ตอนที่ 116
ตอนที่ 116 เตรียมการล่วงหน้า
แต่อู่เยวี่ยกลับไม่เต็มใจไปบ้านสยงมู่มู่และเห็นสีหน้าที่เฉยชาของเขาอีกแม้แต่น้อย ขณะที่กำลังจะเอ่ยคัดค้าน เหอปี้อวิ๋นก็ขยิบตาให้เธอ แล้วอู่เยวี่ยก็กลับคำพูดใหม่ เธอยิ้มพลางพูดว่า “คุณแม่พูดถูก เหมยเหมยเรามาทำการบ้านด้วยกันเถอะ พัฒนาไปพร้อมๆ กันนะ”
แต่อู่เหมยไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับอู่เยวี่ย เธอจงใจพูดว่า “ก่อนหน้านี้สยงมู่มู่บอกว่าบ้านเขาเล็กมาก เขาไม่เห็นด้วยที่จะให้พี่ไปบ้านเขา ฉันเองก็ไม่อาจตัดสินใจแทนสยงมู่มู่ได้ ถ้าอย่างงั้นพรุ่งนี้พี่ไปถามสยงมู่มู่เองก็แล้วกันนะ!”
เหอปี้อวิ๋นตีหน้าขรึม ขณะที่กำลังจะอ้าปากตำหนิอู่เหมย อู่เยวี่ยก็แตะเธอเบาๆ หนึ่งที เหอปี้อวิ๋นสีหน้าผ่อนคลายลงทันทีและเลิกคุยหัวข้อนี้ไป จะได้ไม่ทำให้อู่เจิ้งซือโมโหอีก
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว อู่เหมยก็กลับเข้าห้องไปทำการบ้าน อู่เจิ้งซือเองก็เริ่มเตรียมแผนการสอน เหอปี้อวิ๋นมองดูจานชามที่วางระเกะระกะอยู่บนโต๊ะด้วยความโมโห หมู่นี้เจ้าเด็กบ้านั่นขี้เกียจเสียเหลือเกิน ไม่ทำงานอะไรทั้งนั้น สามสี่วันนี้มือเธอหยาบกร้านไปหมดแล้ว ทั้งหมดเป็นเพราะงานบ้านแท้ๆ
“แม่คะ หนูช่วยเก็บ!”
อู่เยวี่ยช่วยเหอปี้อวิ๋นเก็บโต๊ะด้วยกัน จานชามที่มีคราบมันเยิ้มถืออยู่ในมือ อู่เยวี่ยเห็นแล้วอดขมวดคิ้วไม่ได้ เธอรีบเดินเข้าไปในห้องครัว แล้ววางลงในอ่างล้างจานอย่างรวดเร็ว เสียงโครมครามดังขึ้น เกือบทำจานชามตกแตก
“เยวี่ยเยวี่ยลูกระวังหน่อย มือเป็นอะไรหรือเปล่า ลูกจะทำงานพวกนี้ได้ยังไงกัน รีบไปทำการบ้านเถอะไป”
เหอปี้อวิ๋นไม่ได้สนใจเรื่องจานชาม เธอคว้ามืออู่เยวี่ยมาเช็คดูอยู่นานสองนาน พอเห็นว่ามือยังคงขาวเนียนนุ่มและไร้ซึ่งบาดแผล เธอถึงค่อยสบายใจ จากนั้นเหอปี้อวิ๋นก็ลงมือล้างจานชามด้วยน้ำซาวข้าว
“แม่คะ ทำไมแม่คะยั้นคะยอให้หนูไปบ้านสยงมู่มู่จังเลยล่ะ หนูไม่ชอบสยงมู่มู่เลยสักนิด เขาไม่สนใจไยดีคนอื่น แถมนิสัยก็ไม่ดี” อู่เยวี่ยถามด้วยความอยากรู้
เหอปี้อวิ๋นปิดประตูห้องครัวและพูดกดเสียงต่ำ “เยวี่ยเยวี่ย ครอบครัวสยงไม่ใช่ครอบครัวธรรมดาทั่วไป แม่ได้ยินมาว่าบ้านเขามีคนเป็นข้าราชการระดับสูงอยู่ในกลุ่มรัฐบาล ช่องทางกว้างขวางมาก ขอเพียงลูกเข้าตาพ่อแม่ของสยงมู่มู่ได้ ต่อไปไม่ว่าลูกจะหางานหรือว่าหาคู่ ยังไงครอบครัวสยงก็พอจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง แม่ก็แค่เตรียมการไว้ล่วงหน้าน่ะ!”
อู่เยวี่ยหน้าแดง เขินอายก้มหน้าก้มตา แต่ภายในใจกลับรู้สึกปั่นป่วนไปหมด เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าครอบครัวสยงที่ไม่เป็นที่รู้จักจะมีพื้นเพที่ดีแบบนี้ นี่เป็นข้อมูลที่สำคัญทีเดียว
พอนึกถึงเรื่องแต่งงาน ใบหน้าหล่อเหลาของใครบางคนก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ ใบหน้านี้ประดับด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนตลอดเวลา ดูเหมือนว่าจะไม่เคยเห็นเขาโมโหเดือดดาลเลย อู่เยวี่ยก้มหน้าลงต่ำกว่าเดิมและยิ้มเล็กน้อย ความที่แตกเนื้อสาวแล้วทำให้หัวใจเธอกระโดดโลดเต้นเหมือนกับกระต่ายน้อยก็ไม่ปาน
“แม่คะ สยงมู่มู่เค้าชอบทำสีหน้าไม่ดีใส่หนู หนู....”
อู่เยวี่ยมีสีหน้าลำบากใจ เธอไม่อยากจะลดตัวไปประจบเอาใจสยงมู่มู่เลยจริงๆ อู่เยวี่ยที่อายุแค่สิบสี่ปีต่อให้เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวขนาดไหน แต่เธออายุยังน้อย ประสบการณ์ก็มีจำกัด อีกอย่างเรื่องแต่งงานกับทำงานยังห่างไกลสำหรับเธอ เธอไม่ได้รีบร้อนเหมือนกับเหอปี้อวิ๋น
เหอปี้อวิ๋นลูบหัวลูกสาวคนโตด้วยความสงสารและพูดเสียงเบาว่า “แม่รู้จ้ะว่าลูกน้อยใจ แต่ลูกต้องอดทนไปก่อน ไม่ไปต่อล้อต่อเถียงกับเด็กที่ชื่อสยงมู่มู่ เราหัวเราะทีหลังดังกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ลูกก็ไปบ้านสยงมู่มู่ด้วยกันกับเหมยเหมย พ่อแม่ของสยงมู่มู่คงไม่ไล่ลูกออกมาหรอก แล้วก็ไปอีกสักสามสี่ครั้ง เรื่องนี้ตกลงตามนี้นะ”
อู่เยวี่ยกัดริมฝีปาก ภายใต้สายตาที่ดูจริงจังของเหอปี้อวิ๋น ในที่สุดเธอก็พยักหน้า เหอปี้อวิ๋นยิ้มด้วยความปลื้มใจ “แม่รู้อยู่แล้วเชียวว่าลูกเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่ายที่สุด รีบไปทำการบ้านเถอะ รอให้ลูกสอบประจำเดือนได้ที่หนึ่งเสียก่อน ทีนี้สยงมู่มู่จะได้แต่ดูผลสอบลูกตาปริบๆ”
อู่เยวี่ยยิ้มอย่างภูมิอกภูมิใจ สยงมู่มู่เป็นอัจฉริยะที่ไหนกัน
อัจฉริยะเท่าเธออู่เยวี่ยหรือเปล่า
เขาสอบได้อันดับรองจากเธอทุกครั้ง หึ! ไม่เห็นจะเจ๋งตรงไหนเลย!