ตอนที่ 3
อัลบั้ม: "ไม้-วฤษฐิ์" ประกบ "มาร์กี้ ราศรี" ในละครคอมมาดี้ "บุษบาเร่ฝัน"
ซุ่ยเซ็งมากเลยเอากระดาษมาพับ จะพับปลาซาร์ดีนเพราะน่ารักดี แต่นึกไม่ออกว่าพับอย่างไร ซุ่ยเครียดที่จำไม่ได้ พับแล้วผิดก็ขยำทิ้งจนกระดาษกองเกลื่อนพื้น
“ฉันลืมไปหมดได้ไง!!...ใช่สิ ตอนนี้ฉันเป็นโรส
ฉันทำงานเก่ง ฉันพูดภาษาอังกฤษได้ ฉันมีทักษะทุกอย่างเหมือนที่โรสมี ฉันไม่ใช่ซุ่ย แปลว่า...ฉันไม่มีความสามารถของซุ่ย” ซุ่ยตกใจเมื่อพบความจริงว่า “นี่ฉันพับกระดาษไม่ได้แล้วใช่ไหม!!!”
ทันใดนั้นเอง รังสิตโทร.เข้ามา ซุ่ยดีใจมากถามว่าเขาอยู่ไหน เขาบอกว่าอยู่ระยองกับเพื่อน ซุ่ยบอกว่าจะชวนไปหัวหินเดี๋ยวจะขับรถไปหาเขาที่ระยอง รังสิตไม่อยากให้มาเพราะสงกรานต์อุบัติเหตุเยอะ เดี๋ยวตนก็จะกลับแล้ว ให้ซุ่ยคอยที่คอนโดตนจะไปหาเอง
“อีกสองชั่วโมงเจอกัน แต่งตัวรอไว้ได้เลยนะครับ” รังสิตวางสายทันที น้ำเสียงที่เย็นชาของรังสิต ทำให้ซุ่ยสังหรณ์ใจพิกล...แต่ก็รีบแต่งตัวที่คิดว่าสวยที่สุด เอาต่างหูที่รังสิตซื้อให้ใส่ไปอวดเขาด้วย
แต่พอขึ้นรถก็เจอต่างหูข้างหนึ่งที่เหมือนกันดิกกับของเธอตกที่พื้น ซุ่ยหยิบขึ้นมาคาดคั้นถามรังสิตว่าของใคร รังสิตเบรกรถกะทันหันจนซุ่ยหัวคะมำ เขารีบขอโทษถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า แต่หยุดซุ่ยไม่ได้ ซุ่ยคาดคั้นอย่างไรรังสิตก็ไม่ยอมบอก ซุ่ยจึงบอกให้
หยุดรถถามว่าเขามีผู้หญิงคนอื่นใช่ไหม ซื้อของให้ผู้หญิงอื่นเหมือนตนแบบนี้โคตรดูถูกกันเลย!
รังสิตโมโหลงจากรถ ซุ่ยวิ่งมาขวาง ทะเลาะกันรุนแรงจนรังสิตระบายความอัดอั้นว่าเธอเลือกงานเหนือสิ่งอื่นใด กี่ครั้งแล้วที่เธอผิดนัด กี่ครั้งแล้วที่เธอทิ้งตนไป ผู้หญิงบ้างานอย่างเธอเหมาะที่จะอยู่คนเดียวแบบชฎานั่นแหละ
รังสิตเดินหนีไปอย่างหัวเสีย ซุ่ยรออยู่นานก็ไม่เห็นกลับมาจึงโบกแท็กซี่ไป รังสิตกลับมาเห็นเธอทิ้งรถตนไปก็ยิ่งไม่พอใจ เขาไปนั่งดื่มในผับดับอารมณ์ น้ำหวานนกรู้ โทร.ถามอย่างเป็นห่วง เขาบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง ตนจัดการได้
ซุ่ยนั่งแท็กซี่กลับไปที่บ้าน ประตูรั้วปิด ฝนก็ตกซุ่ยพยายามเขย่าประตูจะเข้าไป ป้องปกออกมาถามดุๆ ว่าจะพังรั้วบ้านหรือไง!
“เฮียป้อง!!” ซุ่ยดีใจกระโดดกอดเขาแน่น ป้องปกตกใจพยายามแกะมือซุ่ยออก แต่แกะไม่ออก ได้แต่ร้องบอกว่า
“เฮ้ย!! คุณโรส...ปล่อย! ปล่อย!! นิสัย!”
ซุ่ยรู้สึกตัวปล่อยมือ ถอยออกมา ป้องปกถามว่ามีอะไร หรือจะใช้งานซุ่ย ซุ่ยหลับไปอย่ากวนเลยกลับไปเถอะ ซุ่ยถามว่า ผู้หญิงคนเดียว รถก็ไม่มี ฝนก็ตก
ใจคอจะให้เดินตากฝนไปหรือไง ป้องปกจึงจะเรียกแท็กซี่ให้เป็นอู่ประจำไว้ใจได้
“ไว้ใจได้?!” ซุ่ยนึกถึงเรื่องของตัวเอง พูดอย่างเจ็บปวดว่า “ไม่มีใครไว้ใจได้ทั้งนั้นแหละ ยิ่งคนใกล้ตัว ยิ่งร้าย...พอเห็นเราเชื่อใจ ก็หลอกเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำเหมือนเราไม่มีสมองไม่มีหัวใจ ฉันจะไม่ยอมเชื่อใครอีกแล้ว”
ซุ่ยระบายความอัดอั้นไปร้องไห้ไป ป้องปกถามว่าร้องไห้ทำไม ซุ่ยกลบเกลื่อนว่าน้ำฝนตกใส่หน้า แล้วรีดเช็ดไม่ยอมให้เขาเห็นความอ่อนแอของตน
ooooooo
น้ำหวานไปหารังสิตที่ผับ ทั้งปลอบทั้งอ่อยว่าตนเข้าใจ เห็นใจ และช่วยเขาได้
“ขอบคุณครับ แต่ไม่ใช่ทุกคนจะช่วยได้หรอก”
“ก็ลองก่อนสิคะ” น้ำหวานยื่นมือมาแตะหลังมือรังสิตลูบเบาๆ ยิ้มให้อย่างเชิญชวน ยั่วยวน
น้ำหวานบอกว่าดูเขามึนๆ คอนโดตนอยู่ใกล้ๆ ให้ไปนั่งพักก่อนดีกว่า ขับรถกลับตอนนี้จะไม่ปลอดภัย รังสิตบอกว่าตนไม่ได้เอารถมา น้ำหวานอาสาไปส่ง รังสิตไม่ปฏิเสธ แต่พอออกมาหน้าผับแท็กซี่เข้ามาจอดพอดี รังสิตนัดพรุ่งนี้เจอกันที่ออฟฟิศ แล้วขึ้นแท็กซี่ไปเลย
น้ำหวานฮึดฮัดขัดใจ ครู่เดียวก็ยิ้มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมองพึมพำ
“เล่นตัวไปเถอะย่ะ...ยิ่งยากฉันยิ่งชอบ”
ooooooo
ซุ่ยในร่างโรสผิดหวัง เจ็บปวดกับชีวิตที่ใฝ่ฝันอยากเป็น เมื่อป้องปกพาเข้ามาที่ชานบ้านมีหลังคา เขาจะบอกให้ซุ่ยนั่ง แต่ซุ่ยถามขึ้นก่อนว่า ฉันสวยไหม ฉันหุ่นดีไหม ทำเอาป้องปกงงถามว่าอะไรของคุณ ซุ่ยยังเพ้อเจ้อว่า...
“คือไม่ว่าฉันทำอะไร ฉันก็ดูดีมีเสน่ห์ ผู้ชายมองกันเหลียวหลัง ผู้หญิงทุกคนก็อิจฉาอยากเป็นฉันกันทั้งนั้น ฉันเพอร์เฟกต์ขนาดนี้ แล้วเขาไปมีคนอื่นได้ยังไง”
“อ๋อ...แฟนนอกใจ”
“จะสมน้ำหน้าฉันใช่ไหม เอาสิ เอาเลย รอมานานแล้วนี่ ง้างเท้าสูงๆแล้วเหยียบมาให้จมดินไปเลย”
“คุณน่าจะดีใจนะที่ได้รู้ความจริง จะได้ไม่ต้องเสียเวลา ไม่ต้องถลำตัวไปมากกว่านี้...รู้เร็วเลิกเร็วมันก็หายเจ็บเร็ว”
“เข้าข้างฉันทำไม หรือว่าประชด? ฮึ! จริงๆคุณก็คิดว่าฉันเป็นคนผิดสินะ ผิดที่มัวแต่บ้างาน ไม่เคยมีเวลาให้ ผู้ชายที่ไหนจะทนได้ล่ะต้องแอบไปมีกิ๊กกันทั้งนั้นแหละ”
“นั่นมันข้ออ้างของคนเห็นแก่ตัว ถ้าเขาทนไม่ไหวก็ควรบอกเลิกกับคุณก่อน ไม่ใช่คบซ้อน หรือแอบไปมีคนอื่นตอนที่คบคุณอยู่”
ซุ่ยในร่างโรสมองป้องปกทึ่ง ไม่คิดว่าเขาจะมีความคิดแบบนี้ ขณะทั้งสองมองกันนิ่งกำลังจะตกสู่ภวังค์ เสียงหลิวก็แทรกขึ้นพร้อมตัวที่วิ่งเข้ามา
“เฮียป้อง!! ทำอะไรน่ะ” พอเห็นป้องปกกับโรสยืนอยู่ก็ถามอย่างอยากรู้อยากเห็น “แอบมาเล่นสงกรานต์กับหัวหน้าเจ๊ซุ่ยเหรอ!?!”
