ตอนที่ 67
ตอนที่ 67 รู้โฉมหน้าที่แท้จริง
“เหมยเหมยสบายดีมาก ไม่เป็นอะไรเลย หมิงซุ่นเธอกลับไปอ่านหนังสือเถอะ อย่ามาเสียเวลาเลย” เหอปี้อวิ๋นตะโกน เธอต้องการจะโน้มน้าวเหยียนหมิงซุ่น
“แค่เวลานิดหน่อยเองครับ ขอดูหน่อยดีกว่าจะได้สบายใจ อย่างไรเสียการที่เหมยเหมยได้รับบาดเจ็บ ผมเองก็มีส่วนต้องรับผิดชอบ” เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้หยุดเดินแต่อย่างใด
เหอปี้อวิ๋นกระวนกระวายจนตะโกนเสียงดัง “เหมยเหมยออกมาเร็ว พี่หมิงซุ่นมาหาลูกแน่ะ!”
แผลใหม่บวกกับแผลเก่า อู่เหมยเจ็บจนไม่มีแม้แต่จะมีแรงลุกขึ้นยืน เธอรู้สึกขอบคุณเหยียนหมิงซุ่นมาก ถ้าเขาไม่ได้มาหา เหอปี้อวิ๋นคงไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆ แบบนี้
อู่เหมยหัวเราะเยาะตัวเอง จะมีใครที่เกิดใหม่แล้วอ่อนแออย่างเธอบ้างไหม กลับมาได้สองวันก็โดนตีไปแล้วสองยก นอกจากนี้ต่อไปอาจจะโดนมากกว่านี้ เมื่อไรชีวิตแบบนี้ถึงจะจบสิ้นลงสักที
เธอเกลียดบ้านนี้ แต่เธอไม่สามารถไปจากที่นี่ได้ เธออายุแค่สิบสองปี ไม่มีเงิน ไม่มีงาน ไม่มีที่พัก เมื่อออกไปข้างนอก แม้แต่เรื่องกินข้าวก็กลายเป็นปัญหาแล้ว อู่เหมยมองดูแขนขาเล็กๆ ของตัวเองด้วยความขุ่นเคือง ทำไมต้องให้เธอเกิดใหม่ตอนอายุสิบสองด้วย
ทำไมไม่เกิดใหม่ตอนอายุยี่สิบ ต่อให้เธอต้องไปเก็บขยะข้างนอก เธอก็ไม่มีทางยอมทนทุกข์ทรมานอยู่ในบ้านแบบนี้!
เมื่ออู่เยวี่ยที่ยืนดูอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาเย็นชามาโดยตลอดได้ยินว่าเหยียนหมิงซุ่นมา ดวงตาเธอก็เป็นประกาย คิดๆ ดูแล้วก็ออกไปดีกว่า เธอไม่ค่อยสนใจเหยียนหมิงซุ่นสักเท่าไร เพราะเขาไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของคุณลุงเหยียนกับคุณป้าถาน ต่อไปพวกเขาต้องไม่ช่วยจัดหางานดีๆ ให้เหยียนหมิงซุ่นอย่างแน่นอน สังคมในปัจจุบันนี้หากไม่มีคอนเนกชั่น จะทำอะไรก็ยากลำบาก ไม่มีทางจะมีอนาคตที่สดใสได้ ดูเหมือนว่าอู่เยวี่ยจะสามารถมองเห็นชีวิตแสนธรรมดาในอนาคตของเหยียนหมิงซุ่นได้ล่วงหน้าแล้ว!
แต่เพื่อเห็นแก่หน้าของคุณปู่เหยียน เธอออกไปเจอหน่อยก็แล้วกัน อีกทั้งเธอคืออู่เยวี่ยที่รู้จักกาลเทศะ แน่นอนว่ารวมไปถึงมารยาทด้วย จะให้คนอื่นมาตำหนิติเตียนไม่ได้
เมื่อเดินผ่านอู่เหมย อู่เยวี่ยก็ก้มลงมองเธอโดยที่ไม่ปิดซ่อนแววกระหยิ่มยิ้มย่องในดวงตาแม้แต่น้อย โง่อย่างกับหมู แล้วยังจะอยากแย่งเนื้อปลาของเธอไปกินอีก
น่ารำคาญจริง!
แค่เธอเห็นใบหน้าที่สวยงามของอู่เหมย ความสุขของเธอก็ลดลงฮวบฮาบ ถึงแม้จะโดนตีจนอ่วมขนาดนี้ แต่ใบหน้าของเจ้าน้องโง่คนนี้ก็ยังคงดูสวยเหมือนเดิม เห็นแล้วขัดหูขัดตาชะมัด
ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกชอบแส่คนไหนที่เสี้ยมสอนให้เจ้าน้องโง่รวบผมขึ้น
ไม่ได้การ จะต้องคิดหาวิธีทำให้เจ้าน้องโง่ปล่อยผมสยายลงมาอีก เธอไม่มีทางยอมให้อู่เหมยแย่งจุดสนใจไปจากเธอเป็นอันขาด เจ้าหญิงแห่งตระกูลอู่มีแค่เธอ อู่เยวี่ยคนนี้เท่านั้น ส่วนอู่เหมยก็เป็นเพียงแค่ตัวประกอบของเธอไปตลอดกาล
นัยน์ตาของอู่เยวี่ยฉายประกายความมุ่งมั่น เธอมองดูอู่เหมยที่ตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนอย่างดูถูกเหยียดหยามและส่งเสียงฮึดฮัดเบาๆ แล้วเปิดประตูเดินออกไป อู่เยวี่ยยิ้มหวานและพูดว่า “สวัสดีค่ะพี่หมิงซุ่น”
เหยียนหมิงซุ่นมองเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย เมื่อกี้ตอนที่อู่เหมยโดนตี อู่เยวี่ยมองดูอย่างเงียบๆ ตลอด ไม่ได้สะทกสะท้านแม้แต่น้อย นี่แสดงให้เห็นว่าถ้าเธอไม่ใช่คนใจแข็ง ก็เป็นคนที่มีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตาม ก็ล้วนแตกต่างจากภาพลักษณ์ “พี่สาวแสนดี” ที่เธอแสดงออกมาให้คนอื่นเห็นโดยสิ้นเชิง
พูดง่ายๆ ก็คือ อู่เยวี่ยคนนี้เสแสร้งเก่งมาก เล่ห์เหลี่ยมก็ช่างแพรวพราว อาจารย์และนักเรียนทุกคนในโรงเรียนล้วนถูกเด็กหญิงอายุแค่สิบสี่ปีคนนี้หลอกเสียแล้ว และคนที่ถูกหลอกเข้าเต็มเปาก็คือน้องชายสุดทึ่มของเขา ในใจของเหยียนหมิงต๋านั้น อู่เยวี่ยเป็นเด็กหญิงที่จิตใจดีชวนให้รักใคร่เอ็นดู
เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้าเล็กน้อย ในใจมองว่าอู่เยวี่ยเป็นบุคคลที่พึงระวัง อู่เยวี่ยไม่ใช่คนที่ไม่มีความสำคัญ เธอเป็นคนที่หมิงต๋าชอบ หนำซ้ำเด็กสาวคนนี้ก็ไม่เคยปฏิเสธหมิงต๋าอย่างชัดเจน คอยเกาะติดอยู่ตลอด ด้วยเล่ห์เหลี่ยมของอู่เยวี่ยแล้ว เป็นไปได้อย่างมากว่าต่อไปอู่เยวี่ยจะกลายเป็นคนในครอบครัวเดียวกันกับเขา อีกทั้งรวมตัวกับถานซูฟางเป็นพันธมิตรที่สนิทแนบแน่น
ผู้หญิงที่เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวและเปี่ยมด้วยลูกไม้สองคนอยู่รวมกัน ถึงแม้เหยียนหมิงซุ่นจะไม่กลัว แต่ก็ไม่กล้าดูถูก