ตอนที่ 1
อัลบั้ม: 'แซมมี่-ธันวา' ดราม่าแซบ เปิดฉาก 'ไฟรักเกมร้อน'
ณ เมืองเซโกเวีย ประเทศสเปน ปาณัทหรือนนท์เดินหน้าเครียดมาตามถนนที่สวยงามและเก่าแก่สายหนึ่ง คิดไม่ตกจะขอพิรญาณ์หรือพิณแต่งงานหรือ จะสารภาพความจริงเรื่องของครอบครัวของตัวเองดี เขามัวแต่จมอยู่ในความคิดของตัวเอง ไม่ทันสังเกตเห็นพิณสะกดรอยตามตั้งแต่ออกจากโรงแรมที่พัก
ปาณัทเข้าไปในร้านขายของที่ระลึกซึ่งมีของขายหลากหลายชนิดรวมทั้งดอกไม้สด พิณที่อยู่นอกร้านพยายามชะเง้อคอยาวเพื่อให้เห็นว่าเขาทำอะไรแต่ตรงนั้นเป็นมุมอับพอดี จึงไม่เห็นเขากำลังยืนดูแหวนรูปหัวใจที่ทำด้วยมือซึ่งเขาตั้งใจจะซื้อไว้สำหรับขอเธอแต่งงาน ชายหนุ่มมองแหวนอย่างคิดไม่ตกอยู่พักใหญ่ ก่อนจะส่งคืนเจ้าของร้าน พลางถอนใจแล้วมองไปที่ช่อดอกไม้แทนที่
“ผมซื้อดอกไม้ดีกว่า ขอช่อที่สวยที่สุดนะครับ”
พิรญาณ์เห็นปาณัทถือช่อดอกไม้ผลักประตูร้านออกมา รีบหลบมุมรอจนเขาเดินลับสายตา รีบเข้าไป ถามเจ้าของร้านขายของว่าเมื่อครู่นี้ผู้ชายที่เพิ่งเดินออกไป ขอดูอะไรในตู้โชว์ตู้นี้ เขาหยิบแหวนมาให้ดู เธอตาโต ตกใจเมื่อรู้ว่าชายคนรักคิดจะขอตัวเองแต่งงาน...
จากนั้นไม่นาน ปาณัทมานั่งรอท่าพิรญาณ์อยู่ที่ร้านอาหารริมทางเท้าที่ตัวเองนัดไว้ สีหน้าไม่มีความสุขราวกับนับเวลาถอยหลังเข้าสู่หลักประหาร ยิ่งเห็นเธอเลี้ยวมุมตึกเดินเข้ามาหาก็ยิ่งบีบหัวใจของเขาจนแทบจะหายใจไม่ออก พิรญาณ์ไม่เปิดโอกาสให้เขาพูดอะไร แกล้งพูดเสียงเข้มว่าจะสารภาพได้หรือยัง
ปาณัทเหมือนวัวสันหลังหวะตกใจคิดว่าเธอรู้เรื่องความจริงที่แม่ของเขาเป็นบ้านเล็กของพ่อของเธอ คว้าช่อดอกไม้คุกเข่าตรงหน้า พร่ำพรรณนาว่ารักเธอมากมายแค่ไหน รักตั้งแต่แรกเจอตอนที่เขาอายุเพียง 12 ขวบ และนับแต่วันนั้นเขาไม่เคยหยุดรักเธอแถมจะรักมากขึ้นทุกวัน จนไม่อาจปิดบังเธอต่อไปได้
“พิณครับ ดอกไม้ช่อนี้แทนคำเสียใจจากพี่ที่อาจเอื้อมมารักคุณหนูพิณทั้งๆที่พี่ไม่มีสิทธิ์จะรัก เพราะพี่เป็นลูกของ...” ปาณัทจะบอกว่าเป็นลูกเมียน้อยของพ่อของเธอแต่เหมือนมีอะไรมาจุกคอหอยถึงกับพูดไม่ออก
“พี่เป็นลูกชายของเลขาฯของคุณพ่อ แล้วไงคะ มันต่ำต้อยนักเหรอ พี่ถึงรักพิณไม่ได้”
“มันไม่ใช่เรื่องต่ำต้อย” ชายหนุ่มยังคงอึกอักไม่กล้าบอก พิรญาณ์ไม่สนจะฟังอะไรอีก ในเมื่อเขารักเธอและเธอเองก็รักเขา ไม่มีอะไรต้องลังเลอีกแล้ว หยิบแหวนรูปหัวใจที่เขาตั้งใจจะซื้อให้เธอยื่นให้เขา
“ทำตามที่หัวใจพี่อยากจะทำเถอะค่ะ เราสองคนโตพอจะตัดสินใจเลือกทางชีวิตของตัวเองได้แล้วนะคะ”
ความตื้นตันใจเรื่องแหวนทำให้ปาณัทล้มเลิกความคิดที่จะสารภาพความจริงเกี่ยวกับแม่ของตัวเอง รับแหวนมาถือไว้ “วันพรุ่งนี้พี่ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น อาจจะมีอุปสรรคใหญ่หลวงรอเราทั้งคู่อยู่”
“ไม่กลัวค่ะ ต่อให้เกิดแผ่นดินไหว เกิดสึนามิหรือฟ้าถล่มดินทลาย พิณก็พร้อมที่จะจับมือฝ่าฟันอุปสรรคทุกอย่างไปพร้อมๆกับพี่นนท์ค่ะ” สายตาของพิรญาณ์ที่มองมาอย่างมั่นใจทำให้ปาณัทตัดสินใจ
เสี่ยงเป็นเสี่ยงกัน ยื่นแหวนไปตรงหน้าขอเธอแต่งงาน เธอตอบตกลงทันที ทั้งคู่ต่างให้คำมั่นสัญญาจะอยู่ด้วยกันตลอดไป
ooooooo
ปาณัทยังจำครั้งแรกที่เจอพิรญาณ์ได้ดี ตอนนั้นเขาอายุเพียง 12 ขวบ ส่วนเธอแค่ 8 ขวบ เขาตามแม่มาที่บ้านอันโอ่อ่ากว้างขวางของเธอเนื่องจากพีระเดชพ่อของเธอเรียกให้แม่มาช่วยงาน เจ้านายคนใหม่ขอโทษเปรมสุดาด้วยที่ต้องเรียกตัวมา
วันหยุด พอดีต้องเข้าประชุมวันจันทร์
“เปรมอยู่กับลูกสองคน วันหยุดก็อยู่แต่บ้านไม่ได้ไปไหนหรอกค่ะ ดีซะอีก เปรมเพิ่งมาเป็นเลขาฯใหม่ของท่านจะได้เรียนรู้งานเร็วๆ”
“อยู่กับลูกสองคน แล้วสามีคุณไปไหนซะล่ะ”
เปรมสุดาตอบเสียงเศร้าว่าสามีของเธอหนีหนี้พนันหายไปไหนไม่รู้ ปล่อยให้เธอกับลูกต้องถูกตามทวงหนี้แทน พีระเดชรู้สึกสงสารเธอจับใจ จังหวะนั้น
พิรญาณ์วิ่งเข้ามาดูว่ามีใครมาหาพ่อ ปาณัทหันมาเห็นเธอ ถึงกับตะลึงในความน่ารัก พอเด็กน้อยรู้ว่าพ่อต้องทำงานก็บ่นอุบว่าไม่มีเพื่อนเล่น แม่ไปเมืองนอกส่วนพ่อยังติดงานอีก เปรมสุดาบอกให้ปาณัทไปเล่นเป็นเพื่อนคุณหนูพลางๆก่อน ระหว่างรอตนทำงาน เด็กสองคนเล่นกันอย่างสนุกสนาน และนับแต่นั้นเป็นต้นมา ปาณัทติดพิรญาณ์แจเหมือนเป็นเงาตามตัว...
ความสัมพันธ์ระหว่างลูกน้องกับเจ้านายของเปรมสุดาและพีระเดชเปลี่ยนไปในเชิงชู้สาว ปาณัทมักจะเห็นเขาขับรถมาส่งแม่ที่บ้านเช่าตอนค่ำมืดเป็นประจำ แถมยังโอบกอดกันอีกด้วย ไม่นานนัก เปรมสุดาตั้งท้อง เธอยอมรับกับลูกชายว่าพีระเดชคือพ่อของเด็กในท้อง ปาณัทได้แต่ตะลึงพูดอะไรไม่ออก
“นนท์ ลูกต้องเข้าใจแม่นะลูก ยามที่เราลำบากแม่ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ก็ได้แต่คุณเดชนี่แหละที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือแม่ทุกอย่าง แม่ถึงมีปัญญาใช้หนี้เป็นล้านแทนพ่อเลวๆของลูกจนหมด”
“แล้ว...เอ่อ บ้านโน้นล่ะฮะแม่ น้องพิณกับคุณแม่ของเธอรู้หรือเปล่า”
“ไม่จ้ะลูก จะมีแต่แม่ นนท์และคุณเดชเท่านั้นที่รู้ เราจะปิดเรื่องนี้เป็นความลับ เข้าใจไหมลูก เราต้องปิดเป็นความลับ...”
เสียงกำชับของแม่ยังดังก้องอยู่ในหูปาณัทเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน เขานั่งใจลอยคิดถึงเรื่องนี้จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ของโบสถ์เข้ามาบอกว่าพิธีพร้อมแล้ว เขาถึงได้ตื่นจากภวังค์ ลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าพลางให้กำลังใจตัวเอง
“นายนนท์ วันนี้เป็นวันที่นายรอคอยมาตลอดเวลาไม่ใช่เหรอ ได้อยู่กับผู้หญิงที่วิเศษที่สุด นายจะมีความสุขที่สุดในโลก ขอให้นายเชื่อมั่น ความรักจะเอาชนะอุปสรรคทุกอย่างได้” ปาณัทสะบัดหัวราวกับจะไล่ปัญหาที่หนักอึ้งเหล่านั้นทิ้ง แล้วเดินตามเจ้าหน้าที่เข้าไปในห้องทำพิธีแต่งงาน...
หลังเสร็จพิธีแต่งงาน ทั้งปาณัทกับพิรญาณ์จูงมือกันออกจากโบสถ์วิ่งไปตามถนนในเมืองเซโกเวียที่สวยงามอย่างมีความสุขโดยไม่รู้ว่าความทุกข์มหันต์กำลังรออยู่เบื้องหน้า
ooooooo
ที่กรุงเทพฯ เปรมสุดาแม่ของปาณัทตกใจแทบช็อกเมื่อหันมาเจอมัทนายืนอยู่ คิดว่าจะมาเอาเรื่องที่เธอเป็นเมียเก็บของพีระเดช มัทนาแค่จะมาขอบใจเลขาฯหน้าห้องสามีที่ปาณัทลูกชายของเธอซึ่งสอบชิงทุนได้ไปเรียนศัลยแพทย์หัวใจที่สเปนช่วยเป็นธุระดูแลพิรญาณ์ลูกสาวของตนด้วยดีตลอดเวลา 3 ปีที่แกเรียนที่นั่น
เปรมสุดาแอบถอนใจโล่งอก “อ๋อค่ะ ไม่...ไม่ต้องขอบใจหรอกค่ะคุณมัท เป็นหน้าที่ของตานนท์อยู่แล้วที่ต้องดูแลรับใช้ลูกสาวของเจ้านายของแม่ ตานนท์ไม่ได้รู้สึกเป็นภาระอะไรเลยค่ะ”
พีระเดชเปิดประตูห้องทำงานออกมาเห็นมัทนายืนคุยอยู่กับเปรมสุดาซึ่งมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก ร้องทักทำไมวันนี้มาหาเขาถึงกระทรวงได้ มัทนาเห็นเย็นนี้เราต้องไปงานเลี้ยง ก็เลยแวะมารอไปพร้อมกัน
“อ้อ...ผมยังไม่เสร็จงานเลย งั้นคุณเข้าไปรอในห้องทำงานผมก่อนนะ” พีระเดชเปิดประตูห้องทำงานให้ รอจนมัทนาเข้าไปเรียบร้อยรีบปิดประตู แล้วดึงแขนเปรมสุดาไปยังมุมปลอดคนตำหนิที่สีหน้าของเธอมีพิรุธตอนอยู่ต่อหน้ามัทนา เธอแก้ตัวว่าเธอกลัวมากที่อยู่ๆมัทนาก็โผล่มาทั้งที่ร้อยวันพันปีไม่เคยมาที่นี่ หรือจะระแคะระคายเรื่องของเรา เขาเองก็ไม่สบายใจนัก แต่พยายามไม่แสดงอาการใดๆ กลัวเปรมสุดาจะสติแตก
“ถ้าเขาจะสงสัยคุณก็คงจะสงสัยมานานแล้ว ไม่มาสงสัยเอาตอนนี้หรอก มองหน้าผมสิเปรม คุณต้องไว้ใจผมนะ ผมไม่มีวันปล่อยให้คุณมัทรู้เรื่องเรากับลูกเด็ดขาด” แม้เขาจะให้คำมั่น แต่เธอก็ไม่สบายใจอยู่ดี...
ตกค่ำ งานเลี้ยงพบปะสังสรรค์ผู้ค้าส่งออกประจำปีของกระทรวงซึ่งจัดขึ้นในโรงแรมหรูกลางกรุงเป็นไปอย่างคึกคัก ทั้งที่เดินทางมาที่โรงแรมพร้อมกัน แต่มัทนาปล่อยให้พีระเดชซึ่งเป็นแม่งานของงานนี้เข้างานก่อน ส่วนเธอรอจนงานดำเนินไปพักหนึ่งถึงได้ปรากฏตัวขึ้น พีระเดชอดต่อว่าไม่ได้ทำไมถึงได้มาช้านัก
“มาเร็วก็ไม่มีความหมายสิคุณ วันนี้ฉันต้องได้ลูกค้าส่งออกอัญมณีรายใหม่ติดไม้ติดมือกลับไปสักห้าหกรายในฐานะภรรยาคนสวยของท่านปลัดกระทรวง”
“คุณก็รู้ว่าผมเอาตำแหน่งมายุ่งกับธุรกิจคุณไม่ได้ มันเข้าข่ายทุจริต”
“ฉันก็ไม่ได้ขอให้คุณทำอะไรนี่คะ แค่เดินควงแขนฉันเฉยๆก็เหลือเฟือแล้ว” มัทนาคว้าแขนสามีมาควง แล้วยิ้มทักทายไปทั่วงาน แม้เปรมสุดาจะทำใจเรื่องเป็นเมียน้อยได้นานแล้วแต่ยังปวดใจที่เห็นทั้งคู่เดินควงกัน
นักธุรกิจคนอื่นๆพากันอิจฉาเพราะคิดว่าตำแหน่งของพีระเดชจะเอื้อให้การทำการค้าของมัทนาได้ผลประโยชน์ มัทนาเห็นวิวัฒน์คู่แข่งธุรกิจส่งออกอัญมณีกำลังคุยอยู่กับเหวินเฉียงผู้ค้าอัญมณีชาวสิงคโปร์ จัดแจงควงแขนพีระเดชปรี่เข้าไปหา เขาเห็นวิวัฒน์ยังเจรจาธุรกิจไม่เสร็จ พยายามดึงเธอออกห่างเนื่องจากเป็นการเสียมารยาท แต่เธอไม่สนใจ จะขอพูดกับเหวินเฉียงแค่ประโยคเดียวเท่านั้น
“ตกลงค่ะ ฉันลดให้สำหรับลูกค้ารายใหญ่อย่างคุณเหวินเฉียงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ตามที่ขอ ภายในอาทิตย์หน้าคุณจะได้เครื่องเพชรมณีมัทนาจิวเวลรี่ส่งออกไปยุโรป”
วิวัฒน์ถึงกับอ้าปากค้างที่โดนตัดหน้า ขณะที่เหวินเฉียงหัวเราะชอบใจ ยื่นมือให้มัทนาจับเป็นการตกลงรับข้อเสนอ เธอจับมือกับเขาเสร็จหันไปบอกวิวัฒน์ว่าเชิญเจรจากับเหวินเฉียงต่อไปได้เลย เธอไม่รบกวนแล้ว วิวัฒน์แค้นใจมากที่เธอฉกลูกค้าไปต่อหน้าต่อตา หมายหัวเอาไว้จะจองล้างจองผลาญเธอให้ได้
ooooooo
หลังจากเหล่านักธุรกิจเข้าห้องจัดเลี้ยงไปหมดแล้ว เปรมสุดาเดินเหงาๆมายืนหลบมุม พีระเดชกำลังควงแขนอยู่กับภรรยาขณะที่เธอต้องอยู่เพียงลำพัง แถมลูกชายทั้งสองคนของเธอก็ไปเรียนอยู่เมืองนอกยิ่งทำให้เธอเหงาสุดๆ ตัดสินใจโทร.หาปาณัทซึ่งกำลังถ่ายรูปให้พิรญาณ์อยู่ที่หน้าพระราชวังอัลกาซาร์ในเมืองเซโกเวีย
เสียงมือถือในกระเป๋ากางเกงของเขาดังขึ้น ปาณัทล้วงมือถือขึ้นมาดู เห็นรูปแม่โชว์หราอยู่หน้าจอ สีหน้าแช่มชื่นของเขาเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดเพราะยังไม่พร้อมจะคุยด้วย
“สาวที่ไหนโทร.มาเหรอคะ” ไม่พูดเปล่าพิรญาณ์วิ่งเข้ามาหาปาณัทรีบปิดเสียงเรียกเข้า แล้วเก็บมือถือใส่กระเป๋าอย่างเดิม โกหกว่าเพื่อนโทร.มา ที่ไม่รับสายเพราะไม่อยากให้ใครมาขัดจังหวะความสุขของเราตอนฮันนีมูน พิรญาณ์ไม่ติดใจสงสัยอะไรอีกชวนเขาไปเที่ยวกันต่อ มือถือของเขายังคงสั่นอยู่ในกระเป๋า ปาณัทไม่ยอมรับสายได้แต่ขอโทษแม่อยู่ในใจ...
ด้านเปรมสุดาถอดใจที่จะโทร.หาลูกชายคนโตเพราะโทร.อยู่นานแต่ไม่มีใครรับสาย เบนเข็มโทร.หาพศินหรือพัฒน์ลูกชายคนเล็กที่เกิดกับพีระเดชแทนที่ ทันทีที่ได้ยินเสียงเขารับสาย เธอถึงกับร้องไห้โฮ พศินซึ่งกำลังสะพายเป้เดินท่อมๆอยู่กลางจตุรัสปูเอร์ตาเดลโซล อดแซวแม่ไม่ได้
“ร้องไห้อีกแล้วมะมี้ โทร.หาพัฒน์ทีไรเสียน้ำตาทุกทีเลย”
“เด็กบ้า ก็แม่คิดถึงลูกจะให้หัวเราะหรือไง...แล้วนี่รู้ไหมพี่นนท์เขาไปไหน แม่โทร.หาสองสามวันแล้ว พี่เขาไม่รับสายเลย”
พศินตั้งข้อสังเกต พี่นนท์อาจกำลังยุ่งกับการผ่าตัด เขาเองเพิ่งสอบเสร็จก็เลยแวะมามาดริดจะมาหาพี่นนท์อยู่พอดี เจอตัวเมื่อไหร่จะบอกให้ว่าแม่คิดถึงมากให้รีบโทร.กลับ พศินวางสายจากแม่เป็นจังหวะที่เดินเล่นเรื่อยเปื่อยมาเจอกลุ่มศิลปินวาดรูปสมัครเล่นกลุ่มหนึ่ง สะดุดสายตากับภาพวาดด้วยดินสอถ่านชาโคลของหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งยืนหันหลังให้ โดยใช้อนุสาวรีย์พระเจ้าฟิลลิปที่ 3 กำลังทรงม้าเป็นภาพต้นแบบ พศินมองเท่าไหร่สัตว์ในภาพก็ไม่เหมือนม้าถึงกับบ่นเสียงดังเพราะไม่คิดว่าเธอจะฟังภาษาไทยรู้เรื่อง
“สาบาน ม้าเหรอวะนั่น จะว่าลาก็ไม่เหมือน แพะแกะก็ไม่ใช่ เหมือนตัวอะไรวะ” พูดไปพศินขำไปด้วย
“เหมือนนายไง” พศิกาหันขวับ “วาดม้าฉันคงไม่ถนัด แต่วาดหน้าคนนี่ถนัดมากๆ” ว่าแล้วเธอเอาดินสอถ่านขีดหน้าพศินอย่างรวดเร็ว เขาคว้ามือเธอไว้ สั่งให้ลบถ่านที่เขียนหน้าตนเอง แต่เธอไม่ลบ หนำซ้ำเอาแผ่นไม้รองวาดรูปฟาดไหล่จนเขาต้องปล่อยมือ แล้วคว้าข้าวของวิ่งหนี พศินโกรธจัดวิ่งไล่ สองคนวิ่งเอาล่อเอาเถิดกันอยู่พักใหญ่ สุดท้ายพศิกาอาศัยความคุ้นเคยเส้นทางในมาดริดหนีเอาตัวรอดไปได้...
ในเวลาต่อมา พศินมาถึงหน้าห้องพักของพี่ชายในสภาพหมดแรงเนื่องจากวิ่งไล่ยัยศิลปินตัวแสบ กดกริ่งอยู่หลายครั้งแต่ไม่มีใครเปิดประตูรับ ลองโทร.หาปาณัทก็ปิดเครื่อง ท้องของเขาเริ่มส่งเสียงประท้วง
“อพาร์ตเมนต์พี่พิณอยู่ตึกข้างๆนี่หว่า หรือพี่นนท์จะไปผ่าตัดหัวใจรักอยู่ที่นั่น”
ooooooo
พศิกากำลังจะผลักประตูห้องพักของพี่สาวเข้าไปข้างในตอนที่พศินเข้ามาถึงตัว เธอตกใจมากคิดว่าตามมาจะเอาเรื่องพยายามดันประตูปิด แต่เขาเอาตัวดันไว้ เธอขู่ถ้าไม่ไสหัวไปไกลๆจะเรียกตำรวจมาจับ
“จะมาแจ้งจับผมเรื่องอะไรไม่ทราบแม่คุณ เปิด... เปิดเดี๋ยวนี้นะผมจะเข้า”
สองคนดันประตูห้องกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร พศิกาสู้แรงผู้ชายไม่ได้ถูกดันหงายหลังโดยมีพศินล้มทับลงมาบนตัว เธอแหกปากร้องลั่น เขาต้องรีบเอามือปิดปากเธอไว้ ขอร้องอย่าส่งเสียงดัง เขาไม่ได้จะปล้ำเธอสักหน่อย เราสองคนน่าจะคุยกันดีๆ คุยกันไปคุยกันมาได้ความว่าพศินเป็นน้องชายของปาณัท
“แล้วแม่คุณล่ะเป็นญาติฝ่ายไหนของพี่พิณ หา ความสวยไม่ได้ครึ่งของพี่พิณเลย” พูดจบพศินทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาอย่างถือวิสาสะ พศิกากำลังจะอ้าปากด่า แต่มัทนาโทร.เข้ามือถือของเธอเสียก่อน ถามเป็นชุดว่าพิรญาณ์หายไปไหน ไปดูงานออกแบบเครื่องประดับถึงไหนกัน ทำไมมือถือไม่เปิด
“ไปต่างเมืองบางทีสัญญาณก็คงไม่ดีมั้ง พี่พิณคงไม่ได้ปิดมือถือหรอกค่ะ เดี๋ยวพี่พิณกลับมา พั้นซ์จะบอกให้รีบโทร.รายงานตัวกับคุณแม่ทันทีเลย โอเคไหมคะ แล้วคุณพ่อล่ะคะ ฝากบอกด้วย ลูกสุดที่รักคิดถึง”
มัทนาหันไปเห็นพีระเดชกำลังยืนคุยอยู่กับเปรมสุดาที่กำลังเก็บเอกสารอยู่ที่โต๊ะลงทะเบียนหน้าห้องจัดเลี้ยง เดินเอามือถือให้ลูกกับพ่อคุยกันเอง ระหว่างที่พศินรอให้พศิกาคุยโทรศัพท์กับพ่อ หยิบรูปวาดของเธอขึ้นมาวาดเพิ่มเติมให้ พศิกาวางสายจากพ่อหันมาเห็นก็โวยวายว่าทำอะไรกับรูปของเธอ แล้วดึงไปดู เห็นรูปที่เขาวาดต่อเติมให้ออกมาสวยโดนใจ พศินยังคาใจไม่หายตกลงพศิกาเป็นอะไรกับพี่พิณกันแน่
“ฉันเป็นน้องสาวพี่พิณ” พศิการู้สึกถูกใจพศินขึ้นมา โดยไม่รู้ว่าเขาเป็นพี่น้องต่างมารดาของตัวเอง...
ค่ำวันเดียวกัน ระหว่างที่ปาณัทนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารท่ามกลางแสงเทียนที่ทางโรงแรมจัดพิเศษให้คู่ฮันนีมูนที่ระเบียงห้องพัก แม้เขาจะข้ามผ่านความกลัวจนตัดสินใจแต่งงานกับพิรญาณ์ แต่ก็อดหวาดหวั่นไม่ได้ ไม่รู้จะบอกพีระเดชกับเปรมสุดาอย่างไร พลันภาพในอดีตเมื่อครั้งที่เขากลับมาเยี่ยมบ้านที่เมืองไทยผุดขึ้นมาในสมองของเขา ตอนนั้นพีระเดชฝากฝังปาณัทซึ่งเรียนอยู่ที่สเปนให้ช่วยดูแลพิรญาณ์ซึ่งเพิ่งเรียนจบจากอังกฤษและกำลังจะไปต่อปริญญาโทด้านการตลาดจิวเวลรี่ที่นั่น เพื่อจะกลับมาสานต่อธุรกิจอัญมณีจากมัทนา
“ได้ครับคุณลุง ไม่ต้องห่วง ผมจะคอยดูแลน้องพิณให้”
“ขอบใจมากนะนนท์ รู้ใช่ไหมว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือจะให้พิณรู้เรื่องครอบครัวเราไม่ได้”
ชายหนุ่มรับปากจะไม่มีวันให้พิรญาณ์รู้เรื่องแม่ของเขากับพีระเดชเด็ดขาด ด้วยความใกล้ชิดที่ต้องคอยดูแลเธอทำให้ทั้งปาณัทและพิรญาณ์ตกหลุมรักซึ่งกันและกัน...
ปาณัทตื่นจากภวังค์ กระดกไวน์เข้าปากจนหมดแก้วเพื่อคลายเครียด พีรญาณ์ในชุดผ้าบางเบาเดินกรุยกรายออกมาหา เขาไม่อาจหักห้ามใจตัวเองต่อไปได้ดึงเธอมาจูบแล้วจะอุ้มเข้าห้อง เธอดึงแขนเขาไว้
“เมื่อก้าวข้ามธรณีประตูนี้เข้าไปแล้ว เราสองคนจะเป็นสามีภรรยากันโดยสมบูรณ์ และจะครองคู่กันไปจนกว่าความตายจะมาพรากเราจากกัน”
“จนกว่า...ความตายจะมาพรากเราจากกัน” ปาณัทพูดจบ อุ้มพิรญาณ์ข้ามธรณีประตูเข้าไปวางเธอลงบนเตียงที่ตกแต่งด้วยกลีบกุหลาบเป็นรูปหัวใจ ทั้งสองคนมองสบตากันด้วยความรักเต็มหัวใจ
“พี่รักพิณ” หยอดคำหวานจบ ปาณัทก้มลงจูบพีรญาณ์ซึ่งหลับตาพริ้มรอรับจูบจากเขา
ooooooo
ปาณัทกังวลใจจะบอกพีระเดชกับเปรมสุดาอย่างไรเรื่องแต่งงานกับพิรญาณ์จนเก็บเอาไปฝันร้ายว่าพีระเดชโกรธมากเมื่อรู้เรื่องนี้ถึงขนาดโดดถีบเขาหงายหลังตึง แล้วตามเข้าไปต่อยซ้ำ
“มึงไม่มีสิทธิ์จะรักลูกสาวกู กูฝากให้มึงดูแลลูกสาวกู คอยรับใช้รองมือรองตีนไม่ใช่ให้มึงเผยออาจเอื้อมมายุ่งกับลูกสาวกู มึงมันไม่คู่ควร หัดเจียมกะลาหัวบ้าง...”
พิรญาณ์พยายามห้ามพ่อไม่ให้ทำร้ายปาณัท ยิ่งทำให้ท่านสติแตกที่เห็นเธอออกโรงปกป้อง บีบคอเขาหายใจไม่ออกถึงกับร้องลั่น ก่อนจะสะดุ้งตื่นเหงื่อท่วมตัวหายใจหอบเหนื่อย เขามองไปรอบๆถึงได้รู้ว่าตัวเองฝันไป เหลือบมองไปบนเตียงไม่เห็นพิรญาณ์อยู่ด้วยก็ใจหาย ความกลัวว่าเธอจะถูกพรากเข้าครอบงำ ปาณัทรีบลุกไปตามหา เห็นเธอยืนอยู่ที่ระเบียงห้องมีผ้าห่มผืนเดียวห่อกายอยู่เข้าไปกอดไว้ราวกับกลัวเธอจะหนีหาย
“พี่ตื่นขึ้นมาไม่เจอพิณ พี่นึกว่าพิณหนีพี่ไปแล้วซะอีก”
“พิณรู้นะว่าพี่นนท์กังวล กลัวการกลับเมืองไทยไปบอกความจริงกับคุณพ่อคุณแม่ของพิณว่าเรารักกัน แล้วก็แอบแต่งงานกันแล้วที่นี่ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะพี่นนท์ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พิณจะปกป้องพี่เองค่ะ พิณพร้อมจะบอกทุกคนว่าพิณรักพี่นนท์และพิณก็อยากจะใช้ชีวิตอยู่กับพี่ แล้วพิณก็ขาดพี่ไม่ได้ พิณต้องขาดใจตายแน่ๆถ้าอยู่โดยปราศจากพี่นนท์ ทีนี้โอเคยัง หายคิดมากนะ”
ปาณัทรับปากจะไม่กลัวอะไรอีกตราบใดที่เธอต่อสู้อยู่เคียงข้าง แล้วไล่เธอไปอาบน้ำ จะได้ไปเที่ยวกันให้สนุก เขารับอาสาเป็นสารถีให้เอง พิรญาณ์วานให้เขาอุ้มไปส่งที่ห้องน้ำให้ด้วย จากนั้นสามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันก็ลงแช่ในอ่างอาบน้ำด้วยกันอย่างมีความสุข ปาณัทอยากให้เวลาหยุดอยู่ตรงนี้ เพราะเมื่อไหร่ที่เขาต้องแยกจากเธอคงรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น พิรญาณ์ให้สัญญาว่าเราสองคนจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า...
ในเวลาเดียวกัน เปรมสุดากำลังทำความสะอาดบ้านอยู่ที่กรุงเทพฯ ปัดไปโดนรูปถ่ายของครอบครัวมีพีระเดช พศินและตัวเองตกแตก เธอใจคอไม่ดี เหมือนเป็นลางร้าย แต่พยายามปลอบใจตัวเองว่าคิดมากไปเอง แล้วหยิบรูปวางไว้ที่เดิม เก็บกระจกที่แตกจะเอาไปทิ้งกลับทำมันตำมือเลือดไหลเป็นทาง คราวนี้เธอใจเสีย มองไปยังมุมไกลๆที่พระพุทธรูปตั้งอยู่ ยกมือไหว้ด้วยความกลัวจับใจ
“คุณพระคุณเจ้า ความผิดใดที่ลูกได้ทำเอาไว้ ได้โปรดเมตตาลูกเถอะ ยกโทษให้ลูกด้วย อย่าทำโทษลูกเลย ทุกวันนี้ลูกก็อยู่อย่างหวาดผวา กายสุขแต่ใจทุกข์แสนสาหัส แต่ลูกต้องปล่อยให้มันเป็นไป ลูกไม่มีทาง เลือกจริงๆ ไม่มี...ขออย่าให้เวรกรรมตกอยู่กับลูกชายของลูกเลย เขาทั้งสองคนเป็นเด็กดี เขาไม่รู้เรื่องบาปที่แม่ก่อขึ้น” เธออธิษฐานไปพลางร้องไห้ไปด้วย...
ดูเหมือนคำอธิษฐานของเปรมสุดาจะไม่เป็นผล เมื่อคืนนี้พศิกายอมให้พศินนอนค้างที่ห้องพักด้วย แม้เขาจะนอนที่โซฟาก็ตาม แต่เค้าลางของความยุ่งยากเริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อเขาชักจะมีใจให้พศิกาเช่นกัน ทั้งคู่ช่วยกันทำอาหารกินอย่างมีความสุข จากนั้นพศินไปเช่ามอเตอร์ไซค์เก่าๆขี่พาพศิกาหาวิวสวยๆเพื่อสอนวาดรูปให้ ความใกล้ชิดกอปรกับรสนิยมที่ชอบอะไรคล้ายๆกันทำให้ทั้งคู่สนิทสนมกันในเวลาอันสั้น
ooooooo
ที่ห้องทำงานของพีระเดชในกระทรวง เปรมสุดาปรึกษากับพีระเดชจะให้พศินย้ายไปเรียนมหาวิทยาลัยอื่นที่ค่าเทอมถูกกว่า เพราะเธอมีเงินไม่พอจะจ่ายค่าเทอมเกือบหนึ่งล้านบาทที่ทางนั้นขีดเส้นตายให้จ่ายไม่เกินพรุ่งนี้ พีระเดชไม่ยอมให้ลูกย้ายที่เรียน เขาหมายมั่นปั้นมือแล้วว่าแกจะต้องไม่น้อยหน้าคนอื่น
“เงินแค่ล้านเดียวทำไมผมจะหามาส่งให้ลูกเรียนไม่ได้ คุณอยู่นี่นะ รอรับโทรศัพท์จากผม” พีระเดชคว้ากุญแจรถกับมือถือเดินออกจากห้อง เปรมสุดามองตามสีหน้าหนักใจ...
ณ ห้องประชุมของบริษัทมณีมัทนาจิวเวลรี่ มัทนากำลังเล่นงานพนักงานที่ทำผลงานไม่เข้าตา อนุสราโดนหนักกว่าเพื่อนเพราะออกแบบอัญมณีได้ห่วยแตก แล้วหันไปชื่นชมกรกฎที่เข้าทำงานทีหลังแต่กลับทำผลงานได้ดีกว่า เตือนพวกที่ถูกตำหนิให้ปรับปรุงตัวอย่าทำให้เธอผิดหวังอีกแล้วสั่งปิดการประชุม
พนักงานต่างทยอยออกจากห้องประชุมสีหน้าไม่ค่อยพอใจนักที่ถูกด่าว่า โดยเฉพาะอนุสราถึงกับหน้าหงิกหน้างอทั้งโกรธทั้งน้อยใจที่เจ้านายไม่ไว้หน้า นิภาพรรณ เลขาของมัทนาต้องเข้ามาปลอบให้ใจเย็นๆ ที่เจ้านายติก็เพื่อก่อไฟให้การทำงานของเธอดีขึ้น กรกฎเห็นด้วยกับนิภาพรรณเพราะถ้าบริษัทได้ชื่อเสียง เราก็จะพลอยได้ไปด้วย อนุสราพาลใส่หาว่าเขามีวาสนาถูกเจ้านายทำตัวเป็นเจ๊ดัน ส่งผลงานออกแบบอัญมณีเข้าประกวดระดับชาติจนได้รางวัลได้หน้าได้ตา ขณะที่ตนเองไม่เคยได้รับรางวัลอะไรเลย นิภาพรรณทักท้วง
“เอ้ เจ้านายก็ดันคุณน้องเหมือนกันนะคะ แต่ผลงานคุณน้องไม่เข้าตากรรมการเอง เลยไม่ได้รับรางวัล แล้วแบบนี้จะโทษฟ้าโทษฝนที่ไหนล่ะคะ พี่งง”
อนุสราเถียงไม่ออกได้แต่กระฟัดกระเฟียดจากไป กรกฎจะตามไปปลอบแต่คุณเลขาดึงแขนไว้ เรื่องอะไรจะต้องตามไปให้เธอวีนใส่ ในเมื่อเขาไม่ได้ทำอะไรผิด จังหวะนั้น พีระเดชเดินเข้ามาถามนิภาพรรณว่ามัทนาอยู่ไหม เขามีธุระสำคัญจะคุยด้วย พอรู้ว่าเธออยู่ในห้องทำงานแต่กำลังอารมณ์บูดก็แอบเป็นกังวล...
พีระเดชอาศัยความรักและความไว้ใจของมัทนา หลอกล่อว่าจะเอาเงินหนึ่งล้านบาทที่ขอไปสมัครเป็นเมมเบอร์ของสนามกอล์ฟอย่างที่เธอเคยแนะนำไว้ เผื่อจะได้รับรองเพื่อนฝูงรวมทั้งแขกบ้านแขกเมืองของกระทรวง อีกทั้งอาจจะต้องรับรองผู้แทนทางการค้าผูกมิตรเอาไว้เผื่อเขาเกษียณ เงินหนึ่งล้านบาทที่เธอลงทุนให้อาจได้คืนจากเหล่าผู้แทนการค้าที่เป็นเพื่อนของเขาเพิ่มขึ้นหลายเท่าก็ได้ เธอเห็นดีด้วย จะเซ็นเช็คให้
“ขอเป็นเช็คเงินสดนะจ๊ะ เดี๋ยวผมจะไปจ่ายเขาเลย” พูดจบพีระเดชหอมแก้มมัทนาเป็นการตอบแทน
“เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า คุณก็” ปากต่อว่าแต่ความจริงเธอพอใจที่สามีหวานใส่ รีบเซ็นเช็คแต่ยังไม่ยอมให้ “เย็นนี้ล่ะคะ เราจะไปกินข้าวที่ไหนกันดี”
“เอ่อ...นี่ผมยังไม่บอกคุณเหรอว่าผมต้องบินไปประชุมที่ขอนแก่นคืนนี้ คงจะไปสักสี่ห้าวัน ยังไงแล้วผมจะโทร.มาบอกนะ ผมต้องรีบไปแล้วเดี๋ยวตกเครื่อง ขอบคุณมากนะมัท” พีระเดชดึงเช็คไปจากมือมัทนาแล้วจ้ำพรวดๆออกไป ไม่ฟังเสียงเธอที่พยายามจะเตือนว่าวันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานของเรา ฝ่ายพีระเดชรีบโทร.บอกข่าวดีเปรมสุดาและนัดให้มาเจอกันที่ห้างฯหรู
ooooooo
หน้าอพาร์ตเมนต์ของพิรญาณ์ ปาณัทเดินคลอเคลียมากับภรรยาหมาดๆมุ่งหน้าไปที่โถงลิฟต์ เธอเห็นน้องสาวตัวเองกำลังยืนคุยอยู่กับเด็กหนุ่มร่างสูงก็สะกิดให้เขาดู ปาณัทยังไม่ทันจะมองให้ชัดๆทั้งคู่พากันเข้าไปในลิฟต์เสียก่อน พิรญาณ์บ่นอุบเดี๋ยวนี้พศิกาชักจะเอาใหญ่ เธอไม่อยู่แค่ไม่กี่วันริอ่านพาหนุ่มมาที่ห้องพัก
“ไม่มีอะไรหรอกมั้งพิณ คงจะเพื่อนน่ะ น้องพั้นซ์ไม่ใช่เด็กเหลวไหลสักหน่อย”
“เหลวไหลหรือไม่เหลวไหลเดี๋ยวก็รู้ เร็วๆเข้าสิคะพี่นนท์ รีบขึ้นไปดู” พิรญาณ์ลากแขนปาณัทไปที่ลิฟต์...
พิรญาณ์ถึงกับยิ้มออกที่เห็นเด็กหนุ่มที่น้องสาวพาขึ้นห้องไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นพศินนั่นเอง แต่คนที่ยิ้มไม่ออกก็คือปาณัท แถมตกใจแทบช็อกเมื่อรู้ว่าพศิกา ยอมให้น้องชายของเขานอนค้างที่นี่มาสามคืนแล้ว เธอไม่เข้าใจทำไมปาณัทต้องตกใจขนาดนี้ด้วย ในเมื่อพศินเป็นน้องของเขาไม่เห็นมีอะไรต้องเป็นห่วง
“เราไม่ห่วง แต่พี่นนท์เขาต้องห่วงสิ เราสองคนพักอยู่ด้วยกันสองต่อสองแบบนี้ เกิดคุณพ่อคุณแม่รู้เข้าเอาเขาตายเลย แล้ว...นี่พั้นซ์ให้พัฒน์นอนที่ไหน”
พศินชี้ไปยังโซฟามุมรับแขกที่มีหมอน ผ้าห่มกับสัมภาระของตัวเองวางกองอยู่ “พั้นซ์เขาให้ผมปลีกวิเวกอยู่มุมโน้นครับ สาบานครับพี่พิณว่าผมไม่ได้แอบย่องเบาไปที่ห้องนอนในยามวิกาลแน่นอน”
“กล้าเหรอย่ะ กล้าเหรอ” พศิกาหันไปหยอกล้อกับพศินอย่างสนิทสนมยิ่งทำให้ปาณัทท้องไส้ปั่นป่วนขึ้นมาทันทีต้องขอตัวเข้าห้องน้ำ เขาปิดประตูห้องน้ำยืนพิงประตูไว้อย่างหมดเรี่ยวแรง ไม่อยากเชื่อว่าโชคชะตาจะเล่นตลกทำให้พศินกับพศิกาพี่น้องต่างมารดาโคจรมาเจอกัน พลันมีเสียงพีระเดชและเปรมสุดาห้ามไม่ให้ใครรู้เรื่องที่ทั้งคู่มีลูกด้วยกันดังก้องอยู่ในหูของเขาจนต้องยกมือขึ้นมาปิด...
ระหว่างที่ปาณัทไม่รู้จะทำอย่างไรกับความลับคับอก พีระเดชซึ่งอยู่ที่ห้างหรูกลางกรุงเทพฯเดินคุยอยู่กับเปรมสุดาอย่างสบายใจที่หลอกเงินมัทนามาไว้เป็นค่าใช้จ่ายให้ลูกชายคนเดียวของตัวเองได้สำเร็จ ผิดกับเธอที่มีสีหน้าหนักใจ ถ้ามัทนาจับได้ต้องเป็นเรื่องแน่ๆ
“แค่เศษเงินมัทเขาหรอกน่าแค่ไม่กี่ล้านขนหน้าแข้งเขาไม่ร่วงหรอก เดือนๆหนึ่งเขาหาเงินได้ไม่รู้กี่ล้าน แค่แบ่งมาเป็นทุนการศึกษาให้ลูกชายผม เขาน่าจะได้บุญกลับคืนไปด้วยซ้ำที่ช่วยให้เด็กได้เรียนดีกินดีมีอนาคต”
เปรมสุดารู้สึกเป็นหนี้บุญคุณมัทนามาก ชาตินี้คงชดใช้กันไม่หมด พีระเดชขอร้องให้เลิกดราม่าได้แล้ว นี่เขาโอนเงินให้ลูกไปแล้ว ยังมีเงินเหลืออีกหลายบาทจะหาซื้อเสื้อชุดใหม่ให้เธอสักชุดสองชุด เห็นมีแต่เสื้อผ้าเก่าๆใส่ไม่สมฐานะเมียของเขา แล้วจูงมือเธอไปที่แผนกเสื้อผ้าสตรี
ooooooo
บังเอิญมัทนาชวนนิภาพรรณมาช่วยเลือกซื้อของขวัญวันครบรอบแต่งงานให้สามีที่ห้างนี้เช่นกัน พีระเดชกับเปรมสุดาเหลือบเห็นเธอเข้า ตกใจแทบสิ้นสติ โดยเฉพาะเขาทิ้งทุกอย่างวิ่งหนีตายไปยังลานข้างๆที่กำลังมีเสื้อผ้ามาขายลดราคากันอยู่ เปรมสุดาหันรีหันขวาง ก่อนจะผลุบเข้าไปหลบในร้านค้าใกล้ๆ มัทนาเห็นหลังสามีตัวเองไวๆ ชี้ชวนให้นิภาพรรณดู แต่ฝ่ายหลังกลับไม่เห็นอะไร
“อ้าวก็ไหนบอกว่าคุณเดชรีบไปประชุมที่ต่างจังหวัดไงคะ แล้วไหงคุณเดชมาเดินตากแอร์ในห้างล่ะ”
มัทนาไม่ตอบรีบเดินไปยังจุดที่เห็นพีระเดช โดยมีนิภาพรรณเดินตามติด...
ด้านพีระเดชทั้งก้มมุดทั้งคลานหนีสารพัดวิธีเพื่อให้รอดจากถูกเมียหลวงจับได้ มัทนาชักสงสัยต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลเขาถึงได้โกหกว่าจะไปต่างจังหวัด สั่งให้นิภาพรรณช่วยกันหาให้เจอ เขาจวนตัวรีบไปหลบหลัง คัตเอาต์ มัทนากำลังจะเดินไปหาทางนั้นพอดี แต่เปรมสุดาเรียกไว้เสียก่อน
“มาช็อปปิ้งเหรอคะคุณมัท สนใจเสื้อลดราคาเหมือนกันหรือคะ”
คนถูกเรียกชะงักฝีเท้า หันมองตามเสียงเห็นเลขาฯหน้าห้องสามียืนยิ้มนอบน้อมอยู่ “อ้าวคุณเลขา ...เปล่าไม่ได้มาซื้อของลดราคา เมื่อครู่นี้ฉันเห็นคุณเดชเดินอยู่ในนี้”
“คุณเดช...เอ่อ บินไปประชุมที่ต่างจังหวัดแล้วนี่คะจะมาเดินอยู่ตรงนี้ได้ยังไง”
ในเมื่อเปรมสุดายืนยันอย่างนั้นทำให้มัทนาหมดข้อสงสัย ชวนเธอไปช่วยเลือกสูทให้พีระเดชสักชุด วันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานของเราสองคน แล้วดึงมือเธอออกไปทันที พีระเดชถึงกับถอนใจโล่งอก...
ขณะที่พีระเดชรอดจากถูกมัทนาจับโกหกมาได้หวุดหวิด ปาณัทซึ่งอยู่ที่สเปนจำต้องนั่งกินข้าวกับพิรญาณ์และพศิกาเพราะฝ่ายแรกไม่ยอมให้กลับห้องเนื่องจากที่นั่นไม่มีอะไรให้กิน พศินกับพศิกายังคงหยอกล้อกันสนุกสนาน บางจังหวะก็ส่งตาหวานให้กัน ปาณัทต้องเร่งให้น้องชายรีบกินให้เสร็จๆจะได้รีบไป เขาเหนื่อยมาทั้งวันอยากนอนพัก พิรญาณ์กลับนั่งอมยิ้มที่เห็นสองคนหยอกเย้ากัน แล้วนึกอะไรขึ้นมาได้
“สองคนนี่ชื่อคล้องจองกันดีนะคะพี่นนท์ พั้นซ์กับพัฒน์ ชื่อจริงก็คล้องจองกันอีก พศิกากับพศิน ยังกับเป็นชื่อพี่น้องกันแน่ะ” พิรญาณ์ชวนคุยเรื่อยเปื่อย คราวนี้ปาณัทถึงกับสำลักข้าว ต้องยกน้ำขึ้นดื่ม
“เอ้าพี่นนท์ สำลักอะไรเนี่ย ท่าทางพี่จะเหนื่อยจริงๆ นอนพักที่ห้องพิณสักงีบก่อนไหม”
“ไม่ล่ะพิณ พี่อยากกลับห้องมากกว่า” ปาณัทว่าแล้วยกน้ำขึ้นดื่มราวกับกระหายมากมาย
ooooooo
เปรมสุดาเลือกชุดสูทได้เหมาะกับพีระเดช มัทนาถึงกับออกปากถ้าตนเลือกเองคงไม่ดีเท่านี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเขาถึงไม่เคยคิดจะเปลี่ยนเลขาฯคนใหม่ตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมา
“ต้องขอบพระคุณท่านค่ะที่เมตตาเปรมไม่อย่างนั้นเปรมคงตกงาน ชีวิตต้องลำบากมาก”
“นั่นสินะ สามีก็มาทิ้งไหนจะลูกชายคนโต ไหนจะลูกในท้องที่เขาไข่เอาไว้ก่อนจะทิ้งไปอีก ฉันนับถือคุณเลขาฯจริงๆที่ทำงานเลี้ยงลูกชายทั้งสองคนมาคนเดียวจนโตเป็นหนุ่มมีอนาคตขนาดนี้”
นิภาพรรณเองก็อดชื่นชมเปรมสุดาไม่ได้เช่นกัน มัทนาตกลงซื้อเสื้อสูทตัวที่เปรมสุดาเลือก สั่งให้พนักงานห่อของขวัญให้ด้วย ระหว่างที่มัทนากับนิภาพรรณยุ่งกับการจ่ายเงิน เปรมสุดาหลบไปโทร.บอกให้พีระเดช กลับไปฉลองครบรอบแต่งงานกับภรรยาถ้าไม่อยากให้เธอจับพิรุธได้ เขาจำต้องทำตาม...
เสร็จจากซื้อของ เปรมสุดาขอตัวกลับก่อนไม่ยอมให้มัทนาไปส่งบ้าน อ้างกลับแท็กซี่เองได้ นิภาพรรณสงสัยพฤติกรรมลุกลี้ลุกลนของเธอที่ทำเหมือนเราจะตามไปทวงหนี้ มัทนาเองก็ชักสงสัย สั่งให้นายผลคนขับรถตามแท็กซี่ที่เปรมสุดานั่งไป กระทั่งแท็กซี่คันนั้นจอดแลกบัตรเพื่อเข้าไปในหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่ง
มัทนาเห็นว่าต้องยุ่งยากแลกบัตรเข้าออกหมู่บ้านสั่งให้นายผลกลับไม่ต้องตามอีกแล้ว นิภาพรรณตั้งข้อสังเกตราคาบ้านในหมู่บ้านนี้หลังละยี่สิบล้านบาทขึ้นไปทั้งนั้นทำไมเปรมสุดาถึงมีเงินมาซื้อบ้านที่นี่ได้ ไหนว่าลำบาก สามีทิ้งต้องเลี้ยงลูกเพียงลำพัง มัทนาคิดในแง่ดี เธออาจจะอาศัยบ้านญาติอยู่ก็ได้
“คุณเลขาฯจะมีญาติรวยขนาดนี้เลยเหรอคะ”
“คิดมากน่านิภา คงไม่มีอะไรหรอก กลับเถอะนายผล แวะส่งนิภาที่คอนโดฯด้วยนะ”
ooooooo
ทันทีที่พศินกินข้าวเสร็จ ปาณัทชวนกลับ พิรญาณ์รีบคว้าแขนชายคนรักเอาไว้ ประกาศข่าวดีให้น้องๆฟังว่าเธอกับเขาแต่งงานกันแล้วโดยเข้าโบสถ์ที่เซโกเวีย พศิกาโดดตัวลอยด้วยความดีใจ ก่อนจะถามเธอว่าบอกพ่อกับแม่หรือยัง พิรญาณ์ตั้งใจจะเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อนจนกว่าจะกลับเมืองไทย
“พี่นนท์จะจัดผู้ใหญ่ไปสู่ขอพี่แล้วจัดงานแต่งงานให้ถูกต้องตามประเพณีที่โน่น”
พศิกาขอให้บอกฤกษ์แต่งงานล่วงหน้าจะได้เตรียมชุดสวยๆกลับไปร่วมงาน พศินก็จะบินกลับไปพร้อมเธอจะได้ไปกราบพ่อแม่ของเธอด้วยแล้วมองสบตากันซึ้งๆ ปาณัททนต่อไปไม่ไหวคว้ากระเป๋าเสื้อผ้าเดินลิ่วออกจากห้อง พศินหันไปคว้าเป้ของตัวเองที่โซฟาแล้ววิ่งตามพี่ชายจนทันกันตรงสวนสาธารณะใกล้ๆที่พัก
“เป็นอะไรไปพี่นนท์ พัฒน์ทำอะไรให้พี่เคืองหรือเปล่า”
ปาณัทมองออกว่าน้องชายรู้สึกอย่างไรกับพศิกา ขอร้องให้เลิกยุ่งกับเธอ เขาจะรักกับเธอไม่ได้เด็ดขาด เพราะทั้งคู่มีพ่อคนเดียวกัน พศินไม่เชื่อหาว่าพี่ชายโกหก ปาณัทเปิดรูปพ่อแม่ลูกๆในมือถือตัวเองให้ดูซึ่งเป็นภาพของพิรญาณ์ตอนรับปริญญาถ่ายกับพีระเดช มัทนาและพศิกา พศินถึงกับทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างสิ้นเรี่ยวแรง ปาณัททิ้งตัวลงนั่งข้างๆน้อง เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง พศินไม่เข้าใจ ทำไมเขายังคบกับพิรญาณ์ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเธอเป็นลูกของพีระเดช เขารู้ว่าไม่ถูกต้อง แต่เขาหลงรักเธอจนถอนตัวไม่ขึ้นก็เลยฝืนใจต่อไปไม่ไหว
“แค่รักคงไม่เป็นไร แต่นี่พี่ถึงขั้นแต่งงานกับพี่พิณ ถ้าแม่รู้เข้าแม่ต้องเสียใจมากที่พี่อกตัญญูต่อผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือครอบครัวเรา...แล้วพี่คิดว่าพี่พิณจะรับได้เหรอถ้ารู้ความจริงว่าแม่ของเราเป็นบ้านเล็กของพ่อเขา”
“พิณรักพี่แล้วพิณก็รู้ว่าพี่รักพิณมาก พี่หวังว่าความรักที่มีต่อพิณจะช่วยให้พิณเข้าใจพี่ อภัยให้พี่”
ฝ่ายพศิกาเดินไปเก็บหมอนกับผ้าห่มที่ให้พศินใช้ เจอซองเอกสารตกอยู่ในซอกโซฟา เปิดดูข้างในเป็นจดหมายรับรองของมหาวิทยาลัยกับพาสปอร์ตของพศิน ถือวิสาสะเปิดพาสปอร์ตออกดู
“พศิน เกียรติดำรงกุล...เอ๊ะ มันอะไรกันเนี่ย ทำไมพัฒน์นามสกุลเดียวกับเรา” พศิการีบเอาพาสปอร์ตไปให้พี่สาวดู พิรญาณ์เองก็งุนงงเช่นกัน จะไปถามปาณัทให้รู้เรื่องแล้วคว้าพาสปอร์ตออกไปโดยมีพศิกาวิ่งตาม ทั้งคู่มาถึงสวนสาธารณะ เห็นปาณัทกับพศินยืนอยู่ปรี่เข้าไปหา ปาณัทแปลกใจมีเรื่องอะไรกัน
“พิณต้องเป็นคนถามพี่มากกว่านี่มันอะไร” พิรญาณ์ว่าพลางชูพาสปอร์ตของพศินให้ปาณัทดู “ทำไมน้องชายพี่ถึงใช้นามสกุลเดียวกับพิณ ทำไมถึงใช้นามสกุลของคุณพ่อ นี่มันหมายความว่ายังไง”
ooooooo










