ตอนที่ 64
ตอนที่ 64 สงสาร
เหยียนหมิงซุ่นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเอาความอดทนมาจากไหน คิดไม่ถึงว่าจะอธิบายโจทย์ปัญญาอ่อนของเด็กประถมให้อู่เหมยฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่า มิหนำซ้ำอีกฝ่ายก็เป็นคนหัวไม่ดีที่ไอคิวไม่เอาไหนจริงๆ
“เข้าใจหรือยัง”
เสียงของเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ชัดใสเหมือนแต่ก่อน ออกจะแหบแห้งเล็กน้อย เขาพูดเยอะมากจนลำคอรู้สึกร้อนรุ่ม
อู่เหมยพยักหน้าด้วยความลังเล อันที่จริงเธอยังไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไร ถึงแม้เธอจะท่องจำสิ่งที่เหยียนหมิงซุ่นอธิบายได้ไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียว แต่พอประกอบเข้าด้วยกันแล้ว เธอก็ไม่เข้าใจ
“เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะ พี่หมิงซุ่น ฉันกลับบ้านไปทำการบ้านละ ไปก่อนนะคะพี่หมิงซุ่น!”
อู่เหมยรู้สึกอายมาก ตัวเธอไม่เอาไหนเลยจริงๆ ทำให้ว่าที่เสาหลักของชาติต้องเสียเวลาอันมีค่าไปตั้งเยอะ เธอโบกไม้โบกมือให้เหยียนหมิงซุ่น ฝีเท้าหนักอึ้ง ยิ่งโมโหในความโง่เง่าของตัวเองมากขึ้นไปอีก
มิน่าล่ะเหอปี้อวิ๋นถึงด่าทอเธอตลอดว่าแม้แต่หมูก็เทียบไม่ได้ เธอสู้หมูไม่ได้จริงๆ!
หมูยังเอาเนื้อไปขายได้ เธอทำอะไรได้บ้าง
อู่เหมยขยับไปข้างหน้าทีละก้าวๆ สีหน้าเศร้าหมอง ความตื่นเต้นดีใจตอนที่เพิ่งจะกลับมาเกิดใหม่ถูกความหงอยเหงาเศร้าซึมเข้ามาแทนที่ทั้งหมด เดิมทีเหยียนหมิงซุ่นรู้สึกภูมิใจที่ประสบความสำเร็จ สอนให้คนหัวไม่ดีเข้าใจได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ แต่พอเห็นแผ่นหลังที่ดูเศร้าหมองของอู่เหมย เขากลับรู้สึกอึดอัดใจ มีความรู้สึกแปลกประหลาด
“เธอลองคำนวณโจทย์ข้อเมื่อกี้ให้ดูหน่อยสิ”
เหยียนหมิงซุ่นเรียกอู่เหมยที่กำลังเศร้าห่อเหี่ยว สมองนึกที่เหยียนหมิงซุ่นคำนวณให้ดูก่อนหน้านี้อย่างรวดเร็ว แต่ยิ่งใจร้อนก็ยิ่งคิดไม่ออก ทั้งๆ ที่เมื่อกี้ยังพอจำได้อยู่เลย
“เธอยังไม่เข้าใจใช่หรือเปล่า?”
พอเห็นเธอน้ำตาเอ่อคลอเบ้า เหยียนหมิงซุ่นก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ที่แท้เจ้าเด็กคนนี้ยังไม่เข้าใจนี่เอง นี่มันช่าง...
ตั้งแต่ลืมตาดูโลกจนถึงตอนนี้ เหยียนหมิงซุ่นไม่เคยล้มเหลวอย่างนี้มาก่อน เขามีเป้าหมายชัดเจน ทำสิ่งใดก็มีจุดมุ่งหมาย อีกทั้งไม่ได้รับผลกระทบจากคนรอบข้างหรือสิ่งรอบข้างแม้แต่น้อย ไม่ว่าสิ่งใดเขาก็ทำได้สบายมาก แล้วก็ทำได้ดีและมีประสิทธิภาพ
ทว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เขาแพ้อย่างราบคาบ ในความคิดของเขา สิ่งที่เขาอธิบายไปเมื่อกี้นี้ ต่อให้เป็นผู้ที่บกพร่องทางสติปัญญาก็ฟังเข้าใจ แต่ทำไมอู่เหมยถึง...
“พี่หมิงซุ่น ฉันพอจะเข้าใจนิดหน่อยแล้วค่ะ ฉันกลับไปแล้วลองคิดดูอีกทีก็ทำได้แล้วละ พี่อย่ารำคาญฉันนะ!” อู่เหมยลนลานเล็กน้อย เธอกังวลว่าเหยียนหมิงซุ่นจะเกลียดเธอ รังเกียจที่เธอโง่เหมือนวัว
เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกขำ เด็กคนนี้ขี้ขลาดเสียยิ่งกว่าอาฮวาที่บ้านเขาเสียอีก เขายังไม่ได้พูดอะไรเลย น้ำตาก็ไหลเอ่ออีกแล้ว เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้รำคาญอู่เหมยเลย เขากลับสงสารเธอเสียด้วยซ้ำ
เนื่องจากถูกพ่อแม่จงเกลียดจงชัง ถึงได้คอยกังวลอยู่ตลอดว่าคนอื่นจะไม่ชอบตน นี่เป็นความน้อยเนื้อต่ำใจสุดขีด เด็กแบบนี้จะแคร์สายตาของคนอื่นเป็นพิเศษ ขอแบกรับความเจ็บปวดไว้เองดีกว่าจะไปรบกวนคนอื่น เขาอ่านเจอในหนังสือจิตวิทยาเล่มหนึ่ง ซึ่งเขาคิดว่าตรงกับอู่เหมยมาก
“ฉันไม่ได้รำคาญหรอก เธออย่าคิดฟุ้งซ่าน รีบกลับบ้านเถอะ ถ้ายังไม่เข้าใจก็ถามอาจารย์อู่นะ” เหยียนหมิงซุ่นพยายามพูดเสียงผ่อนคลาย เขาไม่อยากทำให้เด็กหญิงตรงหน้าตกใจกลัว
อู่เหมยแววตาเศร้าหมอง อู่เจิ้งซือต้องบอกให้เธอไปถามเหอปี้อวิ๋นแน่นอน จากนั้นเหอปี้อวิ๋นก็จะด่าเธอเปิง แล้วเธอก็อาจจะโดนตีด้วย
“บ๊ายบาย พี่หมิงซุ่น”
อู่เหมยยิ้มและโบกไม้โบกมือให้ แล้วหมุนตัวเดินกลับอาคารบ้านพักครู อู่เจิ้งซือและคนอื่นๆ น่าจะใกล้กลับมาแล้ว
เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้มองข้ามความเศร้าหมองในแววตาอู่เหมย ในดวงตามีความเศร้าโศกซึ่งไม่เหมาะกับอายุของเธอ แล้ววินาทีนั้นเองเขาก็พลันเข้าใจความจนใจของอู่เหมย เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและหมุนตัวเดินกลับบ้าน