ตอนที่ 79
ตอนที่ 79 ประจบประแจง
ช่วงบ่ายอู่เจิ้งซือกับเหอปี้อวิ๋นอยู่ที่บ้านทั้งคู่ เหอปี้อวิ๋นยุ่งอยู่กับการฆ่าไก่ถอนขนที่ระเบียงทางเดิน เธอเตรียมจะทำซุปไก่ตุ๋นให้อู่เยวี่ยกินบำรุงร่างกาย สองวันมานี้ไม่รู้เหมือนกันว่าอู่เยวี่ยเป็นอะไร ดูท่าทางเซื่องซึมตลอด เธอเห็นแล้วก็รู้สึกปวดใจ!
“พรุ่งนี้ผมจะพานักเรียนในห้องไปเที่ยวที่เฟิ่งหวงซาน ไม่กินมื้อเที่ยงที่บ้านนะ”
อู่เจิ้งซือบอกเหอปี้อวิ๋นในช่วงมื้อเย็น เหอปี้อวิ๋นตักซุปไก่ตุ๋นสีเหลืองใสใส่ชามใบเล็กแล้วยื่นให้อู่เจิ้งซือก่อน จากนั้นค่อยตักให้อู่เยวี่ยอีกชาม เธอยิ้มพลางพูดด้วยความรักใคร่ “เยวี่ยเยวี่ยรีบกินซุปเร็ว ดูสิเบ้าตาลูกคล้ำหมดแล้ว”
“ขอบคุณค่ะแม่”
อู่เยวี่ยรับซุปไก่ตุ๋นมาและจิบคำเล็กๆ ซุปไก่ตุ๋นรสอร่อยทำให้เธอรู้สึกสบายขึ้นมาก สองสามวันนี้ไม่รู้เป็นอะไร เธอมักจะฝันเห็นว่าอู่เหมยอยากจะฆ่าเธอ นอนฝันร้ายตลอดทั้งคืน เวลาเรียนหนังสือก็ไม่มีชีวิตชีวา แล้วก็ปวดหัวหนักมาก
อู่เหมยแอบรู้สึกพอใจ อู่เยวี่ยนั่นแหละกินปูนร้อนท้องไปเอง เธอแกล้งให้อู่เยวี่ยตกอกตกใจไปแค่ครั้งเดียว แต่พี่สารเลวคนนี้หลอนตื่นตกใจไปเอง ตอนดึกดื่นเที่ยงคืนเธอได้ยินอู่เยวี่ยตกใจตื่นเพราะฝันร้ายอยู่หลายครั้ง จากนั้นก็เอาแต่นอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง รู้สึกสดใสมีชีวิตชีวาก็แปลกแล้ว!
อู่เหมยสูดจมูก ไก่สมัยนี้กลิ่นหอมจริงๆ หอมกว่าไก่ที่เลี้ยงแบบปล่อยในยุคใหม่ตั้งเยอะ ไก่สมัยนี้กินธัญพืชห้าชนิดเป็นอาหาร คุณภาพดีและราคาสมเหตุสมผล อู่เหมยหยิบทัพพีขึ้นมาตักซุปโดยไม่เกรงใจแม้แต่น้อย ลงมือตักเองจะได้ตักแบบเต็มที่
อู่เหมยตักซุปหนึ่งชามเต็มๆ อีกทั้งคีบน่องไก่ชิ้นใหญ่มาใส่ในชามอย่างว่องไว น่องไก่มีสองชิ้น เธอกินแค่ชิ้นเดียว ถือว่ามีมารยาทมากแล้ว เธอกัดเนื้อไก่ที่เปื่อยนุ่มหนึ่งคำ แล้วก็ซดน้ำซุปอีกหนึ่งคำใหญ่ อู่เหมยถอนหายใจด้วยความพออกพอใจ มีความสุขยิ่งกว่าตอนที่ตือโป๊ยก่ายกินมักกะลีผลเสียอีก
ขมับของเหอปี้อวิ๋นเริ่มเต้นตุบๆ อีกแล้ว หมู่นี้เจ้าเด็กบ้ากินมากกว่าหมูอีก แถมยังเลือกกินแต่ของดีๆ ไก่หนึ่งตัวราคาตั้งหกหยวน เจ้าเด็กบ้ากินไปอย่างน้อยๆ สองหยวน เยวี่ยเยวี่ยยังกินไม่เยอะขนาดนั้นเลย น่าโมโหเสียจริงๆ
“เหมยเหมยกินน้อยๆ หน่อย เป็นเด็กผู้หญิงอย่ากินเยอะเกินไป ระวังจะอ้วนเอานะ” เหอปี้อวิ๋นสะกดกลั้นความโมโหไว้
อู่เหมยกินน่องไก่หมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว เธอแทะกระดูกจนไม่เหลือเนื้อติดอยู่เลย แล้วยิ้มตาหยีพลางพูดตอบว่า “แม่ ตอนนี้หนูกำลังโต ต้องกินเยอะๆ หน่อย เมื่อก่อนแม่ก็บอกพี่เค้าแบบนี้อยู่บ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ?”
