ตอนที่ 105
ตอนที่ 105 ที่แท้ก็เป็นหนุ่มหน้าสวย
สยงมู่มู่มองไปทางอู่เหมยด้วยความประหลาดใจ เจ้าเด็กบ้าคนนี้ก็อยู่ที่อี้จงเหรอ
“เธอชื่ออะไร แล้วพักอยู่อาคารบ้านพักเก่าหรือว่าอาคารบ้านพักใหม่”
“ชื่ออู่เหมย อู่ของคำว่าอู่กง เหมยของคำว่าเหมยเหมา ฉันพักอยู่อาคารบ้านพักใหม่ที่ชั้นสอง” อู่เหมยตอบตรงไปตรงมา
สยงมู่มู่เลิกคิ้ว สองมือเขากอดอกและมองสำรวจอู่เหมยขึ้นๆ ลงๆ เขามองจนเธอรู้สึกหวาดกลัว เธออดตะโกนเสียงดังไม่ได้ “มองอะไรน่ะ รีบเข็นจักรยานไปสิ ฉันจะรีบกลับบ้านไปกินข้าว”
“โอ้โห! นอกจากรูปร่างหน้าตาจะเปลี่ยนไปแล้ว ยังใจกล้ามากขึ้นด้วย ทำไมเธอไม่ปล่อยผมแล้วล่ะ ทั้งที่หน้าตาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ แต่กลับปล่อยผมกระเซอะกระเซิงทั้งวัน สมองเธอไม่ได้มีปัญหาใช่มั้ย?” สยงมู่มู่ดึงผมอู่เหมยเบาๆ ในแววตาเปี่ยมด้วยความสนใจ
อู่เหมยปัดมือสยงมู่มู่ทิ้งด้วยความไม่พอใจ เธอมองเขาอย่างงุนงง ฟังดูเหมือนว่าเจ้าหนุ่มหน้าสวยคนนี้จะรู้จักเธอเลย? แต่เธอไม่เห็นจะรู้จักเจ้าหมอนี่เลยนี่นา!
“นายรู้จักฉันเหรอ นายชื่ออะไร?”
สยงมู่มู่ทำเสียงฮึดฮัด “ฉันชื่อสยงมู่มู่ สยงของคำว่าสยงเมา มู่ของคำว่ามู่อวี้หยางกวาง”
สยงมู่มู่?
ชื่อนี้คุ้นหูจัง แถมหน้าตาก็ดูคุ้นๆ ด้วย อู่เหมยมองสยงมู่มู่ด้วยความงงงัน เธอเหม่อลอยอยู่พักใหญ่ แล้วสีหน้าเธอก็เปลี่ยนไป ที่แท้ก็เขานี่เอง!
ในที่สุดอู่เหมยก็นึกออกว่าทำไมเธอถึงได้รู้สึกว่าสยงมู่มู่ดูคุ้นหน้าคุ้นตา เจ้าหมอนี่กับเธออาศัยอยู่ตึกเดียวกัน บ้านเธออยู่ชั้นสอง ส่วนบ้านสยงมู่มู่อยู่ชั้นสาม พ่อกับแม่ของสยงมู่มู่ต่างก็เป็นคุณครูอยู่ที่โรงเรียนอี้จง
คุณพ่อสยงเป็นคุณครูวิชาเคมี ส่วนคุณแม่สยงเป็นคุณครูวิชาดนตรี สองสามีภรรยาล้วนหน้าตาดีมากทั้งคู่ ผู้ชายหล่อผู้หญิงสวย เป็นสามีภรรยาที่รักใคร่กันมากและเป็นที่รู้จักของโรงเรียนอี้จง การที่สยงมู่มู่หน้าตาดีขนาดนี้ ทั้งหมดก็เพราะได้จุดเด่นของสองสามีภรรยาคู่นี้ประกอบเข้าด้วยกัน
สยงมู่มู่เป็นเด็กหนุ่มอัจฉริยะ เห็นเขาอายุรุ่นราวคราวเดียวกับอู่เหมยแบบนี้ แต่ตอนนี้เขาเรียนอยู่ชั้นมัธยมปีที่สองแล้ว เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกับอู่เยวี่ย เขากับอู่เยวี่ยเรียนชั้นเดียวกันแต่คนละห้อง เพราะเขาเป็นเด็กนักเรียนที่เรียนข้ามชั้นมา
นอกจากนี้เจ้าหมอนี่เป็นพวกไม่ค่อยชอบเข้าสังคม ชอบไปไหนมาไหนคนเดียว เขาไม่เล่นสนุกกับเพื่อนวัยเดียวกันที่พักอยู่อาคารบ้านพักครู ถึงแม้อู่เหมยกับเขาจะพักอยู่ตึกเดียวกัน แต่กลับไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันเลย
อู่เหมยรู้สึกว่าสยงมู่มู่คุ้นหน้าคุ้นตาก็เพราะเธอเคยเห็นรูปถ่ายของเขา เมื่อชาติที่แล้วก่อนที่เธอจะเสียชีวิตสองเดือน ในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งมีพาดหัวข่าวเรื่องของสยงมู่มู่เต็มไปหมด
เนื่องจากสยงมู่มู่กรีดข้อมือฆ่าตัวตาย แล้วใช้สายน้ำเกลือของโรงพยาบาลแทงเข้าเส้นเลือดใหญ่ที่ข้อมือ ส่วนปลายอีกด้านหนึ่งของสายน้ำเกลือต่อเข้ากับถังน้ำ แล้วเลือดก็ค่อยๆ ไหลลงในถัง สภาพของเขาเหมือนกับนอนหลับอยู่ แต่ไม่อาจลืมตาตื่นขึ้นมาได้อีก
การที่เรื่องของเขาขึ้นพาดหัวข่าวได้ก็เพราะตอนนั้นสยงมู่มู่เป็นนักดนตรีที่มีชื่อเสียงมาก มีแฟนคลับมากมายนับไม่ถ้วน ส่วนสาเหตุที่เขาฆ่าตัวตายนั้นพูดกันสับสนไปหมด เรื่องราวสลับซับซ้อน แต่หลายคนพูดกันว่าสยงมู่มู่ฆ่าตัวตายเนื่องจากป่วยเป็นโรคซึมเศร้า
อู่เหมยเหลือบมองสยงมู่มู่ที่ยังเป็นหนุ่มน้อยด้วยความเห็นอกเห็นใจ ทั้งที่ตอนนี้เขาดูมีความสุขมาก แต่ทำไมภายหลังถึงคิดไม่ได้ต้องไปชอบผู้ชายด้วย
ไม่เป็นโรคซึมเศร้าน่ะสิแปลก!
“รีบขึ้นมานั่งสิ ตกตะลึงอะไรอยู่ เธอคิดว่าฉันหน้าตาดีใช่มั้ยล่ะ” สยงมู่มู่ยิ้มอย่างภูมิอกภูมิใจ
อู่เหมยขึ้นนั่งที่เบาะหลัง แล้วถลึงตาใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์ แต่เห็นแก่ที่เจ้าหมอนี่ฆ่าตัวตาย เธอจะปล่อยให้เขาพูดไปก็แล้วกัน สยงมู่มู่เสียชีวิตตอนอายุสามสิบสองปี เมื่อคำนวณดูแล้ว เขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้อีกยี่สิบปี
เขาพูดหนึ่งประโยค อายุขัยก็ลดลงไปหลายวินาที เวลานับถอยหลังลงไปเรื่อยๆ ช่างน่าสงสารจริงๆ!
สยงมู่มู่ไม่ค่อยพอใจนิดหน่อยที่ไม่ได้รับคำตอบจากอู่เหมย แต่พอเขาเหลือบมองดูหน้าตาของอู่เหมย ความไม่พอใจก็มลายหายไปสิ้น เจ้าเด็กบ้าคนนี้หน้าตาดีกว่าเขาอีก เขาขอยอมแพ้
“เธอมาทำอะไรที่หอวัฒนธรรมล่ะ” สยงมู่มู่อดถามไม่ได้