icon member

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 111

ตอนที่ 111 เพื่อน

อู่เหมยอุ้มเจ้าฉิวฉิวพร้อมกับถือถั่วลิสงถุงเล็กกลับไป คุณย่าหยางให้ถั่วลิสงมา บอกว่าฉิวฉิวชอบแทะถั่วลิสงเป็นพิเศษ มื้อหนึ่งกินได้เป็นสิบกว่าเม็ด แถมยังเก็บตุนเสบียงเองได้ด้วย สองแก้มของมันกลมตุ่ยตลอดเลย

เมื่อเดินมาถึงชั้นหนึ่ง อู่เหมยก็ซ่อนเจ้าฉิวฉิวไว้ในกระเป๋าเป้ แล้วพูดเสียงเบาว่า “ฉิวฉิว เป็นเด็กดีอยู่ในนี้นิ่งๆ นะ ถ้าเกิดพ่อฉันเจอแกเข้า เขาจะต้องไล่แกออกไปแน่นอน ห้ามซุกซนเป็นอันขาด!”

ดวงตาที่เหมือนกับเมล็ดถั่วดำของฉิวฉิวมองอู่เหมยเงียบๆ และส่งเสียงร้องกูกูสองสามที แล้วมันก็กอดถั่วลิสงมุดเข้าไปในกระเป๋าเป้ หางขนาดใหญ่พันขดอยู่เหนือหัว แล้วปิดล็อกกระเป๋าเป้อีกที ทีนี้ก็หาไม่เจอแล้ว

อู่เหมยปิดล็อกกระเป๋าเป้อย่างพออกพอใจ เธอมีความมั่นใจขึ้นเล็กน้อยเรื่องที่ซ่อนเจ้าฉิวฉิวให้พ้นจากสายตาของอู่เจิ้งซือ เดิมเธอตั้งใจจะปล่อยเจ้าฉิวฉิวกลับภูเขาไป แต่ตอนนี้เธอเกิดอาลัยอาวรณ์ขึ้นมา เธอโดดเดี่ยวอ้างว้างมาสองชาติ การปรากฏตัวของฉิวฉิวทำให้เธอรู้สึกถึงความอบอุ่น เธออยากจะเลี้ยงเจ้าฉิวฉิวไว้เป็นเพื่อนเล่น

สยงมู่มู่ชอบฉิวฉิวมาก เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “ถ้าอย่างงั้นเธอก็ให้ฉิวฉิวไปอยู่ที่บ้านฉันสิ พ่อแม่ฉันชอบพวกสัตว์ตัวเล็กๆ รับรองว่าจะเลี้ยงดูเจ้าฉิวฉิวให้อ้วนพีเลย”

“เพียะ!”

หางขนาดใหญ่โผล่ออกมาจากในกระเป๋าเป้และฟาดใส่สยงมู่มู่ จากนั้นสักพักก็หดหางกลับไป แล้วหัวเล็กๆ ของฉิวฉิวก็มุดออกมาและร้องจือจือใส่เขาสองสามที

อู่เหมยมีความสุขมาก ในใจแสนจะอบอุ่น “ฉิวฉิวไม่อยากอยู่บ้านนาย มันชอบอยู่ด้วยกันกับฉัน”

สยงมู่มู่ทำเสียงฮึดฮัดด้วยความโกรธเคือง “เธอก็ระวังหน่อยแล้วกัน ถ้าเกิดแม่เธอเจอเข้า ไม่แน่ว่าอาจจะจับมันถอนขนแล้วทำผัดกระรอกซอสแดงก็ได้”

“พูดจาซี้ซั้ว ฉันจะดูแลปกป้องเจ้าฉิวฉิวเอง”

อู่เหมยกอดกระเป๋าเป้แน่นด้วยความกังวล ฉิวฉิวเป็นเพื่อนรักของเธอ เธอจะดูแลปกป้องเจ้าฉิวฉิวเป็นอย่างดีแน่นอน จะไม่ให้เหอปี้อวิ๋นกับอู่เยวี่ยทำร้ายมันเด็ดขาด

เดิมทีสยงมู่มู่อยากจะหยอกล้ออีกสักหน่อย แต่พอเห็นอู่เหมยหน้าซีดเผือด เขาก็อดใจอ่อนไม่ได้แล้วพูดว่า “ไม่ต้องห่วง ถ้าพ่อแม่เธอเจอเข้า เธอก็บอกไปว่าฉันฝากให้เธอเลี้ยงเจ้าฉิวฉิว ทีนี้พวกเขาก็ไม่กล้าลงไม้ลงมือกับมันแล้ว”

“จริงด้วย ขอบใจนะ”

อู่เหมยกล่าวขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ ไอเดียนี้ของสยงมู่มู่ดีมากจริงๆ อู่เจิ้งซือรักหน้าตาศักดิ์ศรีเป็นที่สุด ถ้ารู้ว่าเจ้าฉิวฉิวเป็นของสยงมู่มู่ เขาจะต้องไม่ปล่อยให้เหอปี้อวิ๋นทำอะไรฉิวฉิวแน่นอน

สยงมู่มู่ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เขาเป็นคนที่เฉลียวฉลาดที่สุดในโลก เรื่องขี้ปะติ๋วแบบนี้เขาใช้สมองนิดหน่อยก็คิดหาวิธีได้แล้ว

เหอปี้อวิ๋นเดินถือกับข้าวที่ผัดเสร็จแล้วเข้ามาในบ้าน แล้วตะโกนบอกว่า “คุณคะ เยวี่ยเยวี่ย มากินข้าวได้แล้ว”

อู่เจิ้งซือเดินออกมาล้างมือ อู่เยวี่ยก็เดินออกมาเช่นกัน เมื่อไม่เห็นอู่เหมย เธอก็ถามว่า “เหมยเหมยยังไม่กลับมาเหรอคะ”

เหอปี้อวิ๋นพูดอย่างอารมณ์เสีย “เด็กคนนี้นับวันก็ยิ่งเหิมเกริม ตั้งแต่เลิกเรียนจนถึงตอนนี้ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงแล้ว แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงา ไม่รู้เหมือนกันว่ามัวไปเที่ยวเตร่ที่ไหนอยู่ ฉันคุมเจ้าลูกคนนี้ไม่อยู่แล้ว”

อู่เยวี่ยนึกขึ้นมาได้ แล้วพูดอย่างน้อยใจว่า “หนูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหมู่นี้เหมยเหมยเป็นอะไร เมื่อก่อนเหมยเหมยรอกลับบ้านพร้อมหนูตลอด แต่เดี๋ยวนี้กลับก่อนเรื่อยเลย ตอนไปโรงเรียนก็ไม่รอหนู”

เหอปี้อวิ๋นทนเห็นลูกสาวคนโตน้อยอกน้อยใจไม่ได้ เธอรีบพูดว่า “เยวี่ยเยวี่ยต่อไปลูกไม่ต้องไปสนใจเจ้าเด็กบ้านั่น ลูกเรียนหนังสือของลูกไป เส้นทางในอนาคตของลูกไม่เหมือนกับเจ้าเด็กบ้า อย่าเสียเวลากับเหมยเหมยเลย”

อู่เยวี่ยได้ยินก็ดีอกดีใจ แต่ปากกลับพูดว่า “ไม่ว่ายังไงเหมยเหมยก็เป็นน้องสาวหนู หนูหวังอยู่เสมอว่าน้องจะมีผลการเรียนที่ดีได้ แล้วต่อไปก็เป็นหน้าเป็นตาให้กับพ่อแม่ด้วย”

คิ้วของอู่เจิ้งซือคลายขมวด เขามองอู่เยวี่ยด้วยสายตาชื่นชม แล้วมองไปทางเหอปี้อวิ๋นอย่างไม่พอใจ “คุณอย่าเอาแต่พูดว่าเจ้าเด็กบ้า ระมัดระวังคำพูดคำจาด้วย เหมยเหมยเป็นลูกสาวเรา ไม่ใช่เด็กบ้าบอที่ไหน ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าจะคิดยังไง คุณเป็นถึงครูของประชาชน ไม่ใช่ผู้หญิงไร้การศึกษาที่ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน”

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด