icon member

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 57

ตอนที่ 57 ขอเงิน

    อู่เจิ้งซือไม่มองอู่เหมยขณะที่ตีหน้าเรียบนิ่งเหมือนผิวน้ำสงบ หมุนตัวเดินขึ้นอาคารไป อู่เหมยรู้สึกหนาวขึ้นมาพลางถูบริเวณแขนเดินตามหลังอู่เจิ้งซือไป โชคดีที่เธอมาได้เวลาพอดี มีอู่เจิ้งซืออยู่เหอปี้อวิ๋นไม่กล้าด่ารุนแรงเกินไป

    ระเบียงทางเดินของชั้นสองคึกคักไปด้วยเหล่าแม่บ้านของแต่ละครอบครัวต่างกำลังยืนวุ่นอยู่หน้าเตากันใหญ่ เมนูอาหารที่หลากหลายผสมปนเปกันไปจนกลายเป็นกลิ่นหอมที่ยากจะบรรยาย ลอยแทรกเข้าโพรงจมูกรับกลิ่นของทุกคน

    เหอปี้อวิ๋นเพิ่งผัดกับข้าวสองอย่างและน้ำซุปหนึ่งอย่างเสร็จก็ได้ตุ่มใสบนมือมาหลายจุด เก็บอารมณ์โกรธไว้ในใจกระทั่งเห็นอู่เหมยที่เดินมาในสภาพร่อแร่ตามหลังอู่เจิ้งซือไฟโทสะของเธอก็พุ่งพรวด หากไม่ได้อยู่บนทางเดินเธอคงหยิบไม้ขนไก่มาฟาดอีกคนตั้งนานแล้ว

    “เหมยเหมยกลับมาแล้วเหรอ? โอ้! บนตัวไปโดนอะไรมา? รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็ว อย่าเป็นหวัดเข้าล่ะ” อาจารย์แม่จางมองอู่เหมยด้วยความตะลึง

    อู่เหมยรู้สึกอุ่นใจนิดๆ ไม่ว่าจะอู่เจิ้งซือหรือเหอปี้อวิ๋นไม่มีใครจะเป็นกังวลว่าเธอจะเป็นหวัดหรือไม่ ไม่มีแม้แต่จะเสแสร้งสักนิด เทียบกับคนนอกไม่ได้เลย

    เหอปี้อวิ๋นได้ยินคำพูดของอาจารย์แม่จางก็เริ่มโอดครวญว่าตัวเองโกรธจนหน้ามืด เพราะยายตัวดีนี่ต่างหากที่สร้างเรื่องไม่หยุดมาตั้งแต่เมื่อวาน

        “เจ้าลูกคนนี้ทำไมถึงติดเล่นจัง เลิกเรียนแล้วไม่รีบกลับมาทำการบ้านก็วิ่งไปไหนไม่รู้ ดูสิสกปรกกลับมา ต้องให้เป็นห่วงตลอด ถ้าเป็นเด็กดีได้สักครึ่งของพี่สาวก็ดีสิ”

    เหอปี้อวิ๋นขมวดคิ้วยิ้มบ่นไม่กี่ประโยคให้ดูเหมือนเป็นคุณแม่ที่กำลังคิดหนักปนเอือมระอายามเผชิญหน้ากับลูกที่ไม่เอาไหน

    สิ่งที่อู่เหมยรำคาญที่สุดก็คือการที่เปรียบเทียบเธอกับอู่เยวี่ย ชื่อของจอมเสแสร้งน่าสะอิดสะเอียนอย่างอู่เยวี่ยนั้นเธอไม่อยากได้ยินมันเลยแม้แต่นิดเดียว

    “หนูไม่ได้ไปเที่ยวเล่นที่ไหน แค่หิวเลยไปซื้อของกินบนถนน คุณพ่อคะ ให้เงินสักห้าสตางค์ได้มั้ยคะ? หนูยังติดเงินค่าแพนเค้กรากบัวของคุณป้าคนขายอยู่เลย”

    อู่เหมยหัวไวพลางคิดได้ว่านี่เป็นช่วงเวลาขอเงินที่ดีที่สุด อู่เจิ้งซือเป็นคนรักหน้ารักตา ไม่มีทางปฏิเสธเธอยามอยู่ต่อหน้าอาจารย์แม่จาง 

    อู่เจิ้งซือสีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างมาก กล่าวเสียงนิ่ง “ลูกไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวค่อยว่ากัน”

    เหอปี้อวิ๋นกลับทนไม่ได้พลางพูดต่อว่า “ทำไมถึงรู้จักติดค้างเงินแล้ว? ตอนเที่ยงใช่ว่าไม่ได้ทานข้าวสักหน่อย? ทำไมต้องเปลืองเงินไปซื้อของกิน? พี่สาวของลูกไม่ได้ฟุ่มเฟือยเหมือนลูกเลยนะ?”

    อู่เหมยได้ยินก็นึกโกรธตะโกนกลับ “ตอนเที่ยงหนูมีแค่ซาลาเปาไส้ผักเค็มสองลูก อู่เยวี่ยมีกับข้าวในกล่องเก็บอุณหภูมิแล้วยังมีไข่ดาวกับเนื้อ พี่ไม่มีทางหิวอยู่แล้ว อีกอย่างหนูไม่ได้ฟุ่มเฟือย เงินที่ซื้อขนมแพนเค้กนั่นก็เงินค่าขนมที่หนูอดออมมา คุณแม่ไม่เคยให้ค่าขนมหนูมาก่อน แต่อู่เยวี่ยมีเงินค่าขนมสองหยวนทุกอาทิตย์”

    คนอื่นๆ ที่กำลังทำอาหารต่างมองมาทางนี้แล้วขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้เมื่อได้ยินถ้อยคำของอู่เหมย รู้อยู่แล้วว่าเหอปี้อวิ๋นลำเอียงไปทางลูกสาวคนโต แต่ตอนนี้ดูลำเอียงมากไปจริงๆ

    เรื่องดีๆ ไม่มีแต่เรื่องเสียหายกลับแพร่สะพัดไปไกลพันลี้ สิ่งที่อู่เหมยพูดที่สนามบาสเมื่อวานได้แพร่ไปทั่วโรงเรียนตั้งนานแล้ว พวกเขาไม่อาจเข้าไปยุ่งกับเรื่องครอบครัวคนอื่นได้ จึงทำได้แต่วิพากษ์วิจารณ์ลับหลังเท่านั้นเอง

    แต่ตอนนี้กลับมาเกิดขึ้นต่อหน้า ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องพูดสักหน่อย

    “คุณครูเหอ เหมยเหมยอยู่ในช่วงเจริญวัย ซาลาเปาไส้ผักเค็มสองลูกจะพอกินได้ยังไง? ในเมื่อเยวี่ยเยวี่ยมีกับข้าวเตรียมไว้ให้ ก็น่าจะเตรียมให้เหมยเหมยด้วยสิ”

    “นั่นสิ ต้องยุติธรรมหน่อย ทั้งสองคนเป็นลูกที่ออกมาจากท้องของคุณเหมือนกันเชียว!”

    “คุณครูอู่ก็น่าจะอบรมทัศนคติของภรรยาคุณหน่อย ดูสิเหมยเหมยผอมแห้งขนาดนี้ น่าสงสารจะตาย!”

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด