icon member

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 69

ตอนที่ 69 ท้อแท้ผิดหวังอย่างยิ่ง

เหยียนหมิงซุ่นออกจากบ้านตระกูลอู่โดยที่ถือหนังสือ “เยวี่ยเวยเฉ่าถังปี่จี้” อยู่ในมือ อันที่จริงเขาไม่ชอบอ่านนวนิยายแนวลึกลับเหนือธรรมชาติพวกนี้ เมื่อกี้เนื่องจากเขาร้อนใจ ถึงได้พูดชื่อหนังสือออกไปโดยไม่ทันคิด อู่เจิ้งซือชอบศึกษาค้นคว้าภาษาโบราณเป็นพิเศษ ฉะนั้นในบ้านต้องมีหนังสือประเภทนี้แน่นอน

เขาลองพลิกเปิดหนังสือดู ในนั้นมีอรรถาธิบายเต็มไปหมด ตัวหนังสือที่เป็นระเบียบเรียบร้อยของอู่เจิ้งซือทำให้รู้สึกเพลินตาเพลินใจ และแล้วใบหน้าที่เล็กยิ่งกว่าฝ่ามือเขาของอู่เหมยก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาอีกครั้ง ช่างดูน่าสงสาร แต่กลับดื้อรั้นเหลือเกิน

เด็กคนนี้ซื่อบื้อเหลือเกินจริงๆ ทั้งที่รู้ว่าหากกินอาหารจนเกลี้ยงจะต้องโดนตี แล้วยังจะเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุงอีก ทำไมถึงไม่รู้จักแสร้งโอนอ่อนผ่อนตามบ้างเลยนะ

ถ้าไม่อย่างนั้นวันหลังจะให้เธอยืมหนังสือกลศึกสามก๊กไปลองอ่านดู คงเรียนรู้ได้บ้างไม่มากก็น้อยละมั้ง

แต่ไม่ทันไรเหยียนหมิงซุ่นก็ล้มเลิกความคิดนี้ ด้วยไอคิวอย่างอู่เหมยแล้ว เกรงว่าเธอคงไม่เข้าใจกลศึกสามก๊กอันลึกซึ้งแยบยลหรอก แม้แต่คำถามปริมาณน้ำเข้าน้ำออกยังไม่เข้าใจ แล้วจะให้เธอเข้าใจกลยุทธ์ล้อมเว่ยช่วยจ้าวได้อย่างไรกัน

เมื่อนึกถึงความจนใจในการอธิบายโจทย์เลขให้ก่อนหน้านี้ เหยียนหมิงซุ่นก็ส่ายหัวไปมา ไม่คิดเรื่องอู่เหมยอีก ทำไมเขาถึงอดคิดถึงเจ้าเด็กที่น่าสงสารคนนี้ไม่ได้สักที แปลกจริงๆ

พอเหยียนหมิงซุ่นออกไป เหอปี้อวิ๋นก็หุบยิ้มลงทันที ท่าทางเย็นชาดุจน้ำแข็ง เธอมองอู่เหมยด้วยความเอือมระอาและตำหนิว่า “ใครใช้ให้แกออกมาทำขายขี้หน้า หา? ไสหัวกลับเข้าห้องไปเลย อย่ามายืนเกะกะตรงหน้าฉัน”

อู่เหมยเจ็บตามเนื้อตามตัวไปหมด แค่หายใจก็รู้สึกได้ว่าเจ็บ เธอไม่มองเหอปี้อวิ๋น เธอรู้สึกท้อแท้ผิดหวังในตัวแม่แท้ๆ คนนี้อย่างยิ่ง ตอนนี้เธอกระทั่งสงสัยว่าตัวเองไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของเหอปี้อวิ๋น ไม่เช่นนั้นทำไมจิตใจถึงได้โหดร้ายยิ่งกว่าแม่เลี้ยงเสียอีกล่ะ

“พ่อคะ หนูจะซื้อปากกาหมึกซึม ขอเงินให้หนูหน่อยสิคะ”

จุดประสงค์ที่อู่เหมยออกมาก็คือเรื่องเงิน เธอจำเป็นต้องคืนเงินห้าสตางค์ให้กับเหมยซูหาน นอกจากนี้ปากกาหมึกซึมของเธอเป็นปากกาที่อู่เยวี่ยเคยใช้มาก่อน ซึ่งหัวปากกาคงจะเคยตกพื้นมาแล้ว หัวปากกาก็เลยแตก เส้นที่เขียนออกมาจึงหนามาก ทำให้เขียนให้อยู่ในช่องไม่ได้

