ตอนที่ 11
อัลบั้ม: 'แซมมี่-ธันวา' ดราม่าแซบ เปิดฉาก 'ไฟรักเกมร้อน'
พีระเดชกำลังจะโทร.ตามเปรมสุดา แต่เหลือบไปเห็นเธอนั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่ที่ม้านั่งตรงทางเดินของห้างฯ เข้ามาบอกว่าถ้าต้องการจะจบเรื่องนี้ก่อนที่เธอจะเป็นบ้าตามมัทนาไปอีกคน เธอควรจะไปบอกให้ปาณัทเลิกยุ่งกับพิรญาณ์ เปรมสุดาสวนขึ้นอย่างหมดความอดกลั้น
“งั้นคุณก็ไปบอกลูกสาวคุณให้ไล่ลูกชายฉันออกจากบ้านคุณมัทเสียสิ ลูกสาวคุณให้ลูกชายฉันขายเรือนหอแล้วย้ายเข้าไปอยู่กับเธอที่บ้าน คุณรู้หรือยัง” คำพูดของเปรมสุดาทำเอาพีระเดชถึงกับไปไม่เป็น...
ไม่นานนัก วาสิตารู้สึกตัวตื่นขึ้นในห้องพักฟื้นคนไข้ของโรงพยาบาลประชาราษฎร์ แต่ยังมีอาการเบลอๆ เนื่องจากเครียดและพักผ่อนน้อยทำให้เห็นณัฐวุฒิที่เข้ามาดูแลรักษาเป็นปาณัท ผวาเข้าไปกอดด้วยความคิดถึง เขาเจ็บจี๊ดไปถึงขั้วหัวใจ แต่ต้องเก็บอาการเอาไว้ วิชัยเห็นสภาพของลูกสาวแล้วรีบไล่พยาบาลออกไป
“วางยาไว้เดี๋ยวให้หมอณัฐจัดการเอง หนูออกไปก่อนไป”
พยาบาลรับคำ วางถาดใส่หลอดฉีดยาคลายเครียดไว้บนโต๊ะแล้วเดินออกจากห้อง วาสิตายังคงพร่ำเพ้อให้ณัฐวุฒิฟังไม่เลิกว่ารักและคิดถึงเขามากแค่ไหนเพราะคิดว่าเขาเป็นปาณัท แต่พอสติเริ่มกลับคืนมาถึงได้เห็นว่าคนที่ตัวเองกอดอยู่ไม่ใช่ปาณัทแต่เป็นณัฐวุฒิ รีบปล่อยมือแทบไม่ทัน เรียกหาปาณัทให้ลั่นไปหมด เขาเห็นท่าไม่ดีรีบฉีดยาคลายเครียดให้ทางสายน้ำเกลือ สักพักเธอค่อยๆ ผ่อนคลายก่อนจะหลับไปในที่สุด
“ได้หลับพักผ่อนยาวๆเต็มที่ พรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาสติสตังค์ของหวาหวาก็คงจะดีขึ้นเองแหละครับท่าน ผอ.”
วิชัยหวังให้เป็นอย่างนั้น แต่ก็อดเป็นกังวลไม่ได้ กลัวลูกจะสติแตกจนกู่ไม่กลับ ณัฐวุฒิได้ทียุส่ง ทำไมท่านยังเก็บปาณัทซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้วาสิตาต้องเป็นอย่างนี้ แทนที่จะเชิญออกไปให้พ้นๆ วิชัยเล็งเห็นว่านั่นไม่ใช่ทางแก้ปัญหา ไล่เขาออกก็ไม่ได้ทำให้วาสิตาเลิกตามตื๊อเขา และที่สำคัญปาณัทไม่ได้ทำอะไรผิดหรือบกพร่องเรื่องรักษาคนไข้ ถ้าไล่เขาออกอาจถูกครหาว่าเป็นเพราะเขาไม่ยอมแต่งงานกับลูกสาวของตน
ณัฐวุฒิเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของวิชัย อาสาจะอยู่เฝ้าวาสิตาให้เอง ให้เขากลับไปพักผ่อนไม่มีอะไรต้องกังวล วิชัยบ่นอุบ เคยบอกวาสิตาอยู่ตลอดว่าให้ลืมปาณัท ยังมีคนที่เหมาะสมกับเธอทุกด้านอย่างณัฐวุฒิอยู่อีกคน ชายหนุ่มปลื้มมากที่ท่านไว้ใจและให้โอกาส สัญญาจะดูแลวาสิตาให้ดีที่สุด วิชัยฝากเขาดูแลเธอดีๆให้สมกับที่ตนไว้ใจแล้วตบไหล่ณัฐวุฒิเบาๆก่อนผละจากไป เขากระหยิ่มใจที่มีวิชัยคอยให้ท้าย...
ทางฝ่ายปาณัทพยายามใช้ความดีเพื่อเอาชนะใจสมใจ แต่ดูเหมือนความเกลียดชังที่เธอมีต่อเขากับแม่ของเขาไม่ได้ลดน้อยลง กลับเพิ่มมากขึ้น แต่เขาไม่ท้อถอย ตั้งใจมั่นจะทำดีกับเธอต่อไป...
ด้านพิรญาณ์นึกถึงคำบอกเล่าของพ่อเรื่องตู้เซฟที่คุณยายให้แม่ไว้ อยากจะรู้ว่าข้างในมีอะไรพยายามสอบถามจากแม่ แต่ท่านง่วงนอนเกินกว่าจะพูดรู้เรื่อง เธอจึงต้องเก็บความสงสัยเอาไว้ ประคองแม่ไปนอนที่เตียง แล้วเดินไปขยับกรอบรูปปิดตู้เซฟลับเอาไว้อย่างเดิม
ooooooo
กว่าพิรญาณ์จะลงจากตึกใหญ่มาที่เรือนเล็ก ปาณัทรอจนสัปหงกไปหลายตลบ เธอขอโทษเขาด้วยที่ปล่อยให้รอ เธอต้องอยู่จนแม่หลับก่อน เขายินดีรอเธอ ต่อให้ต้องรอทั้งชีวิตเขาก็จะรอ พิรญาณ์ซึ้งใจมาก จนต้องกลบเกลื่อนด้วยการป้อนข้าวผัดในจานของตัวเองใส่ปากเขา
แต่เขาจับมือเธอเอาไว้บอกด้วยสีหน้าขึงขังว่าถ้าชีวิตนี้ขาดเธอ เขาคงต้องตายแน่ๆ พิรญาณ์ใจหาย ขอร้องเขาอย่าพูดเป็นลางแบบนี้อีก ถึงไม่มีเธอ เขาก็ต้องอยู่ให้ได้ พลันมีเสียงมือถือของเขาดังขึ้น ปาณัทรีบลุกไปรับสาย โรงพยาบาลประชาราษฎร์โทร.มาแจ้งอาการป่วยของท่านชีค เขาบอกให้อีเมลรายละเอียดมาให้เพื่อจะได้ดูตำแหน่งที่เส้นเลือดไปเลี้ยงหัวใจมีปัญหา แล้วสั่งงดน้ำงดอาหารคนป่วย เตรียมทำบอลลูนพรุ่งนี้เช้า จากนั้นปาณัทรีบเปิดโน้ตบุ๊ก พิรญาณ์ลุกจากโต๊ะอาหารมานั่งที่โซฟากับเขา
“มีคนไข้ด่วนเหรอคะพี่นนท์”
“จ้ะ...เป็นคนไข้ประจำของพี่ บินมาพักผ่อนที่เมืองไทย อยู่ๆมีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรง กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด พรุ่งนี้เช้าพี่คงต้องเข้าห้องผ่าตัด” พูดไม่ทันขาดคำมีเสียงเตือนจากเครื่องรับสัญญาณดังขึ้น ปาณัทรีบเปิดดูรหัสพาสเวิร์ด แล้วคีย์ลงโน้ตบุ๊กเพื่อเข้าดูข้อมูลลับของคนไข้ที่ทางโรงพยาบาลส่งมาให้
พิรญาณ์มองสนใจ ก่อนจะถามว่าเครื่องอะไร เขาอธิบายว่าเป็นเครื่องส่งรหัสของโรงพยาบาลซึ่งจะเปลี่ยนทุกห้านาทีเพื่อความปลอดภัย เธออดกระเซ้าไม่ได้ว่าทำเหมือนในหนังเรื่องรหัสลับดาวินชี่
“เป็นพาสเวิร์ดเข้าโปรแกรมลับของโรงพยาบาล หมอทุกคนจะมีเครื่องนี้ไว้ติดตัว ทีนี้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็รักษาคนไข้ได้”
“เป็นหมอนี่เหนื่อยนะคะ ต้องพร้อมทำงานตลอด 24 ชั่วโมงเลยอ่ะ” พิรญาณ์ว่าแล้วนอนเหยียดยาวบนโซฟา หนุนตักปาณัทที่กำลังอ่านโน้ตบุ๊ก เธอจะนอนตรงนี้เป็นเพื่อนเขาจนกว่าเขาจะทำงานเสร็จแล้วค่อยกินข้าวพร้อมกัน ปาณัทคว้ามือพิรญาณ์มาจูบแล้วกุมไว้ สายตาจับจ้องไปที่จอโน้ตบุ๊ก หญิงสาวมองมือเขาที่กุมมือตัวเองอย่างมีความสุขราวกับอยู่ในความฝัน
“ถ้านี่เป็นแค่ความฝันก็ขอให้เราหลับฝันไปตลอดกาล ไม่ต้องตื่นขึ้นมา” พิรญาณ์พึมพำอยู่ในใจ...
ปาณัทอ่านอีเมลจนหลับคาโซฟาเนื่องจากจัดบ้านเหนื่อยมาทั้งวัน พิรญาณ์เอาผ้ามาห่มให้ แม้จะสงสารเขาปานใดแต่ต้องทำใจแข็ง เดินไปปิดไฟดวงใหญ่เหลือแต่ไฟกิ่งที่ผนังห้อง แล้วกลับขึ้นตึกใหญ่
ooooooo
ปาณัทบ่นไม่เลิกตั้งแต่ออกจากบ้านจนพิรญาณ์ขับรถมาจอดหน้าตัวอาคารโรงพยาบาลประชาราษฎร์ ว่าเธอขี้โกง ปล่อยให้เขาหลับคาโซฟาไม่ยอมปลุก แล้วตัวเองก็หนีไปนอนกับแม่ พิรญาณ์สัญญาว่าคืนนี้จะแก้ตัวให้ ปาณัทยื่นหน้าเข้ามาจ้องใกล้ๆ ถามว่า พูดจริงใช่ไหม
“มาทำสวีตตรงนี้ เดี๋ยวเหอะยัยหวาหวาเห็นเข้า ได้กรี๊ดโรงพยาบาลแตก”
“อ้าวไปแขวะเขาอีก...เย็นนี้เจอกันนะ” ปาณัทขยี้หัวพิรญาณ์เล่นหนึ่งครั้ง แล้วหิ้วกระเป๋าลงจากรถ เธอโบกมือบ๊ายบายพร้อมกับส่งยิ้มให้ ก่อนจะพึมพำกับตัวเองว่าแก้แค้นก็ส่วนแก้แค้น
“ความสุขก็ส่วนความสุขสิ เราควรจะกอบโกยความสุขให้มากที่สุดจนกว่าจะถึงวันนั้น”...
ฝ่ายปาณัทรีบตรงไปที่ห้องผ่าตัด แต่ถูกณัฐวุฒิขวางทางไว้ เพราะคิดว่าเขามาเพราะรู้ข่าววาสิตาป่วยซึ่งเขาไม่รู้เรื่องแม้แต่น้อย ทั้งคู่มีปากเสียงกัน ณัฐวุฒิคุมสติไม่อยู่กระชากคอเสื้อปาณัทอย่างเอาเรื่อง ฟารีส ที่ปรึกษาของท่านชีคพร้อมด้วยบอดี้การ์ดเข้ามาถามว่ามีอะไรกันหรือเปล่า ณัฐวุฒิรีบเปลี่ยนไปโอบไหล่ปาณัท
“ไม่มีอะไรครับคุณฟารีส เราสองคนล้อเล่นกันตามประสาเพื่อนน่ะครับ จริงไหมหมอนนท์”
“ผมคงเล่นกับคุณต่อไม่ได้ ผมมีเคสสำคัญรออยู่ที่ห้องผ่าตัด เชิญคุณฟารีสทางนี้ครับ” ปาณัทจับแขนณัฐวุฒิออก แล้วเดินไปกับฟารีส ขณะที่คุณหมอตัวแสบ ได้แต่ยืนมองด้วยความเจ็บใจ
ระหว่างทางไปที่ห้องผ่าตัด ปาณัทสรุปวิธีการรักษาอาการป่วยของท่านชีคอย่างคร่าวๆให้ฟารีสฟัง และบอกว่าไม่มีอะไรต้องกังวล เขาจะดูแลท่านอย่างดีที่สุด
“ถ้างั้นผมฝากชีวิตท่านชีคไว้ในมือหมอนะครับ” ฟารีสจับมือกับปาณัทก่อนที่ฝ่ายหลังจะผลักประตูห้องผ่าตัดเข้าไป แม้คำพูดของปาณัทจะทำให้ฟารีสเบาใจลงบ้าง แต่ก็ยังกังวลอยู่ดี...