แม่เอาผ้าขนหนูมาให้บอกให้เช็ดผมให้แห้งทั้งสองคนเดี๋ยวจะไม่สบาย ม่าเดินมาพูดเหมือนรู้ว่า “ชีวิตก็เป็นแบบนี้แหละ” ซุ่ยถามป้องปกว่าเขาเล่าให้ม่าฟังหรือ หลิวพูดแทรกว่าม่ามีญาณทิพย์แล้วหัวเราะ ม่ามาจูงมือซุ่ยพาไปห้องครัว บอกว่าท้องว่างมักจะอารมณ์เสีย กินอะไรสักหน่อย เปิดฝาชี มีปาท่องโก๋อยู่ตัวหนึ่ง ม่าหยิบให้ซุ่ยกิน
“อาม่า!! นั่นของหลิวนะ” หลิวบอกว่าตนแอบเก็บไว้ อ้อนม่าว่าตนไม่เคยได้กินเต็มตัวสักครั้งเพราะโดนเจ๊ซุ่ยแย่งกินตลอดอ้อนว่า “หลิวอยู่ในวัยกำลังโต อดมื้อกินมื้อแบบนี้ มันน่าสงซ้านสงสาร”
“แม่ว่าแม่น่าสงสารมากกว่านะ แม่ต้องตื่นแต่เช้าไปต่อคิวซื้อปาท่องโก๋มาให้ แต่กลับไม่ได้กินเลยสักตัวเพราะมีคนแอบเบิ้ล” พลางแม่เหล่ไปทางหลิว “แม่ควรจะได้กินปาท่องโก๋ตัวนี้มากกว่า”
“ถ้าจะแข่งกันแบบนี้ ม่านี่แหละตัวเก็ง” ม่าแทรกขึ้น แล้วรำพึงถึงอดีตว่า “เมื่อก่อน ม่ากินปาท่องโก๋กับอากงทุกเช้า ทุกครั้งที่ม่าเห็นปาท่องโก๋มันอยู่กันเป็นคู่ ม่าก็อดคิดถึงอากงไม่ได้...โธ่...เฮีย ทำไมถึงอายุสั้นนักนะ...” ม่าหน้าซึม แต่ครู่เดียวก็ปรับเป็นปกติมองปาท่องโก๋ตัวนั้นบอกทุกคนว่า “ม่านี่แหละ น่าสงสาร น่าเห็นใจ คู่ควรกับการกินปาท่องโก๋ตัวสุดท้ายมากที่สุด” พลางม่าจะหยิบกิน ถูกหลิวขัดขึ้นว่า
“เดี๋ยวม่า...เรายังไม่ได้ฟังเรื่องของเจ้านายเจ๊ซุ่ยเลย”
ทุกคนมองมาที่ซุ่ยในร่างโรสทันที ซุ่ยอึกอัก แต่ทนสายตาทุกคนไม่ได้ เลยจำต้องพูด
“ความน่าสงสารของฉัน...อย่าว่าแต่ปาท่องโก๋เลยนะ กาแฟสักแก้วยังยาก...ตื่นมาก็ต้องรีบไปทำงาน ข้าวเช้ากินในห้องทำงาน ข้าวกลางวันก็กินในห้องประชุม ตอนเย็นมีนัดกับลูกค้า ตกกลางคืนยังต้องคอนเฟอเรนซ์กับบริษัทแม่จนถึงเช้า เสาร์อาทิตย์ก็โดนโทร.เรียกใช้งานตลอดจนดึกดื่น เวลากินก็ไม่มี เวลานอนก็ไม่พอ จะนอนดูหนัง อ่านหนังสือที่บ้านตัวเองยังไม่ได้ เหนื่อยไม่รู้จะบอกใคร เพราะไม่มีใครรออยู่ที่บ้าน สุดท้าย...แฟนก็ไปมีชู้ เพราะฉันเก่งจนไม่มีเวลาให้เขา”
ซุ่ยเล่าหน้าเศร้า ทุกคนฟังเงียบกริบ จนป้องปกเอ่ยขึ้นว่าศึกชิงปาท่องโก๋นี่คงจะได้ผู้ชนะแล้ว หลิวเห็นด้วย ยอมยกปาท่องโก๋ให้
“หิว...ซุ่ยหิวจังเลย มีอะไรกินมั่ง” โรสเดินลงมาถาม ป้องปกกุลีกุจอเข้าไปดูแล บ่นอย่างห่วงใยว่า
“ซุ่ย...นี่ไง ว่าแล้วเมื่อเย็นไม่กินอะไรก็รีบขึ้นนอน ท้องว่างจนตื่นเลยเหรอ”
โรสมองความอบอุ่นของป้องปกอึ้งๆ ซุ่ยคว้าปาท่องโก๋ตัวนั้นถามว่าไม่มีใครเอาใช่ไหม กัดเคี้ยวตุ้ยๆ เลย โรสหันมาเห็นซุ่ยก็ซีด จ๋อย ถามว่ามีอะไรจะใช้ตนหรือ หรือว่าตนทำอะไรที่ออฟฟิศเสียหายอีก
ป้องปกเข้ามาโอบโรสอย่างนุ่มนวลบอกว่าไม่มีอะไร พาไปนั่งกิน เดี๋ยวตนจะชงอะไรร้อนๆให้ถามว่าเอาโกโก้ไหม แม่บอกว่าจะไปชงเองเอาแบบเย็นๆ ดีกว่า อากาศร้อนแบบนี้จะได้เย็นชื่นใจ ถูกม่าแย้งว่า
“อากาศร้อนนั่นแหละ ต้องกินของร้อน กินเย็นๆ เดี๋ยวหยินกับหยางมันไปตีกันจะไม่สบายเอา”
“เอานมข้นมาจิ้มปาท่องโก๋ไหมพี่ซุ่ย แล้วแบ่งให้หลิวครึ่งนึงนะ”
ทุกคนห้อมล้อมห่วงโรสที่ท่าทางว่าง่าย โรสมองคนนั้นทีคนนี้ทีงงๆ ซุ่ยมองทุกคนทั้งงง ทั้งอึ้งกับความอบอุ่นนั้น
ooooooo
ซุ่ยกลับไปที่คอนโดของโรส นอนไม่หลับจนลุกไปคิดว่าโดนฝนมา จึงลุกไปหายากินกันไว้ก่อน
ในตู้ยาของโรสมียามากมายวางไว้อย่างเป็นระเบียบ แต่ส่วนใหญ่เป็นยาแก้ไมเกรน ดูต่อไปเป็นยานอนหลับ ซุ่ยเห็นมือตัวเองสั่น ซุ่ยเปิดขวดยานอนหลับเทใส่มือตัวเองสองเม็ด นึกถึงตัวเองว่าเกิดมายังไม่เคยกินยานอนหลับเลย หรือว่าร่างกายของโรสที่ตนอยู่มันเรียกร้อง
กินยาแล้วซุ่ยเข้านอน หลับไปแล้วแต่คิ้วขมวดเหมือนฝันร้าย...
“โรสต้องใช้ยานอนหลับเป็นตัวช่วยตลอดเลยเหรอเนี่ย...ชีวิตโรสไม่เห็นสวยงามเหมือนที่ฉันคิดเลย... ผู้หญิงที่ฉันเคยเฝ้าฝันอยากเป็น ตอนนี้มันชักไม่สนุกแล้วซิ...”
รุ่งขึ้น เมื่อโรสในร่างซุ่ยไปในงานเปิดตัวโรลออนที่สวนแห่งหนึ่ง เธอใส่แว่นดำปกปิดดวงตาบวมช้ำ วันนี้เธอไปสายจนแวนด้าทักว่าโรสไม่เคยมาสายเลยมีอะไรหรือเปล่า ทักว่าใส่แว่นดำเหมือนดารา แต่ดูอีกทีก็เหมือนคนร้องไห้จนตาบวมแล้วพยายามปกปิด
คนอย่างโรสต้องเก่ง ต้องเข้มแข็ง ถามแวนด้าเสียงขุ่นว่า ตนจะร้องไห้เรื่องอะไร กอหญ้าถามว่าจะเอากาแฟแซนด์วิชหน่อยไหม ซุ่ยยิ้มบอกว่าอยากได้อยู่พอดีแต่ขออีกแก้วย้ำให้เอาเข้มๆ กอหญ้าติงว่าดื่มกาแฟมากไม่ดี เอาน้ำส้มไหม
“น้ำส้มคั้นเหรอ! ไม่...ฉันเกลียดน้ำส้มคั้น!!”
ซุ่ยผงะ แหวใส่จนกอหญ้าแปลกใจ
ซุ่ยหันไปเจอรังสิตยืนอยู่ เธอใจหายวาบ ในขณะที่รังสิตมองเธออย่างปวดร้าว พริบตานั้นซุ่ยหันหลังขวับ รังสิตผงะแล้วเดินหนีไปอีกทาง
แวนด้า กอหญ้า เบลลา ยาย่า สมบูรณ์ แอบมองอยู่ ทุกคนหันสบตากันแปลกๆ
ooooooo
งานเปิดตัวโรลออนจัดขึ้นที่สวนแห่งหนึ่ง
รังสิตตามมาบอกซุ่ยว่าเราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง ซุ่ยบอกว่าตนรู้เรื่องหมดแล้วไม่อยากรู้อะไรมากกว่านี้ รังสิตโต้ว่าเธอไม่รู้อะไรเลยต่างหาก
โรสหอบกล่องตัวอย่างสินค้าผ่านมาพอดี เลยถูกซุ่ยจับเป็นเหยื่อด่ากระทบรังสิตอย่างเผ็ดร้อน
“ซุ่ย!! เธอจำไว้ว่า ถ้าเธอโดนคนคนนึงพูดกับเธอแต่คำโกหกหลอกลวง การกระทำมีแต่ทรยศหักหลัง เธอก็ไม่ควรฟังอะไรจากปากของเขาอีก มันทุเรศมากเลยนะซุ่ย ถ้าคนคนนั้นมันถูกเธอจับได้แต่มาเล่น
มุกโกรธ ทำเป็นโมโหมากกว่าใส่เรา เชอะ! มุกนี้มันเก่ามาก จริงไหม”
“ไม่เคยมีใครทำแบบนั้นกับซุ่ยนะคะ คุณโรส” โรสพาซื่อ รังสิตรู้แกว ด่าซุ่ยผ่านโรสบ้างว่า
“นี่...น้องข้าวผัด พี่รู้ว่าน้องข้าวผัดเป็นคนที่ให้เกียรติ ให้คุณค่ากับผู้อื่นเสมอ แต่ถ้าคนอื่นเขาไม่เห็นค่าของน้องข้าวผัดเลย เขาเห็นน้องข้าวผัดเป็นของตาย อยากจะทำอะไรน้องก็ทำ น้องข้าวผัดจะทนได้ไหม”
ซุ่ยในร่างโรสกับรังสิตด่ากันไปมาผ่านโรสในร่างซุ่ยที่ถูกจับเป็นเหยื่อไม่รู้ตัว การด่าว่ายิ่งรุนแรงโรสก็ยิ่งงง จนรังสิตดึงแขนโรสเข้าหาตัวพูดขึงขังว่า
“น้องข้าวผัด จำไว้นะ ถ้าเขาทำให้น้องข้าวผัดเสียใจอีก น้องข้าวผัดต้องตอบโต้ อย่างยอมขาดทุนหัวใจกับใคร”
รังสิตดึงแขนโรสแรงจนลังกระดาษที่ถืออยู่หลุดมือของหล่นกระจาย โรสตกใจว่าตนทำของเสียหายอีกแล้วต้องโดนดุแน่เลย ทันใดนั้นป้องปกที่ใส่ถุงมือจัดต้นไม้ตบแต่งบริเวณนั้นอยู่พุ่งพรวดเข้ามาตวาดถาม “พวกคุณทำอะไรซุ่ย!!”
“เฮียป้อง” ซุ่ยในร่างโรสอุทานแปลกใจที่เห็นป้องปกที่นี่
คมน์รีบเข้ามาชี้แจงว่าป้องปกมาจัดสวนให้งานนี้ ซุ่ยกับรังสิตหันมองคมน์ที่แต่งชุดสำหรับแสดงในงานนี้ ทำท่าเท่ เล่าว่า ป้องปกมาทำงานนี้เพราะชฎาเห็นอินเตอร์วิวของเขาในแมกกาซีนเลยติดต่อมา แต่ตนขอบคุณที่โรสเลือกตนมาทำงานรับใช้ โรสบอกว่าตนไม่ได้เลือก รังสิตหมั่นไส้บอกว่านั่นเป็นเรื่องของที่ประชุม คมน์ตะแบงว่าโรสก็เป็นหนึ่งในคณะกรรมการ ซุ่ยอึ้งแต่พอเห็นรังสิตมองอยู่ก็หวานใส่คมน์ว่า “ก็โรสเป็นแฟนละครคุณคมน์นี่คะ”
ป้องปกไม่สนใจใคร ดึงโรสออกมาแล้วช่วยกันเก็บของที่ตกเรี่ยราด
ooooooo
ที่บริเวณจัดแสดง ชฎากับซุ่ยกำลังบรี๊ฟงานปีนผาให้คมน์ฟังว่า พอนางแบบปีนขึ้นไปถึงจุดที่มาร์กไว้ก็ทิ้งตัวลงมา คมน์ก็อ้าแขนรอรับ คมน์ฟังแล้วบอกว่าสบายมาก แต่เราควรซ้อมคิวกันหลายๆ หนเพื่อความชัวร์
พอให้คนไปตามนางแบบ ปรากฏว่าแต่งหน้าอยู่ คมน์เสนอให้โรสซ้อมแทนเพราะเธอชอบปีนผาเหมือนกัน ซุ่ยส่ายหน้าดิก แต่พอเห็นรังสิตมองอยู่ก็ยิ้มหวานบอกคมน์ยั่วรังสิตว่า “เอาตอนที่ตกลงมาในอ้อมแขนเลยก็แล้วกันนะคะ” พูดแล้วเหล่ไปทางรังสิตคิดว่าเขาจะหึง เห็นรังสิตกำลังถามน้ำหวานเรื่องกลิ่นโรลออนที่ตลาดจีนขายดีที่สุด ซุ่ยเลยแหยไป
รังสิตกับซุ่ยต่างประชดกันไปมาตลอดเวลา รังสิตทำเป็นสนิทสนมกับน้ำหวาน และซุ่ยก็อ่อยคมน์ยั่วรังสิต จนแก๊งเม้าท์ซุบซิบกัน ยาย่าว่าเหมือนโรสกิ๊กกับคมน์ ส่วนเบลลาก็ว่ารังสิตกิ๊กกับน้ำหวาน
แม้ว่ารังสิตกับซุ่ยทำประชดกัน แต่รังสิตก็แอบปรามซุ่ยว่า
“โรส...อย่าทำเล่นกับผู้ชายคนอื่น...เข้าใจไหม ไม่งั้น...” ซุ่ยถามท้าทายว่าคุณจะทำไม “ไอ้ดาราคนนี้มันไม่ธรรมดานะ คุณไปประมาทมันได้ไง เกิดมันเอาจริงขึ้นมา”
“ก็ดีสิ แหม...คุณพูดแบบนี้ ฉันเปรี้ยวปากขึ้นมาเลย” ซุ่ยยั่วแล้วจะเดินหนี รังสิตจับแขนไว้ ซุ่ยสะบัดเลยชนแผงกั้นไม้ประดับ แผงล้มไปชนตรงที่กำลังมีการ
ปีนผา ไม้ล้มไปโดนเสาหลักสำหรับแขวนผ้าล้มลง
นางแบบที่กำลังซ้อมปีนผาร่วงลงมาเธอเอาแขนลงจึงเจ็บแขนจนแสดงไม่ได้ คมน์เสนอให้หานางแบบใหม่
เบลลากับน้ำหวานดี๊ด๊าเสนอตัว แต่คมน์เสนอให้เอาคนที่เคยซ้อมคิวดีกว่า ซึ่งก็คือซุ่ยนั่นเอง
ซุ่ยใจไม่ดี ไม่แน่ใจว่าจะทำได้ แต่พอเพลงบรรเลงอย่างเร้าใจและทุกคนก็จับตามอง ซุ่ยก็ฮึด ขึ้นเวทีสองมือจับผ้า
“เอาวะ เป็นไงเป็นกัน”
แล้วซุ่ยก็โหนตัวขึ้นไปเสียงปรบมือชื่นชมเกรียว รังสิตก็ดูอย่างชื่นชม คมน์ยกนิ้วโป้งให้ ซุ่ยดีใจมากทึ่งตัวเองว่า
“ทำไมฉันทำได้ล่ะ!! สุดยอดเลย!! ฉันทำได้ ฉันทำได้!!!” เมื่อถึงคิวที่ซุ่ยต้องทิ้งตัวลงมาในอ้อมแขนคมน์ ซุ่ยก็ทำได้อย่างแม่นยำสวยงามอีก ซุ่ยอัศจรรย์ตัวเองที่เก่งได้อย่างไม่น่าเชื่อ
การแสดงจบด้วยท่าที่ซุ่ยอยู่ในอ้อมแขนคมน์ ชูขวดโรลออนตัวใหม่อย่างสวยงาม
“คุณโรสเยี่ยมมาก ผมประทับใจจังเลย ผมจะไม่ลืมวันนี้เลยครับ” คมน์กระซิบเสียงโรแมนติก ซุ่ยหันยิ้มกับนักข่าวหัวใจพองโต ด้วยความภูมิใจว่า...
“เพราะฉันเป็นโรสน่ะสิ ฉันถึงทำได้ทุกอย่าง ทั้งสวย ทั้งเก่งแบบฉันหาไม่ได้อีกแล้วนะคุณรังสิต ถ้าคุณไม่ง้อฉันตอนนี้ ก็อย่าหวังว่าเราจะดีกันอีก” สีหน้าซุ่ยเด็ดขาดมาก แต่ในใจลุ้นระทึกอยากให้รังสิตมาง้อเร็วๆ...
ooooooo
คมน์ไปคุยอวดป้องปกถึงความสวย เก่ง ฉลาดของโรส ป้องปกเตือนว่าเขามีแฟนแล้วอย่าไปยุ่งเลย คมน์อ้างว่ารังสิตหลงรักโรสข้างเดียวต่างหาก ป้องปกระอาใจความเจ้าชู้ของเพื่อนบอกว่า ก็บอกให้ระวังตัวไว้เท่านั้น
พอดีโรสเดินมา คมน์รี่เข้าไปชวนไปดินเนอร์ด้วยกันคืนนี้ ซุ่ยอึ้งไปนิดหนึ่งก่อนจะอ่อยหวานว่า
“ถ้าเป็นคุณคมน์โรสจะปฏิเสธได้ยังไงล่ะคะ”
ว่าแล้วควงคมน์เดินไป
ส่วนรังสิตก็ประชด บอกน้ำหวานว่าเดี๋ยวตนไปส่งนะ
ป้องปกเห็นสภาพแล้วบอกโรสว่า “คนมันวุ่นวาย...อยู่กับต้นไม้ดีกว่าเนอะ” แล้วช่วยกันยกกระถางต้นไม้ไปวาง
รังสิตไปส่งน้ำหวานที่คอนโดแล้วขอตัวกลับไปเคลียร์งาน น้ำหวานยืนมองรถรังสิตที่ขับออกไป พึมพำ
“จะรีบไปหาโรสสินะ...ก็ดีค่ะ จะได้จัดเซอร์ไพรส์ไปเลยทีเดียว”
ฝ่ายคมน์ไปรอซุ่ยที่ร้านอาหารพร้อมกุหลาบช่อใหญ่ ดูนาฬิกาแล้วโทร.หาซุ่ย ทำเป็นถามว่านาฬิกาตนเดินเร็วไป หรือว่าโรสจำร้านไม่ได้ โรสอยู่ที่คอนโดพูดอย่างไม่แยแสว่าถ้ารอไม่ไหวก็กลับไปเลย ตนเข้าใจ
“ทำไมรอไม่ได้ละครับ สำหรับคุณโรส นานแค่ไหนผมก็รอได้”
“ทำไมนะ...คนที่อยากให้ง้อก็ไม่ง้อ คนที่ไม่อยากให้ตื๊อก็ตื๊อไม่เลิก” ซุ่ยพึมพำ
ครู่เดียวรังสิตก็มาที่คอนโดพร้อมกุหลาบแดง
ช่อใหญ่ พอรังสิตมาซุ่ยก็โทร.บอกคมน์ว่าถ้าตนไปหาเขาไม่ได้คมน์มาหาตนที่...ซุ่ยพูดได้แค่นั้นก็ถูกรังสิตแย่งโทรศัพท์ไปตัดสายทิ้ง
ซุ่ยอยู่กับรังสิตอย่างมีความสุขมาก คุยปรับความเข้าใจกันด้วยดี รังสิตขอให้มาเริ่มต้นกันใหม่ แล้วเล้าโลมจนซุ่ยเคลิ้ม แต่ซุ่ยเห็นรอยลิปสติกที่เสื้อเชิ้ตเขา ซุ่ยจำได้ว่าเป็นสีที่น้ำหวานใช้ อารมณ์เคลิ้มกลายเป็นเครียดทันที ซุ่ยไล่รังสิตไปให้พ้นและประกาศเลิกกัน รังสิตตอบอย่างไม่แคร์ว่าถ้าเธอต้องการอย่างนั้นก็แล้วแต่ แล้วออกไปเลย
ซุ่ยทิ้งตัวบนโซฟาอย่างหมดแรง น้ำตาไหลเป็นทาง...
ooooooo
วันนี้ซุ่ยไปทำงานสายในสภาพอิดโรย แวนด้าถามว่าเมื่อคืนงานหนักหรือดูเพลียมาก กอหญ้าก็ทักว่าทำงานทั้งคืนอีกแล้ว เตือนให้ระวังสุขภาพบ้าง ซุ่ยขอบใจ บอกว่าไม่ใช่เรื่องงานหรอก
“ไม่ว่าเรื่องอะไร ผู้หญิงเราก็ต้องดูแลตัวเองนะคะ ดูสิ ขอบตาคล้ำขนาดนี้คอนซิลเลอร์สักนิดไหมคะ” แวนด้ายื่นเครื่องสำอางให้แต่แล้วก็ชะงัก “อุ๊ย ขอโทษทีค่ะ ลืมไปว่าคุณโรสไม่สะดวกที่ต้องใช้ของร่วมกับคนอื่น”
“แล้วเธอสะดวกเหรอแวนด้า ของใช้ส่วนตัวของเธอ เธอให้คนอื่นยืมใช้ได้เหรอ” ซุ่ยถามอย่างมีเป้าหมาย
“ขึ้นอยู่กับว่ายืมอะไร แต่ส่วนใหญ่แวนด้าก็ไม่ซีเรียสนะคะ ใช้แล้วก็แชร์ได้ แบ่งๆกันไป ขอกันกินมากกว่านี้”
“ฉันน่าจะทำใจได้อย่างเธอบ้าง” ซุ่ยเปรยออกมา กอหญ้าบอกให้ซุ่ยลองทำดูเพราะแม่เคยสอนไว้ว่า
การแบ่งปันเป็นสิ่งที่ดี ยิ่งให้เรายิ่งได้ อย่างน้อยที่สุดเราก็ได้ความสบายใจ ซุ่ยติงว่า “แต่มันก็มีหลายอย่างบนโลกที่แบ่งไม่ได้นะกอหญ้า”
“แต่อะไรที่เราควบคุมไม่ได้ก็ปล่อยไปนะคะ รั้งไว้ก็เสียเวลา แคร์เยอะเครียดเยอะ ก็ปวดหัวเปล่าๆ” แวนด้าเอ่ย
กอหญ้าก็ว่าไม่มีอะไรยึดมั่นถือมั่นแล้วไม่เป็นทุกข์ แวนด้าบอกซุ่ยว่าปล่อยมันไปเถอะ ซุ่ยกำลังจะคล้อยตาม แต่พอดีเห็นรังสิตควงน้ำหวานมา ซุ่ยของขึ้นพึมพำเครียด ปล่อยไม่ได้หรอก!
ซุ่ยไปโต้เถียงกับรังสิตด้วยความหึงหวง ขณะนั้นเองชฎาเดินหน้าบึ้งเข้ามาเอาแฟ้มชี้หน้าซุ่ยถามว่าทำงานภาษาบ้าอะไรทำไมตัวเลขในรีพอร์ตถึงได้ผิดพลาดขนาดนี้ ซุ่ยขอโทษเดี๋ยวจะไปแก้รีพอร์ตให้ใหม่ขอเวลาสักครึ่งชั่วโมง น้ำหวานหักหน้าซุ่ยบอกว่าถ้าชฎารอไม่ไหวตนทำให้ก็ได้ขอเวลาแค่สิบห้านาทีเท่านั้น
ซุ่ยทั้งอับอาย เสียใจ มองไปรอบตัวเห็นแต่คนยิ้มเยาะและสายตาสมเพชของรังสิต เสียงหัวเราะเยาะของน้ำหวานและเสียงซุบซิบนินทาจากแก๊งเม้าท์ ซุ่ยสับสน หวาดกลัว ยกมือปัดป้องร้องอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้...
“ม่ายยยยยย!!”
ซุ่ยหนีขึ้นไปบนดาดฟ้า เธอตกใจมากเมื่อจู่ๆ เสียง ดร.ถ้วยทองก็ถามขึ้นว่า
“เป็นโรสสนุกไหม ได้เป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อม เป็นเลิศในการทำงาน ชีวิตน่าจะดีนะ”
ซุ่ยบอกว่าตนอยากเป็นโรสเพราะรังสิตรักโรสต่างหาก แต่พอเป็นโรสเข้าจริงๆ แทนที่จะได้สวีตกัน กลับกลายเป็นเกลียดหน้ากันอีก ดร.ถ้วยทองถามว่าเพราะใครล่ะ
“เพราะงาน งานบ้างานบอพวกนั้น ทำให้สุดท้ายโรสก็ไม่เหลือใคร เพื่อนก็ไม่มี แฟนก็ทิ้ง ฉันไม่อยากเป็นแล้ว ร้งโรสอะไรเนี่ย ไม่อยากเป็นแล้ว” ซุ่ยตะโกนใส่หน้า ดร.ถ้วยทอง ดร.ถ้วยทองถามว่าไม่อยากเป็นโรสแล้วอยากเป็นใคร
ซุ่ยคิดถึงแวนด้าที่มีความมั่นใจในตัวเอง รักตัวเอง บอกว่ามีแต่ผู้หญิงโง่เท่านั้นที่ให้คนอื่นทำตัวเองเจ็บแล้วมานั่งร้องไห้ คิดแล้วซุ่ยพึมพำ “ถ้าเป็นแวนด้าได้ก็คงดีนะ”
“เธอได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้”
เสียง ดร.ถ้วยทองกังวานก้อง เกิดแสงสว่างจ้า แต่คราวนี้เป็นสีม่วงอ่อน ซุ่ยตาพร่าพรายจนมองอะไรไม่เห็น...
ซุ่ยรู้สึกตัวอีกที พบตัวเองกลายเป็นแวนด้า ผู้เฉิดฉายมีเจ๊ซ่ากะเทยถึกเป็นผู้จัดการส่วนตัว ซุ่ยถามตัวเองว่า...
“เรามาอยู่ในร่างแวนด้า แล้วแวนด้าล่ะ ตอนนี้แวนด้าอยู่ในร่างเรารึเปล่า?”
แวนด้าในร่างซุ่ยมาอยู่ที่บ้าน ทุกอย่างแปลกใหม่ไปหมด ตัวเธอเองก็แปลกไปจากเดิม ชอบแต่งตัว
แต่มือไม้แข็งแม้แต่เขียนคิ้วที่เคยชำนาญก็เขียนเลอะเทอะ
ซุ่ยในร่างแวนด้าก็ต้องปรับตัวอย่างมาก เมื่อไปสตูดิโอก็เก้ๆกังๆ เจ๊ซ่าเสนอช่างให้เปลี่ยนทรงผมใหม่ให้เซ็กซี่ ช่างเปลี่ยนเป็นผมสยายหยักศก ซุ่ยมองตัวเองในกระจก พอใจมาก...
“จะว่าไป ผมแบบนี้สวยกว่าผมเรียบๆของโรสเยอะเลย เออ...แล้วโรส ป่านนี้กลับไปเป็นตัวเองแล้วหรือยัง โรสรู้ไหมว่าชีวิตเขาเปลี่ยนไปยังไงบ้าง”
โรสกลับไปเป็นตัวเอง พอไปคอนโด ทุกอย่างเปลี่ยนแปลกไปจากเดิม อาหารก็ผิดแผกไปจากเดิม น้ำก็ไม่แช่ ที่แช่ไว้ก็มีแต่น้ำอัดลม โรสคิดว่าเป็นฝีมือรังสิต พอไปชั่งน้ำหนักตกใจ ที่น้ำหนักขึ้นหนึ่งกิโลกับแปดขีด ต้องรีบเรียกเทรนเนอร์มาด่วน ดูโทรศัพท์ก็พบมิสคอลของรังสิตถึงห้าครั้ง คิดว่าต้องมีเรื่องไม่ปกติแน่
ชีวิตโรสที่ถูกเปลี่ยนไปเป็นซุ่ยไม่กี่วัน ทำให้โรสต่อเรื่องราวในชีวิตตัวเองไม่ติด ไม่รู้ว่าเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นได้อย่างไร เปลี่ยนไปได้อย่างไร ตกใจมากเมื่อรังสิตโทร.มาแสดงความห่วงใยบอกว่าถึงเราจะเลิกกันแล้วแต่ตนก็ห่วงเธออย่างเพื่อนคนหนึ่ง ทั้งรังสิตและโรสจูนกันไม่ติด ต่างงุนงง รังสิตคิดว่าโรสใช้วิธีเดิมๆรับมือกับตน
ooooooo
แวนด้าไปแคสติ้งโฆษณาแอร์ คอนเซปต์ เย็นเฉียบเงียบกริบหลับสนิทตลอดคืน เธอต้องใส่ชุดนอน พอซุ่ยทำหน้างงๆ เจ๊ซ่าก็บ่นว่าไม่ได้ทำการบ้านมาเลยทั้งที่ส่งคอนเซปต์งานไปให้อ่านล่วงหน้าแล้ว
ซ้ำเมื่อเข้าไปในห้องถ่ายทำก็งงๆ ว่าต้องทำอย่างไร ผู้กำกับสั่งให้ขึ้นเตียงก็ขึ้นไปทื่อๆ ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ จนเจ๊ซ่าต้องเข้าไปจัดท่าให้ ขณะนั้นเองเสี่ยโทร.มาหาเจ๊ซ่า เจ๊รับสายแล้วหลิ่วตาให้ซุ่ยเป็นนัย แต่ซุ่ยไม่รู้เรื่อง
ผู้กำกับสั่งซุ่ยให้ทำท่าต่างๆบนเตียง ซุ่ยทำตามเกร็งๆ บอกให้ยิ้มก็ฉีกยิ้ม จนผู้กำกับอ่อนใจบอกให้พอ บ่นว่าสงสัยต้องเปลี่ยนคอนเซปต์โฆษณาใหม่เป็นติงต๊องเสียแล้ว
แต่ซุ่ยก็ได้งาน เธอนึกกระหยิ่มขณะขับรถกลับว่า
“เป็นแวนด้านี่ดีจริง ทั้งสวย ทั้งสบาย กลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงสองสามทีก็เสร็จงานแล้วไม่ต้องเหนื่อยเหมือนโรสเลย”แต่ซุ่ยก็อดเป็นห่วงที่บ้านไม่ได้ หยิบโทรศัพท์จะโทร. เผลอขับรถชนท้ายรถคมน์เข้าอย่างจัง
คมน์ลงมาโวยวาย พอเห็นความสวยเซ็กซี่ของแวนด้าก็เสียงอ่อน ถามอย่างเป็นห่วงว่าเจ็บตรงไหนไหม เป็นอะไรหรือเปล่า เรื่องรถไม่เป็นไรตนซ่อมเองเพราะมีประกันชั้นหนึ่งและจะซ่อมให้เธอด้วย ทำให้ซุ่ยยิ่งพอใจ...
“ตอนเป็นโรสก็เก่งเหมือนโรส ตอนเป็นแวนด้าก็มีเสน่ห์เหมือนแวนด้า...ดีจริงๆ ทำผิดก็ไม่ต้องรับผิดชอบ มีคนมาออกตังค์ค่าซ่อมให้อีกต่างหาก สวยซะอย่างชีวิตก็ดีทุกอย่างเลยเนอะ”
คมน์ลิงโลดมากที่ได้อ่อยแวนด้าสาวสวยหมวยเอ็กซ์ ไปเล่าให้ป้องปกฟัง พอดีเจอแวนด้าในร่างซุ่ยก็ถามว่ารู้จักแวนด้าไหม
“แวนด้าชอบไปแคสงานถ่ายโฆษณาต่างๆ เขาจะเข้าวงการ เป็นดารา นางแบบให้ได้”
คมน์กังวลขึ้นมาว่าถ้าแวนด้าเข้าวงการ เกิดฮอตฮิตขึ้นมาศัตรูคู่แข่งตนต้องมาเพียบแน่ ตนต้องรีบปาดหน้าเค้กไปก่อนไม่งั้นลำบากแน่ ป้องปกดันแวนด้าในร่างซุ่ยไปไม่อยากให้ฟังคมน์พล่าม
ซุ่ยขับรถไปถึงบ้านแวนด้าก็ถูกเจ๊ซ่าโวยว่ามาช้า ซุ่ยบอกว่าเกิดอุบัติเหตุแต่ที่แท้ขับรถวนหาเพราะจำบ้านแวนด้าไม่ได้เคยมาเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
“ว้าย...แล้วเธอเป็นอะไรมากไหม บุบสลายตรงไหนหรือเปล่าเนี่ย” ซุ่ยบอกว่าตนปลอดภัยแต่รถป้ายแดงมีรอยนิดหนึ่ง “ช่างมันเถอะ เดี๋ยวซื้อใหม่ก็ได้ ฉันเป็นห่วงเธอมากกว่า ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เธอใช้ร่างกายเป็นเครื่องมือหากิน จะบาดเจ็บไม่ได้นะ”
“ขอบคุณนะคะเจ๊ซ่า” ซุ่ยเอ่ยแล้วบ่นเบาๆ “ตอนเป็นโรส ไม่เคยมีใครเป็นห่วงอย่างนี้เลย”
“ซึ้งทำไมยะ ไปๆ เข้าไปคุยในบ้านดีกว่า ตรงนี้ยุงชุม เดี๋ยวกัดเป็นตุ่มขาลายไม่สวยอีก ไม่เอาๆ”
เจ๊ซ่าดันหลังซุ่ยเข้าบ้านเบาๆ
ooooooo










