ตอนที่ 41
ตอนที่ 41 ไม่ใช่ปีศาจ
อู่เหมยเอียงตามองอู่เชาที่โตกว่าเธอสองเดือนและมีรูปร่างสมบูรณ์เหมือนตี๋ชิวเยวี่ย ตอนเด็กยังพอดูน่ารักแต่โตมากลับดูดีกว่าอู่ต้าหลาง[]เพียงนิดเดียวเท่านั้น
แม้เจ้านี่จะสู้เรื่องหน้าตาไม่ได้แต่กลับมีหัวใจอ่อนโยนดั่งคุณชายน่าหลัน[] ความสามารถเต็มพิกัด เก่งเรื่องเขียนเรียงความแต่งบทกลอนได้สวยหรูมาตั้งแต่เด็กไม่แพ้ด้านการวาดรูป นับว่าเป็นคนที่มากความสามารถที่สุดในรุ่นนี้ของตระกูลอู่
เพียงแค่อู่เชาคนนี้ผลการเรียนไม่ดีนัก คะแนนต่างกันเกินไปอย่างวิชาคณิตศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และฟิสิกส์ที่เป็นตัวถ่วงคะแนน ในประเทศที่คัดสรรคนจากคะแนนสอบนั้น คนมากความสามารถแต่หน้าตาธรรมดาอย่างอู่เชาไม่ได้จึงน่าดึงดูดใจในสายตาผู้อื่นไปโดยปริยาย
ชาติก่อนอู่เหมยไม่ได้สนิทกับอู่เชามาก รู้แค่ว่าเขาได้ออกหนังสือขายดีหลายเล่ม อย่างเรื่อง ‘นักเขียนวัยหนุ่มผู้เลื่องชื่อแห่งหัวเซี่ย’ ที่พอจะได้ดิบได้ดีกว่าเรื่องอื่น
เธอมองอู่เชาแวบหนึ่ง ก็ตอบกลับอย่างจริงจัง “ฉันเป็นคน ไม่ใช่ปีศาจ”
อู่เชาหลุดขำ “ฉันเปรียบเปรยเฉยๆ รู้มั้ย? โง่จริง ฟังไม่ออกหรือว่ากำลังเปรียบเปรย”
“ฉันกำลังพูดประโยคบอกเล่า นายไม่โง่ยิ่งกว่าเหรอ”
อู่เหมยโต้กลับเสียงเรียบด้วยคร้านจะสนใจเขาอีก ก่อนจะเริ่มทานปูต่อทั้งยังตักน้ำซุปไก่มาถ้วยใหญ่อีกครั้ง ร่างกายในตอนนี้ไม่ค่อยแข็งแรง จะต้องบำรุงสักหน่อย
อู่เชาอึ้งไปพักใหญ่ ไม่คิดว่าลูกพี่ลูกน้องที่เงียบเป็นเป่าสากคนนั้นกลับปากคอเราะร้ายขึ้นซะแล้ว?
ยังบอกว่าไม่ใช่ปีศาจสิงร่างอีก โกหก!
ช่วงนี้อู่เชาหลงใหลเรื่องภูตผีหรือสิ่งลี้ลับต่างๆ อย่างมาก ฝันเห็นเทพธิดาแห่งตำราแสนสวยและอ่อนโยนเดินออกมาจากตู้หนังสือในบ้านบ่อยครั้ง หรือดอกโบตั๋นที่คุณแม่เขาปลูกกลายเป็นธิดาแห่งดอกไม้ หรือถ้าไม่ไหวจริงๆ ปลาทองที่คุณปู่เลี้ยงไว้เขาก็ไม่เกี่ยงหรอก
เพียงแต่ฝันมานับครั้งไม่ถ้วน หนังสือยังเป็นหนังสือ ดอกไม้ยังเป็นดอกไม้ ปลายังเป็นปลา เขายังคงเป็นเจ้าหนุ่มน้อยร่างท้วมโสดสนิทคนนั้นเหมือนเดิม
ทันใดนั้น อู่เชาเริ่มสนใจในตัวอู่เหมยขึ้นมาเสียดื้อๆ ตั้งมั่นว่าจะค้นหาใบหน้าที่แท้จริงของปีศาจที่สิงร่างลูกพี่ลูกน้องคนนี้ให้ได้ ไม่รู้ว่าเป็นภูตดอกไม้หรือภูตหนังสือ?
หรือจะเป็นภูตปลาทอง?
อู่เจี๋ยส่งสายตากับจี้เหวินเฟิงเพราะสงสัยกับการเปลี่ยนแปลงของอู่เหมยเช่นกัน แต่อู่เหมยสวยขึ้นขนาดนี้พวกเขาย่อมดีใจมากกว่า เมื่อก่อนที่รังเกียจอู่เหมย ก็มีสาเหตุสำคัญมาจากฉายาอย่าง ‘ยายขี้เหร่ของอู่เหมย’ ‘มีน้องสาวหน้าตาขี้เหร่ที่เป็นที่เลื่องลือไปทั่ว’ พวกเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนได้?
“เหมยเหมย ตุ่มหายแล้วเหรอ?” จี้เหวินเฟิงถามด้วยความเอะใจ
อู่เหมยไม่ได้เงยหน้า จี้เหวินเฟิงคล้ายจี้เจี้ยนโปทุกประการไม่ว่าจะหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างสูงโปร่ง ผลการเรียนดี ภายหลังยังได้แต่งงานกับลูกสาวของคนใหญ่คนโต เดินตามเส้นทางคุณพ่อของเขา
แต่ลูกสาวคนใหญ่คนโตนั่นไม่ได้หลอกปั่นหัวง่ายๆ เหมือนอู่เจิ้งหง กลับเอาจี้เหวินเฟิงอยู่หมัดเหมือนลูกไก่ในกำมือ ไม่มีสิทธิ์ออกปากออกเสียงที่บ้าน แม้แต่อู่เจิ้งหงอยากเจอหน้าหลานยังต้องขออนุญาตไว้ล่วงหน้าราวกับขอเข้าเฝ้าพระพันปีหลวง
ส่วนอู่เจี๋ยก็เป็นไปตามอย่างคุณพ่อคุณแม่ที่เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยจิน มีคนหนุนหลังอย่างท่านผู้เฒ่ากับอู่เจิ้งต้าว อนาคตยาวไกลตามที่คาดไว้
อู่เหมยพนักหน้าเล็กน้อย “หายแล้ว”
หน้าของเธอมีตุ่มขึ้นนั้นกลายเป็นเรื่องจริงโดยปริยาย หากเธอเถียงอีกคงกลายเป็นเรื่องใหญ่ ไม่มีใครเข้าข้างเธออยู่แล้ว ก็ปล่อยไปตามนั้นเถอะ ถือโอกาสทำความเข้าใจธาตุแท้ของอู่เจิ้งซือก็ไม่แย่
เช่นนี้เธอจะได้ไม่ต้องคาดหวังอะไรกับครอบครัวอีก!
ถึงบ้านตระกูลอู่จะเกิดเรื่องแทรกเข้ามาในระหว่างมื้อค่ำนี้ แต่ก็จบลงด้วยดี สามครอบครัวร่ำลากันเล็กน้อยก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านตัวเอง อู่เหมยมองสองสามีภรรยาของอู่เจิ้งซือที่ยิ้มหน้าบานด้วยแววตาเย็นชา ความเย็นยะเยือกกัดกินไปทั้งหัวใจ
กลับบ้านไปคงถูกตีอีกสินะ?