icon member

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 56

ตอนที่ 56 แบกหลังกลับบ้าน

    อู่เหมยขี่อยู่บนแผ่นหลังกว้างหนาของเหยียนหมิงซุ่นขณะที่รู้สึกร้อนผ่าวตรงแก้มเหมือนโดนแผดเผา พูดเสียงเบา “พี่หมิงซุ่น ให้ฉันเดินเองมั้ย?”

       “ไม่ต้องหรอก!” เหยียนหมิงซุ่นตอบเสียงเรียบ อู่เหมยไม่กล้าส่งเสียงใดๆ อีกพลางอยู่เงียบๆ

    เหยียนหมิงซุ่นไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงใจอ่อนยวบลงได้ ต้องเป็นเพราะลูกบาสน่ารำคาญลูกนั้นแน่ๆ เพราะลูกบาสนั่นเดิมทีจะส่งให้เขา จะว่าไปอู่เหมยต้องมาลำบากเพราะเขา

    ต้องไม่ใช่เพราะเขาเห็นเด็กผู้หญิงเดินกะโผลกกะเผลกแล้วเกิดเห็นใจขึ้นมาหรอก!

        ตลอดทางเหยียนหมิงซุ่นไม่ปริปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวจนอู่เหมยเองก็ไม่กล้าเปล่งเสียงหรือหายใจเสียงดัง ความจริงเธอยังรู้สึกเวียนศีรษะเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะพิงศีรษะไว้บนหลังเหยียนหมิงซุ่นในสภาพแทบหมดสติ

    เหอปี้อวิ๋นหั่นผักอย่างขะมักเขม้นด้วยความลน น้ำมันในกระทะไหม้จนขึ้นควันขาวแต่ผักของเธอยังหั่นไม่เสร็จ เหอปี้อวิ๋นจำต้องหั่นลวกๆ ก่อนเทผักใส่กระทะ น้ำมันกระเด็นใส่มือเธอที่พองเป็นตุ่มใสอย่างรวดเร็ว

    “ยายตัวดีไปตายที่ไหนแล้ว? เยวี่ยเยวี่ย น้องสาวของของลูกไปไหน?”

    เหอปี้อวิ๋นเจ็บจนสูดปากพลางตะโกนเข้าไปในบ้านด้วยแรงอารมณ์ เมื่อก่อนงานหั่นผักล้วนเป็นฝีมือของอู่เหมย เธอแค่ทำหน้าที่ผัดสบายๆ ก็พอ ตอนนี้อู่เหมยไม่อยู่เธอก็ต้องเป็นคนทำ

    “หนูไม่รู้ค่ะ ตอนเช้าบอกเหมยเหมยว่าเลิกเรียนให้รอกลับบ้านพร้อมหนูแต่เธอไม่ได้รอ หนูได้ยินเพื่อนเหมยเหมยบอกว่าเธอกลับก่อนตั้งแต่เลิกเรียนแล้ว”

        อู่เยวี่ยแอบฟ้องอย่างแนบเนียนอีกครั้ง เหอปี้อวิ๋นโกรธจนหน้าแดงอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด ยายตัวดีกลับมาเจอดีแน่

    “แม่คะ หนูช่วยหั่นผักมั้ยคะ?”

    อู่เยวี่ยวางดินสอลงเดินมาหา เหอปี้อวิ๋นยิ้มอย่างรักใคร่รีบโบกมือให้เธอกลับไป “ไม่ต้องๆ การเรียนของลูกสำคัญกว่า เดี๋ยวแม่ก็ทำเสร็จแล้ว ลูกรีบเดินไประวังโดนน้ำมันกระเด็นใส่”

    “ถ้าแม่มีอะไรให้ช่วยเรียกหนูนะ!”

    เหอปี้อวิ๋นรู้สึกปลื้มใจอย่างมากจนความรักแทบล้นออกจากสายตา ลูกสาวบ้านไหนจะดีเยี่ยมเท่าเยวี่ยเยวี่ยของเธอบ้าง? เยวี่ยเยวี่ยหน้าตาดี การเรียนอยู่ในระดับแถวหน้าทั้งยังเป็นเด็กดีรู้จักกตัญญู หาไม่ได้จากคนในร้อยล้านคนด้วยซ้ำ

    อู่เยวี่ยหันหลังกลับยิ้มอย่างได้ใจ รู้อยู่แล้วว่าคุณแม่ไม่มีทางให้เธอทำงานหรอก เมื่อกี้แค่ถามไปอย่างนั้นแหละ

        อู่เจิ้งซือถือคู่มือการสอนกลับมาโดยที่ปลายนิ้วยังมีฝุ่นสีขาวติดอยู่รวมถึงรอยเปื้อนหมึกสีแดงหลายจุด เผอิญเจอหน้าเหยียนหมิงซุ่นเข้าอย่างจัง

    “คุณครูอู่” เหยียนหมิงซุ่นเรียกขาน

    “เหมยเหมยเป็นอะไร? ทำไมถึงต้องให้เธอแบกขึ้นหลัง?” อู่เจิ้งซือขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก

    อู่เหมยแทบหลับไปอยู่รอมร่อพอได้ยินเสียงอู่เจิ้งซือก็สะดุ้งเฮือกได้สติทันใด เงยหน้าเรียกอีกฝ่าย “คุณพ่อ”

    เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกถึงอาการสะดุ้งของอู่เหมยเมื่อครู่ได้ เห็นได้ชัดว่าตกใจเพราะอู่เจิ้งซือ เห็นทีคุณครูประจำชั้นของเขาคนนี้ตอนอยู่บ้านไม่ได้มีท่าทางที่ให้ความรู้สึกสบายแก่ผู้อื่นเหมือนตอนอยู่โรงเรียนแน่ๆ

    เขาได้เล่าเรื่องราวที่อู่เหมยประสบเมื่อครู่ไปสั้นๆ “ผมคิดว่าเหมยเหมยอาจจะได้รับกระทบกระเทือนตรงสมองนิดหน่อยเลยแบกเธอกลับมาครับ”

    อู่เหมยขืนตัวจะลงมา “พี่หมิงซุ่น ฉันดีขึ้นมากแล้ว ขอบคุณพี่มาก”

    อู่เจิ้งซือยิ้มให้เหยียนหมิงซุ่นอย่างอบอุ่น “ขอบคุณหมิงซุ่นมาก อยู่ทานข้าวมื้อเย็นก่อนสิ!”

    “ขอบคุณคุณครูอู่ครับ คุณย่าผมทำกับข้าวเสร็จแล้ว ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”

    เหยียนหมิงซุ่นขอตัวลากับอู่เจิ้งซือพลางหันไปมองอู่เหมยอีกแวบหนึ่ง อู่เหมยยิ้มให้เขาอย่างระแวงน้อยๆ ผมเปียกปอนแนบติดหน้าผากอีกทั้งบนหัวยังมีเศษพริกหยวกติดอยู่ เห็นแล้วทั้งน่าสงสารทั้งตลกจนเขาอดหลุดขำไม่ได้ ยื่นมือไปหยิบพริกหยวกออกก่อนจะหันหลังเดินจากไป

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด