ตอนที่ 59
ตอนที่ 59 เนื้อปลาที่แสนอร่อย
“เนื้อด้านหลังสดกว่า แกกินส่วนนี้ไป”
เหอปี้อวิ๋นพยายามระงับอารมณ์ขุ่นมัวพลางคีบเนื้อปลาส่วนหลังของปลาให้อู่เหมย อู่เหมยไม่นึกรังเกียจคีบส่งใส่ปาก จากนั้นได้คีบเนื้อปลาตรงส่วนหน้าท้องชิ้นโตถึงพบว่าบริเวณหน้าท้องไม่มีเนื้อปลาเหลือแล้ว
“เก็บส่วนที่สดใหม่ให้พี่กิน หนูไม่กินของสดใหม่”
อู่เหมยแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจถึงได้จงใจคีบเนื้อปลาส่วนหลังใส่ถ้วยอู่เยวี่ยที่สีหน้าย่ำแย่ ตัวเองคีบเนื้อปลาส่วนหน้าท้องอีกคำใหญ่ทานอย่างเอร็ดอร่อย
เนื้อตรงส่วนท้องอร่อยจริงๆ สินะ ไม่มีก้างปลาสักนิด ทั้งสดทั้งนุ่ม เมื่อก่อนเธอช่างโง่เสียจริงถึงได้ทานแต่เนื้อปลาส่วนหลังกับส่วนหางอย่างเชื่อฟัง จนก้างปลาติดคอตั้งหลายรอบ
อู่เยวี่ยมีใจคิดจะแย่งเนื้อปลาส่วนหน้าท้องกับอู่เหมยแต่ก็ไม่อยากให้อู่เจิ้งซือรู้สึกว่าเธอเป็นจอมตะกละที่จิตใจคับแคบ ได้แต่มองอู่เหมยทานเนื้อปลาส่วนหน้าท้องจนหมดเกลี้ยง ความรู้สึกอัดแน่นอยู่ในอก
อู่เหมยอารมณ์ดีทันตาเมื่อเห็นปลาตะเพียนที่เนื้อหายไปกว่าครึ่ง คีบผัดผักทานข้าวคำสุดท้ายในถ้วยก่อนจะลุกไปตักข้าวเพิ่ม เธอต้องทานเยอะหน่อย จะได้ไม่ตัวผอมแห้งเหมือนชาติก่อน
ข้าวในหม้อเหลือไม่มากแล้ว อู่เหมยตักเพิ่มให้เต็มถ้วยที่เหลือเพียงส่วนน้อยในหม้อ เธอนึกๆ ก็ตัดสินใจตักที่เหลือมาเคี้ยวในปากทั้งอย่างนั้น
ให้พวกเธอลิ้มรสของความหิวโหยดูบ้าง หึ!
“ไม่มีข้าวแล้ว”
อู่เหมยยกถ้วยที่ข้าวพูนเดินออกมา พูดสั้นๆ ก่อนก้มหน้าทานข้าวต่อแถมยังตักน้ำซุปปลาใส่ถ้วย คีบเนื้อปลาส่วนหลังคำโต ทานเนื้อปลาเยอะๆ จะได้ฉลาด เธอต้องทานเยอะๆ ดูสิว่าจะฉลาดขึ้นสักนิดไหม
เหอปี้อวิ๋นวิ่งไปดูในห้องครัวแวบหนึ่งพบว่าหม้อโล่งเปล่าไม่เหลือแม้แต่เศษข้าวติดก้นหม้อ ไม่ต้องพูดถึงว่าจะทำกับข้าวให้อู่เยวี่ยพกไปพรุ่งนี้เช้าเถอะ คืนนี้ยังไม่พอทานด้วยซ้ำ
“เหมยเหมย ทำไมเห็นแก่ตัวขนาดนี้? ไม่รู้ว่าเรายังกินไม่เสร็จกันเหรอ?” เหอปี้อวิ๋นกล่าวเสียงตำหนิหน้าตึง
“หนูหิว แม่ต่างหากที่หุงข้าวน้อยไป”
อู่เหมยโต้กลับโดยไม่คิดจะเงยหน้า คีบเนื้อปลาอีกคำใหญ่ น้ำซุปปลาคลุกข้าวนี่มันอร่อยจริงๆ จนเธอสามารถทานได้อีกถ้วย ไม่เคยรู้สึกหิวขนาดนี้มาก่อน
อู่เยวี่ยมองอู่เหมยทานข้าวคำโตเหมือนเขมือบนั่นด้วยใจที่อัดอั้นเต็มทน เนื้อปลาส่วนหน้าท้องที่เป็นของเธอถูกเจ้าโง่นี่กินจนเกลี้ยงเลย แค้นใจนัก!
เพราะความหิวโหยทำให้อู่เยวี่ยจำต้องทานเนื้อปลาส่วนหลังที่เดิมทีปลาตะเพียนก็ก้างเยอะเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว โดยเฉพาะส่วนหลังมีก้างเล็กๆ น้อยๆ เหมือนวัวที่มีขน จะระวังอย่างไรแต่คนที่ไม่ทานเนื้อที่มีก้างบ่อยๆ ต้องโดนเข้าสักที อย่างที่คิด--
“แค่กแค่กแค่ก”
อู่เยวี่ยกุมลำคอไว้ไอไม่หยุด สร้างความตกใจแก่เหอปี้อวิ๋นอย่างมากจนรีบลุกขึ้นลูบหลังเธอ “ก้างติดคอลูกหรือเยวี่ยเยวี่ย? รีบกลืนข้าวเปล่าเร็ว”
แต่ว่า...
อู่เยวี่ยกลับรู้สึกเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อทานข้าวเปล่าจนหมดถ้วย เหอปี้อวิ๋นเดินวนกับที่อย่างร้อนใจ ทั้งให้ดื่มน้ำทั้งให้ดื่มน้ำส้มสายชูก็แล้ว อู่เยวี่ยอิ่มท้องไม่ไหว กัดฟันกรอดแต่ก้างในลำคอยังคงอยู่เช่นเดิมแถมยิ่งแทงลึกลงไปเรื่อยๆ
“แม่ หนูเจ็บ!”
อู่เยวี่ยเคยเจอเรื่องทรมานเช่นนี้เสียเมื่อไรกันล่ะ ทรมานราวกับเสียไปครึ่งชีวิต น้ำตานองหน้าเรียกให้เหอปี้อวิ๋นปวดใจเหลือเกิน
“เหล่าอู่ ทำยังไงดี? พาไปส่งโรงพยาบาลมั้ย?”
อู่เหมยลอบยิ้มอย่างเย็นชา เมื่อก่อนตอนเธอร้องว่าเจ็บคอเหอปี้อวิ๋นไม่ถามไถ่สักคำยังด่าเธอว่าโง่ที่ทานปลาไม่เป็น ตอนนี้ลูกรักอย่างอู่เยวี่ยโดนก้างปลาตำคอเข้าสักทีจะพาไปส่งโรงพยาบาลแล้ว?
เธอเขม่นมองอู่เยวี่ยที่ตกอยู่ในสภาพทรุดโทรมแวบหนึ่งด้วยความสะใจ คีบหน่อไม้ผัดเนื้อทานต่อคำแล้วคำเล่าราวกับไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อเธอ
เหอปี้อวิ๋นถลึงตามองตัวต้นเหตุอย่างนึกเกลียด เอ่ยเสียงด่าทอ “พี่สาวเป็นอย่างนี้แล้วยังมีใจกินข้าวอีกเหรอ?”