ตอนที่ 50
ตอนที่ 50 ความจริงเป็นเรื่องโหดร้าย
หนึ่งวันของการเรียนผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว อู่เหมยนั่งบนเก้าอี้ตัวแข็งจนตูดชาเป็นแถบๆ ปวดเมื่อยไปตามลำคอพาลไม่สบายไปทั้งตัว
แต่สิ่งที่ทำให้อู่เหมยดีใจมากคือ วันนี้เป็นวันที่เธอผ่อนคลายมากที่สุดในสองชาติรวมกัน ไม่มีเสียงก่นด่าของคุณครูหรือเสียงเยาะเย้ยของเพื่อนๆ บรรยากาศสบายๆ เนื้อหาที่คุณครูพูดวันนี้เธอฟังเข้าใจได้บางส่วน แม้จะแค่นิดเดียวแต่อู่เหมยก็ดีใจมากแล้ว
เทียบกับสมองทื่อที่ยัดอะไรก็ไม่เข้าของชาติที่แล้ว นับว่าพัฒนาขึ้นมากแล้วกับการที่สามารถรับความรู้เข้าไปได้เพียงนิด บางที... บางทีชาตินี้เธออาจจะฉลาดขึ้นก็ได้?
อู่เหมยเริ่มมีความมั่นใจกับหนทางการเรียนรู้ในอนาคตของเธอ บางทีเธออาจไม่ใช่คนประเภทที่เลวร้ายถึงขั้นช่วยไม่ได้ แค่ว่าชาติที่แล้วโดนด่าโดนตีบ่อยครั้ง อยู่โรงเรียนถูกคุณครูตำหนิ กลับบ้านไปก็ถูกคุณพ่อคุณแม่ตำหนิ รวมถึงสายตาแปลกๆ ของคนรอบข้างที่มองเธอราวกับมองกองมูลสัตว์ ภายใต้สภาพแวดล้อมอันเลวร้ายแบบนั้น เธอถึงได้หมดกำลังใจและใช้ชีวิตแหลกเหลวไปตามนั้น
ไม่ว่าอย่างไรชาตินี้เธอจะต้องตั้งใจเรียน เธอไม่ได้หวังจะเป็นคนเรียนเก่ง แต่แค่ได้ชะล้างความละอายของชาติที่แล้วได้ก็พอ พยายามสอบให้ได้มากกว่าหกสิบคะแนนทุกครั้ง
แน่นอนว่ามากกว่าหกสิบคะแนนยิ่งดี!
แต่ความจริง...
คาบเรียนสุดท้ายมักเป็นคาบที่ให้ทบทวนบทเรียนเอง เพื่อนๆ ทุกคนจะใช้เวลานี้ทำการบ้านให้เสร็จสรรพ หนึ่งคาบมีเวลาสี่สิบห้านาทีซึ่งเหลือเฟือมาก แน่นอนว่าสำหรับคนอื่นน่ะนะ
อู่เหมยกัดปลายด้ามปากกาจ้องโจทย์วิชาคณิตศาสตร์ตรงหน้าอย่างเคร่งเครียด สูตรคำนวณก่อนหน้านี้เธอไม่มีปัญหา อย่างน้อยใช้ชีวิตมาสามสิบกว่าปี สูตรบวกลบคูณหารง่ายๆ ตามความรู้ระดับประถมนั้นก็ยังไหวอยู่
แต่โจทย์คำนวณนี้ทำอย่างไรล่ะ?
สระว่ายน้ำสามท่อไว้เติมน้ำ สองท่อไว้ถ่ายเทน้ำ ระหว่างที่เติมน้ำก็ถ่ายเทน้ำไปด้วย ต้องใช้เวลานานเท่าไรถึงจะเติมน้ำสระได้เต็ม?
อู่เหมยเจอโจทย์แบบนี้ก็หัวยุ่ง เธอรู้สึกว่าคนคิดโจทย์แบบนี้ต้องเป็นโรคจิตแน่ๆ รู้จักไหมเรื่องอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม? ทรัพยากรน้ำล้ำค่าขนาดไหนไม่รู้หรืออย่างไร?
ให้ถ่ายเทน้ำออกจนหมดแล้วค่อยเติมน้ำไม่ได้หรือ?
ก่นด่าคนคิดโจทย์ในใจเสียยกใหญ่จนอู่เหมยรู้สึกได้ระบายบ้างแล้ว แต่ก็ทำโจทย์นี้ไม่ได้อยู่ดี!
ก่อนหน้านี้เธออุตส่าห์จะมั่นใจขึ้นบ้างแต่กลับถูกโจทย์ถ่ายเทน้ำเติมน้ำบ้าๆ นี้ทำลายจนป่นปี้ อู่เหมยถอนหายใจอย่างเอือมระอา ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เข้ากับการเรียนเสียจริงๆ!
เสียดายตอนนี้ไม่มีเทคโนโลยีให้ถามคุณป้าไป่ตู้ได้ อู่เหมยตบหัวแปะๆ ก่อนจะปิดหนังสือคณิตศาสตร์ลง ยังไม่ใช้สมองให้สิ้นเปลืองแล้วกัน วิชาภาษาแค่คัดคำศัพท์และแต่งประโยค ภาษาอังกฤษแค่คัดคำศัพท์ไม่กี่คำ เรื่องนี้เธอไม่มีปัญหา
อู่เหมยไม่เคยคิดจะขอความช่วยเหลือจากใครเลยตั้งแต่เริ่ม เมื่อก่อนใช่ว่าเธอจะไม่เคยขอความช่วยเหลือเพียงแต่ไม่มีใครสนใจเธอ หากไม่หัวเราะเยาะก็ประชดประชัน นานวันเข้าเธอจึงไม่คิดถามไถ่อีก
“อู่เหมย เธอไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามฉันได้นะ!” เจ้าอ้วนน้อยอู่เชาโผล่หน้ามายิ้มตาหยี
อู่เหมยมองเขาแวบหนึ่ง กล่าวเสียงเรียบ “ไม่ต้องหรอก ขอบคุณ”
เธอไม่อยากยุ่งกับคนตระกูลอู่แม้แต่นิดเดียว ชาติก่อนแม้อู่เชาไม่เคยรังแกเธอแต่ก็ไม่เคยช่วยเธอ เหมือนเธอเป็นคนแปลกหน้า
อู่เชารู้สึกผิดคาดมาก เขาลดตัวขนาดนี้แล้วอู่เหมยกลับไม่ซาบซึ้งในน้ำใจ นี่มันผิดปกตินี่นา ชาติก่อนเวลาบรรดาญาติพี่น้องรวมตัวกัน อู่เหมยมักใช้สายตาหวาดระแวงมองมาที่พวกเขาทำท่าอยากเข้าใกล้แต่ก็ไม่กล้า เห็นได้ชัดว่าต้องการให้พวกเขาเข้าไปชวนเธอคุย
ครั้งนี้เขายื่นมือให้ความช่วยเหลือแล้ว เด็กสาวที่อับจนหนทางควรยื่นสองมือรับไว้อย่างสำนึกในบุณคุณไม่ใช่หรือ?
แต่นี่กลับปฏิเสธเขา?