พอพูดจบ อู่เหมยก็กินน้ำซุปรวดเดียวหมด แล้วตักเพิ่มอีกชามเต็มๆ นอกจากนี้ยังคีบตับไก่กับกระเพาะไก่ที่จ้องตาเป็นมันอยู่นานแล้วมาใส่ในชาม อู่เยวี่ยชอบกินพวกตับกระเพาะของไก่และเป็ดเป็นที่สุด เมื่อก่อนเวลาที่บ้านตุ๋นไก่ตุ๋นเป็ด ของดีๆ อย่างพวกน่อง ตับและกระเพาะตกเป็นของอู่เยวี่ยหมด อู่เหมยได้กินน้ำซุปนิดๆ หน่อยๆ ก็นับว่าใช้ได้แล้ว
“ทำไมกินตับไก่กับกระเพาะไก่หมดเกลี้ยงเลยล่ะ แล้วพี่เค้าจะกินอะไร” เหอปี้อวิ๋นตำหนิ
อู่เยวี่ยที่กำลังกินน้ำซุปอย่างสุภาพเรียบร้อยชักเห็นท่าไม่ดี แม่พูดแบบนี้ พ่อต้องโมโหแน่นอน ถึงแม้จะเสียดายตับไก่กับกระเพาะไก่อร่อยๆ พวกนั้น แต่อู่เยวี่ยก็ยังคงยิ้มหวาน “แม่คะ ยังมีเนื้ออีกตั้งเยอะแยะ น้องชอบกินก็ให้น้องกินเถอะค่ะ หนูเป็นพี่นี่นา”
“เยวี่ยเยวี่ยกินน่องไก่ คนในครอบครัวเดียวกันต้องเสียสละให้กันถึงจะถูก”
อู่เจิ้งซือที่ใบหน้าดำทะมึนเล็กน้อยยิ้มอย่างพออกพอใจ เขาคีบน่องไก่จากในชามให้อู่เยวี่ย แล้วแอบถลึงตาใส่เหอปี้อวิ๋น โตเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้แล้ว เยวี่ยเยวี่ยยังรู้เรื่องรู้ราวกว่าเลย ถ้าเกิดคนอื่นได้ยินเข้า แล้วจะมองเขาเป็นคนอย่างไรล่ะ
อู่เหมยกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ สิ่งที่เธอสามารถใช้ให้เป็นประโยชน์ได้ในตอนนี้ก็มีแต่ความรักหน้าตาศักดิ์ศรีของอู่เจิ้งซือนี่แหละ ขอเพียงไม่ดื้อรั้นจนเกินไป สำหรับเรื่องข้าวของต่างๆ แล้ว อู่เจิ้งซือเป็นคนที่พูดด้วยง่ายทีเดียว เขาใจกว้างกว่าเหอปี้อวิ๋นมาก
“พ่อกินกระเพาะไก่นี่สิคะ กินแล้วดีต่อกระเพาะอาหาร”
อู่เหมยกวาดสายตาไปมา แล้วคีบกระเพาะไก่ใส่ในชามของอู่เจิ้งซือ เธอต้องประจบประแจงสักหน่อย อู่เจิ้งซือมีความสุขมากที่ลูกสาวคนเล็กกตัญญู เขายิ้มแย้มยิ่งกว่าเดิม แต่เหอปี้อวิ๋นกลับโมโหจนเจ็บที่ทรวงอกไปหมด นับวันเจ้าเด็กบ้าก็ยิ่งเจ้าเล่ห์มากขึ้น