ที่ห้องพักฟื้นคนไข้ วาสิตาด่าณัฐวุฒิว่าจุ้นจ้านที่มาฉีดยาคลายเครียดให้ทั้งที่เธอไม่ต้องการ วิชัยเอ็ดลูกทำไมถึงไปว่าเขาอย่างนั้น เขาอุตส่าห์อยู่เฝ้าเธอทั้งคืนบ้านช่องไม่กลับ เธอหันมาเล่นงานพ่อตัวเอง ที่รู้ทั้งรู้ว่าเธอต้องการแค่ปาณัทคนเดียว ทำไมถึงไม่ไปตามเขามาดูแลเธอ แล้วลุกขึ้นจากเตียงคนไข้ วิชัยรีบดันตัวเอาไว้ ถามเสียงเครียดว่าจะไปไหน เธอจะไปหาปาณัท สิรัตน์ซึ่งอยู่ในห้องพักฟื้นด้วยร้องห้ามเสียงหลง
“ไปหาไม่ได้ค่ะ หมอนนท์ทำบอลลูนหัวใจให้ท่านชีคอยู่ในห้องผ่าตัด”...
ขณะที่วาสิตายังร้องหาปาณัทไม่เลิก พิรญาณ์เร่งฝีเท้าจะไปขึ้นลิฟต์ผู้บริหารเนื่องจากสายมากแล้ว แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นวิวัฒน์กับอนุสราเดินคุยมากับชายหญิงชาวอาหรับคู่หนึ่ง วิวัฒน์ไม่วายคุยทับ พิรญาณ์คงจะไม่รู้จักชายหญิงคู่นี้แน่ๆทั้งที่พวกนี้เป็นถึงมหาเศรษฐีที่ไปงานแสดงเครื่องประดับมาแล้วทุกที่
“ไม่ต้องห่วง งานที่ดูไบหนนี้แหละที่เขาจะต้องรู้จักและจดจำฉันไปตลอด” พูดจบพิรญาณ์หันไปเซย์ฮัลโหลกับเศรษฐีอาหรับทั้งสองคน พร้อมกับเชิญชวนเป็นภาษาอังกฤษให้ไปชมคอลเลกชั่นใหม่ของบริษัทมณีมัทนาจิวเวลรี่ของเธอที่จะไปจัดแสดงในงานที่ดูไบครั้งนี้ด้วย แล้วยื่นนามบัตรให้ ก่อนจะเดินเชิดจากไปวิวัฒน์เต้นผางที่พิรญาณ์คิดจะแย่งลูกค้ากันซึ่งๆหน้า รีบเดินตามมาขวางไว้
“ผมจะเตือนคุณนะ ก่อนที่จะถลำลึกมากไปกว่านี้ อย่าทุ่มลงทุนทำคอลเลกชั่นใหม่ไปดูไบเลย คุณไม่มีวันขายสินค้าโหลยโท่ยของคุณออกหรอก แล้วหนี้จะท่วมหัวคุณมากกว่านี้จนต้องฆ่าตัวตายหนีหนี้”
“ฉันไม่มีวันตายง่ายๆหรอก ฉันจะอยู่สู้ คว่ำคุณที่งานดูไบให้ได้คอยดู” พิรญาณ์ผละจากไปอย่างหัวเสีย
“ได้...ผมจะคอยดูคุณล้มคว่ำไม่เป็นท่ากลางงานที่ดูไบ” วิวัฒน์ตะโกนไล่หลัง...
นิภาพรรณรู้เรื่องที่วิวัฒน์ปรามาสเจ้านายตัวเองได้แต่ปลอบให้ใจเย็นๆอย่าไปฟังเสียงเห่าหอน เธอใจเย็นไม่ไหว หันไปเร่งกรกฎให้รีบไปแก้แบบมาให้ดูใหม่เพราะยังไม่โดนใจ และขอให้เขางัดไอเดียเจ๋งๆเหมือนตอนที่ได้รับรางวัลออกมาใช้ เขาอ้างว่าตอนนั้นมีมัทนาคอยให้คำปรึกษา พิรญาณ์ถึงกับถอนใจหนักใจ
ooooooo
การทำบอลลูนหลอดเลือดหัวใจของท่านชีคผ่านไปอย่างราบรื่น หลังอาการคงที่ปาณัทย้ายท่านมาที่ห้องพักฟื้น วิชัยแวะมาเยี่ยมพร้อมกับกระเช้าดอกไม้จากโรงพยาบาล เห็นคนป่วยจับไม้จับมือขอบใจปาณัทที่ช่วยชีวิตเอาไว้ก็พลอยปลื้มใจไปด้วย และนี่คือเหตุผลสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่เขาไล่ปาณัท
ออกไม่ได้
หมอหนุ่มค้อมหัวให้วิชัยอย่างนอบน้อม ก่อนจะเดินออกจากห้องพักฟื้น เจอชาญวิทย์ที่เพิ่งเสร็จจากเยี่ยมคนไข้ รีบเข้าไปสอบถามถึงอาการป่วยของมัทนา
“หมอคงพอจะทราบเรื่องผมกับคุณพิณแล้ว ผมอยากจะช่วยคุณพิณดูแลคุณแม่บ้างน่ะครับ เผื่อจะช่วยอะไรได้ แต่ไม่รู้เลยว่าคุณมัทป่วยทางจิตเภทแบบไหน”
ชาญวิทย์อธิบายว่ามัทนาเป็นโรคทางจิตที่เรียกว่าอาการหวาดกลัวสังคม คนที่เป็นโรคนี้จะปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอกและผู้คน สาเหตุที่เธอมีอาการอย่างนี้เพราะผิดหวังและเสียใจอย่างรุนแรงจากสามีที่ทิ้งไป รวมทั้งเรื่องที่เมียน้อยมาแย่งสามีและเรื่องของลูกสาวที่หายตัวไป
“ซึ่งถ้ามีอะไรมากระทบจิตใจ อาการอาจรุนแรงถึงขั้นอาละวาดทำร้ายตัวเองหรือบุคคลอื่นรอบข้างได้”
หลังจากได้ฟังอาการคร่าวๆของโรคจิตเภทที่มัทนาประสบอยู่ ปาณัทกลับไปที่ห้องทำงานตัวเอง ค้นดูในเน็ตหาข้อมูลเพิ่มเติม และอ่านจากตำราเกี่ยวกับโรคนี้อีกด้วย ระหว่างกำลังจดช็อตโน้ตลงในสมุดบันทึก วาสิตาในชุดคนไข้ของโรงพยาบาล หน้าตาทรุดโทรม ที่แขนข้างหนึ่งมีเข็มสำหรับให้น้ำเกลือเสียบคาอยู่เปิดประตูห้องเข้ามา เขาเห็นสภาพของเธอแล้วตกใจมาก รีบปิดสมุดบันทึกลุกไปหา เธอถลาเข้ามากอด อ้อนวอนให้เขากลับมารักเธออีกครั้ง ไม่ว่าเขาจะเคยทำอะไรไว้เธอไม่โกรธไม่เคืองแม้แต่น้อย
“ผมขอบคุณมากครับที่คุณหวาหวามีน้ำใจกับผมขนาดนี้ แต่เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว”
วาสิตาไม่สนใจคำปฏิเสธยังคงกอดเขาไว้แน่นคร่ำครวญว่ารักเขามากมายเพียงใด...
อีกมุมหนึ่งหน้าห้องทำงานของปาณัท วิชุดาเห็นเพื่อนรักหายเงียบเข้าไปข้างใน กระหยิ่มยิ้มย่องป่านนี้ปาณัทคงจะเสร็จเธอไปแล้ว นึกสะใจที่คราวนี้พิรญาณ์คงเสียของรักแน่ๆ แต่ต้องตกใจแทบช็อกเมื่อคนที่ตัวเองนึกถึงเพิ่งเลี้ยวมุมตึกเดินตรงเข้ามา พิรญาณ์ไม่ใส่ใจอะไรวิชุดานัก จะเปิดประตูเข้าไปหาปาณัท เธอพุ่งพรวดมาขวางไว้ไม่ยอมให้เข้า พิรญาณ์สั่งให้ถอยไป เธอกลับทำหูทวนลม
“เอ๊ะคุณ ที่หูคุณคงสนตะพายไว้ซะหนักถึงไม่ได้ยินที่ฉันบอกว่าให้หลีกทาง”
วิชุดายังคงยืนเฉยไม่ยอมหลบ พิรญาณ์หมดความอดทนเตะไปที่หน้าแข้งของเธอเต็มแรงถึงกับร้องจ๊าก พวกพยาบาลตกใจพากันวิ่งมาดู เห็นวิชุดาจับหน้าแข้งตัวเองเต้นเหยงๆ ก่อนจะสะดุดส้นสูงล้มก้นจ้ำเบ้า พิรญาณ์ยิ้มสะใจ เปิดประตูห้องปาณัทผลัวะเข้าไป ต้องตะลึงที่เห็นวาสิตากำลังกอดคนรักของตัวเองอยู่และพยายามจะจูบเขาให้ได้ ความหึงหวงพุ่งปรี๊ดอยากจะเข้าไปตบให้รู้แล้วรู้รอด แต่ต้องอดกลั้นไว้ เปลี่ยนเป็นหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายคลิปแทน วาสิตาตกใจ ร้องห้ามเสียงหลง จะถ่ายไปทำไม
“ฉันกำลังจะช่วยคุณไง ระบายความอัดอั้นในใจออกมาให้หมดเลยสิ ฉันจะเอาไปอัพลงยูทูบให้ เผื่อจะมีคนเห็นใจกับสิ่งที่คุณกำลังทำกับสามีของฉันอยู่ตอนนี้” พูดได้แค่นั้นน้ำตาพานจะไหล พิรญาณ์ต้องรีบเดินหนี ปาณัทจะตามแต่วาสิตาดึงแขนไว้ไม่ให้ไป เขาผลักเธอออกห่างแล้วรีบตามหญิงคนรัก วาสิตาทรุดลงไปกองกับพื้นร้องไห้เสียใจสุดๆ ณัฐวุฒิผ่านมาเห็นรีบเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วงว่าเกิดอะไรขึ้น
“นังพิรญาณ์มาแย่งหมอนนท์ไปอีกแล้ว มันจะตามจองเวรจองกรรมฉันไปถึงไหน”
“เรื่องไอ้หมอนนท์อีกแล้วเหรอเนี่ย” ณัฐวุฒิบ่นอย่างหัวเสีย...
ด้านปาณัทตามมาอธิบายให้พิรญาณ์ฟังว่าไม่ได้มีอะไรกับวาสิตา ไม่เคยแม้แต่จะคิดนอกใจเธอด้วยซ้ำ ในที่สุดทั้งคู่ก็ปรับความเข้าใจกันได้ เขาบอกให้เธอไปรอที่รถ ขอเก็บข้าวของก่อนแล้วจะตามไป
ooooooo
ณัฐวุฒิโกรธมากที่วาสิตาไม่ยอมให้ช่วยพยุงกลับห้องพักฟื้น แถมยังหาว่าเขาชอบมาวุ่นวายกับชีวิตของเธอทั้งๆที่เธอไม่ต้องการ เขาโทษว่าเป็นเพราะปาณัทคนเดียวที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ กลับไปเก็บข้าวของที่ห้องทำงานแล้วเดินหัวเสียไปขึ้นรถ พอเห็นคู่อริหิ้วของพะรุงพะรังมาที่ลานจอดรถ นึกอยากจะขับรถชนให้สิ้นซาก
“มันต้องมีวิธีอื่นที่จะกำจัดแกไปให้พ้นทางโดยที่ฉันไม่ต้องเปลืองตัว ฉันต้องคิดออกสักวัน” ณัฐวุฒิพูดจบเห็นพิรญาณ์เดินตามปาณัทออกมาจากตัวตึก ชี้มือไปที่รถของตัวเองที่จอดอยู่ ปาณัทถือของเต็มสองมือจึงรีบจ้ำไปที่รถก่อนโดยมีเธอก้าวตามไปอีกทอดหนึ่ง ณัฐวุฒิกำลังจะเคลื่อนรถออกจากที่จอด เหลือบเห็นวาสิตาซึ่งนั่งอยู่ในรถทำท่าจะเร่งเครื่องชนพิรญาณ์ รีบขับรถไปขวางหน้าไว้ เธอโกรธมากกดกระจกโวยวายลั่น
“เป็นบ้าอะไรมาขวางรถฉัน ถอยไปนะ”
ณัฐวุฒิลงจากรถไปดึงกุญแจรถของเธอออก ลากเธอไปขึ้นรถของเขาแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว...
