ตอนที่ 83
ตอนที่ 83 กระต่ายน้อยสีขาวหรือเปล่า
สุดท้ายก็ไม่ได้คืนเงินห้าเฟิน อู่เหมยจำต้องเก็บใส่กระเป๋าตามเดิม เธอค่อนข้างกลัวที่จะมองตาของเหมยซูหาน เธอมักจะรู้สึกอึดอัดมากเวลาอยู่ด้วยกันกับเขา ถึงแม้ชาติก่อนเหมยซูหานจะเป็นสามีที่อยู่กินกับเธอมานับสิบปีก็ตามที
เหมยซูหานเป็นหัวหน้าห้อง ไม่ทันไรเขาก็ถูกเรียกตัวไป อู่เหมยถอนหายใจโล่งอกเบาๆ แล้วการพูดการจาของเธอก็เป็นธรรมชาติขึ้นมาก อู่เชาเห็นเช่นนั้นก็แปลกใจ จึงถามด้วยความอยากรู้ “เหมยเหมย เธอกลัวเจ้าหมอนั่นใช่หรือเปล่า”
“กลัวที่ไหนกัน นายพูดจาส่งเดช”
อู่เหมยถูกพูดแทงใจดำ รู้สึกทั้งอับอายและโมโห เธอไม่สนใจแล้วเดินดุ่มๆ ไปที่ด้านหน้าเลย อู่เชาลูบจมูกแล้วเดินตามหลังด้วยความขุ่นเคือง เจ้าแง่แสนงอนเสียจริงๆ ไม่เห็นน่ารักเหมือนแต่ก่อนเลย
เหยียนหมิงซุ่นมองอู่เหมยที่ก้มหน้าก้มตาปีนเขาอยู่ข้างๆ เขา แล้วเขาก็อมยิ้มที่มุมปาก ทำไมเจ้าเด็กคนนี้ชอบเดินก้มหน้าก้มตาตลอดเลย เธอเดินอยู่ข้างๆ เขามาสักพักใหญ่แล้ว แต่เธอคงจะยังไม่รู้หรอกมั้งว่าคนที่อยู่ด้านข้างคือเขาน่ะ
“ระวัง!”
อู่เหมยก้าวพลาดจนเกือบจะกลิ้งตกลงจากเนินลาด โชคดีที่เหยียนหมิงซุ่นดึงเธอเอาไว้ อู่เหมยตกใจพลางหายใจหอบ ริมฝีปากเธอขาวซีด แล้วมองดูเนินลาดที่มีความเอียงลาดพอสมควรด้วยความตื่นตกใจ
“ขอบคุณค่ะ...พี่หมิงซุ่น”
ตอนนี้อู่เหมยถึงได้รู้ว่าคนที่อยู่ด้านข้างคือเหยียนหมิงซุ่น เธอรีบกล่าวขอบคุณเสียงเบา ใบหน้าที่ซีดเผือดดูแดงเรื่อขึ้นมา จากนั้นเธอก็ก้มหน้าลงอีกโดยไม่รู้ตัว ทำไมเธอชอบปล่อยไก่ต่อหน้าเหยียนหมิงซุ่นอยู่เรื่อยเลย ขายขี้หน้าชะมัด
“เหมยเหมยเป็นอะไรมั้ย หกล้มตรงไหนหรือเปล่า?”
เหมยซูหานเดินมาหาและมองดูอู่เหมยด้วยความเป็นห่วง ในใจเขาเปี่ยมด้วยความห่วงใย ท่าทางตื่นตกใจระคนเขินอายของอู่เหมยในตอนนี้ดูเหมือนกับดอกไม้ตูมที่ต้องน้ำค้างในยามเช้าก็ไม่ปาน ดูงดงามบอบบาง ชวนให้เกิดความสงสาร
“ไม่เป็นอะไรค่ะ”
อู่เหมยยิ้ม เธอไม่กล้ามองเหมยซูหานอีก ความรู้สึกนึกคิดของเธอเข้าใจยากมาก เมื่อชาติก่อนเธอเพิ่งจะเริ่มสนิทสนมกับเหมยซูหานตอนที่เธออายุยี่สิบปี ช่วงก่อนอายุยี่สิบเธอกับเหมยซูหานแทบจะไม่เคยพูดคุยกันเลย ไม่ต่างไปจากคนแปลกหน้า
แต่ทำไมเหมยซูหานในชาตินี้ถึงได้แตกต่างจากชาติก่อน
ทำไมถึงดีกับเธอขนาดนี้
อู่เหมยไม่รู้สึกซาบซึ้งใจแม้แต่น้อย เธอแค่อยากอยู่ห่างๆ จากเหมยซูหาน ไม่อยากจะข้องเกี่ยวกับเขาอีกแม้แต่นิดเดียว
อู่เหมยห่อตัวลีบอยู่ข้างๆ เหยียนหมิงซุ่นราวกับนกน้อยคอยแอบอิง เหมยซูหานเห็นภาพนี้แล้วก็รู้สึกขัดหูขัดตา แม้ใบหน้าเขาจะยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่ในใจนั้นกลับอึดอัดใจอย่างยิ่ง คนที่อู่เหมยพึ่งพิงควรจะเป็นเขาสิ!
ไม่เป็นไร เหมยเหมยจำเรื่องราวในชาติก่อนไม่ได้ เขาจำได้ก็พอแล้ว ตอนนี้เขายังไม่เข้มแข็งมากพอ ไม่สามารถที่จะเป็นที่พึ่งพิงให้เหมยเหมยได้ อู่เหมยอายุยังน้อย เขามีเวลามากพอที่จะทำตัวเองให้เข้มแข็ง เรื่องความรักเขาไม่รีบร้อน เขาจะทำให้เหมยเหมยตกอกตกใจไม่ได้
อู่เหมยเดินพลางมองซ้ายมองขวา ท่าทางวอกแวกตลอด เหยียนหมิงซุ่นเห็นแล้วก็ปวดหัว แล้วเขาก็ถือโอกาสจับมือของอู่เหมยไว้ เจ้าเด็กซื่อบื้อคนนี้จะได้ไม่กลิ้งตกเนินอีก
มือของเด็กสาวเล็กมาก มือเธอนุ่มนิ่ม มีเนื้อมีหนัง จับแล้วรู้สึกเหมือนกับก้อนข้าวเหนียว เขาไม่กล้าออกแรงจับมือเธอ เพราะกลัวว่าเธอจะเจ็บ
อู่เหมยไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ามือของตัวเองถูกเขาจับไว้ เธอตั้งอกตั้งใจอยากจะหาเงาสีขาวที่ปรากฏขึ้นที่พงหญ้าเมื่อสักครู่นี้ น่าจะเป็นกระต่ายน้อยสีขาว ก่อนหน้านี้โผล่ขึ้นที่ข้างทางเดินบนภูเขามาแล้ว เดิมทีเธออยากเอาอาหารให้กระต่ายน้อยกิน แต่คิดไม่ถึงว่าตัวเองเกือบจะกลิ้งตกลงไป คราวนี้เจ้ากระต่ายน้อยก็หายวับไปอีกแล้ว
“อยู่ตรงนั้น เจ้ากระต่ายน้อย”
อู่เหมยส่งเสียงร้องตื่นเต้นดีใจ เธอสลัดมือเหยียนหมิงซุ่นทิ้ง แล้วค่อยๆ ย่องไปที่พงหญ้าข้างทาง เหยียนหมิงซุ่นกับเหมยซูหานต่างก็มองดูอู่เหมย พวกเขายิ้มอ่อนๆ ด้วยกันทั้งคู่ คนหนึ่งยิ้มดูอบอุ่นราวกับอาบสายลมในฤดูใบไม้ผลิ ส่วนอีกคนกลับยิ้มเย็นยะเยือกราวกับดอกเหมยที่ผลิบานท่ามกลางหิมะ พวกเขาต่างดูโดดเด่นสะดุดตาเหมือนกับหงส์ในฝูงกา