ตอนที่ 119
ตอนที่ 119 ร่างกายที่ซื่อสัตย์จริงใจ
“โอเค ฉันไปก่อนนะพี่!”
อู่เหมยกำลังกลุ้มใจที่หาทางสลัดอู่เยวี่ยทิ้งไม่ได้ พอได้ยินเช่นนั้น เธอก็กระโดดขึ้นนั่งเบาะหลังของสยงมู่มู่ทันที แล้วโบกไม้โบกมือให้อู่เยวี่ยที่มีสีหน้าเหยเก
ทักษะการขี่จักรยานของสยงมู่มู่ยังคงเหมือนเดิม ขี่ส่ายไปส่ายมาเหมือนกับงูเลื้อย อู่เหมยนั่งจับเบาะแน่นด้วยความกังวล เธอเตรียมพร้อมกระโดดลงตลอดเวลา
“ให้ฉันขี่แทนนายมั้ย?”
อู่เหมยทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เธอเอ่ยข้อเสนอที่เข้าท่ากว่า ดูจากการขี่จักรยานของสยงมู่มู่แล้ว ต่อให้รถคันอื่นไม่ชนเขา เขาก็ขี่ไปชนคนอื่นได้ พ่อแม่ของสยงมู่มู่ช่างใจดีเสียจริงๆ!
“เธอขี่เป็นเหรอ”
สยงมู่มู่มองอู่เหมยอย่างดูถูก รูปร่างเล็กเตี้ยแบบนี้ ยังสูงสู้จักรยานไม่ได้เลย!
“ขี่เป็นไม่เป็น ลองขี่ดูก็รู้แล้ว นายลงมา ฉันจะขี่ให้ดู”
อู่เหมยกระโดดลงจากจักรยานด้วยความมั่นใจ ถ้าเป็นจักรยานล้อใหญ่เหมือนกับของเหยียนหมิงซุ่น เธอไม่สามารถขี่ได้จริงๆ แต่ของสยงมู่มู่เป็นจักรยานแบบผู้หญิง เธอยังพอจะเอาอยู่
สยงมู่มู่ลงจากจักรยานอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แล้วส่งจักรยานให้อู่เหมย อู่เหมยเข็นจักรยานให้วิ่งไปก่อนสักสิบกว่าเมตร จากนั้นก็ก้าวขาขึ้นจักรยานอย่างคล่องแคล่ว เธอขี่ได้นิ่งทีเดียว ดีกว่างูเลื้อยแบบสยงมู่มู่เป็นร้อยเท่า
“ขึ้นมาเร็ว ใกล้จะสายแล้ว”
อู่เหมยตะโกนเรียกเสียงดัง สยงมู่มู่ที่ตะลึงอยู่ถึงค่อยได้สติกลับมา แล้ววิ่งเหยาะๆ ตามมา เขาถามด้วยความสงสัยว่า “เธอขี่แล้วให้ฉันซ้อนได้เหรอ ฉันตัวหนักมากเลยนะ”
“โธ่เอ๊ย! ทำไมนายถึงได้พูดมากอย่างนี้นะ ขืนยังไม่ขึ้นมาอีกฉันจะไปละนะ!” อู่เหมยชักรำคาญแล้ว
สยงมู่มู่ลูบจมูก แล้วขาขนาดใหญ่ก็ก้าวขึ้นมานั่ง แฮนด์จักรยานเบี้ยวไปเบี้ยวมา อู่เหมยรีบจับแฮนด์ไว้แน่นเพื่อให้จักรยานอยู่นิ่งๆ แต่ก็ไม่ได้มีผลกระทบใดๆ เธอยังคงขี่ได้นิ่งเหมือนเดิม
“ดูไม่ออกเลยจริงๆ เธอเรียนหนังสือไม่เก่งแต่ขี่จักรยานได้ไหลลื่นมาก” สยงมู่มู่ชมเปาะ แถมใบหน้ายังเจือแววอิจฉา เขาหัดขี่มาตั้งครึ่งเดือนแล้ว แต่ก็ยังขี่ส่ายไปมาหนักมาก การทรงตัวแย่มากจริงๆ
อู่เหมยทำเสียงฮึดฮัดด้วยความโมโห แล้วตอกกลับว่า “ยังไงซะก็ขี่เก่งกว่านายแล้วกัน!”
