icon member

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 43

ตอนที่ 43 เปิดโปง

เหอปี้อวิ๋นยื่นหน้าออกมาจากห้องน้ำ “เหล่าอู่ คุณได้ยินแล้วสินะ? ยายเด็กนี่เกิดมาเพื่อต่อกรกับฉัน!”

อู่เหมยดึงคอเสื้อลง ชี้รอยเป็นจ้ำๆ ที่เป็นแผลบวมช้ำพูดเสียงเย็น “นี่หรือคะที่ทำดีกับหนู? มีแม่ที่ไหนตีลูกสาวตัวเองอย่างนี้บ้าง? แม่เคยเห็นหนูเป็นลูกสาวบ้างมั้ย? ห้ามไม่ให้หนูมัดผม ใส่ร้ายว่ามีตุ่มขึ้นหน้าแล้วยังแอบต้มน้ำซุปไก่น้ำซุปเป็ดให้อู่เยวี่ยลับหลัง ตั้งแต่เล็กจนโตหนูได้ใส่แต่เสื้อผ้าที่อู่เยวี่ยไม่เอา

จะกินอะไรก็กินแต่ของเหลือจากอู่เยวี่ย กลางคืนร้อนแค่ไหนหนูก็ไม่มีพัดลมเพราะพัดลมอยู่ข้างเตียงอู่เยวี่ยเสมอ แสงไฟฝั่งหนูไม่ดีเลยขอแม่ซื้อโคมไฟเล็กๆ มาหลายครั้งแต่แม่ไม่เคยสนใจหนู ไปโกรธอะไรที่ทำงานมากลับมาก็มาระบายมันกับหนู... นี่คือทำดีกับหนูเหรอ?

ก็เพราะคะแนนสอบหนูไม่ดีไม่ใช่หรือไง? หนูอยากคะแนนไม่ดีเองเหรอ? ในเมื่อรังเกียจหนูขนาดนี้แล้วทำไมต้องคลอดหนูออกมา? ตอนนั้นพ่อแม่น่าจะบีบคอหนูให้ตาย จะไม่ได้ไม่ต้องมาทำให้พ่อแม่อับอายขายหน้า!”

นึกถึงความเจ็บปวดของชาติก่อนอู่เหมยได้แต่ร้องไห้น้ำตานองหน้า ปวดใจจนแทบหายใจไม่ออก เอามือกุมหน้าวิ่งเข้าห้องก่อนล็อกประตู ตอนนี้เธอแค่อยากร้องไห้หนักๆ ไม่อยากสนใจใครทั้งนั้น

อู่เจิ้งซือหน้าถมึงทึง การโต้เถียงของอู่เหมยทำให้เขาโกรธอย่างมากแต่สิ่งที่อู่เหมยกล่าวออกมาก็สร้างความตกตะลึงให้เขามากเช่นกัน เหอปี้อวิ๋นปฏิบัติต่อลูกสาวสองคนต่างกันขนาดนั้นเลยหรือ?

อู่เยวี่ยที่อยู่ในห้องอาบน้ำนึกหวั่นใจพลางมองไปยังเหอปี้อวิ๋นด้วยความกังวล เจ้าโง่นี่พูดเปิดโปงทุกอย่างออกมาแล้ว คุณพ่อจะโกรธเธอหรือเปล่า?

เหอปี้อวิ๋นเองก็รู้สึกหวิวๆ ในใจแต่รีบตบบ่าลูกสาวเป็นเชิงปลอบก่อน เช็ดตัวลวกๆ เปิดประตูออกไป

 “เหล่าอู่อย่าไปฟังยายนี่พูดบ้าๆ ตัวเองผลการเรียนแย่แล้วชอบหาข้ออ้าง” เหอปี้อวิ๋นฝืนยิ้มอธิบาย

อู่เจิ้งซือมองเธอด้วยสายตาเย็นชาพักใหญ่โดยไม่ตอบกลับอีกฝ่าย เดินมุ่งหน้าไปยังห้องนอนของอู่เหมย พบว่าประตูถูกล็อกจากด้านในอู่เจิ้งซือถึงตะโกนเรียกเสียงต่ำ “เหมยเหมยเปิดประตู!”

อู่เหมยที่นอนคว่ำปล่อยโฮบนเตียงใช้ปลอกหมอนเช็ดหน้าลวกๆ เดินไปเปิดประตูโดยไม่คิดมองหน้าอู่เจิ้งซือ เหอปี้อวิ๋นที่เดินตามเข้ามาเกือบจะหลุดคำด่าออกมาแต่พอเหลือบเห็นสีหน้าบูดบึ้งของอู่เจิ้งซือก็ได้แต่กลั้นไว้ในที่สุด

ภายในห้องมืดมาก อู่เจิ้งซือดึงสายเปิดไฟตรงประตูทีก่อนความสว่างจะเข้ามาแทนที่ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้าห้องนอนของลูกสาว

หน้าต่างอยู่ฝั่งซ้ายมือหลังจากเดินเข้าประตูเข้ามา ใต้หน้าต่างมีโต๊ะหนังสือแล้วก็เตียง บนหัวเตียงมีพัดลมตั้งพื้นเครื่องหนึ่ง ตรงกลางห้องมีตู้เสื้อผ้าสองตู้ที่เป็นการแบ่งห้องออกเป็นสองฝั่ง ซึ่งอีกด้านเองก็มีเตียงและโต๊ะหนังสือเช่นกัน

ไฟของห้องถูกติดตั้งอยู่ฝั่งหน้าต่าง เช่นนี้แล้วไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืนอีกฟากของห้องจะอยู่ภายในความมืดสลัวตลอดเวลา เช่นเดียวกับตอนนี้ที่ฝั่งหนึ่งของห้องร้อนอบอ้าวไร้กระแสลม อู่เจิ้งซือแค่ยืนอยู่ครู่เดียวก็รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง

อู่เจิ้งซืออดขมวดคิ้วไม่ได้ การปฏิบัติที่แตกต่างเด่นชัดขนาดนี้ เหอปี้อวิ๋นมัวทำบ้าอะไรอยู่?

โชคดีที่ไม่มีคนนอกเห็นเข้า ไม่อย่างนั้นจะให้เขามีหน้าอยู่ในโรงเรียนได้อย่างไรอีก?

เจ้างั่ง!

อู่เจิ้งซือหันมาถลึงตาดุดันใส่เหอปี้อวิ๋นข้างๆ และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ห้ามปฏิเสธ “พรุ่งนี้ไปซื้อโคมไฟแล้วก็พัดลมด้วย”

“รู้แล้ว”

เหอปี้อวิ๋นตอบตกลงอย่างไม่พอใจ รู้สึกปวดใจแปลบๆ พัดลมเครื่องหนึ่งต้องใช้เงินตั้งร้อยกว่าเหรียญ บ้านใครบ้างที่สิ้นเปลืองฟุ่มเฟือยเหมือนบ้านเธอที่ต้องใช้พัดลมถึงสามเครื่อง?

เพราะยายบ้านี้คนเดียว วันที่ร้อนระอุไม่เคยได้ยินเธอบ่นร้อน แต่พอฤดูใบไม้ร่วงกลับทนไม่ได้เสียแล้ว?

การเรียนแย่ขนาดนี้แต่รู้จักความสุขสบายมากกว่าใครเชียว?

ยังคิดจะกินไก่กินเป็ด?

ฝันไปเถอะ เยวี่ยเยวี่ยได้กินแล้วช่วยสร้างหน้าสร้างตาให้เธอ แต่ยายนี่นอกจากกินแล้วทำอะไรเป็นบ้าง?

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด