ตอนที่ 10
อัลบั้ม: 'แซมมี่-ธันวา' ดราม่าแซบ เปิดฉาก 'ไฟรักเกมร้อน'
พีระเดชเคืองจัดเมื่อรู้จากเปรมสุดาว่าพิรญาณ์เข้าไปอยู่ในบ้านที่ปาณัทซื้อไว้เป็นเรือนหอของตัวเองกับ วาสิตา บ่นไม่เลิกที่เธอทำอะไรไม่รู้จักเห็นแก่หน้าพ่อบ้าง เปรมสุดาอยากรู้เขาจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร
“อ้าวมาถามผมแล้วคุณล่ะ คุณก็ไปห้ามลูกคุณสิ ไหนว่าไอ้นนท์มันรักแม่มาก”
“ฉันพูดแล้วค่ะ แต่นนท์เอาแต่พูดว่ารู้สึกบาปที่มีส่วนทำให้ครอบครัวของหนูพิณต้องแตกแยก เขาต้องรับผิดชอบหนูพิณ”
“โถ...ไอ้คนใจบุญ บาปบ้าบาปบออะไร น้ำหน้าอย่างไอ้นนท์น่ะเหรอจะมารับผิดชอบยัยพิณ รายได้หมอต่อให้ดีแค่ไหนก็แค่เศษเงินสำหรับยัยพิณเท่านั้นแหละ ทุกวันนี้ยัยพิณสบายจะตายไป บริษัทจิวเวลรี่ของแม่มันทำเงินให้ไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ วันๆมันคงแต่งตัวสวยเดินเข้าไปนั่งไขว้ห้างในออฟฟิศเท่านั้นแหละ แล้วก็มีหน้าที่เซ็นๆ สิ้นเดือนรับเงิน ไม่ต้องทำอะไร”
เหตุการณ์ไม่ได้เป็นอย่างที่พีระเดชว่าแม้แต่น้อย บริษัทมณีมัทนาจิวเวลรี่ย่ำแย่เต็มที โชคยังดีที่พิรญาณ์สูบเงินจากปาณัทมาได้ก้อนโต เช้านี้จึงมอบหมายให้ทนายความไปจัดการชำระหนี้ธนาคารบางส่วนเพื่อประนอมหนี้จะได้ไม่ต้องถูกฟ้องยึดบ้าน และยังให้สัญญาอีกว่าต่อไปจะไม่ขาดส่งอีก...
การที่พิรญาณ์มีเงินก้อนใหญ่มาพยุงสภาพคล่องให้บริษัท ทำให้กรกฎอดสงสัยไม่ได้ว่าไปได้เงินมาจากไหน ในเมื่อยอดสั่งซื้อก็ไม่มี เงินที่ได้จากขายเครื่องประดับตามหน้าร้านก็แค่นิดหน่อย นิภาพรรณสั่งให้เลิกทำตัวขี้สงสัยเรื่องของเจ้านายได้แล้ว เธอมีทางหาเงินมาได้ก็แล้วกัน
“มีทางหลังจากที่กลับไปหาหมอนนท์...งั้นก็แปลว่าหมอนนท์นี่เองที่เป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยคุณพิณ”
นิภาพรรณถอนใจหนักใจ บ่นพึมพำไม่รู้ว่าปาณัทเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวหรือขี่แพะกันแน่ กรกฎงง พูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร เธอชักรำคาญสั่งให้เลิกเซ้าซี้ถามโน่นถามนี่แล้วไล่ให้เขาไปทำงาน
“ก็แม่ตัวเองอยากมาทำคุณพิณก่อน เฮ่อ ไม่รู้จะสมน้ำหน้าหรือสงสารดี” นิภาพรรณพึมพำกับตัวเอง
ooooooo
หลังจากปาณัทตรวจเยี่ยมคนไข้ที่นอนพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลเสร็จก็เตรียมจะกลับไปห้องตรวจโรค ณัฐวุฒิปรี่เข้ามาถามประชดว่าจะเลี้ยงส่งที่ตัวเองออกจากงานเมื่อไหร่ให้บอกตนล่วงหน้า จะได้เคลียร์งานรอ
“ผมได้ข่าวว่าคุณยื่นซองขาวแล้ว ผมชื่นชมคุณมากจริงๆที่แสดงสปิริตรับผิดชอบสิ่งที่คุณทำแย่ๆกับคุณหวาหวาด้วยการลาออกไปซะ”
ปาณัทยังไม่ทันจะว่าอะไร วาสิตาโผล่พรวดมาจากไหนไม่รู้โวยวายลั่น ใครบอกว่าปาณัทจะลาออก ในเมื่อยังไม่มีการอนุมัติใดๆทั้งสิ้น คว้าแขนปาณัทออกไป อ้างมีเรื่องจะคุยด้วยแล้วลากเข้าไปในห้องเก็บอุปกรณ์ใกล้ๆ ก่อนจะปิดประตูล็อกตามหลัง ณัฐวุฒิพยายามจะเปิดประตูแต่เปิดไม่ได้ก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง
ด้านวาสิตายืนขวางประตูห้องเก็บอุปกรณ์ไว้ไม่ยอมให้ปาณัทหนีไปไหน ทั้งที่เขาอ้อนวอนให้ปล่อย แถมเข้ามากอดเขาไว้ เขาพยายามแกะมือเธอออก แต่เธอยึดไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“อย่าทำอย่างนี้เลยครับคุณหวาหวา นี่มันโรงพยาบาลนะครับ”
“แล้วที่ยัยพิณทำล่ะ มันบุกเข้ามาทำลายงานหมั้นของเรา แย่งหมอไปจากหวาหวาต่อหน้าต่อตาคนเป็นร้อย ไม่เห็นหมอจะห้ามมันเลย หมอกลับทิ้งหวาหวาไว้กลางงานแล้วก็ไปกับมัน” วาสิตาร้องไห้ฟูมฟาย “ทำไมหมอใจร้าย ทำไมหมอเลือกยัยพิณ หวาหวาสู้มันไม่ได้ตรงไหนเหรอคะ”
ปาณัทพยายามอธิบายว่าเขาทำผิดกับพิรญาณ์ไว้มาก จึงต้องรับผิดชอบ วาสิตาแนะให้เขารับผิดชอบด้วยวิธีอื่น ในเมื่อเลิกรากันไปนานแล้ว ทำไมต้องกลับไปหามันอีก เขายอมรับว่าที่ต้องกลับไปหาพิรญาณ์เพราะต่อให้นานแค่ไหนเขาไม่เคยลืมเธอได้เลย แม้จะพยายามลืมแล้วก็ตาม วาสิตาขอโอกาสจากเขาอีกครั้ง กลับมาแต่งงานกับตนแล้วตนจะทำให้เขาลืมพิรญาณ์เอง ปาณัทกลับแนะให้วาสิตาลืมเขาจะดีกว่า
“ปล่อยผมเถอะครับ ผมจะรีบไปตรวจคนไข้ให้เสร็จ แล้วเก็บของไปจากที่นี่”
พลันมีเสียงประกาศเรียกให้ปาณัทไปที่แผนกฉุกเฉินด่วน เขาถือโอกาสดึงมือวาสิตาออกแล้วพรวดพราดจากไป ณัฐวุฒิซึ่งรอท่าอยู่เห็นเสื้อผ้ายับยู่ยี่แถมมีรอยลิปสติกติดอยู่ที่เสื้อ ปรี่เข้าไปจะเอาเรื่องที่เขาหายเข้าไปในห้องนั้นกับวาสิตา เขาเบี่ยงตัวหลบ ก่อนจะผลักณัฐวุฒิเข้าไปในห้องนั้นแทนที่ เชิญถามกันเองตามสบาย แล้วดึงประตูปิด จากนั้นวิ่งปรู๊ดตรงไปที่แผนกฉุกเฉิน รักษาคนไข้ที่เข้ามาด้วยอาการโรคหัวใจกำเริบ...
ฝ่ายณัฐวุฒิพยายามปลอบใจวาสิตาซึ่งร้องไห้เสียใจอย่างหนักที่ถูกปาณัทตัดสวาทไม่เหลือเยื่อใย แต่เธอกลับปัดมือเขาออกไม่ยอมให้มายุ่ง เขาดึงเธอมากอด โวยใส่ทำไมจะยุ่งของที่เป็นของตัวเองไม่ได้ หรือเธออยากให้เขาไปบอกพ่อของเธอว่าเรามีอะไรกัน เรื่องจะได้จบๆ วาสิตาไม่กลัวคำขู่ ท้าให้ไปบอกได้เลยถ้าเขาไม่กลัวถูกไล่ออกแทนปาณัท แล้วผลักเขาพ้นทาง ก่อนจะเดินลิ่วจากไป ณัฐวุฒิมองตามไม่สะทกสะท้าน
“ฮึ เดี๋ยวมันก็ต้องไปจากโรงพยาบาลนี่แล้ว ดิ้นไปก็เหนื่อยเปล่าหวาหวา”...
ขณะที่วาสิตาตั้งใจมั่นจะเอาตัวคนรักกลับคืนมาให้ได้ ปาณัทช่วยรักษาคนไข้ที่อาการเพียบหนักให้พ้นวิกฤติมาได้ วิชัยถือโอกาสนี้เข้ามากล่อมไม่ให้เขาทิ้งคนไข้ที่รอการรักษาจากเขาไป คนไข้เหล่านี้ตั้งใจเอาชีวิตมาฝากไว้ในมือของเขาให้ช่วยรักษาดูแล แล้วเขาจะทิ้งไปอย่างไม่สนใจใยดีจริงๆหรือ
“ผมอาจจะโกรธไม่ยกโทษให้หมอเรื่องที่คุณทำกับลูกสาวผม แต่ผมแมนพอที่จะแบ่งแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว...เอาจดหมายลาออกของหมอคืนไป” วิชัยว่าแล้วยื่นซองขาวคืนให้ปาณัทซึ่งจำต้องรับเอาไว้ ณัฐ–วุฒิเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างถึงกับตบผนังด้วยความเจ็บใจ หมายหัวไว้จะต้องกำจัดปาณัทให้ได้
ooooooo
ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ แฟรงค์หนึ่งในคนไข้ของปาณัท จะย้ายครอบครัวมาตั้งรกรากที่เมืองไทย ต้องการจะซื้อบ้านสักหนึ่งหลัง ปาณัทรีบเสนอขายเรือนหอของตัวเองให้ แฟรงค์กับภรรยาสนใจมาก ยิ่งได้รู้ว่าบ้านตกแต่งไว้เรียบร้อยพร้อมเข้าอยู่ ขอรายละเอียดสถานที่ตั้งของบ้านเพื่อจะไปดู
ปาณัทดีใจมากที่มีโอกาสสูงที่จะขายบ้านได้โทร.หาพิรญาณ์เพื่อจะแจ้งข่าวดี แต่ต้องผิดหวังเนื่องจากเธอวานให้นิภาพรรณรับสายแทน อ้างติดประชุมกับลูกค้า ประชุมเสร็จเมื่อไหร่จะให้เธอรีบโทร.กลับ
ด้วยความคิดถึงที่ไม่ได้เจอหน้ากันตั้งแต่เมื่อคืน กอปรกับอยากบอกข่าวดีเรื่องบ้าน ทำให้ปาณัทตัดสินใจจะไปพบพิรญาณ์ที่ทำงานด้วยตัวเอง โดยไม่ลืมแวะซื้อดอกไม้ช่อสวยติดมือไปด้วย...
นิภาพรรณสงสัยไม่หายทำไมพิรญาณ์ถึงไม่ยอมรับสายจากปาณัทเพราะฟังจากน้ำเสียงของเขาท่าทางจะคิดถึงเธอมาก เจ้าตัวกลับนั่งนิ่งไม่ยอมตอบอะไร นิภา-พรรณไม่อยากเซ้าซี้ขอตัวไปทำงานต่อ พอเลขาฯคนสนิทคล้อยหลัง ท่าทีเย็นชาของพิรญาณ์เมื่อสักครู่นี้เปลี่ยนเป็นเศร้าเพราะคิดถึงปาณัทเช่นกันแต่ต้องฝืนใจ
“ที่ไม่รับสายก็เพราะว่าอยากให้เขาคิดถึงมากๆ คิดถึงจนทนไม่ไหวจนทำทุกอย่างได้เพื่อให้ได้อยู่ด้วยกัน” พิรญาณ์บ่นพึมพำกับตัวเอง...
ทางด้านวิชุดาพยายามจะหาข่าวเพื่อเล่นงานพิรญาณ์ จึงไปสอบถามจากวิวัฒน์ซึ่งเป็นเพื่อนของพี่ชายตัวเองและอยู่ในแวดวงอัญมณีเช่นกัน ได้ความว่าตอนนี้มณีมัทนาจิวเวลรี่กำลังตกต่ำใกล้จะเจ๊งเต็มทีแล้ว ติดหนี้คนอื่นไปทั่วเพราะพิรญาณ์บริหารงานไม่เป็น
วิชุดาถึงกับตะลึงไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เพื่อเป็นการยืนยันคำพูด วิวัฒน์เรียกอนุสราซึ่งเคยทำงานให้มณีมัทนาจิวเวลรี่มาก่อนให้มาช่วยตอกย้ำอีกแรงหนึ่งว่าบริษัทนี้แทบจะไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนพนักงาน วิชุดาตั้งข้อสังเกต นั่นเท่ากับพิรญาณ์กำลังร้อนเงิน
“ร้อนเงินไม่ว่า ยังทำฉาวโฉ่ไปแย่งคู่หมั้นไฮโซหวาหวามาอีก สงสัยผู้ชายจะรวย” อนุสราแดกดัน
วิชุดาถึงกับหูผึ่ง ส่วนวิวัฒน์มองดูโบรชัวร์งานแสดงเครื่องประดับที่กำลังจะจัดขึ้นในต่างประเทศอีกสองเดือนข้างหน้า พลันผุดแผนชั่วบางอย่างขึ้นมาในหัว
ครู่ต่อมา ขณะพิรญาณ์ออกจากออฟฟิศเพื่อจะไปที่ลิฟต์ของผู้บริหาร ต้องชะงักเมื่อเจอวิวัฒน์เดินมากับวิชุดาและอนุสรา วิชุดาปรี่เข้ามาหาเรื่องด่าว่าทำให้สองสาวมีปากเสียงกัน เรื่องที่ขุดมาสาดน้ำลายใส่ไม่พ้นเรื่องที่พิรญาณ์แย่งปาณัทไปจากวาสิตา เธอไม่พอใจที่อีกฝ่ายราวีไม่เลิกไม่แล้ว ตอกกลับอย่างเจ็บแสบ ไหนคุยว่าเพื่อนของตัวเองทั้งสวยทั้งรวยและไฮโซ ผู้ชายแค่ได้ยินชื่อก็น้ำลายไหลแล้ว ถ้าเป็นอย่างที่คุยจริง เธอท้าให้มาแย่งปาณัทคืนไปได้เลย เธอไม่เคยห้าม อยู่ที่ว่าจะมีปัญญาหรือเปล่าเท่านั้น วิวัฒน์โพล่งขึ้นทันที
“แล้วเธอล่ะ มีปัญญาหรือเปล่าที่จะไปงานนี้” ไม่พูดเปล่าวิวัฒน์ปาโบรชัวร์ใส่หน้าพิรญาณ์ ปาณัทถือช่อดอกไม้ออกมาจากลิฟต์พอดี เห็นหญิงคนรักถูกดูหมิ่นก็ไม่พอใจมาก
พิรญาณ์ก้มเก็บโบรชัวร์ขึ้นมาดูด้วยความขุ่นเคือง วิวัฒน์ยังหยามไม่เลิก ถ้าบริษัทจิวเวลรี่แห่งไหนไม่ได้ไปร่วมงานโชว์เครื่องประดับครั้งนี้ถือว่าโนเนม ควรปิดกิจการเลิกค้าอัญมณีไปเลย พิรญาณ์ยืนยันจะไปร่วม งานนี้แน่นอน เขาไม่วายแดกดัน แค่เงินเดือนพนักงานยังมีไม่พอจ่าย จะเอาเงินลงทุนค่าเพชรพลอยสิบล้านบาทที่ไหนมาทำเครื่องประดับไปขาย
“คุณนั่นแหละเอาเงินยัดปากกว้างๆของตัวเองให้เล็กลงซะบ้างเผื่อจะทำให้เป็นสุภาพบุรุษขึ้น” พิรญาณ์พูดจบเอาโบรชัวร์ปาหน้าวิวัฒน์คืนไปบ้าง เขาโกรธจัดจะเข้ามาทำร้าย ปาณัทมาช่วยปกป้องเธอไว้ทัน แต่กลับถูกวิวัฒน์ต่อยปากแตก เขาไม่ยอมเจ็บฝ่ายเดียวต่อยคืนไปหนึ่งหมัด วิชุดาเห็นท่าไม่ดีรีบดึงวิวัฒน์ออกไป
ooooooo
ขณะพิรญาณ์ใช้ผ้าซับเลือดให้ปาณัทที่โดนวิวัฒน์ต่อยปากแตก เขาอดถามไม่ได้ว่า ไอ้หมอนั่นพูดจาดูถูกเธอเรื่องงานแสดงเครื่องประดับอะไรหรือ เธอเล่าให้ฟังว่าเป็นงานที่จัดขึ้นในต่างประเทศอีกสองเดือนข้างหน้า งานนี้จะมีบริษัทชั้นนำทั่วโลกนำคอลเลกชั่นเครื่องประดับของตัวเองไปขายทำกำไร
“ถ้างานนี้คอลเลกชั่นของพิณขายได้ในราคาสูงก็จะช่วยปลดหนี้ บริษัทจะกลับมาฟื้นขึ้นอีกครั้ง แต่พิณต้องหาเงินลงทุนซื้อเพชรพลอยเพื่อทำเครื่องประดับซะก่อน ซึ่งพิณยังไม่รู้จะหาเงินสิบล้านที่ไหน”
“พี่จะช่วยพิณเอง พิณไม่ต้องกังวลเรื่องเงินนะ วันนี้มีคนสนใจจะซื้อเรือนหอพี่แล้ว คิดว่าน่าจะขายได้สักห้าล้าน ขายได้พี่ให้พิณหมดเลย ให้พิณเอาไปลงทุนทำเครื่องประดับคอลเลกชั่นใหม่ รวมกับเงินในบัญชีที่พี่ให้พิณไปก่อนหน้านี้ ก็น่าจะได้เกือบสิบล้าน”
แม้จะเข้าแผนพอดี แต่พิรญาณ์อดตะลึงไม่ได้ที่เขาให้เงินตัวเองโดยไม่เสียดายแม้แต่น้อย แถมยังบอกอีกว่าเงินไม่ได้ทำให้เขามีความสุขเท่าที่มีเธออยู่ใกล้ๆ เธอถึงกับน้ำตาเอ่อด้วยความปลาบปลื้ม
“อย่าร้องไห้สิ เดี๋ยวหน้าสวยๆเลอะหมด นี่เป็นข่าวดีสำหรับน้องพิณไม่ใช่เหรอ น้องพิณควรจะยิ้มสิ ไหนยิ้มสวยๆให้พี่ดูซิ” ปาณัทเห็นเธอยิ้มออก ดึงตัวมากอดไว้ “ต้องอย่างนี้สิ พี่อยากเห็นรอยยิ้มของพิณ ทุกวันไม่อยากเห็นน้ำตาอีกแล้ว”...
ด้านวิวัฒน์ วิชุดาและอนุสรายังคงสุมหัวนินทาพิรญาณ์ไม่เลิกไม่แล้ว หาว่าพิรญาณ์เห็นแก่เงิน ถ้าปาณัทไม่ได้มีรายได้งามขนาดนี้ คงไม่แย่งไปจากวาสิตาแน่ๆ เธอกำลังต้องการแหล่งเงินทุน นั่นเท่ากับปาณัทเป็นแหล่งเงินทุนให้เธอสูบ วิวัฒน์ยังปั้นเรื่องอีกว่าพิรญาณ์เคยมีข่าวฉาวในโลกออนไลน์ว่าจนกรอบขนาดต้องเอาตัวเข้าแลกเงินกับลูกค้าเสี่ยแต่เสี่ยคนนั้นไม่เล่นด้วยก็เลยโดนเธอทำร้ายด้วยส้นสูงแล้วทิ้งรองเท้าข้างหนึ่งไว้ให้ดูต่างหน้า วิชุดาจำข่าวนั้นได้เพราะฮอตมาก แต่ตอนหลังมีการแก้ข่าวว่าไม่ใช่เรื่องจริง
“เรื่องจริง...เสี่ยคนนั้นเป็นลูกค้าของพี่เอง ยัยพิรญาณ์ร้อนเงินจนอยากได้ยอดซื้อจากเขา 20 ล้าน เลยยอมขึ้นไปหาเขาบนห้องที่โรงแรม เกือบจะเสร็จเสี่ยอยู่แล้ว แต่ไอ้หมอนนท์นี่แหละที่ตามไปขวางไว้เสียก่อน”
วิชุดาเกลียดพิรญาณ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงปักใจเชื่อว่าเรื่องที่วิวัฒน์เล่าเป็นความจริง...
ระหว่างที่วิวัฒน์ปั้นน้ำเป็นตัวให้อนุสรากับวิชุดาฟัง พิรญาณ์เกือบจะใจอ่อนให้กับความดีของปาณัท แต่จิตใจด้านร้ายของเธอสั่งห้ามสงสารเขาเด็ดขาดให้สงสารตัวเองเข้าไว้ สายตาของเธอกร้าวขึ้นมาในทันใด เดินตามแผนแก้แค้นให้แม่ต่อไป
“พี่นนท์ขายเรือนหอแล้ว คิดหรือยังว่าเราจะไปอยู่ไหน”
ปาณัทตั้งใจจะเช่าคอนโดฯอยู่ไปพลางก่อน ไว้พร้อมแล้วค่อยหาซื้อบ้านหลังเล็กๆสักหลังสำหรับเราสองคน พิรญาณ์เสนอให้ไปอยู่ที่เรือนไม้หลังเล็กสีขาวที่อยู่ในบริเวณบ้านของตัวเอง ชายหนุ่มไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองถามอย่างตื่นเต้นว่าอยู่ที่นั่นได้จริงหรือ
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ งั้นพิณจะพาพี่นนท์ไปดูก่อน แล้วเราค่อยตัดสินใจกันอีกที”
ooooooo
วิชุดารีบโทร.รายงานวาสิตาเรื่องที่วิวัฒน์แฉหมดเปลือกว่าพิรญาณ์ถังแตก บริษัทอัญมณีของครอบครัวใกล้จะเจ๊งเต็มที และที่สำคัญปาณัทกำลังตกเป็นเหยื่อให้นังนั่นปอกลอก วาสิตาตื่นเต้นมากที่รู้ว่าพิรญาณ์ย่ำแย่ ต้องเอาไปขยายให้เปรมสุดารับรู้จะได้ช่วยกันหาทางกีดกัน...
ทางฝ่ายปาณัทได้มาเห็นบ้านของมัทนาอีกครั้งก็อดนึกถึงความหลังเมื่อมาที่นี่เป็นครั้งแรกไม่ได้ วันนั้นเขาได้เจอกับเด็กหญิงพิรญาณ์และตกหลุมรักเธอตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กระทั่งบัดนี้เขาก็ยังรักเธอไม่เปลี่ยนแปลง นายผลที่กำลังทำสวนอยู่ใกล้ๆหันมาเห็นเขาเข้าถึงกับตาโตตกใจ รีบแจ้นไปบอกสมใจที่กำลังยกถาดอาหารมาให้มัทนาว่าคุณหนูพาลูกชายของยัยเปรมสุดามาที่นี่
สมใจรีบตะครุบปากเขาเอาไว้กลัวมัทนาจะได้ยิน คราวนี้นายผลเปลี่ยนเป็นกระซิบเตือนให้เธอเก็บ
คุณผู้หญิงไว้ในบ้านอย่าให้ออกไปเห็นปาณัทเด็ดขาด เกิดท่านจำหน้าได้ อาการจะกำเริบขึ้นมาอีก
“แล้วคุณพิณพาลูกชายยัยเมียน้อยมาทำไมที่บ้าน...คิดจะทำอะไรเนี่ย” สมใจมองมัทนาอย่างเป็นห่วง
อีกมุมหนึ่งในสวน พิรญาณ์จูงมือกับปาณัทมาตามทางเดินร่มรื่น ภาพในวัยเด็กที่เขาเคยวิ่งเล่นกับเธออย่างมีความสุขไปทั่วบริเวณนี้ยังจำได้ไม่ลืม เขาอยากหยุดวันเวลาไว้แค่นี้ ให้โลกทั้งใบมีเพียงเราสองคน...
ขณะปาณัทกำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งความรัก วาสิตาบุกไปหาเปรมสุดาถึงบ้าน เธอกลัวพีระเดชจะมาเห็น หากเขารู้ว่าวาสิตารู้ถึงความสัมพันธ์ลับๆของเขากับเธอบ้านคงแตกแน่ๆ รีบดึงตัวแขกไม่ได้รับเชิญไปคุยกันที่สวนข้างบ้าน ถามว่ามีธุระด่วนอะไรถึงต้องบุกมาที่นี่ วาสิตาไปสืบความลับของพิรญาณ์มาได้ว่ากำลังถังแตก บริษัทจิลเวลรี่ของมันกำลังจะเจ๊ง เปรมสุดาตกตะลึงที่ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน
“เห็นไหมคะขนาดแม่เปรมอยู่ใกล้พ่อยัยนั่นแท้ๆยังไม่รู้เรื่องนี้เลย ยัยนั่นมันเก็บไส้เหม็นๆของมันได้แนบเนียนมาก ตั้งแต่ยัยพิณเข้าไปบริหารบริษัทจิวเวลรี่แทนแม่ตัวเอง บริษัทก็ย่ำแย่มาโดยตลอด ขาดทุนแล้วขาดทุนอีก จนตอนนี้เรียกได้ว่ายัยนั่นหมดตัวแล้ว”
“แล้วทำไมหนูพิณถึงปิดเรื่องนี้เงียบ น่าจะปรึกษาคุณพ่อของเธอบ้าง”
วาสิตาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่รู้แค่ว่าที่พิรญาณ์กลับมาหาปาณัทอาจเป็นเพราะหวังเงินของเขา พีระเดชแอบฟังอยู่นานแล้วทนไม่ไหวโวยลั่นว่าไม่เป็นความจริง ลูกสาวของตนไม่มีนิสัยอยากได้เงินของใคร เปรมสุดาถึงกับสะดุ้งโหยงที่หันไปเห็นเขายืนอยู่ วาสิตาอ้างที่มาเตือนก็เพราะหวังดี ไม่อยากเห็นปาณัทต้องถูกปอกลอก
พีระเดชไม่พอใจมากไล่ตะเพิดวาสิตาไปให้พ้นหน้า ถ้าอยากได้ตัวปาณัทมากนักก็ให้เอาเงินฟาดหัวสักร้อยล้านบาท บางทีเขาอาจจะคลานกลับมาหาก็ได้ แต่อย่ามาใส่ร้ายลูกสาวของตน จากนั้นก็หันไปเล่นงานเปรมสุดาที่ปล่อยให้วาสิตาเข้ามาในบ้านทั้งที่รู้ว่าตนไม่ต้องการให้ใครรู้ถึงความสัมพันธ์ของเรา
“แม่เปรมไม่ได้ให้หวาหวามาหรอกค่ะ หวาหวามาของหวาหวาเอง”
“งั้นมาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย ไปสิ” พีระเดชตะเพิด เปรมสุดากลัวจะมีเรื่องกัน ขอร้องให้วาสิตากลับไปก่อน หญิงสาวจำต้องกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์
ooooooo
เมื่อได้อยู่กันตามลำพัง พีระเดชโวยใส่เปรมสุดาทำไมวาสิตาถึงได้รู้เรื่องของเราสองคน เธอรู้จากวาสิตาว่าพิรญาณ์เป็นคนบอกเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เขาไม่เชื่อว่าเป็นความจริง สองคนนั่นเกลียดกันขนาดนั้นจะไปเล่าให้ฟังทำไม ที่วาสิตาพูดแบบนั้นก็เพราะอยากได้ปาณัทกลับคืนก็เลยมาเสี้ยมเปรมสุดา
“มาปากมากว่ายัยพิณกำลังหมดตัวจะมาหลอกเงินไอ้นนท์ ทุเรศจริงๆ ไม่ได้ดูเลยว่าลูกสาวผมระดับไหน ไอ้นนท์ระดับไหน” พีระเดชไม่วายจิกกัดปาณัท เปรมสุดาทนฟังไม่ไหว ตบโต๊ะเปรี้ยง
“คุณรักลูกสาวคุณ ฉันก็รักลูกชายฉันเหมือนกัน อย่ามาดูถูกกันให้มาก” โวยเสร็จ เปรมสุดาเดินหนีไปทั้งน้ำตา ปล่อยให้พีระเดชยืนหัวเสียอยู่ตรงนั้น...
ในขณะที่เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นที่บ้านของเปรมสุดา ปาณัทกับพิรญาณ์ชวนกันเล่นซ่อนหาภายในเรือนเล็ก ซึ่งอยู่ท้ายสวนสวยเหมือนที่ทั้งคู่เคยเล่นกันเมื่อตอนเป็นเด็ก เธอเป็นฝ่ายไปซ่อนส่วนเขาเดินหา เธอซ่อนตัวไม่ดีถูกปาณัทจับได้ แทนที่จะยอมแพ้กลับวิ่งหนีให้เขาวิ่งไล่ แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นถูกเขารวบตัวมาไว้ในอ้อมกอด ต่างหัวเราะกันสนุกสนาน พิรญาณ์ขอร้องให้เขาปล่อยได้แล้ว เขายิ่งกอดไว้แน่นและจูบเธอที่แก้มหนึ่งที
“พี่จะไม่ไปไหนอีกแล้ว พี่จะอยู่กับน้องพิณในบ้านหลังน้อยนี้” ปาณัทจูบเธออย่างอ่อนโยน เธอโอบแขนรอบคอเขาแล้วจูบตอบด้วยหัวใจเปี่ยมรัก ลืมความแค้นไปชั่วขณะ ทั้งคู่ต่างอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน
จากนั้นไม่นาน พิรญาณ์เดินจูงมือปาณัทผ่านมาหน้าตึกใหญ่เพื่อไปที่ประตูรั้ว เขาเกิดอยากจะเข้าไปกราบลามัทนาก่อนกลับ พิรญาณ์เผลอตัวกระชากแขนเขาไว้ไม่ยอมให้เข้าข้างใน พอรู้สึกตัวรีบกลบเกลื่อน
“เอ่อ อย่าเพิ่งเลยค่ะพี่นนท์ พิณอยากจะทำความเข้าใจกับทุกคนในบ้านก่อน เรื่องที่พี่จะมาอยู่ที่นี่กับพิณ โดยเฉพาะคุณแม่ พิณต้องค่อยๆบอกท่าน บ้านหลังนี้ไม่มีคนแปลกหน้าไปมาหาสู่นานแล้ว ขืนจู่ๆพี่นนท์เดินเข้าไป คุณแม่อาจจะตกใจเอานะคะ” คำแก้ตัวของพิรญาณ์ฟังขึ้นทำให้ปาณัทไม่ติดใจสงสัยอะไรอีก รีบกลับไปจัดการเรื่องเรือนหอที่จะขายให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อจะได้ย้ายเข้ามาอยู่กับเธอที่นี่
หลังจากส่งปาณัทเสร็จ พิรญาณ์เข้ามาบอกสมใจกับนายผลที่กำลังดูแลมัทนาอยู่ที่ตึกใหญ่ให้ช่วยไปทำความสะอาดเรือนเล็กท้ายสวนให้ด้วย ปาณัทจะย้ายเข้ามาอยู่ ทั้งคู่ต่างมองหน้ากันไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เธอรู้ทันรีบดักคอไม่ให้ทั้งคู่ถามอะไรมากความ แค่ทำตามที่สั่งก็พอ...
ด้านวาสิตาบ่นให้วิชุดาฟังด้วยความเซ็งที่มีแต่คนคอยปกป้องพิรญาณ์ นอกจากปาณัทที่ทำตัวเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวให้นังนั่นแล้ว ยังมีพีระเดชที่ว่าโกรธแค้นถึงขนาดจะตัดพ่อตัดลูกกับมัน ยังไม่วายออกโรงปกป้องไม่เชื่อว่าลูกสาวตัวเองกำลังทำตัวเป็นนางโจรหลอกปล้นเงินปาณัท ส่วนเปรมสุดาแม้จะเชื่อว่าพิรญาณ์เป็นอย่างที่วาสิตาเล่า แต่ก็กลัวผัวกลัวลูกหงอ คงช่วยอะไรไม่ได้
“ฉันต้องช่วยตัวเองแล้วชุดา มัวแต่หวังพึ่งคนอื่น ฉันจะเสียหมอนนท์ไปอย่างไม่มีวันได้เขากลับ”
วิชุดาอยากรู้เพื่อนรักมีแผนจะจัดการอย่างไรต่อไป เธอยังคิดเรื่องยากๆตอนนี้ไม่ออก เพราะสมองตื้อไปหมด คิดออกแค่วิธีง่ายๆวิธีเดียว วิชุดาอดสงสัยไม่ได้ วิธีง่ายๆที่ว่าคือวิธีอะไร...
ในเวลาเดียวกัน พิรญาณ์เล่าแผนการที่จะพรากปาณัทไปจากเปรมสุดาเหมือนที่เธอกับแม่ถูกฝ่ายนั้น พรากพ่อไปแต่พอเห็นแม่เริ่มเครียดกับเรื่องที่ตัวเองเล่า จึงต้องสงบปากสงบคำ
ooooooo
เปรมสุดาตัดพ้อต่อว่าลูกชายว่าจะย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของพิรญาณ์ทั้งทีไม่ปรึกษากันสักคำ เขาแก้ตัวว่าปรึกษาไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะท่านต้องไม่เห็นด้วย แล้วอ้อนวอนขอร้องให้ท่านเข้าใจเขาด้วย เขารักพิรญาณ์มากอยากอยู่กับเธอไปทั้งชีวิต เปรมสุดาถึงกับปล่อยโฮ
“แม่เหนื่อยกับเรื่องของลูกกับหนูพิณเต็มทีแล้ว ลูกตัดใจจากหนูพิณซะนะนนท์นะ นนท์ทำเพื่อแม่นะลูก แล้วแม่จะไม่ขออะไรจากลูกอีกเลย”
“ก็นี่แหละครับ การที่ผมกลับมาหาน้องพิณ ผมกำลังทำเพื่อแม่อยู่”
“ไม่เอานนท์ แม่ไม่ต้องการให้ลูกทำลายอนาคตตัวเองเพื่อแม่แบบนี้” เปรมสุดาพูดทั้งน้ำตา...
ขณะที่เปรมสุดายกความเป็นแม่ขึ้นมาบีบปาณัท พีระเดชแวะไปหาลูกสาวถึงที่ทำงาน แต่เธอติดคุย
งานกับกรกฎเรื่องออกแบบเครื่องประดับคอลเลกชั่นใหม่ที่ส่งไปขายในงานแสดงเครื่องประดับที่จะจัดขึ้นในต่างประเทศ จึงสั่งให้นิภาพรรณไปบอกให้ท่านรอก่อน พีระเดชไม่พอใจมากบุกเข้าไปในที่ทำงานของลูก โวยวายว่าเห็นงานสำคัญกว่าพ่อตัวเองหรือ เป็นจังหวะที่พิรญาณ์คุยงานเสร็จพอดี
“คุณพ่อลำบากมาหาพิณถึงที่บริษัท มีธุระสำคัญอะไรคะ”
พีระเดชไล่ลูกน้องของลูกออกไป แล้วสั่งให้เธอเลิกยุ่งกับปาณัท เที่ยวไปแย่งผู้ชายกลางงานหมั้นคนอื่นไม่รู้จักอายบ้างหรือ พิรญาณ์ตอกกลับ ทีท่านนอกใจแม่ไปเอาเปรมสุดามาเป็นเมียน้อยทำไมไม่รู้จักอาย เขาฉุนขาดตบเธอหน้าหัน พิรญาณ์ท้าทายให้ท่านตบให้ตายคามือได้เลย เธอจะได้ตายไปพร้อมกับบริษัทนี้
“นี่แกหมายความว่าอย่างไร”
“คุณพ่อไม่เคยสนใจไม่เคยรู้เลยใช่ไหมคะว่าบริษัทนี้กำลังจะล่มจม” คำพูดของลูกทำเอาพีระเดชถึงกับทรุดลงนั่งอย่างหมดเรี่ยวแรง พิรญาณ์เล่าเรื่องที่โดนบริษัทคู่แข่งแย่งลูกค้าไปหมดตั้งแต่แม่ล้มป่วย เรื่องที่จะถูกธนาคารยึดบ้าน และเรื่องที่ต้องใช้เงินลงทุนสิบล้านบาทซื้อเพชรพลอยทำคอลเลกชั่นใหม่ไปขายในงานแสดงเครื่องประดับที่กำลังจะจัดขึ้นที่ต่างประเทศในอีกสองเดือนข้างหน้า ถ้าได้เงินมาหมุน เธอมั่นใจว่าจะทำกำไรได้หลายสิบล้านบาท แต่ถ้าไม่มีเงินลงทุน ทั้งบริษัทและบ้านจะถูกยึดไปจนหมด พีระเดชครุ่นคิดหนัก...
ฝ่ายปาณัทพยายามอธิบายให้แม่ฟังว่าที่ตัวเองต้องรับผิดชอบต่อพิรญาณ์ก็เพราะต้องการชดใช้ในสิ่งที่เราสองแม่ลูกทำกับเธอเอาไว้ ตั้งแต่มัทนาเป็นบ้า บริษัทจิวเวลรี่ประสบปัญหาอย่างหนัก ตอนนี้ใกล้เจ๊งเต็มที เขาจึงต้องยื่นมือเข้าไปช่วย เปรมสุดาหวังว่าเขาคงไม่เอาเงินทองของตัวเองไปทุ่มให้พิรญาณ์
ไม่ใช่แค่เงินเก็บที่ปาณัทยกให้เธอ เงินที่ได้จากการขายเรือนหอเขาก็จะยกให้เธอไปหมด เปรมสุดาแทบล้ม ทั้งยืน ปาณัทต้องประคองไปนั่งพัก พอตั้งสติได้เปรมสุดาพยายามโน้มน้าวให้เขาตระหนักว่าการที่พิรญาณ์กลับมาหาเขาอีกครั้งไม่ใช่เพราะความรัก แต่เพราะหวังจะสูบเงินจากเขา ดังนั้นเขาต้องไตร่ตรองให้ดี
“ผมคิดดีแล้วครับ ที่ผมให้น้องพิณแค่นี้มันยังน้อยไปเมื่อเทียบกับสิ่งที่น้องพิณต้องสูญเสียไปเพราะเรา”
เปรมสุดาเห็นท่าทีของลูกชายก็รู้ทันทีว่าป่วยการจะพูดให้เปลี่ยนใจ ลุกหนีไปเลย แต่พอพ้นสายตาของ
ลูกเท่านั้น เธอแทบจะก้าวต่อไปไม่ไหว ต้องพิงผนังไว้ไม่ให้ล้ม ทุกข์ใจแสนสาหัสที่ลูกชายทุ่มเททุกอย่างให้พิรญาณ์โดยไม่ฟังคำทัดทานของเธอ...
พีระเดชเองก็กำลังจะก้าวลงไปในบ่วงกรรมที่พิรญาณ์ดักไว้ เพราะตัดสินใจจะหาเงินสิบล้านบาทมาให้ลูกยืม แต่มีข้อแม้เธอต้องเลิกยุ่งกับปาณัท เธอรู้ทันว่าพ่อจะต้องมาไม้นี้ ทำทีตัดพ้อ ถ้าท่านจะช่วยเธอจริงๆ สนใจแต่เรื่องเงินไม่ดีกว่าหรือ เธอต้องการเงินมาลงทุนด่วนที่สุด เรื่องปาณัทไม่สำคัญเท่าเรื่องบริษัท
“ฮึ...เห็นไหม สุดท้ายแกก็ต้องพึ่งพ่ออย่างฉัน” พีระเดชคุยโวจบ เดินออกจากห้อง พิรญาณ์มองตามอย่างพอใจที่แผนการสำเร็จด้วยดี
ooooooo
วิธีง่ายที่สุดที่วาสิตาจะทำได้ตอนนี้คือขนข้าวของเข้าไปอยู่ในเรือนหอร่วมกับปาณัทและพิรญาณ์ แต่กลับพบว่าเขาขายมันให้แฟรงค์คนไข้ของเขาไปแล้ว วาสิตาต้องเรียกให้วิชุดามารับกลับแทบไม่ทัน...
พิรญาณ์นั่งดูแบบร่างเครื่องประดับคอลเลกชั่นใหม่ที่กรกฎออกแบบไว้ให้อยู่เพียงลำพังในห้องทำงาน แบบพวกนี้ยังไม่ถูกใจ แต่นึกไม่ออกว่าขาดอะไรไป เธอเอนตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยใจ อยู่ๆก็คิดถึงปาณัทขึ้นมา ไม่รู้ป่านนี้ไปอยู่ไหนไม่เห็นโทร.หา หรือยัยวาสิตาลักพาตัวไปแล้วก็ไม่รู้ ตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาจะโทร.หา แต่กลับถือค้างไว้อย่างนั้น จิตใจด้านร้ายพยายามต่อสู้กับความรู้สึกที่มีต่อเขา
“อย่าคิดถึงเขา ทำตัวให้เหมือนกับเวลาที่ผ่านมา เวลาที่ไม่มีเขาอยู่ เวลาที่เราต้องอยู่คนเดียว เขาไม่ใช่ของเรา...ไม่ใช่ อีกหน่อยเขาก็ต้องไป” คิดได้ดังนั้นพิรญาณ์วางมือถือไว้อย่างเดิม...
ตกเย็นพิรญาณ์กลับถึงบ้านพบว่าปาณัทย้ายข้าวของมาอยู่ที่เรือนเล็กแล้ว ดีใจมากรีบเดินไปหา ต้องชะงักเมื่อเห็นผนังเรือนเล็กที่เคยว่างเปล่ามีรูปถ่ายตัวเองกับเขาตอนอยู่ที่สเปนแขวนไว้ เธอยืนมองด้วยความ ประทับใจ ปาณัทเดินเข้ามากอดทางด้านหลัง พร่ำ
พรรณนาถึงการสร้างครอบครัวที่อบอุ่นด้วยกัน ทำเอาพิรญาณ์น้ำตาคลอด้วยความเจ็บปวดเพราะความแค้นค้ำคออยู่ แต่เขากลับคิดว่าเธอร้องไห้เพราะตื้นตัน
ปาณัทยังมอบเช็คสั่งจ่ายในนามพิรญาณ์เป็นเงิน 7 ล้านบาท จากการขายเรือนหอกับขายรถสปอร์ตหรูของเขาให้เธออีกด้วย เธอซาบซึ้งใจที่เขายอมทำเพื่อเธอขนาดนี้ ก่อนจะนึกขึ้นได้ ขายรถไปแบบนี้แล้วเขาจะเอารถที่ไหนใช้ บ้านเธออยู่ลึกจากถนนมาก ปาณัทดูรถมือสองไว้แล้ว พรุ่งนี้ทำสัญญาเสร็จก็ถอยมาขับได้เลย ราคาก็ไม่แพง ผ่อนต่อเดือนไม่กี่บาท พิรญาณ์ขอบคุณเขาทั้งน้ำตา
“ไม่เอาสิ อย่าขอบคุณพี่ด้วยน้ำตา หยุดร้องไห้นะ นิ่งซะ แล้วขอบคุณพี่ใหม่” พูดจบเขายื่นแก้มข้างหนึ่งให้ พิรญาณ์หลับตาบรรจงหอมแก้มแล้วกอดเขาไว้เพื่อซ่อนความรู้สึกผิด ขณะที่ปาณัทยิ้มมีความสุข...
ที่ร้านอาหารภายในห้างฯหรู เปรมสุดาถึงกับทำส้อมร่วงจากมือเมื่อพีระเดชบอกว่าเอาบ้านไปทำโอดีกับแบงก์ วันพรุ่งนี้เธอต้องไปเซ็นสัญญากับเขาเพราะเธอมีชื่อเป็นเจ้าของบ้าน เขาไม่ได้ร้อนเงินอะไร แต่จะเอาไปให้พิรญาณ์ลงทุนค่าเพชรพลอย 10 ล้านบาท อีกสองเดือนพอลูกขายเครื่องประดับได้ เราก็จะได้เงินคืนไม่ต้องเป็นห่วง เขาเคยเห็นมัทนาทำกำไรจากการขายอัญมณีในคราวเดียวได้มากถึงห้าสิบล้านบาทมาแล้ว
“จะไม่ให้ฉันห่วงได้อย่างไรคะ หนูพิณไม่ได้เอาเงินแค่คุณหรอก หนูพิณก็เอาเงินของนนท์ไปด้วย”
พีระเดชมองหน้าเปรมสุดาด้วยความฉงนสุดๆ...
ในเวลาเดียวกัน ปาณัทจัดโต๊ะกินข้าวสำหรับสองที่พร้อมกับตกแต่งอย่างสวยงามไว้ที่ระเบียงเรือนเล็กเสร็จเรียบร้อยก็เลื่อนเก้าอี้เชิญชวนให้พิรญาณ์ลงนั่ง เธอกลับเดินเลยมาขยับเก้าอี้อีกตัวหนึ่งเชิญให้เขานั่งเช่นกัน ทั้งคู่เดินไปนั่งเก้าอี้ที่อีกฝ่ายขยับให้พลางหัวเราะชอบใจ ปาณัทยื่นมือไปกุมมือพิรญาณ์ไว้
“ที่ตรงนี้จะเป็นที่สำหรับเราสองคน ที่ที่เราจะนั่งกินข้าวด้วยกันทุกวันมองหน้ากัน คุยกันยิ้มหัวเราะให้กัน เราจะมีกันและกันตลอดไป” คำพูดของปาณัททำให้พิรญาณ์เคลิ้มราวกับอยู่ในความฝัน
“ค่ะ เราจะมีกันและกัน ทุกครั้งที่นั่งลงตรงนี้ พิณจะลืมเรื่องร้ายๆในใจไปให้หมด พิณจะนึกถึงแต่ความรักของพี่ที่มีให้พิณ” พิรญาณ์อิงแก้มกับมือปาณัทยิ้มมีความสุข...
หลังจากตั้งสติได้พีระเดชไม่วายจิกกัดปาณัท ไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะรวยขนาดมีเงินให้พิรญาณ์เป็นล้านๆได้ เปรมสุดาเล่าว่าเขาเอาเงินที่ได้จากการขายเรือนหอรวมกับเงินเก็บยกให้พิรญาณ์ไปหมุนหมดเลย พีระเดชหัวเราะเยาะที่ปาณัทดันโง่ให้ลูกสาวของตนหลอก เปรมสุดาตัดพ้อต่อว่าทำไมถึงพูดแบบนี้
“แล้วจะให้พูดอย่างไร...ก็ได้ๆผมจะพูดใหม่ คุณอย่าคิดมากเลยเปรม ยัยพิณเอาเงินลูกชายคุณไปเดี๋ยวมันก็คืน สบายใจขึ้นหรือยัง” พีระเดชเห็นสีหน้าอมทุกข์ของเปรมสุดาแทนที่จะเห็นใจกลับซ้ำเติม “เห็นไหมผมพูดไปมันก็ไม่ช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น เพราะฉะนั้นไปบอกลูกชายคุณให้เลิกยุ่งกับยัยพิณซะ ตอนนี้ยัยพิณกำลังทำทุกอย่างเพื่อกอบกู้บริษัท หาเงินมาจากทางไหนก็ได้มันก็คงเอาหมด คิดเหรอว่ายัยพิณจะรักไอ้นนท์มากกว่าเงินของมัน” พีระเดชพูดอย่างสนุกปาก เปรมสุดาทนฟังไม่ไหวลุกพรวดออกไปทันที...
เก็บข้าวของเข้าที่เรียบร้อย ปาณัทขอร้องให้พิรญาณ์พาไปกราบมัทนาเพื่อฝากเนื้อฝากตัว สีหน้าที่เปี่ยมสุขของเธอเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นบึ้งตึง อ้างเวลานี้แม่ต้องขึ้นนอนแล้ว ปาณัทยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ ขอให้เธอพาไปพบท่านวันพรุ่งนี้แทน พิรญาณ์รับปากส่งๆไปอย่างนั้นเอง แล้วรีบเปลี่ยนเรื่องพูด
“พี่นนท์หิวไหม ป้าสมใจคงทำมื้อเย็นไว้แล้วพิณจะให้ป้าสมใจจัดมาให้” พิรญาณ์ว่าแล้วขยับจะไป ปาณัทรั้งตัวไว้ บอกว่าไม่หิวข้าวแต่หิวเธอมากกว่าแล้วยื่นหน้าจะจูบ แต่เปลี่ยนใจเป็นหยิกแก้มเธอแทน ก่อนจะขอตัวไปอาบน้ำ พิรญาณ์มองตามเขาเดินขึ้นชั้นบน แล้วหันไปหยิบเช็คมาดูสีหน้าเต็มไปด้วยความหวัง...
ผิดกับวาสิตาที่วันๆเอาแต่หมกมุ่นกับการจะทำอย่างไรให้ปาณัทกลับมาเป็นของตัวเองอีกครั้ง จนวิชัยต้องขอร้องให้เธอตัดใจจากเขา เธอมีทั้งรูปสมบัติและ คุณสมบัติจะคบหรือจะเลิกกับใครสักกี่คนก็ได้
“หวาหวาไม่ต้องการผู้ชายหน้าไหนในโลกนี้อีกแล้ว ความสุขของหวาหวาคือหมอนนท์เท่านั้น คุณพ่อเข้าใจไหมคะ” ยังไม่ทันจะขาดคำ มีเสียงมือถือของวาสิตาดังขึ้น เธอเห็นเป็นเบอร์ของเปรมสุดารีบลุกออกไปรับสายนอกบ้าน พอรู้เรื่องที่ปาณัทขายเรือนหอเอาเงินทั้งหมดไปให้พิรญาณ์ใช้หมุนในบริษัทจิวเวลรี่ถึงกับกรีดร้องด้วยความอัดอั้น หาว่าเขาโดนมอมยาหรือไม่ก็เพี้ยนไปแล้ว
“แล้วตอนนี้นนท์ก็ย้ายเข้าไปอยู่บ้านหนูพิณแล้วด้วย”
คราวนี้วาสิตาถึงกับสติแตก ร้องไห้อย่างเจ็บปวดใจก่อนจะเป็นลมล้มพับ
ooooooo










