ตอนที่ 12
อัลบั้ม: 'แซมมี่-ธันวา' ดราม่าแซบ เปิดฉาก 'ไฟรักเกมร้อน'
ในเวลาต่อมา พิรญาณ์เดินออกจากลิฟต์ตรงไปยังลานจอดรถด้วยสีหน้าสะใจสุดๆที่เอาคืนเปรมสุดาได้
“อีกนิดเดียวพิณ อีกนิดเดียวเกมรักนี้ก็ใกล้จะถึงจุดจบแล้ว” พิรญาณ์พึมพำกับตัวเอง แล้วเดินไปยังรถที่จอดอยู่ โดยไม่รู้ว่ามีสมุนของเจ้าพ่อบ่อพลอยเจ้าหนี้ของเธอสะกดรอยตามและแอบเก็บภาพเธอไว้เป็นระยะๆ...
วิชัยเรียกวาสิตามาพบที่ห้องทำงานเพื่อจะเตือนเรื่องข่าวฉาวของปาณัท แต่เธอกลับพูดจาปกป้องและ ออกรับแทนจนเขาทนไม่ไหวสั่งให้เลิกทำแบบนี้ นับว่าโชคยังดีที่เกิดเรื่องเสียก่อน เพราะถ้าเธอแต่งงานกับปาณัทคงจะเป็นเรื่องที่วิชัยเสียใจที่สุดในชีวิต วาสิตาไม่วายเถียงแทน ถึงแม่ของปาณัทจะเป็นเมียน้อยก็เป็นเรื่องเฉพาะตัวไม่เห็นจะเกี่ยวกับเขา
“เป็นแม่ลูกกันจะปัดว่าไม่เกี่ยวไม่ได้ รวยจนพ่อไม่ว่านะ แต่ถ้ามีเรื่องผิดศีลธรรมแบบนี้เกิดขึ้นในครอบครัว พ่อทำใจเอามาเกี่ยวดองเป็นญาติให้ตระกูลเราแปดเปื้อนไม่ได้เด็ดขาด”
“แต่หวาหวารักหมอนนท์มากนะคะคุณพ่อ”
วิชัยยื่นคำขาดให้เลือกว่าจะรักพ่อหรือว่าจะรักปาณัท วาสิตาไม่ตอบคำถาม ลุกออกไปทันที วิชัยทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดเรี่ยวแรง ไม่คิดเลยว่าปาณัทจะนำแต่ปัญหามาให้...
ที่ห้างฯหรูกลางกรุง พิรญาณ์เร่งฝีเท้าเพื่อจะไปยังร้านอาหารเป้าหมาย มองไปแต่ไกลเห็นปาณัทยืนหน้าเครียดอยู่ที่มุมหนึ่งหน้าร้าน เธออดสงสัยไม่ได้หรือว่านังเมียน้อยเอาเรื่องบ้านไปค้ำโอดีมาฟ้องลูกชาย สูดลมหายใจเข้าเพื่อเรียกพลัง ก่อนจะเดินเข้ามาถามเขาว่ามายืนหลบมุมทำไมตรงนี้ ร้านอาหารที่จองไว้โต๊ะยังไม่ว่างหรือ เขาโผกอดเธอไว้แน่น เล่าให้ฟังว่าวันนี้มีข่าวลือให้แซดโรงพยาบาลว่าแม่ของเขาแอบเป็นบ้านเล็กของพ่อของเธอ พิรญาณ์แอบสะใจและแปลกใจปนกันว่าเป็นฝีมือใครที่ปล่อยข่าวดิสเครดิตเขาแบบนี้
“พี่ก็ไม่รู้ แต่ใครจะนินทาจะมองรังเกียจดูถูกพี่ยังไงพี่พอจะทนได้ แต่ที่เขาพูดถึงแม่พี่เสียๆหายๆไม่ให้เกียรติ พี่...พี่ทนไม่ได้” ทั้งคู่ไม่ล่วงรู้เลยว่าทุกอิริยาบถของตัวเองถูกเจ้าพ่อบ่อพลอยเจ้าหนี้ของพิรญาณ์จับจ้องมาจากร้านกาแฟฝั่งตรงข้าม เขามองปราดเดียวก็รู้ว่าปาณัทรักพิรญาณ์มากแค่ไหน
ooooooo
พิรญาณ์ทำเป็นเห็นใจและพยายามปลอบไม่ให้ปาณัทคิดมาก ใครจะนินทาอย่างไรก็ปล่อยเขาไป เราไม่สามารถไปปิดปากใครได้ถ้าเรื่องที่ใครต่อใครพูดกันเป็นเรื่องจริง
“น้องพิณครับ พี่รู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาน้องพิณไม่เคยยกโทษให้แม่พี่เลย พี่หวังนะว่าพี่จะทำให้น้องพิณอภัยให้แม่พี่ได้สักวันหนึ่ง และพี่ก็เชื่อว่าตอนนี้แม่พี่ก็พยายามทำดีกับน้องพิณอยู่เพื่อให้น้องพิณยกโทษให้”
“แม่พี่ทำดีกับพิณยังไงหรือคะ”
“ก็แม่พี่ยอมโอดีบ้าน เอาเงินมาให้พิณสิบล้านนั่นไง”
เป็นอย่างที่พิรญาณ์คาดไว้ไม่มีผิด ปาณัทรู้เรื่องนี้แล้ว เธอรีบออกตัวว่าไม่ได้บังคับหรือขู่เข็ญอะไรใคร พ่อเป็นคนเสนอตัวจะหาเงินมาให้เธอเอง และเธอก็เพิ่งจะรู้วันนี้เองว่าเงินนั่นท่านได้มาจากการเอาบ้านไปเข้าแบงก์ แต่ถ้ามันทำให้แม่ของเขาต้องลำบากเธอจะคืนเงินให้ ปาณัทไม่ได้พูดเพื่อจะทวงเงินคืน เธอเอาไปใช้ก่อนได้เลย เขาเอาใจช่วยให้เธอพาบริษัทผ่านพ้นวิกฤติไปให้ได้ ถึงวันนั้นเมื่อไหร่ค่อยเอาเงินมาคืนแม่ของเขา
“ค่ะ ถ้าพิณไม่คืนเงิน บ้านของแม่พี่ก็จะมีสภาพเหมือนกับบ้านของพิณในตอนนี้ คือถูกแบงก์ฟ้องยึด พิณรู้ดี พี่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ” พิรญาณ์พูดไปอย่างนั้นเอง ตั้งใจจะไม่คืนเงินก้อนนี้อยู่แล้ว
พลันสายตาของเธอมองผ่านไหล่ปาณัทไปยังมุมไกลๆเห็นเจ้าพ่อบ่อพลอยเจ้าหนี้ของตัวเองนั่งอยู่ในร้านกาแฟกำลังจ้องมองอยู่ ต่างฝ่ายต่างชะงัก เขารีบหันหลบพร้อมกับยกถ้วยกาแฟขึ้นมาบัง สมุนสองคนของเขาอดขำกับท่าทางของเจ้านายไม่ได้...
ขณะเดียวกัน สิรัตน์กับเหล่าพนักงานแผนกประชาสัมพันธ์รีบเก็บข้าวของเตรียมกลับบ้านเพราะรู้ถึงพายุอารมณ์ของเจ้านายสาวที่กำลังจะถล่มใส่ แต่ไม่ทันกาลเธอเข้ามาชี้หน้าเรียงตัวเสียก่อน
“ถ้าฉันเห็นหรือได้ยินใครนินทาเรื่องแม่หมอนนท์อีกล่ะก็ ฉันจะไล่ออกจากงานให้หมดเลย”
ทุกคนรับคำอย่างพร้อมเพียงกัน ก่อนจะพากันเผ่นแน่บ วาสิตาเดินเข้าห้องทำงานตัวเองอย่างหัวเสีย ยังไม่ทันจะปิดประตู ณัฐวุฒิก้าวตามเข้ามาแล้วล็อกประตูหน้าตาเฉย เห็นสีหน้าบอกบุญไม่รับของเธอ ขอร้องอย่าทำหน้าแบบนั้นได้ไหม เขากำลังจะช่วยเธออยู่ วาสิตาอยากให้เขาช่วยแค่เรื่องเดียวคือกำจัดพิรญาณ์ให้
“ก็นี่ไง...ข่าวแม่หมอนนท์เป็นเมียน้อย คุณก็โบ้ยไปสิว่ายัยพิรญาณ์เป็นคนปล่อยข่าวนี้ เพราะแค้นที่แม่หมอนนท์มาแย่งพ่อไป ทำให้แม่เป็นบ้า ครอบครัวแตกแยก”
วาสิตาไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของณัฐวุฒิหลงเชื่อว่าเป็นแผนการที่ดี ขอบใจเขามากที่ช่วยคิดแผนนี้ให้ ณัฐวุฒิไม่อยากได้แค่คำขอบคุณ อยากได้ตัวเธอด้วยแล้วคว้าตัวมาจูบ วาสิตาพยายามดิ้นหนีแต่ไม่สำเร็จ ไม่นานนัก ณัฐวุฒิเปิดประตูห้องทำงานของเธอออกมา พลางขยับเสื้อให้เข้าที่ หันมองไปที่ประตูห้องสีหน้ากระหยิ่มใจ
“ไอ้หมอนนท์มันทั้งรักทั้งหลงยัยพิรญาณ์จะตาย ยิ่งคุณไปใส่ไฟยัยนั่นมันก็ยิ่งจะหนีจากคุณไปไกลขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายคุณก็จะเหลือแค่ผมคนเดียว”
ooooooo
พิรญาณ์อยากจะเจอเจ้าพ่อบ่อพลอย จึงออกอุบายให้ปาณัทไปรอที่ร้านอาหารก่อน เธอขอตัวไปเข้าห้องน้ำแล้วเดินลิ่วไปเลย ปาณัทจะทักท้วงแต่ไม่ทัน ได้แต่มองตามรู้สึกสังหรณ์ใจอะไรบางอย่าง
หลังจากแยกกับปาณัท พิรญาณ์ไลน์ไปบอกให้เจ้าพ่อบ่อพลอยมาเจอกันที่มุมปลอดคนของห้างฯ แล้วเขียนเช็ค 10 ล้านบาทจ่ายหนี้ให้ เขาหันไปยกมือไหว้ท่วมหัวให้กับคัตเอาต์โฆษณาที่มีมุกระวีดาราสาวชื่อดังเป็นพรีเซ็นเตอร์ พร้อมกับสาบานว่าที่เขาตามเธอมาไม่ได้จะมาทวงหนี้ แต่มาเพราะความคิดถึงอยากเห็นหน้าเธอเท่านั้น พิรญาณ์ขอบคุณเขามากที่ไม่เคยรู้สึกแย่ๆกับลูกหนี้คนนี้ แต่ช่วยรับเช็คไปด้วย เธอจะได้ปลดหนี้ตัวเองสักที เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าบริษัทของเธอดีขึ้นแล้วหรือถึงมีเงินใช้หนี้
“ถ้าคุณอยากให้ฉันสบายใจอย่าถามถึงที่มาของเงินเลยนะคะแค่ช่วยรับเช็คไปก็พอ”
“โอเคครับ ผมอยากทำให้คุณสบายใจ” เขายื่นมือไปรับเช็คพร้อมกับกุมมือเธอไว้ พิรญาณ์ได้แต่มองอึ้ง...
ปาณัทเห็นพิรญาณ์หายไปนาน พยายามโทร.หาแต่เธอไม่รับสาย ตัดสินใจออกไปตาม...
เจ้าพ่อบ่อพลอยยังคงกุมมือพิรญาณ์เอาไว้ จะขอทำแบบนี้เป็นครั้งสุดท้าย เพราะรู้ดีว่าถ้ารับเช็คฉบับนี้มาเมื่อไหร่เธอก็จะเหมือนลูกไก่ที่หลุดลอยออกจากกำมือของเขาทันที หญิงสาวยิ้มขำที่ไม่เคยรู้สึกว่าเป็นลูกไก่ในกำมือของเขาแม้แต่น้อย เขานึกเสียดายที่ไม่ได้ทำตัวเป็นเจ้าหนี้ใจโหดเหี้ยม ฉุดเธอมาขังไว้เป็นทาสในเรือนเบี้ยให้สิ้นเรื่องสิ้นราว พิรญาณ์ยื่นอีกมือไปกุมมือเขาไว้ ขอบคุณที่เขาดีกับเธอและก็ขอโทษที่รักเขาไม่ได้
“ผมเห็นแล้ว คุณเลือกหมอนั่นแล้วก็เห็นว่าหมอนั่นรักคุณมาก คุณคิดไม่ผิดหรอกที่เลือกผู้ชายคนนี้”
คำพูดของเขาทำเอาพิรญาณ์รู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกที่คอหอยทั้งที่รู้ว่าปาณัทรักตัวเองมากแต่ยังอยากจะแก้แค้น เจ้าพ่อบ่อพลอยอวยพรให้เธอโชคดี รักษาความรักครั้งนี้เอาไว้ให้ดีอย่าให้เสียมันไป แล้วโผกอดเธอไว้ ปาณัทเข้ามาเห็นภาพบาดตาพอดี ถึงกับร้องเอะอะ ทั้งคู่รีบผละออกจากกัน
“นี่มันอะไรกันนี่ นายมายุ่งอะไรกับน้องพิณ” ปาณัทถลาเข้าหาอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง พิรญาณ์ต้องกันเอาไว้ อธิบายว่าเขากำลังเข้าใจผิด เราสองคนไม่ได้มีอะไรกัน เธอเป็นหนี้ค่าพลอยก็เลยเอาเงินมาใช้หนี้ เจ้าหนี้หนุ่มชูเช็คให้ปาณัทดูเป็นการช่วยยืนยันคำพูดให้เธออีกแรงหนึ่ง แล้วฝากเขาดูแลพิรญาณ์ให้ดีๆ ก่อนจะผละจากไปอย่างอาลัยอาวรณ์ ปาณัทหึงสุดๆ เดินหัวเสียออกไป พิรญาณ์มองตามอย่างอ่อนใจ
ooooooo
ตั้งแต่ออกจากห้างฯจนถึงบ้าน ปาณัทเอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา พิรญาณ์อดรนทนไม่ไหวจะโกรธอะไรกันหนักหนาเธอแค่ไปจ่ายหนี้ที่ติดค้างก็แค่นั้น ปาณัทจะไม่ว่าสักคำถ้าเธอแค่จ่ายหนี้ แต่ที่เขาเห็นเธอกอดกับผู้ชายคนนั้น ทั้งที่เป็นคนอื่น พิรญาณ์อ้างว่าเจ้าหนี้คนนี้ดีกับเธอมาก
“แล้วพี่ไม่ดีกับน้องพิณงั้นเหรอ พี่ถึงมีสิทธิ์ได้แค่อยู่ร่วมบ้านกับน้องพิณ แสดงความรักได้เท่าที่จำเป็น ทั้งๆที่เราเคยเป็นคนคนเดียวกันแล้ว จนบางครั้งพี่อดคิดไม่ได้ว่าน้องพิณรังเกียจพี่หรือน้องพิณกำลังปิดบังอะไรพี่สักอย่าง น้องพิณถึงไม่อยากให้พี่ทำหน้าที่สามี”
“ถ้าจะพูดเรื่องบนเตียงล่ะก็พิณไม่คุยด้วย แล้วพี่เองก็เคยพูดว่าจะไม่เรียกร้องอะไรจากพิณจนกว่าเราจะแต่งงานกันอย่างถูกต้อง” พิรญาณ์ว่าแล้วเดินหนีไปเลย ปาณัทถึงกับนั่งแปะกับพื้นด้วยความเสียใจ
แม้จะเจอกับความกดดัน แต่การได้เห็นพัฒนาการที่ดีวันดีคืนของมัทนาทำให้พิรญาณ์มีกำลังใจจะสู้ต่อไปดารณีรายงานให้เธอฟังว่าวันนี้ท่านให้ความสนใจกับรายการแฟชั่นโชว์เสื้อผ้าและเครื่องประดับที่ฉายทางทีวีนั่งจ้องตาเขม็ง พิรญาณ์รีบขึ้นไปหาแม่ที่ห้องนอน เห็นท่านหลับอยู่บนเตียง เข้าไปกอด
“พิณดีใจมากค่ะที่กลับบ้านมาแล้วได้ยินข่าวดีของคุณแม่ทุกวัน หายเร็วๆนะคะคุณแม่ พิณต้องการกำลังใจ ต้องการจริงๆ” พูดได้แค่นั้นเธอกลั้นสะอื้นไม่ไหว “พอพิณนึกถึงวันที่พิณจะต้องจากพี่นนท์ทีไร พิณปวดใจทุกที ทำไมพี่นนท์ต้องเป็นลูกของนังเปรมสุดาด้วย ทำไมคะคุณแม่” พิรญาณ์ซบหน้ากับอกแม่ร้องไห้ จึงไม่เห็นว่าท่านลืมตาโพลง รับรู้ทุกอย่างที่เธอพูดด้วย...
ดึกแล้วปาณัทนอนไม่หลับ ผุดลุกผุดนั่งทุกข์ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงเดินไปแหวกม่านหน้าต่างมองไปที่ตึกใหญ่ คิดถึงพิรญาณ์เหลือเกิน อยู่ใกล้กันแต่เหมือนไกลกันคนละโลก ยิ่งคิดก็ยิ่งช้ำใจ
พิรญาณ์เองก็นอนไม่หลับ คิดถึงปาณัทเช่นกัน อยากจะลงไปหา แต่จิตใจด้านร้ายห้ามไว้ ปาณัทไม่รู้จะผ่านคืนนี้ไปได้อย่างไรถ้ายังคุยกับพิรญาณ์ไม่รู้เรื่อง คว้ามือถือเปิดประตูจะออกไปโทร.หา แต่เจอะเจ้าตัวยืนอยู่หน้าห้อง ด้วยความคิดถึงเกินจะบรรยาย ปาณัทหักห้ามใจไม่ไหวคว้าเธอมากอดจูบ พิรญาณ์ทั้งขัดขืนทั้งร้องห้าม แต่เขาไม่ฟังอะไรทั้งสิ้นดึงเธอล้มลงบนเตียงด้วยกัน พยายามจะถอดเสื้อผ้าเธอออก
“เอาเลย พิณเคยเป็นของพี่แล้วนี่พี่อยากจะทำอะไรก็เชิญ” พิรญาณ์นอนนิ่งไม่ขัดขืนอีกต่อไป
ปาณัทได้สติ ขอโทษที่ทำไม่ดีกับเธอแล้วเดินหนีออกจากห้อง พิรญาณ์ตามมาจับแขนเขาไว้อย่างเห็นใจ ปาณัทไม่รู้ว่าเธออยากให้เรื่องของเราเป็นอย่างไรต่อไปช่วยบอกให้เขารู้ด้วย เธอกลับบอกว่าเป็นอย่างทุกวันนี้ก็ดีแล้ว ปาณัทไม่ต้องการความสัมพันธ์แบบครึ่งๆกลางๆ ตกลงเธอกลับมาหาเขาเพื่ออะไรกันแน่ พิรญาณ์กลัวเขาจะรู้ความจริงก่อนที่แผนแก้แค้นจะสำเร็จ รีบกลบเกลื่อนว่าที่กลับมาก็เพราะรักเขา
“ถ้างั้นเราก็มาสร้างครอบครัวกันให้ถูกต้องสิน้องพิณ ถ้าน้องพิณไม่อยากจัดงานแต่งงานให้วุ่นวายเอิกเกริก พรุ่งนี้เราไปจดทะเบียนสมรสกันเลยก็ได้ นะน้องพิณนะ เราจะอยู่ไปวันๆแบบนี้ไม่ได้”
พิรญาณ์ตัดสินใจแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ตกลงจะจดทะเบียนสมรสกับเขาแต่ต้องรอให้เธอกลับจากดูไบเสียก่อน แล้วเข้าไปกอดเอวเขาออดอ้อน อีกแค่เดือนเดียวเอง ไหนเขาบอกว่านานแค่ไหนก็รอเธอได้ อีกเดือนเดียวจะรอไม่ได้เลยหรือ เจอไม้นี้เข้าไปปาณัทจำต้องทำตามที่เธอร้องขอ
ooooooo
พิรญาณ์เดินตามแผนการแก้แค้นขั้นต่อไปทันที พิมพ์บัตรสนเท่ห์ร้องเรียนพฤติกรรมของพีระเดชโดยไม่ลืมใส่รูปถ่ายของเขากับเปรมสุดาในอิริยาบถเดินจูงมือโอบเอวกันบ่งบอกว่ามีสัมพันธ์ลึกซึ้งเกินกว่าเจ้านายกับลูกน้องลงไปในซองจดหมายด้วย แล้วฝากนิภาพรรณไปหย่อนที่ตู้ไปรษณีย์ให้
เลขาฯคนสนิทถือซองจดหมายออกมาจากห้องทำงานของพิรญาณ์ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“เอาน่าเราไม่บาปหรอกถือซะว่าเราทำเพื่อเมียหลวงที่ถูกสามีกระทำอย่างไม่เป็นธรรมทุกคน”
นิภาพรรณกำหมัดฮึดสู้ราวกับเป็นเมียหลวงเสียเอง แล้วจ้ำพรวดๆออกไป...
หลายวันถัดมาบัตรสนเท่ห์ก็ถึงมือท่านรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงที่พีระเดชทำงานอยู่ ทำให้เขาถูกเรียกตัวไปพบด่วนโดยไม่ได้แจ้งเหตุผล เขามีสีหน้าเป็นกังวลมาก โทร.บอกให้เปรมสุดาไปเดินซื้อของรอที่ห้างฯก่อน เสร็จธุระแล้วจะไปรับ พีระเดชวางสายเป็นจังหวะเดียวกับผู้ช่วยรัฐมนตรีเข้ามาเชิญเขาไปพบท่านรัฐมนตรี ทันทีที่เห็นจดหมายกับรูปตัวเองและเปรมสุดาที่ถูกแอบถ่าย พีระเดชถึงกับหน้าถอดสี...
ขณะที่พีระเดชถูกรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงเล่นงาน ปาณัทจัดปาร์ตี้เล็กๆขึ้นที่สวนข้างบ้านมัทนา หวังจะให้การจัดงานครั้งนี้ทำให้อาการป่วยของเจ้าของบ้านดีขึ้น โดยไม่ลืมจัดพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นฟลอร์เต้นรำ ดารณีจูงมือมัทนาที่ใส่ชุดสวยเป็นพิเศษออกมาจากบ้าน
“มานั่งทางนี้ค่ะคุณมัท ว้าว จัดบรรยากาศปาร์ตี้ได้น่ารักจัง ถูกใจคุณมัทไหมคะ”
มัทนาไม่ตอบ แต่กวาดตามองไปรอบๆด้วยแววตาเป็นประกาย...
อีกมุมหนึ่งในห้องรับแขก พิรญาณ์นั่งเคร่งเครียดมองแบบร่างเครื่องประดับสามแบบในกระดาษที่กรกฎออกแบบไว้ให้ เธอพยายามปรับแต่งแก้ไขอยู่หลายรอบแต่ก็ยังไม่โดนใจสักที
“แบบมันยังขาดอะไรอยู่นะ เฮ่อ...คิดสิคิดให้ออก ใกล้ถึงวันงานแล้ว”
จังหวะนั้นสมใจเข้ามาตามพิรญาณ์ให้ออกไปได้แล้วปาร์ตี้พร้อมแล้ว เธอเก็บแบบไว้ในแฟ้มโดยมีดินสอคั่นไว้ แล้วลุกออกไปที่สวน ปาณัทจัดเตรียมเครื่องเสียงเสร็จพอดี เข้ามาโค้ง แล้วพาเธอเต้นลีลาศในจังหวะวอลซ์ด้วยกันอย่างมีความสุขทำให้พิรญาณ์ลืมความแค้นไปชั่วขณะ มัทนาได้ยินเสียงเพลงในจังหวะที่ตัวเองชื่นชอบหันมองอย่างสนใจ นึกถึงภาพตัวเองกับพีระเดชเมื่อครั้งความรักยังหวานชื่น สติสัมปชัญญะเริ่มหลุดพ้นจากการปิดกั้น การรับรู้ความจริงรอบตัวเริ่มกลับมาอีกครั้ง ปาณัทเข้ามายืนตรงหน้ามัทนายื่นมือให้
“คุณแม่สอนผมเต้นรำหน่อยได้ไหมครับ”
ทั้งพิรญาณ์และดารณีลุ้นระทึกว่าท่านจะอาละวาดใส่เขาหรือไม่ ในที่สุดมัทนาก็วางมือตัวเองลงบนมือปาณัทท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน รวมทั้งนายผลและสมใจที่อดเอาใจช่วยเขาไม่ได้ ปาณัทพามัทนาไปที่กลางฟลอร์แล้วเต้นลีลาศไปตามจังหวะเพลงวอลซ์ สีหน้าที่ยิ้มมีความสุขของท่านทำให้พิรญาณ์น้ำตาไหลพรากด้วยความดีใจ สมใจกับนายผลก็พลอยบ่อน้ำตาแตกไปด้วย
ลีลาศไปได้สักพัก มัทนาก็หยุดเต้นดื้อๆ ปาณัทไม่อยากเร่งรัดท่านมากไป พากลับไปที่โต๊ะ พิรญาณ์เข้ามาช่วยจูงมือแม่อีกข้าง ชมไม่หยุดปากว่าสเต็ปการลีลาศของท่านไม่มีตกเลย แบบนี้เราต้องจัดปาร์ตี้กันบ่อยๆจะได้เชิญเพื่อนๆของท่านมาสนุกด้วยกัน มัทนาไม่หือไม่อือทำเอาพิรญาณ์ผิดหวัง ปาณัทต้องปลอบ
“ให้เวลาคุณแม่หน่อยนะจ๊ะน้องพิณ อย่าเพิ่งไปเร่งท่าน” พูดจบเขาหันไปพยักพเยิดกับดารณีตามที่นัดแนะกันไว้ เธอลุกให้เขามานั่งแทนที่ แล้วเดินไปตักอาหารกับพิรญาณ์ปล่อยให้เขาอยู่ตามลำพังกับมัทนา ปาณัทหยิบหนังสือเกี่ยวกับการออกแบบเครื่องประดับที่วางเตรียมไว้ขึ้นมาเปิดดูช้าๆ พร้อมกับชวนท่านคุยไปด้วยถึงงานแสดงเครื่องประดับที่ดูไบซึ่งกำลังจะมาถึง เขาออกตัวว่าไม่มีความรู้เรื่องเครื่องประดับ ไม่อย่างนั้นพิรญาณ์คงไม่ต้องเหนื่อยคนเดียวอย่างนี้ เครื่องประดับที่เธอจะนำไปแสดงในงานนี้ก็ยังไม่ลงตัวสักที
“น้องพิณตั้งชื่อเสียเลิศหรูเลยครับคุณแม่ว่าออร์คิด ออฟ สยาม ผมหวังว่าเงินก้อนสุดท้ายที่น้องพิณทุ่มเทไปในงานครั้งนี้ คงได้กำไรกลับมาเพราะถ้าไม่... ไม่ใช่แค่บริษัทต้องปิดตัวเอง บ้านหลังนี้ที่เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายก็คงต้องถูกธนาคารยึดไปด้วย” คำพูดของปาณัทเหมือนมัทนาจะรับรู้ มองไปทางพิรญาณ์ซึ่งกำลังยืนตักอาหารอยู่กับดารณีด้วยแววตาสงสาร
ooooooo
เปรมสุดาแทบจะลมจับเมื่อรู้ว่าพีระเดชถูกท่านรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงเรียกไปสอบถามเรื่องที่มีคนส่งบัตรสนเท่ห์มาฟ้องว่าเขาแอบเลี้ยงเธอไว้ พีระเดชต้องประคองไปนั่งพักเอายาดมมาให้ดม ปลอบใจว่าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง เขาหาทางเคลียร์ปัญหานี้ได้ เปรมสุดากลับมีสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“แล้วฉันล่ะคะ ฉันเป็นแค่เลขาฯตำแหน่งเล็กๆไม่มีใครอยากช่วยฉันหรอก”
พีระเดชแนะให้เปรมสุดายื่นใบลาออกก่อนจะโดนตั้งกรรมการสอบสวน เธอถึงกับปล่อยโฮ...
การจัดปาร์ตี้เต้นลีลาศของปาณัทได้ผลดีเกินคาด สติสัมปชัญญะและการตอบสนองต่อสิ่งรอบข้างของมัทนากลับมาเกือบจะเป็นปกติ เธอเห็นแบบร่างที่พิรญาณ์วางทิ้งไว้ในห้องรับแขก จัดการเติมรายละเอียดที่ขาดหายไปจนได้แบบเครื่องประดับที่โดนใจพิรญาณ์เต็มๆ ทั้งปาณัท ดารณี รวมทั้งสมใจและนายผลต่างมีความสุขกันถ้วนหน้าที่เห็นมัทนากลับมาเป็นคนเดิมแม้จะยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ตาม...
พิรญาณ์ทั้งดีใจและหนักใจในคราวเดียวกัน เพราะแบบที่มัทนาแก้ไขให้สวยทั้งสามแบบจนเลือกไม่ถูกว่าจะเอาแบบไหนทำเป็นเครื่องประดับชุดใหญ่ให้สมกับชื่อ ออร์คิด ออฟ สยาม เพื่อเปิดตัวผลงานของ มณีมัทนาจิวเวลรี่ให้ทุกคนได้ตะลึงกันอีกครั้ง ปาณัทเชียร์ให้เธอเลือกมาหนึ่งแบบ
เธอมองแบบร่างอีกครั้งแล้วตัดสินใจหยิบขึ้นมาหนึ่งแบบซึ่งตรงกับใจของปาณัทเช่นกัน เขาตีลูกมั่วยื่นหน้าไปหอมแก้มเธอหนึ่งฟอดเป็นรางวัลที่เลือกแบบได้ตรงใจเขา พิรญาณ์ค้อนเขาหนึ่งวงด้วยความหมั่นไส้
ปาณัทยิ้มเจ้าเล่ห์ยื่นหน้าให้เธอหอมคืน แต่เธอผลักหน้าเขาออกห่าง สองคนหยอกล้อกันอย่างมีความสุข...
ขณะที่บ้านของมัทนาเต็มไปด้วยความสุขและรอยยิ้มที่ห่างหายไปเนิ่นนาน บ้านของเปรมสุดากลับเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด เจ้าของบ้านปวดหัวจี๊ดเมื่อนึกถึงปัญหาที่ถาโถมเข้าใส่ ไหนจะเสียลูกชาย บ้านก็เอาไปค้ำโอดีกับแบงก์ แล้วยังต้องมาเสียชื่อเสียงจนต้องลาออกจากงานเพื่อหนีหน้าผู้คน เธอปวดหัวจนทนไม่ไหวพานจะเป็นลม พีระเดชต้องรีบคว้าตัวไว้ก่อนที่เธอจะล้ม แล้วประคองไปนอนพักที่โซฟา บีบนวดให้ด้วยความเป็นห่วง จนเธออาการทุเลา พีระเดชอดถามไม่ได้ว่าเป็นอะไรไปอยู่ดีๆก็ทำท่าจะเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมา
“ก็ฉันใจคอไม่ดี มันมีแต่เรื่อง ทั้งลูกทั้งบ้านทั้งงาน แล้วชีวิตฉันจะอยู่ต่อไปยังไงคะ จะหาความสุขจากตรงไหน มันหายไปหมดแล้ว”
“คิดบ้าอะไรของคุณ ความสุขของคุณก็อยู่กับผมนี่ไง คุณลืมไปแล้วเหรอว่าชีวิตคุณยังมีผมอีกคนหนึ่ง” พีระเดชฉุนขาด ปายาดมทิ้ง แล้วลุกออกไปอย่างหัวเสียทิ้งให้เปรมสุดาร้องไห้เพียงลำพัง...
หลังจากคำนวณเพชรพลอยที่จะต้องซื้อหามาทำให้เหมือนแบบร่าง พิรญาณ์กลุ้มใจหนักกว่าเก่า บ่นให้ปาณัทฟังว่าพลอยที่ใช้จะต้องเม็ดใหญ่มากหลายสิบกะรัตขึ้นไป พลอยเม็ดใหญ่ขนาดนี้หาซื้อในตลาดไม่ได้แล้ว หรือถ้ามีก็ต้องเป็นของเก่าเก็บของต้นตระกูลไม่มีใครเอาออกมาขายกันแล้ว แต่ถ้าจะมีใครขายราคาคงไม่ต่ำกว่าเม็ดละสิบล้านบาท เธอไม่มีเงินทุนพอจะทำได้แน่นอน ปาณัทจับมือเธอมากุมไว้อย่างปลอบใจ
“ไม่เป็นไรน่า ทำตามแบบเป๊ะๆไม่ได้ก็ดัดแปลงแบบเอาหน่อยสิน้องพิณ เปลี่ยนมาใช้พลอยเม็ดเล็กลง ถูกลงตามต้นทุนที่เรามีอยู่ก็น่าจะได้”
พิรญาณ์ไม่อยากแก้แบบที่สวยโดนใจของแม่ ขอตัวไปหาท่านก่อน แล้วหยิบมือถือติดไปด้วย “เผื่อคุณแม่จะช่วยแก้แบบให้พิณได้อีก ถ้าพี่นนท์ง่วงก็นอนไปก่อนนะคะ” พูดจบเธอรีบจ้ำอ้าวออกไป
ooooooo
ครู่ต่อมาพิรญาณ์มาถึงห้องรับแขกเห็นดารณีเปิดละครทีวีให้แม่ดู บอกให้เธอไปพักผ่อน ตนจะดูแลแม่เอง และถือโอกาสนอนเป็นเพื่อนท่านเลย ดารณีกล่าวราตรีสวัสดิ์มัทนาซึ่งละลายตาจากทีวีมายิ้มให้
“ดีจัง เห็นรอยยิ้มคุณมัทก่อนนอน หวังว่าพรุ่งนี้จะได้ยินเสียงคุณมัทหัวเราะนะคะ”
พิรญาณ์รอจนดารณีลับสายตา เข้ามานั่งข้างแม่ บอกว่าชอบแบบที่ท่านช่วยแต่งเติมให้มาก แต่เธอคงทำตามแบบเหล่านั้นไม่ได้เพราะไม่มีเงินทุนพอจะหาซื้อพลอยเม็ดใหญ่อย่างในแบบได้
“คงได้แต่คิดเท่านั้นแหละค่ะ เอาไว้พิณขายสร้อยลอตนี้ได้ก่อนนะคะ มีทุนพอแล้วพิณจะพยายามหาพลอยเม็ดใหญ่ๆมาทำตามแบบของคุณแม่” พิรญาณ์ว่าพลางถอนใจเซ็ง
อยู่ๆมัทนาจูงมือลูกไปยังเซฟลับในห้องนอน เปิดรหัสได้อย่างถูกต้อง พิรญาณ์ยืนตะลึงเพราะนั่นเท่ากับแม่มีสติสมบูรณ์ทุกประการ และต้องตะลึงเป็นรอบที่สองเมื่อท่านหยิบกล่องกำมะหยี่ที่ข้างในเต็มไปด้วยทับทิมพม่าสีแดงเลือดนกมาให้ดู จากนั้นหยิบแบบที่พิรญาณ์บอกปาณัทว่าจะเลือกทำเป็นเครื่องประดับชุดใหญ่ขึ้นมากาง นำทับทิมมาวางเรียงไปตามตำแหน่งบนแบบร่างจนเสร็จ แล้วเงยหน้ายิ้มๆเป็นทำนองว่ายกให้
“คุณ...คุณแม่ให้พลอยพม่าสีเลือดนกนี้กับพิณไปทำอุบะเหรอคะ”
“แม่ให้ลูก” มัทนาพูดชัดถ้อยชัดคำ พิรญาณ์ถึงกับปล่อยโฮด้วยความปีติ มัทนากอดลูกไว้ด้วยรอยยิ้ม เล่าถึงอดีตเมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมาให้ลูกฟังว่าตอนนั้นคุณตาของพิรญาณ์มอบทับทิมเลือดนกเหล่านี้ให้กับท่านเอาไว้ใช้เมื่อยามจำเป็นเท่านั้น และนี่ก็ถึงเวลานั้นแล้ว ท่านจึงส่งต่อทับทิมพวกนี้ให้พิรญาณ์ซึ่งยิ้มไม่หุบ
“พิณสัญญาค่ะคุณแม่ จะใช้พลอยทั้งหมดของคุณตาทำสร้อยชุดนี้ออกมาอย่างสุดฝีมือ ทุกคนที่งานดูไบจะต้องตะลึง สร้อยทั้งสามชุดจะทำเงินให้เราเป็นร้อยๆล้าน เราจะมีเงินมาไถ่บ้านและกอบกู้บริษัทให้กลับมาผงาดในวงการจิวเวลรี่อีกครั้งหนึ่ง”
“แม่ขอโทษพิณ แม่ทำให้ลูกต้องลำบาก แม่ปล่อยให้ลูกต้องแบกภาระอยู่คนเดียวมาตั้งนาน”
พิรญาณ์ส่ายหน้า ในเมื่อแม่ไม่ได้ทำอะไรผิดจะขอโทษทำไม เธอต่างหากที่ผิด ไม่มีความสามารถพอจะดูแลบริษัทแทนท่านได้ แต่ตอนนี้โอกาสกลับมาหาเธอแล้ว มัทนารู้ดีว่าถึงจะมีพลอยเหล่านี้ แต่ยังต้องใช้เงินอีกมากในการทำสร้อยทั้งสามแบบขึ้นมา พิรญาณ์เตรียมเงินสำหรับเรื่องนี้ไว้แล้ว
“พิณเอาเงินมาจากไหน บอกความจริงกับแม่เถอะ แม่ต้องรู้”
หญิงสาวเล่าถึงเงินที่หลอกมาได้จากปาณัทและพ่อให้แม่ฟัง มัทนานึกถึงวันที่ลูกโทร.มาหาจากอัมพวา บอกว่าจะแก้แค้นทุกคนที่ทำให้ชีวิตของเราต้องเป็นแบบนี้ ใครที่กอบโกยผลประโยชน์ไปจากเรา เธอจะตามล่าเอาคืนมาให้หมด ทั้งเปรมสุดา ทั้งพีระเดชและปาณัทจะต้องชดใช้ มัทนาตระหนักในทันทีว่านี่เป็นแผนแก้แค้นของพิรญาณ์ก็นึกเป็นห่วงปาณัทขึ้นมาทันที ถามว่าเธอกับเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป พิรญาณ์ยืนยันระหว่างปาณัทกับเธอจะไม่มีการแต่งงานหรือผูกมัดใดๆ ทุกอย่างเป็นแค่การแก้แค้น เขาจะต้องจากไปในที่สุด
มัทนาฟังแล้วเครียดขึ้นมาทันทีจนต้องกุมขมับ พิรญาณ์ตกใจรีบพาแม่ไปนอนพัก
ooooooo
วันรุ่งขึ้นพิรญาณ์นำคลิปที่ตัวเองถ่ายไว้ตอนที่แม่นำทับทิมมาวางเรียงบนแบบร่างไปประชุมลับกับนิภาพรรณและกรกฎที่ออฟฟิศเพื่อลงมือผลิตเครื่องประดับให้ทันงานที่ดูไบ ทั้งคู่ต่างดีใจมากที่ได้ทั้งแบบที่สวยและได้พลอยแสนวิเศษมาอยู่ในกำมือ...
วิวัฒน์เองก็ประชุมเครียดอยู่กับอนุสรา โดยเลือกเครื่องประดับที่จะไปโชว์ในงานนี้แค่ชุดเดียว เป็นสร้อยเพชรแพรวพราวทั้งเส้นและมีต่างหูเข้าชุดกัน สีหน้าของเขาดูจะมั่นใจกับผลงานชุดนี้มาก
ประชุมเสร็จตอนเที่ยงพอดี พิรญาณ์พานิภาพรรณกับกรกฎไปที่ร้านอาหารหรูภายในตึกออฟฟิศเพื่อฉลองความสำเร็จล่วงหน้า เจอกับวิวัฒน์และลูกน้องที่กำลังจะไปฉลองล่วงหน้าที่บริษัทจิวเวลรี่ของตนเองกำลังจะทำเงินมหาศาลจากงานโชว์เครื่องประดับที่ดูไบเช่นกัน ทั้งสองฝ่ายคุยข่มกันอย่างไม่มีใครยอมใคร...
ในขณะที่พิรญาณ์กับวิวัฒน์เปิดศึกน้ำลายกัน วาสิตารีบมาดักรอปาณัทหลังออกจากห้องผ่าตัดเพื่อจะบอกว่ารู้ตัวคนที่ปล่อยข่าวเรื่องแม่ของเขาแล้ว ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นฝีมือของพิรญาณ์นั่นเอง เขาหัวเสียมากที่เธอใส่ร้ายพิรญาณ์หันหลังเดินหนี วาสิตาตามมาคว้ามือไว้ บอกให้เขาตาสว่างได้แล้ว นังนั่นกำลังเอาคืนแม่ของเขาที่มาแย่งพ่อของตัวเองไปโดยใช้ปาณัทเป็นเครื่องมือทำร้ายทุกคน เขาสะบัดมือวาสิตาออก
“คุณนั่นแหละตาสว่างสักทีหวาหวา ไม่ว่าผมกับพิณจะเจอเรื่องเลวร้ายอะไรมา แต่เราสองคนกำลังจะผ่านพ้นมันไปด้วยกัน เราจะจดทะเบียนสมรสและมีลูกด้วยกันเร็วๆนี้ คุณลืมผมซะ แล้วปล่อยเราสองคนไปเถอะ อย่ายุ่งกับชีวิตเราอีกเลย” คำพูดของปาณัททำเอาวาสิตาแทบล้มทั้งยืน ยังไม่ทันจะว่าอะไรพยาบาลวิ่งหน้าตื่นเข้ามาแจ้งเขาว่าทางแผนกฉุกเฉินให้มาตามตัวเขาไปช่วยเหลือด่วน
ไม่นานนักปาณัทมาถึงห้องฉุกเฉินเห็นมุกระวี ดาราสาวนอนหมดสติอยู่บนเตียง เธอตกเลือดจากการทำแท้งมา เนื่องจากเสียเลือดไปมากทำให้ช็อกหมดสติ และหัวใจกำลังล้มเหลว ปาณัทรีบเข้าไปช่วยหมอสูติฯปั๊มหัวใจเพื่อช่วยชีวิตเธอ...
ข่าวดาราสาวถูกหามส่งโรงพยาบาลไม่รอดหูรอดตาเจ้าแม่เม้าท์แตกอย่างสิรัตน์ไปได้ เธอนำเรื่องนี้มาขยายให้พนักงานในแผนกประชาสัมพันธ์ฟังอย่างสนุกปาก วาสิตาเดินคุยโทรศัพท์กับเปรมสุดาเข้ามา สิรัตน์กับพวกพนักงานพากันหยุดนินทา ทำเป็นขยันรีบหยิบงานขึ้นมาทำ แต่พอเห็นเจ้านายเดินเข้าห้องทำงาน พากันถอนใจโล่งอก สิรัตน์บอกให้ทุกคนหยุดเม้าท์ได้แล้วเกือบตกงานเพราะเรื่องปาณัทมาครั้งหนึ่งแล้ว
“ถ้าโดนเรื่องยัยมุกระวีอาจจะไม่แค่ตกงาน แต่จะถูกฟ้องหมดตัวอีกด้วย”
พนักงานทุกคนพร้อมใจกันบอกให้สิรัตน์เตือนตัวเองจะดีกว่า
ooooooo
ในเวลาต่อมา วาสิตากับวิชุดามาพบกับ เปรมสุดาตามนัด ต้องตกใจแทบช็อกเมื่อรู้ว่ามีคนส่งบัตรสนเท่ห์ไปฟ้องเรื่องที่ท่านเป็นบ้านเล็กของพีระเดช และตอนนี้ท่านได้ยื่นใบลาออกแล้ว ก่อนที่จะถูกเรียกตัวไปสอบสวน วาสิตาเสียดายที่ท่านชิงลาออกทั้งที่ควรจะอยู่สู้ เธอเชื่อว่าพิรญาณ์อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
“อย่าไปโยนความผิดให้หนูพิณเลย เราไม่มีหลักฐาน”
“โยนความผิดอะไรกัน นี่แกยังไม่ได้เล่าเรื่องที่หมอนนท์โดนสังคมประณามในโรงพยาบาลให้ฟังหรือ”
เปรมสุดาตกใจมาก ซักเป็นการใหญ่ว่าปาณัทโดนประณามเรื่องอะไร วาสิตาเล่าเพิ่มเติมว่ามีคนไปปล่อยข่าวที่โรงพยาบาลว่าแม่ของปาณัทเป็นเมียน้อย เขาก็เลยตกเป็นเป้าให้คนซุบซิบนินทา บางคนรังเกียจถึงกับเลิกคบเขาไปเลยก็มี แล้วท่านก็มาโดนอีกบัตรสนเท่ห์อีกคนหนึ่ง
“นี่มันแผนทำลายล้างชัดๆ คุณแม่ลองคิดดูสิคะว่าจะเป็นฝีมือใครถ้าไม่ใช่พิรญาณ์”...
ณัฐวุฒิร้อนใจมาก บุกมาหาพิรญาณ์ถึงที่ทำงานเร่งให้เธอประกาศให้ทุกคนฟังกันชัดๆไปเลยว่าปาณัทเป็นของเธอแล้ว คนอื่นจะได้หมดสิทธิ์ในตัวเขา หญิงสาวขำกลิ้งจะใช้คำว่าคนอื่นทำไม เขาควรจะเจาะจงไปเลยว่าเป็นวาสิตา ณัฐวุฒิอยากให้พิรญาณ์รีบจดทะเบียนสมรสกับปาณัทหรือไม่ก็มีลูกกับเขาไปเลย วาสิตาจะได้เลิกหวังในตัวเขา พิรญาณ์จะรีบทำตามคำแนะนำ เพื่อที่วาสิตาจะได้กลับไปหาณัฐวุฒิเร็วๆ
จังหวะนั้นนิภาพรรณเคาะประตูแล้วเปิดพรวดเข้ามาเตือนว่าวาสิตาบุกมาที่นี่พร้อมกับเปรมสุดาและ วิชุดา พิรญาณ์รีบออกไปเผชิญหน้ากับแขกไม่ได้รับเชิญ ปล่อยให้ณัฐวุฒิหลบอยู่ในห้องทำงานของเธอ เปรมสุดาจะมาขอร้องให้พิรญาณ์หยุดทำร้ายปาณัท ถ้าโกรธแค้นตนมากก็ให้มาลงที่ตนแต่อย่าเอาเรื่องของตนไปประจานที่โรงพยาบาลทำให้ปาณัทต้องอับอายเสียชื่อเสียง
“คุณมันเลวมาก นนท์ยอมทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อจะได้อยู่กับคุณ แต่คุณก็ยังทำร้ายนนท์”
“ฉันไม่ได้ทำ” พิรญาณ์ประกาศกร้าว วิชุดาไม่เชื่อคำแก้ตัวของเธอจะเข้าไปเอาเรื่อง นิภาพรรณขวางไว้ จนเกิดศึกฝ่ามือกันขึ้น วาสิตาจะเข้าไปตบสั่งสอนพิรญาณ์ แต่เปรมสุดาดึงตัวไว้ ขอร้องอย่ามีเรื่องกันเลย พิรญาณ์อยากทำอะไรตนก็ปล่อยให้ทำตามสบาย
“ต่อให้ไม่มีบ้านอยู่ ไม่มีเงินใช้ แม่ก็อยู่ได้ขออย่างเดียวอย่าเกิดอะไรขึ้นกับนนท์ของแม่อีก”
พิรญาณ์ตระหนักในทันที สิ่งที่จะทำร้ายเปรมสุดาให้ทุกข์แสนสาหัสก็คือชะตากรรมของปาณัทนั่นเอง ระหว่างนั้นกรกฎพา รปภ.ของตึกสองคนเข้ามาช่วยกัน
แยกวิชุดาที่กำลังตบตีกับนิภาพรรณออกจากกัน และสั่งให้เอาตัวแขกไม่ได้รับเชิญออกไป ถ้าพวกนี้ขัดขืนให้จับตัวส่งตำรวจได้เลย เปรมสุดาไม่อยากให้เรื่องบานปลาย ชวนวาสิตากับวิชุดากลับ โดยมีนิภาพรรณนำทีมพนักงานโห่ไล่หลังเป็นที่สนุกสนาน...
ฝ่ายพิรญาณ์ยังคาใจไม่หาย ใครกันที่ปล่อยข่าวแกล้งปาณัทเรื่องแม่ของเขา ซักไซ้ไล่เลียงณัฐวุฒิว่ารู้เรื่องนี้หรือเปล่า เขาตีหน้าซื่อ อ้างไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ได้ทำ แล้วขอตัวกลับก่อน พิรญาณ์เห็นท่าทางมีพิรุธของเขา รู้ทันทีว่าเขาคือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
ooooooo
ที่แผนกซีซียู ปาณัทตรวจเช็กอาการของมุกระวีเสร็จพอดีตอนที่ท่านสุทัศน์เดินลับๆล่อๆเข้ามาถามว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง เขาเดาได้ไม่ยากว่าทั้งคู่ต้องมีอะไรกัน
“อาการปลอดภัยแล้วครับ แต่เนื่องจากเสียเลือดมาก หัวใจมีเลือดไปเลี้ยงไม่พอก็เลยมีอาการหัวใจวาย แต่ตอนนี้กลับมาเต้นปกติแล้วครับ ผมคงต้องให้อยู่ซีซียู สักคืนจนกว่าจะฟื้นเพื่อดูอาการก่อน”
“ฝากด้วยนะหมอ แล้วเรื่องที่เธอแท้ง หมอช่วยปิดเป็นความลับนะ อย่าให้หลุดออกไปเด็ดขาด นักข่าวได้ตามลากไส้ผมแน่”
หมอหนุ่มรับรองว่าเรื่องส่วนตัวของคนไข้ทางเราปิดเป็นความลับอยู่แล้ว ท่านไม่ต้องเป็นห่วง...
เย็นวันเดียวกัน ปาณัทกลับถึงบ้านวางกระเป๋าใส่โน้ตบุ๊กกับข้าวของลงบนโต๊ะรับแขกอย่างหมดเรี่ยวแรง พิรญาณ์เข้ามานวดไหล่ให้ กระเซ้าว่าไปออกศึกที่ไหนมาถึงได้กลับมาสภาพนี้ เขาวนเวียนอยู่ในห้องผ่าตัดทั้งวัน แถมยังมีเคสฉุกเฉิน ดาราทำแท้งมาอีก พิรญาณ์งง ทำแท้งแล้วไปเกี่ยวอะไรกับเขา
“พอดีเธอเสียเลือดมากจนมีอาการหัวใจวาย พี่ก็เลยเข้าไปช่วยดูแล”
เธอซักเป็นการใหญ่ ดาราดังที่เขาว่าเป็นใคร เขาไม่ยอมบอก อ้างเป็นจรรยาบรรณของแพทย์ที่ต้องเก็บเป็นความลับ แล้วขอตัวไปอาบน้ำก่อน พิรญาณ์เห็นเขาวางโน้ตบุ๊กทิ้งไว้ ความคิดที่จะแก้แค้นกลับมาอีกครั้ง หยิบโน้ตบุ๊กออกจากกระเป๋า มองอย่างลังเล แต่แล้ว
จิตใจด้านร้ายยุให้เธอเล่นงานเขาเพื่อจะได้กระทบไปถึงเปรมสุดา สุดท้ายเธอพ่ายแพ้ให้กับด้านมืดในจิตใจรีบคีย์พาสเวิร์ดเข้าไปดูรายชื่อคนไข้ที่ปาณัททำการรักษาในวันนี้ จะดูว่าดาราคนนั้นเป็นใคร ปาณัทที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเดินลงบันไดมาพลางตะโกนถามเธอว่าทำอะไรอยู่
“เอ่อ ขอใช้คอมฯหน่อยนะคะพี่นนท์ พอดีช่างโทร.มาบอกว่าสร้อยที่สั่งให้เร่งทำ...ทำตัวเรือนเสร็จแล้ว”
“ตามสบายจ้ะ ไม่ต้องขอบ่อยๆหรอก พิณอยากใช้เมื่อไหร่ก็ใช้ได้เลย”
พิรญาณ์ลุ้นระทึกเพราะปาณัทเดินเข้ามาใกล้เต็มที เธอรีบปิดไฟล์ของโรงพยาบาลแล้วเปิดไฟล์ภาพสร้อยคอขึ้นหน้าจอพอดิบพอดีกับที่เขาเดินมาถึงโดยที่เขาไม่ทันสังเกตเห็นพิรญาณ์แอบถอนใจโล่งอก...
ในเวลาไล่เลี่ยกัน เปรมสุดาเห็นพีระเดชทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เข้ามาถามว่าที่กระทรวงเป็นอย่างไรบ้าง เขากำลังวิ่งเต้นอยู่แต่ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เธอตั้งข้อสังเกตว่าคนที่ส่งบัตรสนเท่ห์เล่นงานเราสองคนน่าจะเป็นฝีมือของพิรญาณ์ แต่เขาไม่เห็นว่ามีเหตุผลอะไรที่ลูกจะทำแบบนั้น
“หนูพิณนี่แหละมีเหตุผลที่จะทำร้ายเรามากที่สุด เพราะเราสองคนเป็นต้นเหตุทำให้คุณมัทต้องเป็นบ้า หนูพิณมีเหตุผลพอที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อแก้แค้นให้แม่ของตัวเอง เปรมกลัวเหลือเกิน กลัวว่าหนูพิณจะทำอะไรร้ายแรงจนเราทุกคนต้องพินาศย่อยยับไปกันหมด ถึงจะสาแก่ใจ”
“มันไม่กล้าเนรคุณพ่อมันหรอก ผมเป็นพ่อแท้ๆของมัน...มันไม่กล้าทำหรอก” โวยจบ พีระเดชเดินจากไปอย่างหัวเสีย เปรมสุดาได้แต่ภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยดลใจให้ปาณัทเฉลียวใจบ้าง อย่าให้ความรักบังตาจนไว้ใจพิรญาณ์ไปหมดทุกอย่าง...
ระหว่างที่นอนคุยกันอยู่บนเตียง ปาณัทมั่นใจว่าเครื่องประดับคอลเลกชั่นใหม่ของพิรญาณ์จะต้องสวยที่สุดในงานที่ดูไบแน่ๆ แล้วขอให้เธอช่วยถ่ายรูปเครื่องประดับทั้งสามชุดให้ด้วย พอดีเขามีคนไข้เป็นท่านชีคจะได้เอาให้ดูเผื่อท่านสนใจ อาจจะซื้อในราคาที่ดีกว่าที่จะขายในงานก็ได้
“ก็น่าสนใจนะคะ ไว้ทำเสร็จแล้ว พิณจะถ่ายรูปให้” พิรญาณ์หันมามองอีกที ปาณัทหลับปุ๋ยไปแล้วเนื่องจากเหนื่อยมาทั้งวัน เธอนึกถึงข้อมูลของดาราทำแท้งขึ้นมาอีกครั้ง ค่อยๆย่องออกจากห้อง...
ในที่สุดพิรญาณ์ก็ได้ชื่อมุกระวีจากรายชื่อคนไข้ในโน้ตบุ๊กของปาณัท ถ้าเรื่องนี้รั่วไหลออกไป จะต้องเป็นข่าวใหญ่แน่ๆ ทั้งหมอเจ้าของไข้อย่างปาณัทและทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการรักษาจะต้องถูกเพ่งเล็ง แต่เธอกลับลังเลที่จะแก้แค้นเปรมสุดาด้วยการทำลายอนาคตของเขาด้วยวิธีนี้ อยู่ๆจิตใจด้านร้ายก็โผล่เข้ามา
“ถ้าหมอนนท์ตกงาน นังเมียน้อยเปรมสุดาต้องเป็นบ้าแน่ๆ โอกาสที่จะให้มันได้ลิ้มลองโรคประสาทเป็นบ้าเหมือนคุณแม่มาถึงแล้ว อย่าปล่อยให้หลุดมือไป ใช้เรื่องดาราคนนี้จัดการเลย”
จิตใจด้านดีกับด้านร้ายในตัวพิรญาณ์ตีกันวุ่นวาย ทำให้เจ้าตัวคิดเรื่องนี้ไม่ตก...
ฝ่ายวาสิตากลุ้มใจมากที่กำจัดพิรญาณ์ไปจากชีวิตปาณัทไม่ได้สักที ต้องใช้เหล้าดับความกลุ้ม ยิ่งดื่มก็ยิ่งเครียด ยิ่งดื่มก็ยิ่งเมา ไม่รู้จะไปลงที่ไหน ตามมาอาละวาดณัฐวุฒิถึงห้องพัก ด่าว่าเขาว่าโกหก ไหนจะช่วยกำจัดนังมาร นั่นให้ ไม่เห็นทำอะไรสักที แล้วร้องไห้ฟูมฟายพลางใช้กระเป๋าถือฟาดเขาไม่ยั้ง สุดท้ายหมดแรงสิ้นฤทธิ์
ณัฐวุฒิรวบร่างที่อ่อนปวกเปียกของเธอไว้ในอ้อมแขน
“ใจเย็นๆที่รัก เข้ามาคุยกันในห้องก่อน คืนนี้ผมจะช่วยคุณวางแผนกำจัดยัยนั่นทั้งคืนเลย” ว่าแล้วณัฐวุฒิประคองวาสิตาที่ไร้พิษสงเข้าไปในห้อง ก่อนจะปิดประตูตามหลัง
ooooooo
วาสิตารู้สึกตัวตื่นขึ้นด้วยอาการมึนหัวสุดๆ แต่พอเห็นตัวเองในสภาพเปลือยเปล่านอนอยู่ในอ้อมกอดของณัฐวุฒิก็หายเมาค้างเป็นปลิดทิ้ง คว้าของใกล้มือ ฟาดหน้าด่าซ้ำว่าชั่วช้าสุดๆที่หลอกเธอมาฟันฟรีๆอีกแล้ว
“หลอกอะไร เมื่อคืนคุณมาหาผมถึงห้องเองนะผมก็ต้องสนองให้คุณสิ”
หญิงสาวตบเขาหน้าหัน พร้อมกับด่าหยาบๆคายๆ ณัฐวุฒิโกรธมากกดเธอไว้กับเตียง ถึงเขาจะเลวอย่างไรเขาก็ได้เธอเป็นเมียแล้ว แนะให้เลิกฝันลมๆแล้งๆถึงปาณัทได้แล้ว วาสิตาสู้สุดฤทธิ์เตะเข้าหว่างขาแล้วยันเขาตกเตียง ลงไปนอนจุกกับพื้นห้อง ก่อนจะลุกขึ้นคว้าเสื้อผ้า
“ต่อให้คุณได้ฉันร้อยครั้งพันครั้งฉันก็ไม่เอาคุณทำยาหรอก ฉันจะรอหมอนนท์คนเดียวเท่านั้นจำใส่กะลาหัว เอาไว้ด้วย” วาสิตาพูดจบเดินลิ่วออกจากห้อง ณัฐวุฒิแค้นมาก ตั้งใจมั่นจะต้องกำจัดปาณัทให้ได้...
วันนี้พิรญาณ์ต้องพามัทนาไปพบหมอตอนสาย ปาณัทรอไปพร้อมกันไม่ไหวเนื่องจากมีคิวผ่าตัดแต่เช้า ดื่มกาแฟเสร็จจัดแจงคว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพาย ขออนุญาตมัทนาที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารด้วยแล้วก้มหอมแก้มพิรญาณ์หนึ่งฟอดก่อนจะเดินออกจากบ้าน หญิงสาวรับรู้ได้ถึงความรักมากมายที่เขาส่งมาให้ยิ่งทำให้ลำบากใจกับการแก้แค้น มัทนาเห็นสีหน้าของลูกสาว รู้ว่าลูกกำลังทุกข์ใจกับการแก้แค้นของตัวเองเข้าให้แล้ว...
ในเวลาต่อมา ขณะที่พิรญาณ์ขับรถพามัทนาจะออกจากประตูรั้วบ้าน มีรถแท็กซี่คันหนึ่งแล่นมาขวางไว้ เปรมสุดาลงจากรถแท็กซี่เข้ามาเคาะกระจกรถด้านที่มัทนานั่งอยู่ จะขอคุยด้วย
“จะบ้าหรือไง ไปให้พ้นนะ อย่ามายุ่งกับแม่ฉัน” พิรญาณ์บีบแตรไล่ เปรมสุดาเกาะรถไว้ไม่ยอมไปไหน
“ฉันขอร้องล่ะ จะให้ขอขมา กราบเท้าหรืออะไรก็ได้ฉันยอมแล้ว ยอมทุกอย่าง บอกลูกสาวคุณปล่อยลูกชาย ฉันไปเถอะคุณมัท คุณต้องบอกลูกคุณนะคะ คุณมัทฉันขอร้องล่ะค่ะ”
มัทนาเห็นเปรมสุดาฟูมฟาย พร้อมกับยกมือไหว้ปลกๆอยู่ข้างรถ รับรู้ได้ถึงความทุกข์สาหัสที่อีกฝ่ายกำลังสูญเสียลูกชาย พลอยใจคอไม่ดีไปด้วย พิรญาณ์กลัวแม่จะสติแตก สั่งให้นายผลไล่นังนั่นออกไป สมใจเข้ามาช่วยเขาดึงเปรมสุดาพ้นจากรถ พิรญาณ์ไม่รอช้าขับรถออกไป
อย่างรวดเร็ว แล้วหันมองแม่เห็นสีหน้าตกใจของท่านรีบปลอบให้ทำใจดีๆ อย่าเป็นอะไรไปอีก มัทนาพึมพำว่าเปรมสุดามาเพื่อขอร้องตน
“ไม่ใช่หรอกค่ะ มันจงใจจะทำสงครามประสาทกับพิณมากกว่า รู้ทั้งรู้ว่าคุณแม่ป่วยยังกล้าบุกมาถึงบ้าน จะเล่นกันแบบนี้ใช่ไหม ได้เลย พิณจะไม่ยั้งมือจนกว่ายัยเมียน้อยมันจะได้รับผลกรรมอย่างแสนสาหัส” พิรญาณ์ตัดสินใจจะใช้เรื่องมุกระวีเล่นงานปาณัท
ooooooo
หลังจากพบชาญวิทย์เรียบร้อย พิรญาณ์จูงมือมัทนาออกมาจากแผนกจิตเวชด้วยสีหน้าสบายใจ
“หมอชาญวิทย์ยังดีใจเลย ยืนยันแล้วว่าคุณแม่หายป่วยแล้ว แต่คุณแม่ยังต้องกินยาต่อไปอีกสักระยะหนึ่งนะคะ อย่าเพิ่งขาดยา ไว้คุณแม่คิด พูด เดินปร๋อเมื่อไหร่เมื่อนั้นแหละค่ะค่อยหยุดกินยา”
“หมอนนท์...ต้องขอบใจหมอนนท์นะลูก” มัทนามองหน้าพิรญาณ์หวังจะให้เห็นใจปาณัท แต่เธอรู้ทันรีบเปลี่ยนเรื่องพูด ชวนให้ไปรับยาทางโน้น ทั้งคู่ยังไม่ทันจะขยับไปไหน ณัฐวุฒิตรงรี่เข้ามาหา พิรญาณ์รู้สึกเหมือนโชคชะตาจะส่งเขามาเป็นเครื่องมือช่วยแก้แค้นปาณัท ชวนเขาไปหาที่เงียบๆคุยกัน แต่พอมาถึงมุมสงบของโรงพยาบาล พิรญาณ์กลับถามเลี่ยงๆว่าที่โรงพยาบาลมีหมอไม่พอหรือ ปาณัทถึงต้องมาดูแลดารา ณัฐวุฒิงงไม่รู้ว่าเธอพูดเรื่องอะไร พิรญาณ์ตัดสินใจไม่พูดอะไรอีก
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันคงห่วงพี่นนท์มากไป...ต้องรีบพาคุณแม่กลับไปพักผ่อนแล้วค่ะ ไว้คุยกันนะคะไปค่ะคุณแม่” พูดจบพิรญาณ์จูงมือแม่เดินจากไป ณัฐวุฒิ มองตามสงสัย โดยไม่รู้ว่าสิรัตน์แอบถ่ายคลิปเอาไว้ จากนั้นก็เอาคลิปไปให้วาสิตาดู พอเห็นคลิปเท่านั้น แผนชั่วร้ายผุดขึ้นมาในสมองของเธอทันที...
ฝ่ายณัฐวุฒิยังคาใจไม่หาย ดาราคนไหนกันที่พิรญาณ์พูดถึง รีบกลับไปที่ห้องทำงานเปิดดูแฟ้มประวัติคนไข้ของปาณัทจากเว็บไซต์ของโรงพยาบาลก็เจอแจ็กพอต
“มุกระวีดาราดัง คนไข้ของหมอนนท์ หัวใจวายเพราะตกเลือด อนาคตมึงดับแน่คราวนี้ไอ้หมอนนท์”...
มุกระวีกำลังจิตตกที่ต้องเสียเด็กในท้อง ร้องไห้ฟูมฟายซบหน้ากับอกท่านสุทัศน์ ปาณัทกำลังตรวจอาการเธออยู่กับพยาบาลเห็นไม่เข้าที รีบพยักพเยิดให้ออกไปนอกห้องกันก่อนดีกว่า พลันมีไลน์ส่งมาจากวาสิตา ปาณัทเปิดดูเห็นรูปณัฐวุฒิยืนคุยอยู่กับพิรญาณ์ก็ร้อนใจมาก จะไปคุยกับเขาให้รู้เรื่อง เจอณัฐวุฒิกำลังจะมาสืบเรื่องมุกระวีพอดี ปรี่เข้าไปเตือนไม่ให้มายุ่งกับพิรญาณ์ เขาทำไก๋ไม่รู้ว่าพูดเรื่องอะไร ปาณัทเอาคลิปให้ดู
“โธ่เอ๊ย ปอดไปได้ ผมก็แค่ทักทายเมียคุณตามประสาหมอกับคนไข้ หรือคุณกลัวว่าผมจะแอบเป็นเพื่อนเล่นกับเมียคุณ” ไม่ทันขาดคำปาณัทดันณัฐวุฒิกระแทกผนังอย่างเอาเรื่อง มีพยาบาลผ่านมาเห็นรีบโทร.แจ้งสิรัตน์ซึ่งรายงานให้วาสิตารับทราบอีกทอดหนึ่งทันที
ooooooo