การรวมตัวกันที่แปลกพิกลของพวกเขาสองคนดึงดูดสายตาของผู้คนในโรงเรียนนับไม่ถ้วน สาวสวยที่ตัวเล็กบอบบางขี่จักรยานอยู่ด้านหน้า แต่ชายหนุ่มที่รูปร่างสูงใหญ่กลับนั่งอยู่ด้านหลัง ไม่ว่าจะมองยังไงก็ดูไม่เข้ากันเลย
“ฮ่าๆ พี่ดูสยงมู่มู่สิ เขาให้เหมยเหมยขี่แทนเขา อย่างนี้จะเอาหน้าไปไว้ไหนเนี่ย!” เหยียนหมิงต๋าชี้ไปทางอู่เหมยพลางหัวเราะเสียงดังด้วยสีหน้าดูถูก
เหยียนหมิงซุ่นมองไปทางอู่เหมย แสงแดดยามเช้าอาบไล้หญิงสาวหน้าตาสะสวย เรือนร่างและปลายผมเปล่งประกายแสงสีเหลืองอร่าม ด้วยสายตายาว 250 เขาสามารถมองเห็นขนเส้นบางบนใบหน้าได้อย่างชัดเจน
เด็กคนนี้ขี่จักรยานเก่งจริงๆ คนตัวโตขนาดนี้เธอยังขี่พาซ้อนมาได้ แถมยังดูอารมณ์ดีอีกด้วย อู่เหมยสดใสร่าเริงขึ้นมาก เป็นเพราะมีเพื่อนใหม่หรือเปล่านะ
ในใจเหยียนหมิงซุ่นรู้สึกเศร้าอย่างน่าประหลาด เป็นความรู้สึกที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก เหมือนกับว่าสิ่งของที่เดิมทีเป็นของเขา แต่ตอนนี้กลับถูกคนอื่นแย่งไป ไม่สิ... ควรพูดว่าเขาเป็นคนยื่นให้เอง
เมื่อคืนภาพที่อู่เหมยดวงตาแดงเรื่อปรากฏขึ้นในความฝันนับครั้งไม่ถ้วน ดูเหมือนว่าความคิดของเขาจะแบ่งเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งคือสนับสนุนเขา อีกฝ่ายหนึ่งคือตำหนิเขา
ความคิดสองฝ่ายนี้เถียงกันไปมาตลอดทั้งคืน สุดท้ายความคิดฝ่ายไหนเหนือกว่ากันแน่ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เขานอนไม่หลับ ตอนนี้ขมับเขาปวดตุบๆ
แต่ว่าตอนนี้เหยียนหมิงซุ่นรู้คำตอบแล้ว เมื่อเห็นภาพอู่เหมยกับสยงมู่มู่ขี่จักรยานมาโรงเรียนด้วยกัน ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว
เขาไม่อยากสูญเสียอู่เหมยเพื่อนคนนี้ไป เขายังอยากจะอธิบายโจทย์ให้เธอฟังอยู่ แล้วก็อยากเห็นท่าทางมึนงงของเธอที่ดูซื่อบื้อและน่ารักมากทีเดียว
เหยียนหมิงซุ่นไขความคิดของตัวเองจนกระจ่างแจ้ง แล้วเขาก็อารมณ์ดีขึ้น อาการปวดที่ขมับก็ค่อยๆ หายไป มุมปากของเหยียนหมิงซุ่นยกขึ้นเล็กน้อย ดูท่าร่างกายของเขานี่แหละที่ซื่อสัตย์จริงใจที่สุด