ตอนที่ 6
ตอนที่ 6 ปวดท้อง
ระหว่างทางมีคุณครูประจำโรงเรียนไม่น้อยที่ยิ้มทักทายเมื่อเห็นอู่เยวี่ย “เยวี่ยเยวี่ยเลิกเรียนแล้วเหรอ?”
“กระโปรงเยวี่ยเยวี่ยสวยมาก แม่หนูช่างมีฝีมือจริงๆ สักวันจะต้องไปเรียนรู้จากแม่หนูให้ได้เลย!”
“เยวี่ยเยวี่ยยิ่งโตยิ่งสวยนะ เดี๋ยวมาเที่ยวเล่นบ้านน้าบ้างล่ะ!”
……
ผู้ปกครองและคุณครูต่างทักทายอู่เยวี่ยอย่างกระตือรือร้น เพิกเฉยอู่เหมยที่ตามหลังอู่เยวี่ยมาโดยไม่ได้นัดหมาย บางทีพวกเขาอาจจะไม่เห็น หรือบางทีเห็นแต่ไม่มีอู่เหมยอยู่ในสายตา
แม้แต่คู่สามีภรรยาอู่เจิ้งซือยังไม่เคยเห็นลูกสาวคนเล็กในสายตาด้วยซ้ำ คนนอกอย่างพวกเขาจะมีความรักล้นเหลือจากไหนไปสนใจเด็กผู้หญิงที่ไม่เป็นที่ชื่นชอบคนนี้ล่ะ!
อู่เยวี่ยยิ้มหวานหยดและตอบรับทุกคนอย่างมีมารยาท ไม่มีท่าทีเหมือนเด็กอายุสิบสี่เลยสักนิด เมื่อเทียบกันแล้วคงไม่แปลกที่อู่เหมยผู้มีหน้าตาธรรมดาแถมไม่เป็นที่ชื่นชอบคนนี้จะถูกรัศมีของเธอกลบจนมิด
อู่เหมยไม่สนใจต่อสิ่งเหล่านี้ การที่เธอได้เกิดใหม่คราวนี้มีเพียงสองเรื่องที่เธออยากทำ หนึ่ง คือ มีชีวิตอย่างอิสระเสรี ไม่ต้องสนใจสายตาจากคนภายนอก ไม่ต้องสนใจความรักอันน้อยนิดที่ญาติมิตรมีให้ สอง คือ แก้แค้นสิ่งที่อู่เยวี่ยกับเหมยซูหานติดค้างเธอไว้ เธอจะต้องเอาคืนให้หมดในชาตินี้!
อู่เหมยเงยหน้าขึ้นน้อยๆ มองอู่เยวี่ยตรงหน้าที่กำลังยิ้มสดใสด้วยใบหน้าเย็นชาผ่านกลุ่มผมที่สยายปรกลงมา พลางเหยียดยิ้มมุมปาก สวยหรือ? เชื่อฟัง? เป็นเด็กดี...
อู่เยวี่ย ที่เธอได้ดีก็เพราะอาศัยคำชมพวกนี้ไม่ใช่หรือไง?
ถ้าอย่างนั้นเธอจะค่อยๆ ฉีกคำเหล่านั้นออกจากอู่เยวี่ยเอง คอยดูว่าคนชั้นต่ำคนนี้จะมีชีวิตราบรื่นอย่างไรต่อไปหากไร้คำชมเหล่านี้คอยประดับ
อู่เยวี่ยพูดคุยกับทุกคนเสร็จก็พาลรู้สึกปวดแก้มหน่อยๆ และรำคาญใจ คนน่าเบื่อพวกนี้มักถามคำถามเดิมๆ อยู่ทุกวัน ไม่สดใหม่เลยสักนิด มีแต่จะเปลืองสีหน้าและน้ำลายของเธอ
“เหมยเหมย เรารีบเดินกันเถอะ คืนนี้ต้องไปหาคุณปู่ จะสายไม่ได้เชียวล่ะ!” อู่เยวี่ยหน้ากล่าวเสียงอ่อนโยน ท่าทางเหมือนพี่สาวแสนดีคนหนึ่ง
ทันใดนั้น ก็มีใครบางคนยิ้ม ก่อนจะเอ่ย “เยวี่ยเยวี่ย คืนนี้บ้านคุณปู่ของหนูจะรวมตัวกันฉลองวันครูอีกแล้วเหรอจ๊ะ? ครอบครัวหนูนี่เป็นตระกูลผู้ดีมีการศึกษาที่แท้จริงเลยนะ!”
อู่เยวี่ยคงรอยยิ้มฉาบหน้าไว้ดังเดิม สายตาที่ตวัดมองมายังอู่เหมยกลับดุดันเล็กน้อย ไม่รู้ว่าวันนี้เจ้าโง่นี่เป็นอะไรถึงบังอาจเอาแต่ใจกับเธอ ไม่ได้ด่ามาสามวันก็เริ่มนิสัยเสียอีกแล้ว เดี๋ยวกลับบ้านต้องไปฟ้องคุณแม่ว่าวันนี้อู่เหมยถูกคุณครูตำหนิที่สอบคณิตศาสตร์ได้แค่แปดคะแนน ได้ที่อันดับสุดท้ายของโรงเรียน
อู่เหมยเห็นอู่เยวี่ยแสร้งทำท่าทางสง่าก็รู้สึกสะอิดสะเอียน เธอกลอกตาขบคิดพลางใช้สองมือกุมท้องนั่งลง ร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวด “พี่คะ หนูปวดท้อง เดินไม่ไหว พี่แบกหนูได้มั้ย?”
อู่เยวี่ยมองอู่เหมยที่นั่งกึ่งคุกเข่าบนพื้นอย่างไม่เชื่อสายตา ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเองกับหูว่า น้องสาวคนโง่จะให้ตนแบกเธอ?
พระเจ้า! เจ้าโง่นี่คงไม่ได้เป็นบ้าไปแล้วหรอกนะ?
อู่เยวี่ยนึกขุ่นเคืองในใจ แต่ด้วยความที่ยังอยู่ต่อหน้าคนภายนอกเธอจึงต้องเสแสร้งเป็นพี่สาวที่ดี ได้แต่เดินเข้าไปหาอู่เหมยอย่างไม่สบอารมณ์ ถามด้วยความเป็นห่วง “เหมยเหมยเป็นอะไร? เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่เลยไม่ใช่เหรอ?”
“เริ่มปวดตั้งแต่เลิกเรียนแล้ว แต่พี่ลากหนูเดินเร็วมาก ก็ยิ่งปวดหนักเข้าไปอีก โอ้ย!” เสียงอู่เหมยที่ร้องออกมานั้นหวานหยดย้อย หวานยิ่งกว่าน้ำตาลแดง หวานแทบซึมเข้ากระดูก
คนรอบข้างที่มุงอยู่ทำหน้าตกใจ ไม่คิดว่าเสียงลูกสาวคนเล็กของตระกูลอู่จะเย้ายวนใจได้ขนาดนี้ แน่นอนว่าแม้เด็กผู้หญิงอายุสิบสองปียังไม่เข้ากับคำว่าเย้ายวน แต่เสียงอู่เหมยกลับเย้ายวนใจอย่างแท้จริง เรียกให้คนฟังรู้สึกคันยิบๆ ที่หัวใจ
อีกทั้งทุกคนเริ่มมองอู่เยวี่ยด้วยแววตาสงสัย เมื่อก่อนก็เห็นแต่ว่าอู่เยวี่ยเป็นพี่สาวที่รักน้องสาวดี แต่ตอนนี้ดูๆ แล้วก็ไม่เท่าไรนี่นา น้องสาวปวดท้องตั้งแต่เลิกเรียน นอกจากพี่สาวจะไม่ทันสังเกตแล้วยังดึงดันให้น้องสาวเดินไวขนาดนี้ นี่คงไม่ใช่แค่ชะล่าใจเท่านั้นแล้วล่ะ!