ทันทีที่กลับถึงบ้าน ปาณัททวงสัญญาที่พิรญาณ์รับปากจะพาไปกราบแม่ของเธอวันนี้ เธอพยายามบ่ายเบี่ยงแต่ไม่สำเร็จ เขายืนกรานจะต้องเจอท่านให้ได้ เพราะเขามีทางจะรักษาท่านให้หาย
“ขอโอกาสพี่นะน้องพิณ ให้พี่ได้ช่วยรักษาคุณแม่ พี่ทำได้ พี่มั่นใจว่าจะช่วยให้คุณแม่ของน้องพิณกลับมาเป็นคนเดิมได้” สายตาที่มุ่งมั่นและจริงใจของปาณัททำให้พิรญาณ์ใจอ่อน ยอมให้พบกับท่าน
การพบกันครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่น มัทนาไม่มีการต่อต้านใดๆ แถมยังยอมให้ปาณัทพาออกไปเดินเล่น อีกด้วย ระหว่างจูงมือท่านเดินเล่นที่สวน ปาณัทเล่าให้พิรญาณ์ฟังว่าไปปรึกษาเรื่องอาการป่วยของท่านจากชาญวิทย์แล้ว เห็นควรให้เริ่มต้นการรักษาด้วยสิ่งที่ท่านเคยสนใจหรือคุ้นเคยมาก่อน อย่างเช่นท่านเป็นคนชอบแต่งสวน มีต้นไม้อะไรที่ท่านชื่นชอบ พอรู้ว่ามัทนาชอบดอกกล้วยไม้ ปาณัทชวนท่านไปดู กลับเจอแต่กล้วยไม้เหี่ยวเฉาไม่มีดอกให้เห็นสักต้น นายผลซึ่งเดินตามมาโทษตัวเองที่ไม่มีเวลารดน้ำปล่อยให้พวกมันตายหมด
“ตายแล้วเดี๋ยวผมค่อยหาซื้อมาปลูกใหม่ให้คุณแม่ได้ ลุงไม่ต้องคิดมากหรอก”
นายผลปรายตามองปาณัทไม่ค่อยจะพอใจแวบหนึ่ง ก่อนจะผละจากไป เขาได้แต่มองตามอ่อนใจ...
ปาณัทพามัทนาเดินเล่นได้สักพักก็มานั่งกินลมที่โต๊ะสนาม ชวนคุยเพื่อให้รู้ว่ามีสิ่งใดอีกบ้างที่ท่านชอบโดยสังเกตจากสีหน้าและแววตาของท่านเวลาที่เขาพูดถึงสิ่งนั้น ทำให้ปาณัทรู้เพิ่มเติมว่าท่านชอบฟังเพลง จังหวะวอลซ์ พิรญาณ์เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าท่านชอบลีลาศ ตอนสาวๆท่านจะมีแก๊งเพื่อนๆจัดปาร์ตี้ไปเต้นลีลาศด้วยกันบ่อยๆ แต่พองานยุ่งท่านก็แทบไม่มีเวลาไปอีกเลย ปาณัทยิ้มพอใจที่ค้นพบวิธีรักษามัทนา...
ด้วยความมุ่งมั่นจะช่วยให้มัทนากลับมาเป็นปกติ ปาณัทไม่หลับไม่นอนนั่งคร่ำเคร่งอยู่หน้าจอโน้ตบุ๊กค้นคว้าเกี่ยวกับการรักษาโรคนี้ พิรญาณ์ยืนมองด้วยความสงสารและเห็นใจก่อนจะเดินเข้าไปถามยังไม่ง่วงอีกหรือ เขาดึงเธอมานั่งตัก บอกข่าวดีว่ากำลังวางแผนรักษาเยียวยาสภาพจิตใจให้มัทนาอย่างเป็นขั้นเป็นตอนอยู่ จากที่เขาได้พบท่านวันนี้ ทำให้มั่นใจว่าไม่มีอะไรยาก แค่เขาต้องมีเวลาให้กับท่าน
“ซึ่งพี่ไม่มี เพราะพี่มีคนไข้ต้องดูแลถึงสองโรงพยาบาล”
ปาณัทต้องจัดสรรเวลาออกตรวจคนไข้ใหม่ ในส่วนโรงพยาบาลของรัฐเขาคงทำอะไรไม่ได้ แต่กับโรงพยาบาลประชาราษฎร์ เขาจะของดออกตรวจวันพุธหนึ่งวัน ส่วนวันอาทิตย์ที่เคยออกตรวจทั้งวันก็จะขอทำแค่ครึ่งวันเช้าจะได้กลับมาดูแลมัทนาได้ พิรญาณ์ซาบซึ้งใจมากกับการกระทำของเขา แต่กลัวเขาจะไม่ไหว ปาณัทจะจ้างพยาบาลพิเศษมาช่วยสมใจดูแลท่านอีกหนึ่งคน พิรญาณ์ไม่มั่นใจว่าจะได้ผล
“อาการป่วยของคุณแม่ก็เหมือนสวิตช์ไฟ กดปุ่มถูกก็เปิด ถ้ากดไม่เจอคุณแม่ก็จะเป็นอยู่อย่างนี้ตลอดไป พยาบาลที่พี่จ้างจะต้องมาช่วยพี่หาสวิตช์เปิดอันนี้ให้พบ ขอให้พิณไว้ใจพี่ พี่รับรองว่าคุณแม่ต้องหาย”
พิรญาณ์ขอบคุณเขามาก ไม่คาดหวังมาก่อนว่าเขาจะต้องมารักษาคุณแม่ เขายินดีทำให้ด้วยความเต็มใจเพราะร่างกายและหัวใจของเขามีไว้ให้เธอเพียงคนเดียว พิรญาณ์ยื่นหน้าไปจูบเขาด้วยความรักเต็มหัวใจ...
ในเวลาเดียวกัน ที่คอนโดฯที่พักของณัฐวุฒิ วาสิตายังแค้นใจไม่หายที่ณัฐวุฒิมาขวางไม่ให้ขับรถชนพิรญาณ์ ต่อว่าเขาที่ชอบจุ้นจ้านไม่เลิกไม่แล้ว เขาอ้างที่ทำไปทั้งหมดก็เพราะรักเธอ ความจริงเธอน่าจะขอบใจเขาด้วยซ้ำที่ช่วยไม่ให้เธอเป็นฆาตกร วาสิตาแดกดัน ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเป็นลูกสาว
เจ้าของโรงพยาบาล เขาคงไม่ชายตามองแน่ๆ ณัฐวุฒิตอกกลับ ถ้าปาณัทไม่จับพลัดจับผลูไปผ่าตัดให้รัฐมนตรีจนทำให้โรงพยาบาลได้หน้า เธอก็คงไม่สนใจมันเหมือนกัน วาสิตาตวาดแว้ด อย่ามาดูถูกความรักของเธอ เธอรักปาณัทด้วยความจริงใจ
“ขนาดฉันรู้ว่าเขาเป็นลูกเมียน้อยพ่อนังพิรญาณ์ ฉันยังไม่เคยนึกรังเกียจเขาเลย”
ณัฐวุฒิถึงกับหูผึ่ง วาสิตาเห็นเขาชะงัก ฉวยโอกาสวิ่งหนีออกจากห้องนอน เขาตามมาคว้าตัวไว้ทันก่อนจะถึงประตูห้องพัก เธอพยายามจะดิ้นหนีแต่เขาล็อกตัวไว้แน่น เสนอตัวจะช่วยเธอกำจัดพิรญาณ์ เธอถึงกับหยุดกึก สนใจทันทีว่าเขามีแผนการจะทำอย่างไรกับนังนั่น ณัฐวุฒิขอเวลาไตร่ตรองให้รอบคอบก่อน แล้วดึงเธอมาจูบวาสิตาพยายามขัดขืน แต่สู้แรงเขาไม่ได้
ooooooo
ปาณัทกำลังชงกาแฟอยู่ในครัวตอนที่พิรญาณ์เดินมาหยุดมองโน้ตบุ๊กของเขาที่วางอยู่บนโต๊ะ นอกจากหลอกเอาเงินแล้วเธอยังคิดจะทำลายชื่อเสียงของเขาอีกด้วย ทำทีขอยืมโน้ตบุ๊กอ้างลืมของตัวเองไว้ที่ออฟฟิศ
แต่พอรู้ว่าพาสเวิร์ดที่จะเข้าใช้คือคำว่า พิณฟอร์เอฟเวอร์ที่แปลว่ารักพิณคนเดียวชั่วนิจนิรันดร์ พิรญาณ์ล้มเลิกความตั้งใจที่จะทำลายชื่อเสียงของเขา แล้วกลบเกลื่อนด้วยการชวนเขาเล่นไล่จับ สองคนวิ่งไล่กันไปทั่วสวนร่มรื่นอย่างสนุกสนาน แต่ต้องหยุดกึกเมื่อเจอสมใจยืนหน้าบูดบึ้งมองอยู่
“มีคนมาหาค่ะ บอกว่าเป็นพยาบาลที่คุณนนท์จ้างมาดูแลคุณผู้หญิง หมายความว่ายังไงกันคะ จะไม่ให้ป้าดูแลคุณผู้หญิงแล้วใช่ไหมคะเนี่ย”
ชายหนุ่มพยายามอธิบายว่าสมใจกำลังเข้าใจผิด แต่เธอโกรธเกินกว่าจะฟังอะไร เดินหนีไปเลย...
พยาบาลพิเศษที่ว่าไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นดารณีนั่นเอง เธอเป็นพยาบาลผู้มีความชำนาญด้านดูแลผู้ป่วยทางจิตโดยเฉพาะจึงเหมาะที่ปาณัทจะดึงตัวให้มาช่วย และเธอก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง เพียงครั้งแรกที่ได้พบกัน มัทนาก็ยอมให้เธอนวดมือให้ พิรญาณ์เห็นความตั้งใจของปาณัทที่จะรักษาแม่ของตนเอง ยิ่งรู้สึกผิดต่อเขา ทนดูต่อไปไม่ได้ก็เลยเดินหนีออกมาเงียบๆ แต่แล้วจิตใจด้านร้ายของเธอก็สั่งไม่ให้สงสารเขา
“คุณแม่ต้องกลายเป็นบ้าเหมือนตายทั้งเป็นแบบนี้ก็เพราะฝีมือแม่เขาก็สมควรแล้วที่เขาจะต้องรับกรรมแทนแม่ตัวเอง” แม้จิตใจด้านร้ายจะพยายามปลุกเร้าความแค้น แต่ในใจพิรญาณ์กลับเศร้าอย่างบอกไม่ถูก...
ขณะที่ความดีของปาณัททำให้พิรญาณ์ลังเลที่จะแก้แค้น เปรมสุดาอดใจหายไม่ได้ที่ต้องเอาบ้านไปค้ำ โอดีกับธนาคาร หนำซ้ำยังได้เงินมาแค่แปดล้านบาททำให้พีระเดชต้องไปกู้ยืมเงินจากเพื่อนมาอีกสองล้านบาทเพื่อให้ครบตามจำนวนที่พิรญาณ์ต้องการ จากนั้นพีระเดชก็ขอตัวเอาเงินไปให้ลูก
เปรมสุดากลุ้มใจมากไม่รู้จะหันไปหาใคร โทร.นัดวาสิตาให้มาพบ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง วาสิตาไม่เข้าใจทำไมท่านต้องทำแบบนั้นด้วย แล้วนี่ปาณัทรู้หรือเปล่าว่านังนั่นมาเอาเงินของท่านไป เปรมสุดาส่ายหน้า
“แม่ก็ไม่รู้ แม่ไม่ได้คุยกับนนท์มาหลายวันแล้วค่ะ คุณเดชเขาอยากจะช่วยลูก แม่ก็ไม่รู้จะขัดเขายังไง เขาบอกว่าเดี๋ยวหนูพิณเอาเงินไปหมุนทำเครื่องเพชรใหม่ ขายที่ดูไบได้ก็จะเอาเงินมาคืน”
“ฝันไปเถอะค่ะคุณแม่ว่าจะได้เงินคืน ชุดา...แฉสิ”
“เพื่อนพี่ชายชุดาเป็นบริษัทคู่แข่งยัยพิณบอกว่าบริษัทของมันไม่มีราคาอีกแล้ว ไม่มีใครอยากจะซื้อเครื่องเพชรของยี่ห้อโนเนมไปแขวนคอหรอกค่ะคุณแม่” คำพูดของวิชุดาทำเอาเปรมสุดาแทบลมจับ
ooooooo
ปาณัทยกกับข้าวฝีมือตัวเองมาวางบนโต๊ะกินข้าวตัวที่ตั้งอยู่ตรงระเบียงเรือนเล็กรอให้พิรญาณ์มากิน พีระเดชพรวดพราดเข้ามาอาละวาดตบตีเขาจนเซไปชนโต๊ะ ล้มคว่ำ ข้าวของที่เขาเตรียมไว้ตกแตกหมด เท่านั้นยังไม่สาแก่ใจ พีระเดชลากปาณัทถูลู่ถูกังมาโยนออกจากเรือนเล็ก สั่งให้ไสหัวไปจากบ้านของตน
“ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น ผมกับน้องพิณเราสัญญากันแล้วว่าจะสร้างครอบครัวกันที่บ้านหลังนี้”
“ตราบใดที่ยังอยู่ มึงอย่าหวังว่าจะได้อยู่กับลูกสาวกู...ออกไป” พีระเดชคว้าคอเสื้อปาณัทลากตัวปลิว...
อีกมุมหนึ่งในห้องรับแขกของตึกใหญ่ ดารณีกำลังหยิบนิตยสารขึ้นมาทีละเล่มจากกองนิตยสารตรงหน้าให้มัทนาดู จะได้รู้ว่าเธอสนใจเกี่ยวกับเรื่องอะไรมากที่สุด แต่เหลือบมองผ่านกระจกห้องไปเห็นพีระเดชลากคอปาณัทมาเหวี่ยงที่สนาม เธอกลัวมัทนาจะเห็นภาพความรุนแรง รีบลุกไปปิดม่านแล้วจะไปตามพิรญาณ์มาจัดการ เจอสมใจถือถาดใส่เครื่องดื่มกับของว่างเข้ามาพอดี ก็ร้องถามว่าพิรญาณ์ไปไหน
“อาบน้ำอยู่บนห้องค่ะ ทำไมเหรอคะ”
ดารณีบุ้ยใบ้ไปทางที่มีม่านปิดอยู่ ฝากสมใจดูมัทนาให้ด้วยแล้วรีบขึ้นไปหาพิรญาณ์ สมใจลุกไปเปิดม่านดู ตกใจแทบช็อกกับภาพตรงหน้า รีบปิดม่านไว้อย่างเดิมแทบไม่ทัน...
พิรญาณ์รู้เรื่องที่ปาณัทถูกทำร้ายรีบเข้ามาห้ามปรามพ่อไว้ แต่เขากลับอาละวาดใส่เธอแทนที่ หญิงสาวหวังจะได้เงินจากท่านจึงต้องทำใจเย็น ขอร้องให้ไปคุยกันทางโน้น ทีแรกเขาไม่ยอมไปจะคุยกันตรงนี้ให้รู้เรื่อง
“โธ่...ทะเลาะกันแบบนี้แล้วจะคุยกันได้ยังไงคะ ไปเถอะค่ะคุณพ่อ ไปคุยกับพิณทางโน้น มาสิคะ” พิรญาณ์ดึงมือพีระเดชแยกไปอีกทางหนึ่ง ปาณัทจะลุกตาม แต่ดารณีรั้งตัวไว้
“จะตามไปทำไมคะหมอ เดี๋ยวก็ไม่จบหรอกค่ะ” ดารณีว่าแล้วพยุงปาณัทไปที่เรือนเล็ก เขายังหันมองตามหญิงคนรักที่เดินไปกับพีระเดชอย่างเป็นห่วง...
ฝ่ายพีระเดชยื่นคำขาดกับพิรญาณ์ถ้าไม่ไล่ปาณัท
ออกไปจะไม่ให้เช็ค 10 ล้านบาท เธออยากได้เงินเพื่อให้แผนแก้แค้นราบรื่น เลยต้องเล่าความจริงบางส่วนให้ฟังว่าปาณัทขายเรือนหอ เอาเงินมาให้เธอไปใช้หนี้ เธอก็เลยต้องให้เขามาพักอยู่ที่นี่ชั่วคราว ขอให้พ่อเข้าใจเสียใหม่ว่าสิ่งที่เธอทำไปทั้งหมดไม่ได้ทำเพื่อความรัก
“บริษัทของคุณแม่กำลังจะล้มละลาย พิณจำเป็นต้องทำทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอด”
พีระเดชเปลี่ยนจากหัวเสียเป็นหัวเราะเยาะปาณัทแทน “ฉันไม่จำเป็นต้องเข้าใจอะไรใหม่ เพราะฉันคิดอยู่แล้วว่าที่แกกลับมาหาไอ้นนท์ก็เพราะเรื่องเงิน ซึ่งไอ้หน้าโง่นั่นไม่ได้รู้ตัวเลย”
พิรญาณ์มองหน้าพ่อตัวเองอยากจะบอกเหลือเกินว่าท่านเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่ากำลังโดนเธอหลอก สุดท้ายเธอก็ได้เช็ค 10 ล้านบาทจากพ่อตามแผนการที่วางไว้ ดีใจจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ อีกไม่นานนังเมียน้อยก็จะเจอกับนรกเหมือนที่เธอกับแม่เคยเจอ พิรญาณ์ยังได้ดีใจซ้ำเป็นหนที่สองเมื่อเข้ามาในตึกใหญ่เห็นมัทนากำลังเปิดดูนิตยสารเกี่ยวกับการออกแบบเครื่องประดับ ดารณีที่นั่งเฝ้าอยู่ไม่ห่างพลอยยิ้มดีใจไปกับเธอด้วย
“เราเข้าใกล้สวิตช์เปิดตามที่หมอนนท์บอกแล้วค่ะคุณพิณ วิธีรักษาง่ายๆของหมอนนท์ด้วยการใช้สิ่งที่คุ้นเคย ได้ผลจริงๆค่ะ...หมอนนท์เจ็บตัวไม่น้อยนะคะ คุณพิณรีบไปดูหมอนนท์เถอะค่ะ”
พิรญาณ์ยื่นเช็คที่ได้จากพ่อให้สมใจช่วยเอาไปเก็บให้ แล้วรีบตรงไปยังเรือนเล็ก เห็นปาณัทกำลังเก็บข้าวของที่ตกเกลื่อนพื้นขึ้นมาปัดอย่างทะนุถนอม ปรี่เข้าไปกอดเขาไว้จากด้านหลังซึมซับความเจ็บปวดไปด้วยกัน จากนั้นเธอไปหยิบร่วมยามาทำแผลให้เขาไม่เข้าใจเหมือนกัน พ่อรู้ได้อย่างไรว่าเขามาอยู่กับเธอที่นี่ เขาได้บอกใครหรือเปล่า ปาณัทยอมรับเสียงอ่อยว่าบอกแม่ของเขา
“งั้นเราก็ได้คำตอบแล้วล่ะ ป่านนี้คุณหวาหวาก็คงรู้แล้วเหมือนกัน”
ปาณัทคว้ามือพิรญาณ์มากุมไว้ “ลุงเดชขู่ว่าตราบใดที่เขายังอยู่ พี่อย่าหวังว่าจะได้อยู่กับน้องพิณ เราจะไม่ปล่อยมือจากกันใช่ไหม เราจะจับมือกันไว้แบบนี้ไม่ว่าใครจะขัดขวางหรือพยายามแยกเราจากกัน”
หญิงสาวถึงกับพูดไม่ออก เพราะตัวเองวางแผนจะตีจากเขาหลังจากแผนแก้แค้นสำเร็จ ปาณัทเห็นเธอนิ่งเงียบยิ่งใจไม่ดี คาดคั้นให้เธอตอบคำถาม พิรญาณ์ยื่นนิ้วไปแตะปากเขาไว้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขอให้เขารู้ไว้ว่าเขาจะเป็นผู้ชายคนเดียวที่เธอรักหมดหัวใจ เธอจะไม่มีวันรักใครอีกชั่วชีวิต ปาณัทดึงเธอมากอดแนบอก
“ทำไมการที่จะได้อยู่กับน้องพิณ มันถึงยากขนาดนี้”
ooooooo
ไม่ได้มีแต่พีระเดชเท่านั้นที่จ้องจะล้างผลาญปาณัท ณัฐวุฒิเป็นอีกคนหนึ่งที่อยากจะกำจัดเขาเช่นกัน จ้างวานสองแม่ลูกให้มาโวยวายที่แผนกโรคหัวใจของโรงพยาบาลประชาราษฎร์ว่าต้องการจะตรวจกับหมอที่เป็นลูกเมียน้อยของปลัดกระทรวง ที่ชื่อปาณัท พวกพนักงานรวมทั้งสิรัตน์ต่างพากันตกตะลึง
ข่าวเสียหายของปาณัทแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง ทันทีที่เจ้าตัวก้าวเข้ามาในโรงพยาบาล รับรู้ได้ถึงสายตาแปลกๆของทั้งพนักงาน พยาบาลและหมอที่มองมาทางตัวเอง มั่นใจต้องมีเรื่องไม่ดี แต่เนื่องจากมีงานรออยู่ทำให้เขาไม่มีเวลาถามไถ่ กระทั่งณัฐวุฒิเข้ามาหาด้วยสีหน้ายิ้มเยาะ
“บอกผมสิหมอนนท์ว่าเรื่องที่เขาลือกันให้แซ่ดทั้งโรงพยาบาลว่าแม่ของหมอแอบเป็นบ้านเล็กบ้านน้อยของปลัดคนนั้นไม่ใช่เรื่องจริง” ณัฐวุฒิเห็นเขาเอาแต่นิ่งเงียบก็ยิ่งย่ามใจ “เงียบแบบนี้แสดงว่าเป็นเรื่องจริงเหรอครับเนี่ย ผมขอแสดงความยินดีด้วยนะครับหนนี้คุณได้ดังเป็นพลุแตกยิ่งกว่าได้ผ่าตัดรัฐมนตรีซะอีก”
ปาณัทคว้าคอเสื้อณัฐวุฒิดันติดผนัง ตะคอกใส่หน้าถ้าว่างมากนักก็เชิญนินทาเขาตามสบาย เขาไม่ว่างมาคอยปิดปากใครไม่ให้พูดถึงเขาเพราะมีคนไข้ต้องดูแล แล้วผละจากไป ครู่ต่อมา ปาณัทแวะมาตรวจอาการของท่านชีคที่ห้องพักฟื้น พบว่าจังหวะการเต้นของหัวใจกลับมาเป็นปกติ จึงอนุญาตให้กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้ ท่านชีคขอบคุณเขามากที่ช่วยชีวิตเอาไว้ อยากจะตอบแทนอะไรเขาบ้าง
“ผมช่วยรักษาท่านชีคให้หายผมก็ได้รางวัลตอบแทนในฐานะที่เป็นหมอแล้วครับ”
“หมอสุดยอด” ท่านชีคชมเปาะพร้อมกับยกนิ้วหัวแม่มือให้ ปาณัทยิ้มขำ รู้สึกสบายใจคลายเครียดจากเรื่องที่ถูกนินทาว่าร้าย จากนั้น ฟารีสเดินมาส่งหมอหนุ่มที่หน้าห้องพัก ขอบคุณเขาอีกครั้งที่ช่วยรักษาเจ้านายของตน แล้วหยิบนามบัตรยื่นให้ ถ้าปาณัทมีอะไรให้ช่วย โทร.หาได้ตลอดเวลา เขารับนามบัตรมาใส่กระเป๋าเสื้อ แล้วขยับจะไป แต่เห็นวาสิตาเดินตรงมาหาพร้อมกับแฟ้มเอกสารในมือ หันหลังจะเดินหนี เธอรีบคว้าตัวไว้
“อย่าเดินหนีสิคะหมอ หวาหวามีเรื่องจะคุยด้วย” ไม่พูดเปล่า วาสิตายื่นเอกสารในมือให้เขาดู นี่เป็นสัญญาที่พิรญาณ์กู้ยืมเงินจากธนาคารห้าสิบล้านบาท ปาณัทไม่พอใจมากที่เธอให้คนไปสืบเรื่องของพิรญาณ์ วาสิตาขอร้องให้ฟังให้จบก่อน พิรญาณ์ไม่ได้เอาเงินของเขาแค่คนเดียว ยังกล่อมให้พีระเดชเอาบ้านไปค้ำโอดีกับธนาคารเอาเงินอีกสิบล้านบาทมาให้อีกด้วย ปาณัทตกใจไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน
ไม่ว่าวาสิตาจะยุแยงอย่างไร หมอหนุ่มยังคงเชื่อมั่นในตัวพิรญาณ์ แถมยังบอกให้เธอรู้ด้วยว่าเงินของเขา ทรัพย์สินทุกอย่างที่เป็นของเขา เขาเต็มใจยกให้พิรญาณ์ทั้งหมด ถ้าวาสิตาอยากจะช่วย ควรจะไปหาตัวคนที่ปล่อยข่าวเรื่องแม่ของเขาเป็นเมียน้อยจะดีกว่า แล้วดึงมือเธอออก ก่อนจะเดินจากไป...
ขณะที่ยัยตัวแสบพยายามเสี้ยมให้ปาณัทแตกคอกับพิรญาณ์ เปรมสุดาเชื่อคำยุยงของวาสิตาบุกไปหาพิรญาณ์ถึงที่ทำงาน เพื่อทวงลูกชายตัวเองคืน ในเมื่อเธอได้เงินทองไปหมดแล้วก็ควรจะคืนปาณัทมาให้ตนนอกจากจะไม่ทำตามที่เปรมสุดาต้องการ พิรญาณ์ยังเย้ยอีกด้วยว่าเย็นนี้มีนัดกับปาณัทพอดี จะช่วยไปบอกเขาให้ว่าเปรมสุดาคิดถึงเขามาก แล้วคว้ากระเป๋าเดินออกจากห้องทำงานทิ้งให้เปรมสุดาร้องไห้อยู่ตรงนั้น
ooooooo