พอได้ยินคำว่าเงิน เหอปี้อวิ๋นก็โมโหขึ้นมา “ซื้อปากกาหมึกซึมไปทำไม พี่แกให้ปากกาแกใช้แล้วไม่ใช่เหรอ วันๆ รู้จักแต่ใช้เงิน รู้บ้างหรือเปล่าว่าฉันกับพ่อแกทำงานหาเงินเหนื่อยแค่ไหน”

อู่เหมยมองเธอเช่นกัน แล้วพูดเสียงสงบนิ่ง “ปากกาที่อู่เยวี่ยให้มามันไม่ดี เขียนหนังสือออกมาไม่สวย คุณครูบอกหนูหลายหนแล้วว่าให้เปลี่ยนไปใช้ปากกาดีๆ”

“ตัวหนังสือไม่สวยแล้วโทษปากกางั้นเหรอ แกนั่นแหละโง่เง่าเขียนไม่สวยเอง ต่อให้ให้ปากกาด้ามทองแกไปก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าแกสอบได้ที่หนึ่งของโรงเรียนได้เหมือนกับพี่สาวแก ปากกาหมึกซึมสิบด้ามฉันก็จะซื้อให้!” เหอปี้อวิ๋นด่าเปิง ไม่ว่าพูดอย่างไรก็ไม่ยอมให้เงิน

อู่เยวี่ยยิ้ม “แม่อย่าโมโหเลยค่ะ หนูมีปากกาหมึกซึมสองด้าม เดี๋ยวเอาด้ามนึงให้เหมยเหมยใช้ก็ได้ค่ะ”

“เด็กดี ถ้าน้องเค้าพูดจารู้เรื่องได้สักครึ่งหนึ่งของลูก ต่อให้เป็นความฝัน แม่ก็หัวเราะได้แล้วล่ะ” เหอปี้อวิ๋นมองดูลูกสาวคนโตอย่างรักใคร่เอ็นดู ใบหน้าเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม

อู่เหมยพูดอย่างเย็นชาว่า “ทำไมหนูต้องใช้ของที่อู่เยวี่ยไม่ต้องการแล้วด้วยล่ะ เสื้อผ้ากับรองเท้าขาดๆ ที่เขาไม่อยากใส่ ปากกาหมึกซึมห่วยๆ ที่ไม่อยากใช้ อาหารที่ไม่ชอบกิน หนูต้องรับมาทั้งหมด หนูไม่ใช่ที่รับเศษขยะสักหน่อย อู่เยวี่ยเป็นลูกในไส้ของพ่อแม่ ส่วนหนูเป็นลูกที่พ่อแม่เก็บมาเลี้ยงอย่างนั้นเหรอ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ พ่อแม่ก็ส่งหนูไปสถานสงเคราะห์เถอะ”

เหอปี้อวิ๋นโกรธจนตาเขียวปัด แล้วเดินพุ่งเข้าไปจะตบอู่เหมยหูฉาด แต่อู่เจิ้งซือถลึงตาใส่เธอ เหอปี้อวิ๋นจึงจำต้องหยุดและพูดด้วยความเดือดดาล “คุณฟังเจ้าเด็กเนรคุณนี่พูดสิคะ ฉันอุตส่าห์คลอดออกมาอย่างยากลำบาก ตัวเองผลสอบน่าขายหน้าแล้วไม่รู้จักสำนึกผิดแก้ตัวใหม่ แล้วยังจะมีหน้ามาบ่นอีก”

แววตาอู่เจิ้งซือเป็นประกายเล็กน้อย แต่ไม่นานนักก็กลับมาสงบนิ่งตามเดิม แล้วเขาก็ถลึงตาใส่เหอปี้อวิ๋นอีก เธอจึงจำต้องหุบปาก แล้วจ้องมองอู่เหมยอย่างจงเกลียดจงชัง

“เหมยเหมย สองวันมานี้ลูกดูผิดแปลกไปมาก ในใจลูกคิดอย่างไรกันแน่?” อู่เจิ้งซือพูดเสียงผ่อนคลาย

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด