พิรญาณ์รู้สึกตัวตื่นขึ้นกลางดึก ไม่เห็นปาณัทนอนอยู่ข้างๆ แปลกใจเขาหายไปไหน คว้าเสื้อคลุมมาสวมเดินลงมาข้างล่างเห็นเขากำลังเขียนอะไรบางอยู่ตรงผนังห้องที่มีรูปภาพของทั้งสองคนแขวนอยู่ ปาณัทหันมาเห็น เรียกให้เธอเข้ามาใกล้ๆ ช่วยอ่านสิ่งที่ตัวเองเขียนให้ฟัง พิรญาณ์อ่านออกเสียงช้าๆอย่างตื้นตัน
“พี่นนท์รักน้องพิณ รักจนหมดลมหายใจ รักเดียวตลอดไป” พิรญาณ์เอนหัวพิงปาณัทที่เข้ามากอดทางด้านหลัง ยิ้มมีความสุข อยากหยุดวันเวลาเอาไว้ตรงนี้
ooooooo
มือสังหารมาซุ่มดูอยู่หน้าบ้านมัทนา พอเห็น ปาณัทขับรถออกมากับพิรญาณ์รีบสะกดรอยตาม กระทั่งทั้งคู่เข้าไปในล็อบบี้ของโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง สายตาของมือสังหารจ้องเขม็งไปยังกระเป๋าใส่เครื่องประดับในมือปาณัท นี่อาจจะใช่สิ่งที่วิวัฒน์ต้องการ เขารีบล้วงมือถือขึ้นมาถ่ายภาพเก็บไว้
ปาณัทรู้สึกเหมือนมีใครจ้องอยู่ เหลียวไปมอง แต่ไม่เห็นใคร คิดว่าตัวเองเป็นกังวลมากไปเอง ทันทีที่ทั้งคู่ก้าวเข้าไปในลิฟต์ มือสังหารโผล่ออกจากที่ซ่อนมองตามด้วยสายตาเหี้ยม...
การที่พิรญาณ์นำเครื่องประดับที่จะเอาไปแสดงในงานโชว์เครื่องประดับที่ดูไบมาให้ฟารีสในฐานะตัวแทนของท่านชีคยลโฉมก่อน ก็แค่อยากดูปฏิกิริยาที่เขามีต่อพวกมัน ไม่ได้คิดจะขายให้ แม้ฟารีสจะให้ราคาเครื่องประดับชุดดิ ออร์คิด ออฟ สยามสูงถึงสี่สิบล้านบาทก็ตาม เขารู้ตัวว่าพลาดที่เสนอราคาต่ำเกินไป จึงเสนอราคาเพิ่มให้อีกเท่าตัวแต่เธอก็ไม่ขายให้
“ดิฉันไม่ปิดโอกาสของคุณฟารีสกับท่านชีคหรอกนะคะ แต่เจอกันในงานที่ดูไบดีกว่าค่ะ ดิฉันคิดว่ามูลค่าที่คู่ควรกับ ดิ ออร์คิด ออฟ สยาม อยู่ที่เวทีประมูลค่ะ” พิรญาณ์เก็บเครื่องประดับทั้งหมดใส่กระเป๋า แล้วขอตัวกลับก่อน ระหว่างเดินไปที่ลิฟต์ ปาณัทบ่นด้วยความเสียดาย ทำไมเธอถึงไม่ขายเครื่องประดับทั้งสามชุดให้ฟารีส อย่างน้อยก็จะได้เงินทันทีเกือบแปดสิบล้านบาท จะทำให้เธอปลดหนี้ได้หมด
“โถ...คุณหมอนนท์ขา สร้อยคอลเลกชั่นใหม่เพิ่งจะทำเสร็จ ยังไม่ได้เอาไปอวดให้ชาวโลกดูในงานมหกรรมเพชรระดับโลกเลย จะให้รีบขายแล้วเหรอคะ”
ปาณัทไม่เข้าใจในเมื่อไม่ได้ตั้งใจจะขายเครื่องประดับเซตนี้ให้ท่านชีคตั้งแต่แรก แล้วทำไมเราต้องเสียเวลามาที่นี่ เธออธิบายว่านี่เรียกว่าการทดลองตลาดทดสอบราคาขั้นแรก เขาถึงบางอ้อทันทีว่านี่คือหนึ่งในวิธีค้าขายของวงการจิวเวลรี่ เธอบอกเขาว่าไม่ต้องเป็นกังวล รับรองท่านชีคกับฟารีสไม่พลาดงานประมูลทับทิมเซตนี้ของเธอแน่ๆ เพราะถ้าพลาดท่านจะหาไม่ได้อีกแล้ว...
แทนที่พิรญาณ์จะดีใจที่วันพรุ่งนี้จะเดินทางไปดูไบเพื่อไขว่คว้าความสำเร็จกลับมาให้แม่ เธอกลับรู้สึกเศร้าเหมือนตัวเองกำลังนับถอยหลังสู่การจากลาปาณัท ผู้ชายที่ตัวเองแสนรัก พอเห็นแม่เดินเข้ามาเธอรีบปรับสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุข คุยให้ฟังว่าพรุ่งนี้จะไปดูไบแล้วจะกลับมาพร้อมกับความสำเร็จและรายได้มหาศาล
“ทุกอย่างที่เราเคยมีจะต้องกลับคืนมาเหมือนเดิม แล้วพิณจะออกตามหายัยพั้นซ์อีกครั้ง พาน้องกลับมาหาคุณแม่ค่ะ” พูดถึงน้องสาวขึ้นมา พิรญาณ์แทบจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่ มัทนาเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน
“พั้นซ์ลูกแม่ ลูกอยู่ที่ไหนป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
“ยัยพั้นซ์เป็นเด็กฉลาด ไปเรียนเมืองนอกคนเดียวมาตั้งแต่เล็กๆ เธอเอาตัวรอดได้ พิณมั่นใจค่ะว่า ยัยพั้นซ์ปลอดภัยดี แต่ที่ไม่ยอมกลับมายัยพั้นซ์คงรออะไรอยู่ อีกไม่นานค่ะครอบครัวของเราจะกลับมาอยู่พร้อมหน้า พร้อมตากันเหมือนเดิม จะไม่มีก็แต่...คุณพ่อ”
“แล้วครอบครัวของลูกล่ะ ครอบครัวของลูกกับหมอนนท์”
พิรญาณ์ก็ไม่รู้เหมือนกัน เธอตั้งใจจะไม่คืนเงินให้เปรมสุดากับพีระเดชแม้แต่สตางค์แดงเดียว ถึงตอนนั้นปาณัทจะยอมรับได้ไหม เธอไม่อาจคาดเดาได้...
ฝ่ายปาณัททำเซอร์ไพรส์ให้พิรญาณ์ ตกแต่งเรือนเล็กด้วยไฟดวงเล็กๆระยิบระยับราวกับดวงดาวบนท้องฟ้ายามเดือนมืด แล้วรวบตัวหญิงคนรักมากอดไว้ยืนมองดวงไฟพร่างพราวด้วยกัน
“ทั้งหมดนี้เพื่อฉลองความสำเร็จให้น้องพิณ ล่วงหน้านะครับ ขอให้น้องพิณของพี่นนท์กลับมาพร้อมชัยชนะเหนือทุกคนที่ดูไบ”...
ทางฝ่ายวาสิตายังคงหมกมุ่นรอฟังข่าวมือสังหารจัดการกับพิรญาณ์อยู่ลำพังที่ห้องทำงาน หยิบมือถือขึ้นมาดูหลายครั้งจนหงุดหงิดที่เขาไม่โทร.มาสักที ตัดสินใจเป็นฝ่ายโทร.ไปหา มือสังหารไม่ค่อยพอใจนัก เคยบอกเธอแล้วว่างานเสร็จเมื่อไหร่จะติดต่อกลับไปเอง เธอร้อนใจอยากให้เขารีบจัดการกับพิรญาณ์เร็วๆ
ooooooo
พิรญาณ์ในชุดพร้อมออกเดินทางไปดูไบ ยืนมองปาณัทที่ยังหลับสนิทอยู่บนเตียงก่อนจะก้มลงจูบแก้ม
“ใครที่ก่อกรรมทำร้ายครอบครัวของพิณเอาไว้ก็สมควรต้องชดใช้กรรม พิณหวังว่าพี่จะทำใจยอมรับมันได้ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับแม่ของพี่และยังคงรักพิณเหมือนเดิม รอพิณกลับมานะคะ พี่นนท์ของน้องพิณ” พิรญาณ์มองแหวนที่มือของปาณัทลูบมันเบาๆก่อนจะคว้ากระเป๋าเดินไปขึ้นรถขับออกไป โดยไม่ล่วงรู้ว่าถูกมือสังหารสะกดรอยตาม เธอคว้ามือถือโทร.บอกนิภาพรรณซึ่งกำลังนั่ง
แท็กซี่ตรงไปที่สนามบินว่าเพิ่งออกจากบ้าน เดี๋ยวเจอกันที่สนามบินแล้ววางสาย ขณะที่หญิงสาวชะลอความเร็วเพื่อจะเลี้ยวออกจากซอย มือสังหารแกล้งขี่มอเตอร์ไซค์เฉี่ยวกระจกมองข้างก่อนจะดึงรถให้ล้ม เธอหลงกลจอดรถลงไปดู มือสังหารชักปืนมาจี้
“กระเป๋าเครื่องเพชรอยู่ที่ไหน”
หญิงสาวตกใจจะกลับไปขึ้นรถ แต่มือสังหารล็อกคอเอาไว้ ใช้ปืนขู่ให้บอกว่าเอากระเป๋าเครื่องเพชรไปไว้ไหน เธอกลัวจะถูกทำร้ายชี้ไปที่เบาะหลังรถ เขาสั่งให้เธอเปิดประตูรถให้ พิรญาณ์รอจังหวะที่มือสังหารเอื้อมมือข้างที่ถือปืนไปหยิบกระเป๋าใส่เครื่องเพชร ใช้ตัวกระแทกประตูรถซ้ำๆหลายครั้งจนทั้งคนทั้งปืนในมือร่วงลงไปกองกับพื้น แล้วถลากลับไปขึ้นรถขับหนี โดยไม่รู้ว่าตัวเองขับรถทับแขนมือสังหารเดี้ยง
เขากัดฟันเดินไปหยิบปืนแล้วรีบขึ้นมอเตอร์ไซค์หนีไปอย่างรวดเร็ว พิรญาณ์มองกระจกส่องหลังไม่เห็นมือสังหารตามมารีบรถจอดข้างทางเพื่อสงบสติอารมณ์ แล้วหันไปคว้ากระเป๋าเครื่องเพชรขึ้นมากอดแนบอก
“เกือบไปแล้ว ถ้ามันเอาสร้อยไปได้โอกาสรอดที่กำลังรอเราอยู่ที่ดูไบก็ไม่เหลืออีกแล้ว” พิรญาณ์เห็นได้เวลาต้องเช็กอินตั๋วเครื่องบิน กลัวจะตกเครื่องรีบขับรถออกไปราวจะแข่งกับพายุ...
ฝ่ายปาณัทเสียดายที่พิรญาณ์ไม่ยอมปลุกก็เลยไม่ได้ขับรถไปส่งที่สนามบิน ได้แต่ไลน์ไปอวยพรให้เธอเดินทางโดยสวัสดิภาพ เขาจะรอรับโทรศัพท์ฟังข่าวดีจากดูไบ แล้วส่งสติกเกอร์บอกรักปิดท้าย ก่อนจะคว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพาย เดินทางไปทำงาน...
ในเวลาเดียวกัน วิวัฒน์กำลังจะไปขึ้นเครื่องเดินทางไปดูไบเช่นกันตอนที่มือสังหารโทร.มาแจ้งว่าทำงานพลาด พิรญาณ์หนีรอดไปได้แถมยังถูกเธอขับรถทับแขนหัก วิวัฒน์โกรธมากที่เขาแพ้ผู้หญิงตัวเล็กๆ ไล่ตะเพิดให้ไปรักษาตัวไกลๆแล้วจะโอนเงินค่ารักษาไปให้
“ไม่ต้องโผล่กลับมาที่กรุงเทพฯอีกนะ ไม่ต้องติดต่อกูเราไม่เคยรู้จักกัน ทำเหมือนตายไปจากโลกนี้ได้ยิ่งดี” วิวัฒน์วางสายอย่างหัวเสีย แล้วนึกถึงวาสิตาขึ้นมาได้ รีบโทร.หา “ฮัลโหลนี่วิวัฒน์นะครับคุณหวาหวา ไอ้ห่วยนั่นมันทำงานพลาด เก็บนังพิรญาณ์ไม่ได้ไม่รู้ป่านนี้นังนั่นไปแจ้งความถึงไหนแล้ว ตอนนี้คงต้องตัวใครตัวมัน”
วาสิตากลัวจะสาวมาถึงตัวเอง รีบลบเบอร์ทั้งของวิวัฒน์และมือสังหารทิ้ง ระหว่างก้มหน้าก้มตาลบเบอร์โทร. เดินชนเข้ากับณัฐวุฒิตรงหัวเลี้ยวมุมตึกภายในโรงพยาบาลประชาราษฎร์ ถึงกับสะดุ้งเฮือกร้องลั่น
“แค่นี้ต้องขวัญอ่อนด้วยเมียจ๋า”
“ทุเรศ อย่ามาเรียกฉันเมียนะ” ไม่ด่าเปล่าวาสิตาตวัดมือตบ ณัฐวุฒิไวทายาดคว้ามือเธอไว้ทัน เธอพยายามดิ้นหนี เขารีบเปิดมือถือให้ดูข่าวฮอตประเด็นร้อนประจำวันนี้ เป็นข่าวมุกระวีตกเลือด เธอถึงกับหน้าตาตื่นข่าวนี้หลุดไปถึงสื่อได้อย่างไร ยังไม่ทันจะพูดอะไร วิชัยโทร.เรียกตัวให้มาพบที่ห้องทำงานเสียก่อน
ooooooo
ปาณัทเพิ่งตรวจเยี่ยมคนไข้ที่ห้องพักฟื้นได้ สองรายตอนที่ถูกเรียกตัวไปพบวิชัยที่ห้องทำงาน ต้องแปลกใจที่เห็นท่านนั่งหน้าเครียดอยู่กับวาสิตาโดยมีท่านสุทัศน์กับมุกระวีนั่งหน้าบึ้งตึงอยู่ในห้องด้วย
“สวัสดีครับ ท่าน ผอ.เรียกพบผมมีอะไรหรือครับ”
“หมอก็ดูเองสิ” วิชัยเลื่อนเอกสารปึกหนึ่งบนโต๊ะไปข้างหน้า หมอหนุ่มหยิบไปเปิดดูพบว่าเป็นภาพข่าวที่ปริ๊นต์มาจากสื่อในเน็ต ข่าวเป็นไปในทำนองเดียวกันว่าดาราชื่อย่อ ม.แอบเป็นกิ๊กกับรัฐมนตรีจนท้องแล้วแท้งลูก ตกเลือดเกือบเอาชีวิตไม่รอดต้องหามส่งโรงพยาบาล ปาณัทหน้าถอดสีนักข่าวรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร
“ทำเป็นตีหน้าเซ่อมาถาม รู้ได้ไงเหรอ...ก็รู้มาจากคุณหมอไง นี่...แหกตาดูซะ เอกสารการรักษาที่ส่งถึงนักข่าวมีชื่อหมอนนท์ชัดแจ๋วเลย คุณแส่เอาเรื่องฉันไปบอกนักข่าวทำไมห่ะ ฉันไปท้องบนหัวคุณเหรอถึงได้มาทำลายชื่อเสียงฉัน” มุกระวีปรี๊ดแตก ท่านสุทัศน์ต้องดึงตัวไว้ ขอร้องให้ใจเย็นๆ
มุกระวีใจเย็นไม่ไหว ตอนนี้ข่าวฉาวไปทั้งวงการแล้ว งานถ่ายแบบโฆษณา ละครที่ติดต่อเธอไว้รวมทั้งอีเวนต์ต่างๆพากันยกเลิกหมด เธอต้องสูญทั้งเงินเสียทั้งชื่อเสียง เธอจะฟ้องทั้งหมอทั้งโรงพยาบาลให้เจ๊ง วิชัย วาสิตาและปาณัทต่างตกใจไปตามๆกัน...
ขณะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นที่โรงพยาบาลประชาราษฎร์ในเมืองไทย พิรญาณ์ในชุดหรูหราเยื้องย่างเข้ามาในงานโชว์เครื่องประดับที่ดูไบกับนิภาพรรณ ฟารีสเดินมากับท่านชีคจำเธอได้ เข้าไปทักทายและแนะนำให้เธอรู้จักกับเจ้านายซึ่งเสียดายมากที่ปล่อยให้ ดิออร์คิด ออฟ สยามของเธอหลุดมือไปที่เมืองไทย นิภาพรรณเตือนว่าถ้าเป็นอย่างนั้นวันนี้ก็อย่าปล่อยให้หลุดมือไปอีก สักครู่ก็จะเปิดการประมูลแล้ว ทับทิมพม่าที่นำมาทำคอลเลกชั่นนี้ หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วในโลกนี้เพราะเป็นพลอยเก่าที่คุณตาของพิรญาณ์เก็บรักษามานานมากแล้ว
“พลอยของตระกูลเหรอครับคุณพิณ”
“จะเรียกอย่างนั้นก็ได้ค่ะ เป็นพลอยของคุณตาที่หาค่าไม่ได้ซึ่งฉันก็หวังว่าผู้ที่ได้ไปครอบครองจะดูแลเก็บรักษาไว้อย่างดี” คำบอกเล่าของพิรญาณ์ทำให้ท่านชีคยิ่งอยากครอบครอง ดิออร์คิด ออฟ สยาม...
ปาณัทดูท่าจะลำบากเพราะไม่มีใครฟังคำแก้ตัวของเขา เนื่องจากหลักฐานที่มีชี้ว่าเขาอยู่เบื้องหลังข่าวฉาวครั้งนี้ ท่านสุทัศน์ไม่พอใจมากขู่ลั่นถ้าวิชัยหาคนผิดมาให้ไม่ได้ โรงพยาบาลแห่งนี้ก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน แล้วจูงมือมุกระวีออกไป วาสิตาโวยตามหลังอยากจะฟ้องก็เชิญฟ้องได้เลย เธอพร้อมจะสู้
“แต่พ่อยอมให้เขาฟ้องโรงพยาบาลเราไม่ได้เด็ดขาด ยังไงเรื่องนี้หมอนนท์ก็หนีไม่พ้นต้องรับผิดชอบ”
ooooooo
วิวัฒน์เดินเข้ามาในงานกับอนุสราเห็นพิรญาณ์กำลังให้นักข่าวต่างชาติสัมภาษณ์และถ่ายรูป รีบเดินเลี่ยงไปอีกทาง พิรญาณ์เหลือบมาเห็น ขอตัวจากนักข่าวตามไปทักทายว่ามาด้วยหรือ เธอไม่เห็นคอลเลกชั่นจากวีวีจิวเวลรี่ของเขาอยู่ในรายชื่อนำขึ้นประมูลวันนี้ก็เลยนึกว่าสละสิทธิ์ไม่มา นิภาพรรณหัวเราะคิกชอบใจ
“ขำอะไรยะยัยป้า ขาดยาเหรอ” อนุสราตวาดแว้ดสายตาจ้องจับพิรุธของพิรญาณ์ทำให้วิวัฒน์ร้อนตัว ชวนอนุสราไปทางอื่นอย่าไปแลกกับคนพวกนี้ดีกว่า พิรญาณ์ไม่เห็นด้วย แลกกันซึ่งหน้าแบบนี้ดีแล้วจะได้รู้กันไปเลยใครจะอยู่ใครจะไป ดีกว่าใช้วิธีลอบกัดซึ่งไม่ใช่วิธีของลูกผู้ชาย วิวัฒน์ทำไก๋ไม่รู้ว่าเธอพูดเรื่องอะไร รีบลากอนุสราออกไปทันที นิภาพรรณอดถามไม่ได้ว่ามีเรื่องอะไรกัน เธอไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด โกหกว่าไม่มีอะไรแค่ขู่ไอ้คนขี้แพ้เท่านั้น...
ใครจะเชื่ออย่างไรวาสิตาไม่สน ยังคงออกโรงปกป้องและเรียกร้องความยุติธรรมให้ปาณัท แม้เขาจะเป็นหมอเจ้าของไข้ แต่ยังมีอีกหลายคนในโรงพยาบาลแห่งนี้ที่เข้าถึงข้อมูลคนไข้ได้ วิชัยหมดความอดทนสั่งให้ลูกเลิกทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์ปาณัทได้แล้ว ต่อให้เธอทุ่มเทจนตายเขาก็ไม่กลับมารักเธอ แล้วยังจะโง่ทำไมอีก วาสิตาถึงกับสะอึกเพราะพ่อไม่เคยต่อว่าตัวเองรุนแรงขนาดนี้ ปาณัทรีบเสนอทางออก
“เอาอย่างนี้นะครับ ผมเสนอให้ตำรวจเข้ามาสอบสวนหาคนผิด ผมยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ครับ”
วิชัยตั้งใจอยู่แล้วจะต้องลากคอไอ้คนที่ทำลายชื่อเสียงของโรงพยาบาลเข้าคุกให้ได้ กำลังให้เจ้าหน้าที่ของเราตรวจสอบการใช้งานคอมพิวเตอร์ในระบบของโรงพยาบาลว่าใครกันแน่ที่ปล่อยให้ข้อมูลรั่วไหล...
หลังออกจากห้องทำงานของวิชัย ปาณัทมายืนบ่นหน้าเครียดอยู่คนเดียว ใครกันที่ปล่อยข่าวฉาวนี้เพื่อทำลายชื่อเสียงของตนเอง วาสิตาที่ตามมาด้านหลังฟันธงว่าต้องเป็นพิรญาณ์แน่นอน เพราะนังนั่นไม่ได้กลับมาหาเขาเพราะความรักแต่กลับมาเพื่อแก้แค้นเขากับเปรมสุดา เริ่มด้วยปอกลอกเขาจนหมดตัว ต่อมาก็ปล่อยข่าวว่าเปรมสุดาเป็นเมียน้อยจนต้องลาออกจากงานหนีหน้าผู้คน
“แล้วตอนนี้ก็ถึงคิวของหมอแล้ว มันกำลังทำลายชื่อเสียงของหมอ อาชีพของหมอ ได้ยินไหม”
“ไม่มีวัน น้องพิณรักผมน้องพิณไม่มีวันจะทำลายผมเด็ดขาด”
วาสิตาขอร้องให้เขาคิดทบทวนดูให้ดีๆ ว่าเคยเล่าเรื่องมุกระวีให้พิรญาณ์ฟังหรือเปล่า ปาณัทถึงกับอึ้งเมื่อจำได้ว่าเคยเล่าแม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อก็ตาม วาสิตายุแยงอีกว่าแม้จะไม่เคยเอ่ยชื่อ แค่พิรญาณ์เจาะเข้าไปในคอมพิวเตอร์ของเขาก็ได้ข้อมูลแล้วว่าเป็นใคร ปาณัทอึ้งอีกเป็นรอบที่สองเพราะพิรญาณ์เคยขอยืมโน้ตบุ๊กของเขาไปใช้ และเขาเองที่ให้พาสเวิร์ดเธอ คิดได้ดังนั้นก็ลุกพรวดขึ้น วาสิตาขยับจะตาม เขาหันมาเอ็ด
“หยุดอยู่ตรงนั้นนะ ไม่ต้องตามผมมา” ปาณัทว่าแล้วตรงไปยังห้องคอมพิวเตอร์ของโรงพยาบาลขอหลักฐานการล็อกอินใช้งานในระบบของโรงพยาบาลเวลาอยู่นอกพื้นที่ทั้งหมดของตัวเอง เจ้าหน้าที่หายเข้าไปในห้องอึดใจ ก็ออกมาพร้อมกับยื่นเอกสารให้เขาหนึ่งแผ่น ในนั้นบอกชัดเจนว่ามีการล็อกอินเข้าไปในโปรแกรมของโรงพยาบาลขณะอยู่ที่เรือนเล็กบ่อยครั้งมาก ปาณัทรู้ทันทีว่าเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพิรญาณ์...
ขณะที่ปาณัทจมอยู่ในความทุกข์แสนสาหัสที่ถูกคนรักทรยศ พิรญาณ์กลับประสบความสำเร็จอย่างมากที่ดูไบ เครื่องประดับชุด ดิออร์คิด ออฟ สยามของเธอถูกท่านชีคประมูลไปในราคากว่าสามร้อยล้านบาท รวมเครื่องประดับชุดเล็กอีกสองชุดเธอได้เงินเข้าบริษัทกว่าเจ็ดร้อยล้านบาท พิรญาณ์โทร.ทางไกลแจ้งข่าวดีนี้ให้มัทนารับทราบ และยกความดีความชอบให้ท่านที่ช่วยเติมแบบจนออกมาสวยเป็นที่ต้องการของใครต่อใคร
“พิณจะรีบกลับพรุ่งนี้เช้าเลยค่ะ จะรีบกลับไปกราบคุณแม่”
มัทนาอวยพรให้เดินทางปลอดภัยแล้วอย่าลืมโทร.หาปาณัทด้วย พิรญาณ์โทร.หาเขาทันทีที่วางสายจากแม่ แต่เขาไม่รับสาย เธอพยายามโทร.หาอีกหลายครั้งก็ยังเหมือนเดิม นิภาพรรณเห็นสีหน้าหมองๆ ของเธออดกระเซ้าไม่ได้ วันนี้เป็นวันแห่งความสำเร็จเธอก็ควรจะยิ้มเข้าไว้ เธอบ่นเศร้าๆ โทร.หาปาณัทแต่ไม่มีใครรับสาย
“แอะๆๆ ในวันที่สำเร็จกลับคิดถึงหมอนนท์ คล้ายๆกับว่าการแก้แค้นหมอนนท์ได้สิ้นสุดลงแล้วงั้นแหละ”
พิรญาณ์ยอมรับว่ารักปาณัทมากและไม่อยากทำร้ายเขาอีกแล้ว นิภาพรรณได้แต่หวังว่าจะไม่สายเกินไป
ooooooo
ทันทีที่กลับถึงกรุงเทพฯ พิรญาณ์พร้อมด้วยนิภาพรรณและกรกฎตรงไปยังออฟฟิศก่อน เนื่องจากมีนัดกับนักข่าว เมื่อเธอก้าวเข้าไปในโถงด้านล่างของอาคารสำนักงานพวกพนักงานในบริษัทมณีมัทนาจิวเวลรี่ต่างส่งเสียงโห่ร้องให้กับความสำเร็จในครั้งนี้โดยมีนักข่าวกรูกันเข้าไปรุมสัมภาษณ์และถ่ายรูปพิรญาณ์...
ที่โรงพยาบาลประชาราษฎร์ ปาณัทก็ถูกนักข่าวรุมสัมภาษณ์เช่นกัน เพียงแต่เป็นคนละอารมณ์กับพิรญาณ์ เขาตกเป็นจำเลยของสังคม ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนปล่อยข่าวทำให้มุกระวีเสียหาย เขาพยายามเดินหนีไม่ให้สัมภาษณ์ กลับยิ่งทำให้ทุกคนคิดว่าเขาผิดจริง สิรัตน์เห็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้น รีบเข้ามาขอร้องพวกนักข่าวให้อยู่ในความสงบ ตอนนี้ท่าน ผอ.วิชัยพร้อมจะแถลงข่าวแล้ว
“เชิญทุกท่านที่ห้องด้านโน้นด่วนเลยค่ะ”
นักข่าวเลิกสนใจปาณัท กรูกันไปยังห้องที่สิรัตน์ชี้บอก ทิ้งให้เขายืนเป็นหมาหัวเน่าท่ามกลางสายตาตำหนิและ เคลือบแคลงในตัวเขาของเหล่าพนักงานของโรงพยาบาล...
พิรญาณ์ยังคงยืนเด่นเป็นสง่าท่ามกลางผู้คนที่มารายล้อมด้วยความชื่นชม สภาพแตกต่างจากปาณัท ลิบลับ แล้วเธอก็เหลือบไปเห็นวิวัฒน์เดินเข้ามาในตัวอาคารโดยมีอนุสราเดินตามต้อยๆ ไม่มีนักข่าวแม้แต่คนเดียวให้ความสนใจ เขาหยุดมองมาที่เธอแวบหนึ่งก่อนจะเดินจากไปอย่างผู้แพ้...
การแถลงข่าวของวิชัยกลายเป็นการโยนความผิดให้ปาณัทแต่ผู้เดียว แถมทนายของมุกระวียังประกาศต่อหน้าสื่อจะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากปาณัทเป็นเงินห้าสิบล้านบาท อีกทั้งจะขอให้ทางแพทยสภาถอนใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์ของเขาด้วย ณัฐวุฒิสะใจมาก ขณะที่เจ้าตัวสุดจะทนปรี่เข้าไปที่โต๊ะแถลงข่าว
“ผมไม่ผิด ผมไม่ได้ทำจะมาถอนใบอนุญาตวิชาชีพที่ผมรักได้ยังไงกันครับ ให้ความเป็นธรรมกับผมบ้างสิครับ ทำไมไม่รอให้การสอบสวนแน่ชัดเสียก่อนหรือไม่ก็รอให้ผมมีโอกาสพิสูจน์ความบริสุทธิ์บ้างครับ”
เสียงโวยวายของเขาทำให้แตกตื่นกันทั้งห้อง วิชัยไม่พอใจมาก หาว่าเขาทำผิดแล้วก็ควรจะสงบปากสงบคำไม่ใช่ทำตัวไร้มารยาท ยิ่งทำให้โรงพยาบาลเสีย ชื่อเสียงมากขึ้นไปอีก ป่วยการที่ปาณัทจะอธิบาย เพราะทุกคนพิพากษาแล้วว่าเขาผิด วิชัยไล่ตะเพิดเขาออกไปให้พ้นจากที่นี่ทั้งที่ไม่กี่เดือนก่อนเขาคือคนโปรด ณัฐวุฒิสบโอกาสเหมาะล็อกตัวปาณัทลากออกจากห้อง ยิ่งทำให้เขาดูแย่ในสายตาของทุกคน...
ฝ่ายณัฐวุฒิได้ทีเหยียบซ้ำ บอกให้ปาณัทเลิกดิ้นรนเป็นหมาถูกน้ำร้อนได้แล้ว ถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีทางรอด หลักฐานที่ทนายของมุกระวีมี ระบุชัดเจนว่าเป็นฝีมือเขา ดังนั้นเขาควรจะไสหัวไปเงียบๆจะดีกว่า เพราะตอนนี้วิชาชีพหมอของเขาดับไปเรียบร้อยแล้ว...
ไม่ได้มีแต่วิชัยที่ต้องการให้วาสิตาเลิกยุ่งกับปาณัทเพื่อประโยชน์สุขของตัวเธอเอง วิชุดาก็เห็นด้วยกับเขาเช่นกัน พยายามเตือนให้เพื่อนรักฟังพ่อตัวเองบ้าง วาสิตากลับตวาดแว้ดให้เธอหุบปาก แล้วเดินกระแทกส้นเท้าออกไปอย่างหัวเสีย วิชุดาตามไปกระชากไหล่ ด่าว่านังโง่ รักผู้ชายจนไม่ลืมหูลืมตาถึงขนาดสั่งฆ่าศัตรูหัวใจ
“โชคดีเท่าไหร่แล้วที่ไอ้นั่นมันทำไม่สำเร็จ ถ้ามันทำสำเร็จ ฉันมิติดร่างแหเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับหล่อนไปด้วยเหรอ...ยัยบ้าเอ๊ย ไม่น่าเลย ฉันไม่น่าช่วยหล่อนเลย” วิชุดาด่าเสร็จจะเดินหนี วาสิตาชักใจไม่ดี ทำท่าจะเดินตาม เธอหันขวับมาชี้หน้า “หยุดตรงนั้นเลย ต่อไปนี้ถ้าหล่อนจะมาหาฉันเรื่องหมอนนท์อีก หล่อนไปให้ไกลๆ ฉันเลยนะ”...
ทางฝ่ายปาณัทมานั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่บนดาดฟ้าของโรงพยาบาล ยิ่งเห็นไลน์หวานหยดที่พิรญาณ์ส่งมาว่าคิดถึงมาก มีข่าวดีจะมาบอก เสร็จจากให้สัมภาษณ์นักข่าวที่ออฟฟิศแล้วไปเจอกันที่บ้านของเรา แล้วตบท้ายอีกว่าคิดถึงเขามากที่สุด ยิ่งอ่านเขาก็ยิ่งช้ำใจ...
ความสำเร็จที่ดูไบทำให้ออฟฟิศมณีมัทนาจิวเวลรี่สายโทรศัพท์แทบไหม้ มีแต่ลูกค้าโทร.มาสั่งทำเครื่องประดับจนพนักงานรับสายแทบไม่ทัน ไหนจะทีวี นิตยสารต่างโทร.มาขอจะสัมภาษณ์พิรญาณ์จนนิภาพรรณอยากจะผันตัวเองจากเลขาฯ คนสนิทไปเป็นผู้จัดการคิวเฉพาะกิจให้เธอ
ooooooo
เคลียร์งานที่ออฟฟิศเสร็จ พิรญาณ์ตรงไปหาปาณัทที่เรือนเล็ก เห็นเขากำลังยืนมองรูปภาพคู่ของเธอกับเขาที่ติดอยู่บนผนังห้องรับแขก เข้าไปกอดพร้อมกับพร่ำพรรณนาว่าคิดถึงเขามากแค่ไหน แล้วเล่าถึงความสำเร็จที่ดูไบให้ฟังว่าขายเครื่องประดับได้เงินมาเบ็ดเสร็จกว่าเจ็ดร้อยล้านบาท
“พี่ดีใจด้วยครับ ดีใจกับความสำเร็จของน้องพิณ พิณกำลังได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่น้องพิณเคยสูญเสียไป กลับคืนมาแล้ว” ปาณัทนิ่งไปอึดใจ ก่อนจะกลั้นใจถามเธอว่าจะคืนเงินสิบล้านบาทที่พ่อของเธอเอาบ้านแม่ของเขาไปโอดีกับธนาคารไหม พิรญาณ์หุบยิ้มทันที อ้างเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ อย่าเพิ่งคุยเรื่องนี้ได้ไหม
“พิณจะไม่คืนเงินใช่ไหม...บ้านหลังนั้นจะต้องถูกยึดใช่ไหม น้องพิณอยากเห็นแม่พี่ถูกเจ้าหนี้ไล่ออกจากบ้านใช่ไหม” คำพูดของปาณัททำให้ความแค้นพุ่งปรี๊ด สีหน้าแววตาของพิรญาณ์บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าคำตอบคืออะไร ชายหนุ่มถึงหมดเรี่ยวแรง มือสองข้างที่กอดเธอตกลงข้างตัว หันไปหยิบเอกสารที่ได้จากเจ้าหน้าที่ฝ่ายข้อมูลของโรงพยาบาล บอกด้วยน้ำเสียงปวดร้าวว่าตอนนี้คงถึงคิวของเขา มีคนปล่อยข้อมูลเรื่องมุกระวีแท้งไปให้สื่อ ทุกคนโทษว่าเขาเป็นคนทำ วันนี้มุกระวีส่งทนายมาฟ้องเรียกค่าเสียหายห้าสิบล้านบาท
“นี่เป็นจำนวนครั้งที่มีคนแอบล็อกอินเข้าไปในคอมพ์พี่ตอนอยู่บ้านหลังนี้ น้องพิณคงจำได้นะว่าแอบเข้าไปกี่ครั้ง” ปาณัทปล่อยเอกสารแผ่นนั้นร่วงลงพื้นก่อนที่พิรญาณ์จะรับไปดู...
ขณะที่ความจริงอันปวดร้าวกำลังเปิดเผย วาสิตาเล่าให้เปรมสุดาฟังถึงเรื่องที่ปาณัทถูกมุกระวีฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายห้าสิบล้านบาทฐานเอาข่าวตัวเองแท้ง ไปบอกสื่อ เธอไม่เชื่อว่าเป็นฝีมือเขาและพยายามจะช่วยเขาแล้ว แต่หลักฐานบ่งชัดว่าข้อมูลหลุดมาจากบันทึกการรักษาของเขา เธอก็เลยไม่รู้จะช่วยอย่างไร
“นี่ต้องเป็นแผนชั่วของใครสักคน มันจงใจจะทำลายชื่อเสียงของลูกชายแม่”
“อุ๊ย...หวาหวาก็คิดเหมือนคุณแม่เลยค่ะ แล้วหวาหวาก็มั่นใจว่าคนคนนั้นไม่ใช่ใครหน้าไหนหรอก นังพิรญาณ์นั่นแหละที่เป็นคนทำ” วาสิตาใส่ไฟไม่ยั้ง เปรมสุดาถึงกับน้ำตาร่วง สงสารลูกชายจับใจ...
ปาณัทยังคงมองพิรญาณ์ด้วยน้ำตาอาบแก้ม เขาไม่เคยเห็นด้วยกับสิ่งที่แม่ของเขาทำ แต่ก็หวังมาตลอดว่าความรักที่เขามีให้เธอจะสามารถเยียวยาหัวใจที่ปวดร้าวของเธอได้ แต่เขาคิดผิด เธอรวมเขาเข้าไปอยู่ในความโกรธแค้นด้วย พิรญาณ์ได้แต่อ้ำๆอึ้งๆ ไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร ปาณัทอยากรู้ความจริงอีกเรื่องหนึ่งว่าเธอเกี่ยวข้องกับการปล่อยข่าวมุกระวีหรือเปล่า เธอยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนปล่อยข่าว แต่ก็มีส่วนผลักดันให้คนอื่นทำ
“พี่ไม่โกรธน้องพิณหรอก แล้วก็ไม่เคยเสียใจที่ได้รักน้องพิณ พี่มีความสุขที่ได้อยู่กับน้องพิณจนถึง...วินาทีสุดท้ายที่ได้เห็นหน้าน้องพิณอยู่ตอนนี้ พี่คงชดใช้ทุกสิ่งทุกอย่างให้น้องพิณหมดแล้ว อโหสิให้กับแม่พี่ด้วย ให้อภัยหมดเวรหมดกรรมต่อกันในชาตินี้เถอะนะน้องพิณ พี่ไปล่ะ” ปาณัทพูดจบ คว้าเป้สะพายหลังแล้วเดินจากไป
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก พิรญาณ์ได้แต่ยืนตัวชามองชายที่ตัวเองรักสุดหัวใจเดินจากไปพร้อมกับเอาหัวใจของเธอไปด้วย หญิงสาวทรุดลงนั่งแปะกับพื้นร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ...
ก่อนจะไปจากทุกคน ปาณัทโทร.ไปปรับทุกข์กับแม่ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ความโกรธแค้นของพิรญาณ์ไม่ได้ลดลงเลยทั้งที่เขาทุ่มเทความรักให้เธอจนหมดหัวใจ เปรมสุดาถึงบางอ้อทันทีที่เขาถูกกล่าวหาเรื่องดาราแท้งก็เป็นฝีมือของพิรญาณ์ใช่ไหม ปาณัทนิ่งเงียบแทนคำตอบ เปรมสุดาแนะให้เขาไปบอกทนายของมุกระวีว่าพิรญาณ์เป็นคนทำ เขาจะได้พ้นข้อกล่าวหา
“พอเถอะครับแม่ อย่าสานต่อความโกรธ ความเกลียดกันต่อไปอีกเลย ขอให้เรื่องราวความรัก ความแค้นทั้งหมดจบลงที่ตัวผมนี่แหละ ผมอยากเห็นแม่ เห็นพิณเห็นทุกคนมีความสุขกันเสียที แม่ครับ...แม่ดูแลรักษาตัวเองดีๆนะครับ ผมรักแม่นะครับ” ปาณัทวางสายทันที นั่งซบหน้ากับฝ่ามือตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะคว้าเป้ขึ้นสะพายแล้วเดินไปตามถนนอย่างเดียวดาย...
พิรญาณ์ยังคงนั่งชันเข่าร้องไห้เป็นเผาเต่า ไม่ได้รู้สึกถึงชัยชนะแม้แต่น้อย เธอได้ทุกอย่างคืนมา แต่กลับต้องเสียผู้ชายแสนดีที่รักเธอมากที่สุดไป ความรักของเขากับเธอเหลือแค่กระดาษแผ่นเดียว เธอมองไปยังข้อความที่เขาเขียนไว้ให้เธอในคืนแห่งความสุข “พี่นนท์รักน้องพิณ รักจนหมดลมหายใจ รักเดียวตลอดไป”
ข้อความยังคงอยู่ตรงนั้น แต่คนเขียนจากไปแล้ว และอาจจะจากไปตลอดกาล
ooooooo
สมใจกำลังเสิร์ฟของว่างให้มัทนาโดยมีดารณีคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ ตอนที่พีระเดชเข้ามาโวยวายให้พิรญาณ์เอาเงินที่ยืมไปมาคืน พอเขาเห็นมัทนาหายป่วย แถมสติสัมปชัญญะยังกลับมาเหมือนเดิม ถึงกับหัวเราะร่วนราวกับเป็นเรื่องตลก เธอไม่ขำด้วย ถามเสียงเครียดว่าหัวเราะทำไม
“ก็ขำคุณน่ะสิเมียเก่า สติแตกเป็นบ้าเป็นหลัง รักษายังไงก็ไม่หายอยู่ตั้งนาน พอนังลูกสาวเอาจิวเวลรี่ไปขายที่ดูไบได้เงินอื้อซ่ามาเท่านั้น ถึงกับหายบ้านเป็นปลิดทิ้งทันที เงินนี่มันเป็นพระเจ้าจริงๆ รักษาได้ทุกโรค”
มัทนาสวนทันทีว่าคงรักษาโรคต่อมสำนึกรับผิดชอบอักเสบของเขาไม่ได้เพราะเรื้อรังเกินเยียวยา พีระเดชโกรธมากสั่งให้หุบปากปลาร้าของเธอได้แล้ว ไปบอกนังลูกสาวให้เอาเงินมาคืนเขาด้วย พิรญาณ์ที่ยืนฟังอยู่พักใหญ่ก้าวออกมาเผชิญหน้ากับพ่อ ตีหน้าซื่อตาใสว่าเงินอะไร ทำไมเธอจำไม่ได้...
อีกมุมหนึ่งที่สนามหน้าบ้าน เปรมสุดาพาวาสิตาบุกเข้ามาตามตัวปาณัท แต่พอเห็นพีระเดชอยู่ในห้องรับแขกก็ตกใจมากรีบดึงวาสิตาไปหลบ พลางจุ๊ปากให้อยู่เงียบๆ ขืนเขาเจอเธอรับรองเรื่องยาวแน่
ด้านพีระเดชรู้ว่าลูกเพิ่งได้เงินจากขายเครื่องประดับหลายร้อยล้านบาทก็เลยพูดดีด้วย แถมขอให้ลูกเพิ่มเงินจากที่ยืมไปอีกสักสิบล้านหรือยี่สิบล้านบาท พิรญาณ์กลับบอกท่านว่าเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ถ้าเธอจำไม่ผิดเงินสิบล้านบาทก้อนนั้น ท่านเป็นคนเสนอจะให้เธอเองเพื่อแลกกับการเลิกกับปาณัท
“แล้วตอนนี้พิณก็เลิกกับพี่นนท์แล้ว พี่นนท์ไปจากชีวิตพิณแล้ว เขาหอบเสื้อผ้าออกไปจากบ้านหลังนี้แล้ว เพราะฉะนั้น พิณก็ไม่จำเป็นต้องคืนเงินให้คุณพ่อ”
“ถ้าแกไม่คืน ฉันจะเอาเงินที่ไหนไปใช้คืนธนาคาร บ้านฉันก็ถูกยึดน่ะสิ”
พิรญาณ์ไม่รับรู้อะไรด้วย เรื่องนั้นเป็นปัญหาของท่าน ทีตอนที่ทิ้งเราไปไม่เห็นท่านเคยมาดูดำดูดี สนใจปัญหาของเธอกับแม่เลย พีระเดชด่าเธอลั่นว่านังลูกทรพี นี่เธอตั้งใจโกงเขาตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม วาสิตาได้โอกาสดึงเปรมสุดาเข้ามาช่วยยืนยันว่า พิรญาณ์วางแผนแก้แค้นพีระเดช เปรมสุดาและปาณัทตั้งแต่ต้นแล้ว
“...ที่แกกลับมาทำเป็นรักหมอ มาทำลายงานหมั้นของฉัน แย่งชิงหมอนนท์ไปก็เพื่อที่จะใช้หมอนนท์เป็นหมากเดินแผนการทำลายล้างทุกคน ฉันรู้หมดแล้ว”
“รู้ตอนนี้ก็สายเกินไปซะแล้ว แต่ก็ขอบใจมากนะที่ช่วยอธิบายให้คุณพ่อฉันกับนังเมียน้อยได้รู้ตัวซะทีว่ากำลังชดใช้กรรมที่ทำกับแม่ฉันแล้ว” พิรญาณ์ทั้งสะใจและช้ำใจในเวลาเดียวกัน เปรมสุดาปรี่เข้าไปจับไหล่เธอเขย่า ในเมื่อตนเป็นต้นเหตุก็น่าจะมาแก้แค้นที่ตน ทำไมต้องให้ปาณัทรับกรรมแทนด้วย
พิรญาณ์กระชากมือเปรมสุดาออกจนเซ แล้วหันไปบอกให้พ่อพาเมียน้อยไปให้พ้นจากที่นี่ อย่ากลับมาเหยียบอีก วาสิตาอยากรู้ว่าพิรญาณ์เอาปาณัทไปไว้ไหน เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะเธอกับเขาไม่เกี่ยวข้องกันอีกแล้ว จากนั้นจูงแขนมัทนาเดินขึ้นข้างบน ทันทีที่ถึงห้องนอนตัวเอง พิรญาณ์ปล่อยโฮออกมาอย่างหมดความอดกลั้น มัทนาต้องดึงลูกมากอดแนบอก บอกให้เข้มแข็งเข้าไว้ในเมื่อเธอเป็นคนเลือกแบบนี้เอง
“พิณ แม่อยากรู้ความจริงพิณเป็นคนส่งข้อมูลของดาราคนนั้นไปให้นักข่าวจริงๆเหรอลูก”
หญิงสาวส่ายหน้าแทนคำตอบ มัทนาแปลกใจในเมื่อเธอไม่ได้เป็นคนทำ แล้วทำไมไม่บอกปาณัท เธอบอกเขาไปแล้วว่าไม่ได้ทำ แต่เธอก็มีส่วนต้องรับผิดชอบเพราะชี้โพรงให้คนคนนั้นเอาเรื่องนี้ไปบอกนักข่าว ถึงเธอจะรู้ว่าคนคนนั้นเป็นใคร แต่ก็คงเอาผิดไม่ได้เพราะไม่มีหลักฐาน
“แล้วลูกจะปล่อยให้เรื่องของลูกกับหมอนนท์จบลงแบบนี้เหรอลูก”
“สิ่งที่พิณทำกับพี่นนท์ มันเกินจะให้อภัย พี่นนท์ถึงได้ตัดสินใจไปจากพิณ ให้มันจบแบบนี้ดีแล้วค่ะคุณแม่ ความรักของพี่นนท์กับน้องพิณมันไม่ขาวบริสุทธิ์อีกแล้ว ต่างคนต่างไป พิณก็จะมีชีวิตใหม่ของตัวเองสักที”
ooooooo
สองเดือนผ่านไปนับตั้งแต่ปาณัทหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ณัฐวุฒิกลายเป็นลูกรักคนใหม่ของวิชัย มีการโปรโมตศูนย์ระบบประสาทและสมอง แม้จะไม่เอิกเกริกแต่ก็มีนักข่าวมาทำข่าวกันอย่างหนาตา สิรัตน์ยืนมองอยู่กับเพื่อนๆร่วมแผนกประชาสัมพันธ์อดนินทาไม่ได้
“หมดรักหมอนนท์ก็ถึงช่วงโปรโมชั่นหมอณัฐวุฒิ...จากระบบหัวใจสู่ระบบสมอง”
“แล้วรู้หรือยัง หมอนนท์หายไปไหน”
“ไม่มีใครรู้ข่าวเลย เห็นว่าเลิกกับยัยพิรญาณ์แล้วด้วย แต่ก็นะ ยัยพิรญาณ์กำลังปังและรวยจะมาเอาทำไมหมอตกอับถูกฟ้อง” สิรัตน์มองไปทางณัฐวุฒิที่กำลังขอบคุณนักข่าวโดยมีวิชัยโอบกอดไหล่เขาไม่ห่าง...
ทางด้านวาสิตายังทำใจไม่ได้ที่เห็นพิรญาณ์ประสบความสำเร็จ นิตยสารเกือบทุกฉบับนำรูปและเรื่องราวของเธอที่ทำให้มณีมัทนาจิวเวลรี่กลับมาเฟื่องฟูได้อีกครั้งมาลงกันครึกโครม
“อีเลว...ทำลายล้างชีวิตคนอื่นแล้วยังใจกล้าหน้าด้านชูคอยิ้มหน้าบานอยู่ในสังคมได้อีก ฮึ” ว่าแล้ว วาสิตากวาดนิตยสารเหล่านั้นทิ้งอย่างหัวเสีย ณัฐวุฒิเปิดประตูห้องทำงานเข้ามาพอดี ตัดพ้อต่อว่าว่าทำไมถึงไม่ออกไปแสดงความยินดีกับศูนย์ระบบประสาทและสมองที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ซึ่งพ่อของเธอทุ่มทุนซื้อเทคโนโลยีทางการแพทย์มาให้ว่าที่ลูกเขยอย่างเขาดูแลโดยเฉพาะ
“อย่าหลงตัวเองนักเลย ถ้ามีหมอนนท์ น้ำหน้าอย่างคุณไม่มีวันนี้หรอก”
“อย่ารอไอ้หมอนนท์อีกเลยน่า มันหายสาบสูญไปแบบนี้คงหนีคดีอีกสิบปี รอจนหมดอายุความถึงจะกลับมา” ณัฐวุฒิหัวเราะสะใจ ก่อนจะเดินออกจากห้อง ขณะที่วาสิตาถอนใจ สีหน้าหมดหวัง...
แม้จะยุ่งกับงานที่ล้นมือในบริษัท แต่ทุกเย็นหลังเลิกงาน พิรญาณ์จะมาที่เรือนหลังเล็กเพื่อรำลึกถึงความหลังเมื่อครั้งที่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับปาณัท
ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะอาหารที่เขาจัดไว้ที่ระเบียงบ้าน รองเท้าแตะของเขาที่ยังคงวางคู่กับรองเท้าแตะของเธอ พิรญาณ์เดินเรื่อยเปื่อยเข้าไปในห้องนอน รู้สึกได้ถึงความอ้างว้าง ทิ้งตัวลงนอนบนหมอนที่เขาเคยหนุนนอนซบหน้าร้องไห้
“พี่นนท์ ไม่ว่าพี่อยู่ที่ไหน ขอให้พี่ปลอดภัย”...
ปาณัทหลบลี้หนีหน้าผู้คนไปอยู่ในที่ที่ห่างไกลความเจริญแถวชายแดนทางใต้ของประเทศไทย ด้วยความที่ยังรักในวิชาชีพหมอ แม้จะถูกพักใบอนุญาต แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขาเลิกรักษาคนไข้ ยังคงคอยช่วยเหลือชาวบ้านผู้ด้อยโอกาสโดยไม่คิดเงินทำให้ชาวบ้านรักใคร่คุณหมอคนนี้มาก
เหมือนเช่นตอนเย็นของทุกวัน ปาณัทจะแวะมาซื้ออาหารถุงที่ตลาดในตัวอำเภอ แล้วสายตาของเขาเหลือบไปเห็นนิตยสารเล่มหนึ่งมีรูปพิรญาณ์ขึ้นปกในฐานะนักธุรกิจสาวฮอต เขาลูบไล้ไปที่รูปของเธอด้วยความคิดถึง ก่อนจะตัดใจเดินจากมาหยุดที่ทางเท้าเพื่อหารถสองแถวกลับที่พัก มีสองแม่ลูกคู่หนึ่งเดินจูงมือผ่านหน้าเขาไปยังมอเตอร์ไซค์ที่จอดห่างออกไปเล็กน้อย เขายิ้มให้กับความน่ารักของทั้งคู่
จังหวะนั้นมีรถสองแถวคันหนึ่งแล่นมาจอดรอรับผู้โดยสารที่ฝั่งตรงข้าม ปาณัทข้ามถนนจะไปขึ้นรถ เดินมาได้แค่ครึ่งทางเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นจากด้านหลังใกล้กับมอเตอร์ไซค์ของสองแม่ลูกจอดอยู่ ร่างของปาณัทถูกแรงอัดจนตัวลอยไปตกบนกระโปรงรถสองแถวแล้วกลิ้งตกลงมาที่พื้นถนนนอนนิ่งไม่ไหวติง
ooooooo










