ตอนที่ 60
ตอนที่ 60 ติดคอ
อู่เหมยกลืนกับข้าวในปากลงคอโดยมองอู่เยวี่ยที่กำลังน้ำตาเอ่อคลออย่างอารมณ์ดี ตอบเสียงเรียบ “เมื่อก่อนแม่เคยบอกว่าก้างปลาติดคอเป็นเรื่องเล็ก ไม่ถึงกับตายไม่ใช่หรือคะ!”
เหอปี้อวิ๋นตะคอกด้วยแรงอารมณ์ “ฉันพูดแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“เมื่อก่อนหนูโดนก้างตำคอตั้งหลายครั้งแม่ก็พูดแบบนี้กับหนูทุกครั้ง”
เหอปี้อวิ๋นถูกโต้กลับจนพูดไม่ออก ทั้งโกรธทั้งอายผสมปนเปกันไป ต้องพยายามอย่างมากที่จะระงับความต้องการพุ่งไปจัดการอีกฝ่ายก่อนหันกลับไปดูแลลูกรักอย่างอู่เยวี่ยต่อ
อู่เหมยสีหน้าเรียบเฉยไม่ฉายแววดีใจหรือโกรธแต่อย่างใด อู่เจิ้งซือมองลูกสาวคนเล็กที่งดงามดั่งภาพวาดคนนี้พลางรู้สึกเหมือนโดนแทงใจ ตั้งแต่เมื่อไรที่ลูกหัวอ่อนที่น่าสงสารคนนั้นหายไป อายุยังไม่สิบแปดด้วยซ้ำแต่อู่เหมยกลับเปลี่ยนไปขนาดนี้
กลับเป็นความเปลี่ยนแปลงที่เขาไม่อยากเห็น เขายอมให้อู่เหมยเป็นหนอนน่าสงสารตัวนั้น ไร้ตัวตนที่บ้านเหมือนเดิมดีกว่า แบบนี้จะได้ไม่ต้องมีเรื่องให้วุ่นวายใจมากมาย
ตั้งแต่ลูกสาวคนเล็กเปลี่ยนไปที่บ้านก็ไม่เคยสงบสุขอีกเลยถึงขั้นส่งผลไปถึงเมื่อขณะทำงานที่บ้าน นี่มันน่าหนักใจจริงๆ อู่เจิ้งซือมองลูกสาวคนโตที่กำลังร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดก็ยิ่งอารมณ์ไม่ดี
เขาไม่พอใจต่อเหอปี้อวิ๋นอย่างมาก หากไม่ใช่เพราะเธอไม่ดูแลลูกสาวทั้งสองให้ดีแล้วอู่เหมยจะมีคำบ่นมากขนาดนี้ได้หรือ?
ทำเอาเวลาเขาไปทำงานยังโดนเพื่อนร่วมงานแอบคุยเรื่อง ‘ความยุติธรรม’ กับเขาอย่างน่าแปลก อู่เจิ้งซือปวดหัวเหลือเกินอยากคีบเนื้อปลาทานสักหน่อยกลับพบว่าในจานเหลือเพียงหัวปลากับก้างปลาแล้วก็ขิงกระเทียมข้างๆ ไม่เหลือแม้แต่น้ำซุป เริ่มปวดฟันกรามอีกแล้ว
อู่เจิ้งซือเหลือบมองอู่เหมยที่กำลังทานข้าวคำใหญ่คำโตแวบหนึ่งเห็นว่าข้าวที่พูนสูงเมื่อครู่เหลือครึ่งหนึ่ง หน่อไม้ผัดเนื้อจานนั้นใกล้หมดรอมร่อ หากเขาไม่รีบเร่งมือหน่อยเกรงว่าจะไม่ได้ทานแม้แต่เศษเนื้อด้วยซ้ำ
เมื่อกี้เขาลืมสรุปทุกอย่างว่าอู่เหมยไม่ใช่แค่นิสัยเปลี่ยนแปลงอย่างมหันต์ แต่ยังทานเยอะอย่างไม่น่าเชื่อ คนหนึ่งทานในส่วนของสามคนได้
อู่เยวี่ยเริ่มร้องไห้ฮือ “เจ็บ แม่คะ เจ็บจังเลย!”
เหอปี้อวิ๋นเจ็บยิ่งกว่าอู่เยวี่ย อยากโดนก้างติดคอแทนลูกสาวเสียให้รู้แล้วรู้รอด เธอกึ่งโอบกอดอู่เยวี่ยไว้ เสนอความเห็นให้ไปโรงพยาบาลอีกครั้ง “เหล่าอู่ เราไปหาอาจารย์แม่หยางกันเถอะ?”
อู่เหมยแค่นเสียงทีอย่างไม่คิดจะสนใจ ยกหน่อไม้ผัดเนื้อในจานเทใส่ถ้วยทั้งหมด คีบผัดผักคำโตก่อนจะถือถ้วยก้มหน้างุดทานต่อไป สองชาตินี้ไม่เคยทานได้เต็มอิ่มขนาดนี้มาก่อน มิน่าชาวเกาหลีถึงชอบคลุกข้าวกิน รสชาติดีจริงๆ
อู่เจิ้งซือรู้สึกรำคาญแต่ไม่ว่ายังไงก็สงสารอู่เยวี่ย พอเห็นบนโต๊ะเหลือเพียงผัดผักเพียงจานเดียวเลยวางตะเกียบด้วยใจที่หดหู่ ความอยากอาหารหายวับในพริบตา
“งั้นก็ไปกันเถอะ”
สองสามีภรรยาอุ้มอู่เยวี่ยออกไปเหลือเพียงอู่เหมยในบ้านเพียงลำพังกับผัดผักครึ่งจานและข้าวสองถ้วยบนโต๊ะ อู่เหมยทานข้าวในถ้วยให้หมดถึงเรอออกมาอย่างอิ่มใจ หยิบที่ครอบมาครอบกับข้าวไว้ถึงกลับไปทำการบ้านในห้อง โจทย์เติมน้ำเทน้ำบ้านั่นยังคิดไม่ออกเลย!
เหยียนหมิงซุ่นทานอาหารมื้อเย็นเสร็จกำลังอ่านนิตยสารเกี่ยวกับกองทัพในห้อง นิตยสารเหล่านี้ล้วนได้มาจากภายในกองทัพ เป็นหนังสือที่เพื่อนของเขาคนหนึ่งหยิบมาจากห้องหนังสือของคุณพ่อที่เป็นทหาร คืนนี้อ่านจบก็ต้องคืน ไม่อย่างนั้นเพื่อนคนนั้นคงถูกคุณพ่อของเขาใช้รองเท้าหนังฟาดแน่ๆ
“อาจารย์แม่หยาง ช่วยดูเยวี่ยเยวี่ยให้ที เธอถูกก้างปลาตำคอ”
เหอปี้อวิ๋นเสียงดังเล็กน้อยเพราะความร้อนรน เหยียนหมิงซุ่นมุ่นคิ้วหน่อยๆ จึงเดินมาสังเกตการณ์ที่ประตูกลับเห็นว่าน้องชายโง่เขลาของเขาคนนั้นได้พุ่งออกไปแล้ว ดูร้อนใจยิ่งกว่าเหอปี้อวิ๋นเสียอีก เดินวนรอบตัวอู่เยวี่ยอยู่นั่น