ตอนที่ 89
ตอนที่ 89 ถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงโรม
อู่เจิ้งซือเห็นทางนี้มีคนยืนออกันมากมายจึงเดินเข้าไปด้วยความอยากรู้ แล้วก็เห็นทุกคนต่างชี้มือชี้ไม้ไปบนพื้น ซึ่งคนที่นั่งยองอยู่ตรงกลางก็คืออู่เหมย อู่เจิ้งซืออดมองไปที่พื้นไม่ได้ แล้วเขาก็ประหลาดใจเมื่อเห็นรูปลิงที่น่ารักเหล่านั้น
“รูปลิงพวกนี้ใครเป็นคนวาด”
“อาจารย์อู่ เหมยเหมยเป็นคนวาดครับ วาดได้ไม่เลวเลยใช่มั้ยครับ” เหมยซูหานยิ้มพลางพูด
อู่เจิ้งซือประหลาดใจ แล้วอดซักถามไม่ได้ว่า “เหมยเหมยเป็นคนวาดจริงๆ เหรอ”
อู่เชาแย่งตอบ “อารอง เหมยเหมยเป็นคนวาดครับ ผมเห็นเธอวาดกับตาเลยครับ”
อู่เหมยตึงเครียดจนตัวเกร็ง เธอตั้งตารอฟังคำพูดต่อจากนี้ของอู่เจิ้งซือ เธออยากจะได้ยินคำพูดให้กำลังใจจากปากของอู่เจิ้งซือเหลือเกิน แม้จะเป็นแค่การยอมรับเล็กๆ น้อยๆ ก็พอใจแล้ว
สมัยเป็นหนุ่มอู่เจิ้งซือเคยเรียนวาดภาพทิวทัศน์ แต่เพียงไม่นานเขาก็เลิกเรียน เขาจะต้องทุ่มเทเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดให้กับเรื่องที่สำคัญ แน่นอนว่าการวาดรูปเป็นเรื่องที่ดี มันช่วยกล่อมเกลาจิตใจได้ แต่ปัญหาคือการวาดรูปสามารถหาเลี้ยงครอบครัวได้หรือเปล่า
ไม่ได้!
น่าจะพูดว่าจิตรกรส่วนใหญ่ล้วนไม่สามารถหาเลี้ยงครอบครัวได้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันจิตรกรที่ยังมีชีวิตอยู่คนไหนบ้างที่มีชีวิตที่ร่ำรวยมั่งคั่ง
น้อยมาก น้อยสุดๆ จิตรกรส่วนใหญ่ล้วนมีชีวิตที่ยากจน แต่หลังจากที่เสียชีวิตลงภาพวาดของพวกเขากลับโด่งดังอย่างมาก และแม้กระทั่งขายได้ราคาสูงลิ่ว ตัวอย่างที่เป็นต้นแบบที่สุดก็คือวินเซนต์ แวนโก๊ะ ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ แม้แต่ขนมปังเหม็นหืนที่ทาสีก็ซื้อไม่ไหว แต่หลังจากเสียชีวิตลงแค่ภาพดอกทานตะวันภาพเดียวก็พอให้เขาซื้อขนมปังเหม็นหืนได้เป็นหมื่นๆ ตัน
เขาไม่อยากที่จะมีชีวิตแบบนี้ คนตายไปแล้ว ต่อให้ได้รับชื่อเสียงเงินทองมากแค่ไหน เขาก็ไม่รับรู้แล้ว แทนที่จะมีหน้ามีตาหลังจากเสียชีวิต สู้มีชีวิตอย่างมีเกียรติดีกว่า
อู่เจิ้งซือเห็นแค่แวบเดียวก็รู้ว่าอู่เหมยมีพรสวรรค์ทางด้านวาดรูปทีเดียว ถ้ามีอาจารย์คอยชี้แนะ ก็ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จไม่ได้ อย่างไรก็ตามมันไม่แน่ไม่นอน มีคนเรียนวาดรูปเยอะแยะมากมาย แต่คนที่ประสบความสำเร็จมีน้อยมาก แล้วที่สำคัญที่สุดคือค่าเรียนวาดรูปแพงหูฉี่ หากมองในแง่การลงทุน การเรียนวาดรูปเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงมาก
ถ้าวาดเล่นยามว่างยังพอได้ แต่จะทำเป็นอาชีพหลักนั้นไม่จำเป็นเลย สำหรับคนธรรมดาๆ อย่างพวกเขา เรื่องเรียนหนังสือต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญ
“อืม วาดได้ไม่เลว แต่หน้าที่หลักของพวกเธอในตอนนี้คือเรียนหนังสือ อย่างไรเสียความชอบก็คือความชอบ ไม่อาจช่วยให้พวกเธอสอบได้คะแนนดี จะต้องรู้จักจัดลำดับความสำคัญให้ชัดเจน” อู่เจิ้งซือพูดเสียงเฉียบขาด แสดงท่าทีความน่าเกรงขามของการเป็นครูประจำชั้น
ทุกคนต่างแยกย้ายกันทันที ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้ออกมาเที่ยว พวกเขาไม่อยากจะมาฟังคุณครูพูดให้โอวาทหรอก อู่เหมยหน้าม่อยคอตก เธอรู้อยู่แล้วเชียวว่าอู่เจิ้งซือต้องพูดแบบนี้
ในสายตาของเขากับเหอปี้อวิ๋น การเรียนหนังสือถึงจะเป็นหนทางที่ถูกต้อง ส่วนวาดรูปร้องเพลงล้วนแล้วแต่เป็นอบายมุข ไม่มีประโยชน์เลยสักนิดเดียว
เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้ว เขาไม่เห็นด้วยกับความเห็นของอู่เจิ้งซือ สามร้อยหกสิบอาชีพ ทุกอาชีพมีจอหงวน ใครบอกล่ะว่าการวาดรูปจะประสบความสำเร็จไม่ได้
เขากระซิบที่ข้างหูอู่เหมยว่า “ถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงโรม การที่จะประสบความสำเร็จนั้นไม่ได้มีแค่การเรียนหนังสือเพียงทางออกเดียว ถ้าวาดรูปได้เก่งก็สามารถประสบความสำเร็จได้เช่นกัน”
แววตาหม่นหมองของอู่เหมยเป็นประกายอีกครั้ง เธอมองเหยียนหมิงซุ่นอย่างมีความหวังและกระซิบถามว่า “จริงเหรอ เรียนไม่ดีก็ประสบความสำเร็จได้จริงๆ เหรอ”
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มพลางพยักหน้า “แน่นอน อย่างอาจารย์หลัว ครูใหญ่ QH ในตอนนั้น เขาได้คะแนนวิชาคณิตศาสตร์ศูนย์คะแนน แล้วก็คุณเฉียนที่มีชื่อเสียงทั่วโลก เขาเองก็สอบวิชาคณิตศาสตร์ได้แค่สิบสี่คะแนน นอกจากนี้ยังมีอาจารย์หลายคนที่เก่งเป็นบางวิชา แต่กลับโดดเด่นมากกว่าคนอื่นๆ และไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพวกเขาในการเป็นอาจารย์ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือเป็นร้อยๆ ปี”
อู่เหมยตาเป็นประกายขึ้นเรื่อยๆ เมื่อก่อนไม่เคยมีใครบอกเรื่องพวกนี้ให้เธอรู้เลย เธอคิดอยู่เสมอว่าคนที่เรียนไม่ดีควรที่จะตกนรกขุมที่สิบแปด ทำผิดมหันต์จนไม่อาจให้อภัยได้!
แต่คำพูดของเหยียนหมิงซุ่นได้เปิดหน้าต่างอีกบานให้แก่เธอ ที่แท้บรรดาอาจารย์ที่มีชื่อเสียงเหล่านั้นก็เคยสอบได้ศูนย์คะแนนมาก่อน
เธอยังได้ตั้งแปดคะแนนแน่ะ!