ตอนที่ 33
ตอนที่ 33 สาย
อู่เหมยเดินตามหลังสองสามีภรรยาช้าๆ ยาของคุณย่าหยางใช้ได้ผลดีมากเพราะไม่ค่อยรู้สึกเจ็บตรงแผลสักเท่าไรแล้ว อู่เหมยก้มหน้าน้อยๆ มองเงาที่ทอดอยู่บนถนนใหญ่กระทั่งใจเริ่มสงบลง
กลับมาเกิดใหม่ตอนเย็นสี่โมงครึ่งจนถึงตอนนี้เพิ่งผ่านไปไม่ถึงสามชั่วโมงเท่านั้น แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนวันเวลาผ่านไปได้หลายสิบปีแล้ว มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากเกินไป
เป็นครั้งแรกที่เป็นปฏิปักษ์กับคุณพ่อคุณแม่ เป็นครั้งแรกที่แสดงละครต่อหน้าคนภายนอก และเป็นครั้งแรกที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับอู่เยวี่ย...
หากเป็นเธอในชาติก่อนคงไม่กล้าแม้แต่จะคิดถึงเรื่องเหล่านี้ เลยได้แต่ใช้ชีวิตอยู่ใต้เงาอู่เยวี่ยอย่างต่ำต้อยมาตลอด การด่าทอตบตีจากคุณพ่อคุณแม่กับแววตาดูถูกดูแคลนปนเสียงหัวเราะเยาะของคนอื่น คือสิ่งที่อู่เหมยในวัยเด็กและในช่วงวัยรุ่นต้องเจอ
อู่เหมยเหยียดยิ้มมุมปากมองสองสามีภรรยาที่มีสีหน้าย่ำแย่ตรงหน้าแวบหนึ่ง ความรู้สึกสะใจผุดขึ้นมาในใจ มองอู่เยวี่ยข้างๆ ที่ไม่เปล่งเสียงใดๆ ก็ยิ่งรู้สึกได้ใจ
อู่เยวี่ยที่สมบูรณ์แบบและเก่งกาจไปเสียทุกๆ ด้านในชาติก่อน บัดนี้ไม่มีตัวประกอบอย่างเธอ ที่แท้ก็แค่เด็กผู้หญิงคนธรรมดาเท่านั้นเอง!
ขี้ประชดประชัน ใจเหี้ยม จิตใจคับแคบ และจอมเสแสร้ง...
ข้อดีเพียงหนึ่งเดียวอาจจะเป็นผลการเรียนที่อยู่ในระดับดีเยี่ยมนั่นล่ะ!
พอนึกถึงผลการเรียนที่คะแนนเละเทะยิ่งกว่าเต้าหู้อ่อน อารมณ์อู่เหมยก็วูบดิ่งทันที เธอไม่มีความสามารถด้านการเรียนมาตั้งแต่เกิด เธออย่าคิดจะเอาชนะอู่เยวี่ยในเรื่องการเรียนไปตลอดชีวิตเลยเถอะ
พอนึกไปถึงเรื่องทำร้ายจิตใจที่จะต้องเจอในบ้านท่านผู้เฒ่าอู่ในอีกประเดี๋ยว อารมณ์ที่ดำดิ่งของอู่เหมยยิ่งหม่นหมองยิ่งกว่าเดิม เดี๋ยวพอถึงเวลานั้น เธอก็แค่ก้มหน้าทานข้าวไม่เปล่งเสียง อย่างมากแค่ถูกค่อนแคะด้วยสายตาและถ้อยคำประชดประชันหน่อยๆ ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร
ไม่นานก็มาถึงบ้านท่านผู้เฒ่าอู่ มหาวิทยาลัยจินเป็นมหาวิทยาลัยที่มีประวัติยาวนาน ภายในมหาวิทยาลัยมีสิ่งก่อสร้างที่ถูกสร้างขึ้นในยุคปฏิวัติประเทศเป็นประเทศสาธารณรัฐ บ้านที่สองสามีภรรยาท่านผู้เฒ่าอู่อาศัยอยู่นั้นเป็นบ้านสไตล์ยุโรปขนาดสองชั้นที่สร้างขึ้นในยุคเข้าสู่สาธารณรัฐจีน มีสวนดอกไม้เล็กๆ ทั้งหน้าและหลังบ้าน เป็นทิวทัศน์ไม่เลวทีเดียว
ขณะนี้ครอบครัวอู่มาถึงครบแล้ว ท่านผู้เฒ่าอู่สีหน้าถมึงทึงพลางกล่าวต่อลูกชายคนโตของตระกูลอู่อย่างอู่เจิ้งต้าว“แกไปส่องดูที่ประตูสิ ครอบครัวเจ้าสองทำไมยังไม่มา? ยิ่งอยู่ยิ่งใช้ไม่ได้!”
อู่เจิ้งต้าวหน้าตาคับคล้ายคับคลากับอู่เจิ้งซือและล้วนเหมือนท่านผู้เฒ่าอู่ทั้งคู่ แต่อู่เจิ้งต้าวดูสุขุมกว่าหน่อย เขาประจำตำแหน่งอาจารย์ในมหาวิทยาลัยจินเช่นกัน ได้รับตำแหน่งรองศาสตราจารย์ตั้งแต่อายุไม่ถึงสี่สิบปี มีทั้งความสามารถและหน้าตา อนาคตปูด้วยกลีบดอกไม้
ตี๋ชิงเยวี่ย ภรรยาของเขารูปร่างอวบอิ่ม ส่วนสูงไม่มากนัก ให้ความรู้สึกว่ามาจากตระกูลร่ำรวย แม้เรื่องหน้าตาจะสู้เหอปี้อวิ๋นไม่ได้ แต่อีกฝ่ายกลับมีตำแหน่งดีกว่านัก ด้วยเป็นรองศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยครูของเมืองจิน สองสามีภรรยาตระกูลอู่ชอบลูกสะใภ้คนนี้อย่างมาก
ใครให้คนตระกูลอู่ไม่สนเรื่องเงินทอง ไม่สนเรื่องหน้าตาแต่สนเรื่องความสามารถล่ะ!
ตี๋ชิวเยวี่ยหัวเราะกล่าว “คุณพ่อคุณแม่ พวกเจ้าสองน่าจะติดธุระเลยมาช้า ฉันกับเจิ้งต้าวจะไปดูสักหน่อย”
ว่าแล้วก็ดึงแขนอู่เจิ้งต้าวเดินออกจากประตูใหญ่เพราะในบ้านเสียงดังเอะอะ เธอที่รู้สึกรำคาญ อยากออกมาสูดอากาศหายใจตั้งนานแล้ว
เพิ่งออกจากประตูก็เจอครอบครัวอู่เจิ้งซือพอดี ตี๋ชิวเยวี่ยเอ่ยพร้อมยิ้มจางๆ “พวกเธอมาสักทีนะ เหลือแค่ครอบครัวพวกเธอเลย!”
อู่เจิ้งซือยิ้มอย่างรู้สึกผิด “มีเรื่องนิดหน่อยเลยมาช้าน่ะ”
“ฉันบอกแล้วว่าเจ้าสองต้องมีเรื่องด่วนอะไรถึงมาช้าไง ไม่งั้นครอบครัวเจ้าสองต้องมาเป็นอันดับแรกแน่ๆ” ตี๋ชิวเยวี่ยยิ้มตาหยีพูด เสมองไปทางเหอปี้อวิ๋นที่สีหน้าไม่สู้ดีหน่อยๆ ก่อนจะกวาดตาผ่านอู่เยวี่ยจนจรดที่อู่เหมยในมุมมืด เบิกตากว้างอย่างตกใจ
“ยายเด็กหน้าตาดีคนนี้มาจากไหน... โอ้! คงไม่ใช่เหมยเหมยหรอกนะ?”
ตี๋ชิวเยวี่ยตกใจอย่างจริงจัง เดินไปประคองใบหน้าอู่เหมยแล้วประเมินหน้าทางซ้ายและขวา หยิกแก้มเป็นบางครั้งเหมือนเลือกซื้อมะเขือเทศอย่างไรอย่างนั้น ดูสิว่าอันไหนจะนุ่มกว่ากัน