สมาชิก

บุษบาเร่ฝัน

ตอนที่ 11

อัลบั้ม: "ไม้-วฤษฐิ์" ประกบ "มาร์กี้ ราศรี" ในละครคอมมาดี้ "บุษบาเร่ฝัน"

วันนี้ซุ่ยเช็ดกระจกประตูบ้านไปก็คิดถึงคำถามสุดท้ายที่ถามป้องปกไป คิดแล้วก็อดกังวลไม่ได้ว่าถ้าเฮียป้องบอกว่ารักซุ่ยแบบตอนนี้ล่ะ?! ซุ่ยหยุดกึก ช็อก ถามตัวเองว่าถ้าเป็นอย่างนี้จะทำยังไง?

แม่แก้วมาถามว่ากอหญ้าเป็นอะไร พักนี้แปลกๆ พูดจาท่าทางไม่เหมือนเดิมเลย ทำให้ซุ่ยยิ่งคิดหนักถามแม่ว่าตนไม่น่ารักเหมือนกอหญ้าคนเดิมใช่ไหม ใครๆ ก็ต้องชอบกอหญ้าคนเดิมมากกว่าใช่ไหม

แม่ถามว่ากอหญ้าเครียดเรื่องงานหรือเรื่องเรียนต่อ ลูกก็รู้ว่ามีปัญหาอะไรลูกบอกแม่ได้ทุกเรื่อง

“หนูเครียดเรื่องผู้ชายค่ะ มันแย่มากใช่ไหมคะ” แล้วซุ่ยก็เอาน้ำยาทำความสะอาดกระจกให้แม่แก้วบอกว่า ฝากด้วยตนต้องรีบไป แม่แก้วถามว่าจะรีบไปไหน ซุ่ยบอกว่าไปหาผู้ชาย แล้วจ้ำอ้าวไปเลย

ที่บ้านซุ่ย ม่ากับหลิวกำลังกำลังดูแม่ที่เอาชุดเจ้าสาวของแม่มาทาบตัว บอกว่าแก้ทรงนิดหน่อยซุ่ยก็ใส่ได้แล้ว

“ยังไงก็ต้องใส่ เพราะนี่เป็นชุดเจ้าสาวมรดกตกทอด เจ้าสาวตระกูลเราต้องใส่ทุกคน”

แม่เตรียมลูกปัดมาเนรมิตชุดใหม่ให้ซุ่ย ม่าก็เตรียมลูกไม้มา ต่างก็อยากใช้ของตน หลิวบอกว่าให้คนใส่ตัดสินใจดีกว่า แม่กับม่าเห็นด้วย ถามว่าซุ่ยว่ายังไง ซุ่ยลำบากใจไม่อยากให้ใครผิดหวัง บอกว่าตนยังไงก็ได้ ตนรักทั้งแม่และม่าเท่าๆกัน อะไรที่แม่กับม่าเห็นว่าดีตนก็ไม่ปฏิเสธ หลิววิ่งไปเอาถาดใส่ดอกกุหลาบที่ซุ่ยสอนตนทำจากริบบิ้นมาขอแจมด้วย

ระหว่างนั้น ซุ่ยในร่างกอหญ้ามาถึงก็แอบเข้าไปในบ้าน โดยไม่เห็นว่าป้องปกดูอยู่ในสวน ป้องปกสงสัยท่าทางลับๆล่อๆของซุ่ยเลยย่องตามไปดู ซุ่ยมาเห็นแม่ ม่า และหลิวกำลังช่วยกันแต่งชุดเจ้าสาวอย่างมีความสุขก็นึกอิจฉาว่าถ้าตนได้ใส่ก็คงจะดี น้ำตาไหลคิดไม่ตกว่า “ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ด้วย”

ป้องปกเห็นซุ่ยร้องไห้ เขาถามว่าร้องทำไม ยื่นผ้าให้เช็ดน้ำตา ถามว่ามาทำอะไร ทำไมต้องร้องไห้ ซุ่ยตอบไม่ออกหันเดินหนีไปเฉยๆ ป้องปกมองตามไปอย่างข้องใจ อยากรู้ ซุ่ยเดินไปถึงริมถนนตะโกนด็อกเตอร์บ้า ด็อกเตอร์ใจร้าย ทำไมต้องทำกับฉันอย่างนี้ โวยวายจนคนเดินผ่านไปมาต่างหันมอง

ซุ่ยเห็นชายคนหนึ่งแต่งตัวคล้าย ดร.ถ้วยทองนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ก็ตรงไปกระชากหนังสือพิมพ์ออก พอรู้ว่าไม่ใช่ก็ขอโทษ ป้องปกตามมาเห็นพฤติการณ์ของซุ่ยก็ยิ่งสงสัยพึมพำ “กอหญ้าเป็นอะไร”

ooooooo

ในวันที่แก๊งเม้าท์ช่วยกันขนครีมตัวอย่างไปทิ้งตามคำสั่งของโรสนั้น ทั้งสามเสียดายจึงเม้มเอาไปใช้ น้ำหวานกับชฎามาเห็นถามว่าอะไร แก๊งเม้าท์จึงแบ่งให้ชฎากับน้ำหวานบอกว่าแบ่งๆกันไปใช้

วันนี้โรสก็ได้รับโทรศัพท์จากชฎาสั่งให้มาหาตนที่ห้องประชุมเดี๋ยวนี้ ครู่เดียวโรสก็ไปถึง เห็นทั้งชฎา น้ำหวาน และแก๊งเม้าท์นั่งกันหน้าเป็นผื่นบวมแดงเกากันเป็นลิง

“เราทุกคนใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดใหม่ของเธอ แล้วหนังหน้าพวกเราก็เป็นอย่างนี้ มันเกิดอะไรขึ้น!!”

พอชฎาเปิดฉาก ทุกคนก็จ้องโรสอย่างเอาเรื่อง มือก็เกายุกยิกๆ โรสอึ้ง แต่พอตั้งสติได้ก็ชี้แจงว่าตนให้เอาผลิตภัณฑ์นี้ไปทิ้งแล้ว มองไปทางแก๊งเม้าท์ ถามว่าทำไม?! แก๊งเม้าท์มองหน้าโทษกันไปมา

“เธอรู้ว่าดีสโปรดักมีไซด์เอฟเฟกต์ เธอก็เลยให้คนเอาไปทิ้งแบบงุบงิบๆ เพื่อจะปกปิดความผิดพลาดของตัวเอง...แล้วไหนจะแผนการเปิดตัวสินค้าตัวนี้อีก มันพังหมดแล้ว เรื่องนี้ถึงหูบิ๊กบอสแน่!!”ชฎาเกรี้ยวกราดมาก

รังสิตกับซุ่ยยังคุยกันที่ร้านกาฟ เมื่อรังสิตเล่าเรื่องของตนแล้ว ซุ่ยจึงเริ่มเรื่องของตนด้วยคำถามว่า

“ถ้าคนที่คุณรักกำลังจะแต่งงานกับอีกคน เพราะคิดว่าคนคนนั้นเป็นคุณ คุณจะทำยังไง”

รังสิตงงถามว่าเธอพูดอะไร ซุ่ยบอกว่าเรื่องของตนบอกใครก็ไม่มีใครเชื่อ แล้วเข้าเรื่องว่า...

“คนที่เขารักฉัน แต่ฉันไม่เคยสนใจ เพราะว่าเขาไม่ดีพอ ไม่ได้ดั่งใจอะไรสักอย่าง แต่...แต่เขาคือคนเดียวที่ไม่เคยทอดทิ้งฉัน ต่อให้ฉันร้ายกาจกับเขาแค่ไหนก็ยังรักและยังอยู่ตรงนั้นเพื่อฉันตลอด แต่เขากำลังจะไปแต่งงานกับคนอื่น เพราะคิดว่าคนอื่นคือฉัน แต่มันไม่ใช่...คุณว่าฉันควรทำยังไง”

รังสิตถามว่าเขาจะแต่งงานกับคนอื่นที่เขาคิดว่าเป็นเธอ เธอมีฝาแฝดหรือ ซุ่ยโมเมว่าก็ทำนองนั้น ถามว่าถ้าเป็นเขาจะทำยังไง รังสิตถามว่าเธอรักเขาหรือเปล่า เพราะพูดแต่ว่าเขารักเธอ ไม่เห็นบอกเลยว่าเธอรักเขาหรือเปล่า ซุ่ยทำหน้าบ้องแบ๊วบอกว่าไม่รู้ รังสิตถามว่าถ้าไม่รักเขาแล้วเธอจะเดือดร้อนทำไม

“ฉันแค่...ไม่อยากให้เขาเลือกคนผิด เหมือนเรารู้ว่าใครถูกหลอกให้ซื้อสินค้าปลอม ของเทียมของเลียนแบบ ฉันก็เสียใจแทนไง”

“จริงสินะ เธอเป็นคนดี นิสัยดีมากๆ อย่างนี้ ถ้าคนที่หน้าเหมือนเธอแล้วนิสัยแย่กว่าเธอ แล้วผู้ชายต้องมาแต่งงานกับคนที่ไม่ดีเหมือนเธอตัวจริงที่เป็นแม่พระขนาดนี้ ก็น่าเสียดายนะ”

ซุ่ยฟังแล้วอึ้ง เพราะความจริงตรงกันข้ามกับที่รังสิตพูดโดยสิ้นเชิง!

ooooooo

เมื่อทั้งสองกลับมาถึงออฟฟิศ ต่างมึนงงเมื่อเห็นแก๊งเม้าท์เกากันเป็นลิง รังสิตถามว่าเกิดอะไรขึ้น น้ำหวานบอกให้มองไปที่เก้านาฬิกาแล้วจะรู้สาเหตุแห่งการคัน รังสิตมองไปห้องโรส ถามว่า

“เพราะผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ของคุณโรสเหรอครับ”

“คุณรังสิต คัมเฮียพลีส” ชฎาโผล่มาเรียก เมื่อรังสิตตามเข้าไปในห้องทำงาน ชฎาบอกว่าสูตรใช้แคทนิปของโรสจะพาเราลงเหวแน่ เราต้องเปลี่ยนไปใช้สูตรมหาหงส์ของเขา

รังสิตติงว่าสูตรของโรสกันแมลงได้ดีกว่า น่าจะปรับสูตรอีกนิดดูก่อน ชฎาถามว่าปรับสูตรถึงเมื่อไหร่ แล้วจะเวิร์กไหม งานที่รันไปแล้วค่าใช้จ่ายที่เสียไปจะรับผิดชอบและจะตอบคำถามบริษัทแม่อย่างไร รังสิตเข้าใจที่ชฎาพูด ชฎารวบรัดว่าตกลงตามที่ตนว่านะ

“งั้นระบุชื่อโรสเป็นผู้คิดค้นสูตรนี้ตามเดิมนะครับ”

“โนเวย์ค่ะ!! ใครทำดีคนนั้นต้องได้ดีค่ะ”

“แต่...”

“โนเถียงค่ะ!! เพราะพี่แจ้งบอสใหญ่ไปแล้วว่าคุณรังสิตเป็นผู้คิด”

รังสิตเห็นใจโรส เมื่อมาเจอโรสถือกระเป๋าเดินเหม่อลอยไร้จุดหมายออกมาก็ไปดักหน้าถามว่าเป็นยังไงบ้าง โรสในสภาพที่ทั้งมีอคติกับรังสิตและผิดหวังเสียใจที่งานล้มเหลวระบายอารมณ์ใส่ทันทีว่า

“อ๋อ...อยากรู้ใช่ไหมว่าฉันได้รับรางวัลเป็นสิ่งตอบแทนการทำงานหนักรับใช้ที่นี่มาตลอดเป็นอย่างดี ได้ จะบอกให้รู้นะ พี่ชฎาดึงงานสำคัญๆไปให้น้ำหวานกับคนอื่นทำหมดแล้ว ฉันว่าง หมดหน้าที่ หมดประโยชน์ไม่มีโปรเจกต์อะไรให้รับผิดชอบอีกแล้ว จะไสหัวไปไหนก็ไป แต่ไม่ต้องห่วงนะ ฉันโอเคมาก ไม่ต้องทำงานหนัก ไม่ต้องกลับบ้านดึก ชีวิตดี๊ดี จะได้มีเวลาไปเดตกับผู้ชายสักสองสามคนก็ช่วงนี้แหละ”

รังสิตบอกว่าอย่าประชดตัวเอง โรสจิกตาจ้องหน้าเขาโพล่งว่า “เพราะคุณคือต้นเหตุ!”

พอเห็นรังสิตตกใจก็หัวเราะเย้ยหยัน ประชดว่า

“ฉันพูดเล่นน่ะ คนอย่างฉันรับความจริงเสมอทั้งๆ ที่ ฉันอยากจะโยนความผิดให้คุณ ที่งานนี้มันพลาดเพราะฉันดื้อด้านจะเอาสมุนไพรตัวนี้ เพราะอะไรรู้ไหม เพราะฉันอยากเอาชนะคุณไง...ฉันเอาเรื่องส่วนตัวไปปะปนกับงานไง มันก็เลยผิดไปหมด ฉันมันพังเพราะทิฐิของฉันเอง น่าเจ็บใจเป็นบ้าเลยเนาะ...ฮ่ะๆๆ”

รังสิตมองโรสตกใจกับคำพูดที่เยาะเย้ยตัวเองและสับสน โรสยังคงพูดอย่างทระนงว่าไม่ต้องมาสงสารตน ตนสมควรโดนแล้ว และเขาก็รู้ว่าตนไม่ชอบเป็นคนน่าสงสาร มองเขาเหยียดๆ สั่งให้เขาหลีกทาง รังสิตจำต้องหลบ มองโรสเดินเชิดเริ่ดหยิ่งผ่านไปพูดไม่ออกทำอะไรไม่ถูก

ooooooo

ซุ่ยในร่างกอหญ้ายังคงเศร้าคิดไม่ตกที่ป้องปกจะแต่งงานกับกอหญ้าในร่างตนเพราะเข้าใจว่าคือตน แม่แก้วเป็นห่วงบอกว่าถ้าลูกแอบรักใครก็เล่าให้แม่ฟังได้ แม่ไม่ห้ามหรอก ซุ่ยบอกว่าไม่ทันแล้วเพราะเขากำลังจะแต่งงานกับคนอื่น

แม่แก้วบอกว่าดีแล้วที่คนที่เรารักกำลังจะมีความสุข ซุ่ยยอมรับว่าตนไม่รู้เหมือนกันว่ารักเขาหรือเปล่า แม่แก้วบอกว่าลูกทุกข์ขนาดนี้แสดงว่าลูกรักเขามาก เตือนว่า “อย่ารักคนที่เขาไม่รักเราเลย”

ซุ่ยบอกว่าเขารักตนไม่ได้รักกอหญ้า แม่แก้วก็เตือนอีกว่า “อย่าไปรักคนคนเดียวกับเพื่อนเลยลูก”

“แม่ไม่เข้าใจหรอก” ซุ่ยอัดอั้นที่ไม่อาจเล่าความจริงให้แม่แก้วฟังได้

“ทำไมแม่จะไม่เข้าใจ ความรักที่เป็นไปไม่ได้ เราก็ต้องเปลี่ยนมันสิลูก เปลี่ยนความรักเป็นความเมตตา ปรารถนาให้คนที่เรารักมีความสุข โดยไม่คิดครอบครอง หรืออยากได้มาเป็นของเรา และมีมุฑิตา...คือพลอยยินดีที่คนที่เรารักเขาจะได้มีความสุขกับคนที่เขารัก”

ซุ่ยอึ้ง น้ำตาไหล แม่แก้วกอดปลอบ สองแม่ลูกกอดกันร้องไห้อย่างรู้สึกปลดปล่อย...

เมื่อความคิดปลดปล่อยแล้ว รุ่งขึ้น ซุ่ยกลับไปที่บ้าน ไหว้ขอโทษไปรอบตัวจนทุกคนรับไหว้แทบไม่ทัน ต่างมองซุ่ยงงๆ ว่าวันนี้เป็นอะไร ซุ่ยไหว้จนแม่ต้องบอกให้หยุดไหว้เถอะ ซุ่ยจึงสารภาพว่า

“ตอนนั้นหนูคงจะเครียดมาก แต่ตอนนี้ปกติแล้ว หนูไม่อยากให้ทุกคนคิดว่าหนูคิดร้ายกับกอ...ซุ่ย”

กอหญ้าบอกว่าตนไม่โกรธ ม่าก็บอกว่าเข้าใจว่าคนเครียดก็ทำอะไรเพี้ยนๆ แต่หนูอย่าเครียดบ่อยนะ

ซุ่ยแสดงความยินดีที่กอหญ้ากับเฮียป้องจะแต่งงานกัน แม่ชวนให้ซุ่ยมาในวันงานด้วยเพราะเพื่อนเฮียป้องที่โสดๆ นิสัยดีมีเยอะ พอดีป้องปกเดินเข้ามา ซุ่ยขอโทษเขา ถ้ามีอะไรจะให้ช่วยก็บอก แม่จึงชวนมาช่วยกันเนรมิตชุดเจ้าสาว หลิวเจ้ากี้เจ้าการดึงมือซุ่ยไปช่วยกันเย็บชุดเจ้าสาว ป้องปกมองกอหญ้าและซุ่ยสลับกันไปมางงๆ มึนๆ

ครู่หนึ่งม่ามาลากซุ่ยไปช่วยดูชุดเจ้าบ่าวที่ใช้สูทของอากงตามประเพณี ซุ่ยไปเห็นป้องปกแต่งชุดเจ้าบ่าวก็อดเศร้าไม่ได้ ม่าถามซุ่ยว่าพอดีกับเฮียป้องไหม ซุ่ยช่วยติว่าใหญ่ไปหรือเปล่า ม่าจับสูทถามว่าขนาดนี้พอดีไหม ซุ่ยเล็งจนเห็นว่าดีแล้ว ม่าให้ซุ่ยมาจับแทนเพื่อตนจะได้ไปเอาอะไรมาทำเครื่องหมายไว้ กำชับซุ่ยว่าอย่าปล่อยนะ

พอซุ่ยมาจับแทน ม่าก็รีบออกไป ซุ่ยยืนจับสูทตรงหน้าป้องปก ใกล้และนานจนซุ่ยเขินหลบตา

“หลบตาฉันทำไม...ซุ่ย”

ซุ่ยอึ้งที่ได้ยินป้องปกเรียกตนว่าซุ่ย ช้อนสายตาขึ้นมองหน้าเขาเต็มตา...ถามว่าเรียกตนว่าอะไรนะ ป้องปกย้อนถามว่าก็เธอบอกว่าตัวเองเป็นซุ่ยไม่ใช่หรือ? แล้วเขาก็ทบทวนให้ฟังว่า

“เมื่อวานเธอแอบมามองซุ่ยแล้วก็ร้องไห้ วันก่อนก็พยายามจะบอกว่าตัวเองคือซุ่ย พยายามบอกให้ฉันคิดให้แน่ใจว่าฉันรักซุ่ยเพราะอะไร ทั้งหมดที่เธอทำ เธอต้องการอะไร” ซุ่ยตกใจตัดบทว่าถือว่าตนบ้าไปชั่วขณะก็แล้วกัน แล้วจะผละไป “อย่าปล่อยมือ!! เดี๋ยวอาม่าก็ว่าเอาหรอก” ซุ่ยจึงจับสูทไว้ตามเดิมบ่นอุบอิบว่าม่าทำไมไปนานจัง

ป้องปกให้ซุ่ยบอกมาว่าทำไมเธอถึงพยายามจะทำหลายๆอย่างเหมือนซุ่ยในอดีต...

ซุ่ยถามว่า ซุ่ยในอดีตหรือ ป้องปกบอกว่าใช่ แต่ซุ่ยตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว

“แต่กอหญ้ากลับไปเหมือนซุ่ยคนเดิม เฮียว่ามันไม่ตลกเหรอที่คิดอะไรแบบนี้” พูดแล้วซุ่ยมองลุ้นว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร เขาถามว่าหรือว่าพวกเธอเล่นอะไรกัน “ไม่ได้เล่น เราสลับร่างกัน ซุ่ยมาอยู่ในตัวกอหญ้า กอหญ้าเขาก็ไปอยู่ในตัวซุ่ย” กลับถูกป้องปกหาว่าเธอบ้า “ใช่...ฉันมันคนดื้อด้าน! เป็นคนห่วย ไม่มีอะไรดีเลยนอกจากความงี่เง่ากวนประสาท เฮียจะทำไม!”

“พูดเหมือนซุ่ยเกินไปแล้ว เธอคิดจะยั่วฉันหรือกอหญ้า ขอบอกนะว่ามันไม่มีวันได้ผล ฉันไม่มีวันสนใจผู้หญิงอื่นนอกจากซุ่ย”

“ก็ดี ขอให้เป็นอย่างนั้นจริงๆ เฮียไม่มีวันสนใจผู้หญิงอื่นนอกจากซุ่ย” ซุ่ยน้ำตาไหล อวยพรให้เฮียป้องกับซุ่ยมีความสุขกันตลอดไป ป้องปกถามว่าแล้วร้องให้ทำไม ซุ่ยจับสูทแน่นก้มหน้านิ่ง น้ำตาไหลพราก ป้องปกมองอย่างสับสนงุนงง

กอหญ้าในร่างซุ่ยได้รับความรักและทะนุถนอมจากทุกคนในบ้านจนร่างกายแข็งแรงขึ้นมาก เธอบอกทุกคนว่า

“มีแต่คนรักหนูอย่างนี้ หนูต้องแข็งแรงแน่นอนค่ะ”

“ความรักนี่มันทำให้คนเราเปลี่ยนแปลงไปจริงๆ เลยเนอะ แต่ก่อน เจ๊คงยังไม่รักเฮียมากเท่านี้ เจ๊เลยเป็นคนไม่น่ารัก แต่ตอนนี้ ความรักของเจ๊กับเฮียคงสุกงอม เจ๊เลยเปลี่ยนนิสัยเป็นคนดีได้” หลิวพูดแก่แดดจนดูทั้งน่ารักและน่าหมั่นไส้

ป้องปกฟังหลิวแล้วยิ่งคิดมาก จนแม่ถามว่าจะเป็นเจ้าบ่าวแล้วทำไมไม่สดชื่นเลย เขาบอกว่าเป็นห่วงซุ่ย แม่ถามว่าเป็นห่วงอาการทางสมองของซุ่ยใช่ไหม แม่รู้ว่าอาการทางสมองของซุ่ยอาจจะแย่ลงก็ได้

“แม่ไม่ต้องกลัวครับ ที่ผมตัดสินใจแต่งงานกับซุ่ยก็เพราะเรื่องนี้...ผมทำเพื่อตัวผมเอง ผมรักซุ่ย ผมมีความสุข ที่จะได้ดูแลซุ่ย”

“ขอบคุณมาก เฮียป้องคือลูกชายของครอบครัวนี้ ที่คุณพระคุณเจ้าส่งมา เพื่อปกป้องพวกเราทุกคนจริงๆ”

ooooooo

จากการรายงานผลงานของชฎาและการติดตามการทำงานของโรสกับรังสิตมาตลอดของบอสใหญ่จากฝรั่งเศส ทำให้วันนี้น้ำหวานต้องมาดักเชิญรังสิตไปให้สัมภาษณ์นักข่าวจากไฟแนนเชี่ยลแบงคอกและช่างภาพ

รังสิตถามว่าสัมภาษณ์เรื่องอะไร น้ำหวานไม่ทันตอบ ชฎาก็เดินนำบอสใหญ่จากฝรั่งเศสเข้าแนะนำทั้งสองให้รู้จักกัน แล้วชฎาก็ลากรังสิตออกไป ทั้งๆที่รังสิตยังงงๆว่าจะสัมภาษณ์ตนเรื่องอะไร ชฎาบอกว่าบอสใหญ่เห็นผลงานครีมกันแดดสูตรมหาหงส์ของเขาเลยตั้งใจบินมาเพื่อจะปั้นเขาขึ้นมาเป็นหัวหน้าแผนกพัฒนาผลิตภัณฑ์ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก

“คุณชฎาช่วยไปบอกบอสใหญ่ทีเถอะครับ ว่าคนที่เหมาะสมกับการปั้นคือโรส โรสทุ่มเทให้กับงานมาก อุทิศชีวิตให้เลยด้วยซ้ำ คุณชฎาก็เห็น และผลงานเก่าๆของโรสมีเป็นกระบุง ผมเทียบไม่ได้เลย”

“รังสิต ถึงโรสจะโดดเด่น แต่บอสใหญ่เขาไม่โง่นะ บอสใหญ่รู้ว่าทุกผลงานที่โรสซักเซส จะต้องมีชื่อมิสเตอร์รังสิตเป็นแบ็กอัพอยู่เสมอ เขาเฝ้าสังเกตมาสักระยะแล้ว พอมาเห็นเคสนี้ เขาเลยยิ่งมั่นใจว่าตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังผลงานทั้งหมดของโรสคือคุณ บอสบอกว่า เปิดตัวครีมกันแดดไล่แมลงสูตรคุณเมื่อไหร่ เขาจะดันคุณกับทุกสื่อ และจะโปรโมตคุณให้เป็นหัวหน้าแผนกพัฒนาผลิตภัณฑ์ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก”

รังสิต อึ้ง ช็อกกับข่าวนี้...

ooooooo

แก๊งเม้าท์ตื่นเต้นกับตำแหน่งหัวหน้าแผนกผลิต- ภัณฑ์ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก สมบูรณ์ให้ทายว่าใครฝันอยากได้ตำแหน่งนี้ที่สุด ซุ่ยมองไปข้างนอกเห็นโรสยืนอยู่ ซุ่ยบอกว่าคุณโรส กอหญ้า เบลล่าและยาย่าพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคุณโรส!

“ทุกคนทายถูกหมด ผู้ที่ได้ตำแหน่งนี้ต้องไปประจำการที่ต่างประเทศ มันคือตำแหน่งที่คุณโรสต้องการมาก แต่คุณรังสิตได้มันไป คราวนี้คุณโรสไม่ได้แค่เสียหน้านะ แต่เสียแมวเลยล่ะ”

เบลล่ากับยาย่าจับหน้าสมบูรณ์ให้ไปมองโรสที่ยืนอยู่ สมบูรณ์หน้าเหลือสองนิ้ว ขนหัวลุก โรสจ้องตาแทบลุกเป็นไฟแล้วหันหลังเดินไปทันที ซุ่ยกับกอหญ้า เป็นห่วงรีบตามไป

ขณะโรสเดินผ่านห้องรับรอง รังสิตเปิดประตูออกมาพอดี โรสแสดงความยินดีกับเขาแล้วเดินผ่านไปเลย รังสิตเรียกโรสแต่ชฎารั้งแขนไว้เร่งให้ไปสัมภาษณ์ก่อนบอสใหญ่ท่านรออยู่ แต่รังสิตดึงมือกลับบอกชฎาว่าเดี๋ยวมาแล้วรีบตามโรสไป แต่ตามไปถึงมุมตึก เลี้ยวไปก็ไม่เห็นโรสแล้ว

โรสหลบไปนั่งพิงผนังหมดอาลัยตายอยากที่บันไดหนีไฟ ซุ่ยตามมาเรียกเบาๆ โรสถามว่าตามตนมาทำไม กอหญ้าบอกว่าพวกตนเป็นห่วง ซุ่ยบอกว่าเราไม่ต้องพูดอะไรกันก็ได้ พวกเราแค่อยากอยู่เป็นเพื่อนเท่านั้น รับปากว่าจะดูต้นทางให้และจะไม่เอาเรื่องนี้ไปพูดต่อด้วย โรสขอบใจ รำพึงแต่ว่า “ฉันไม่น่าเลย...ฉันไม่น่าเลย...” ซุ่ยกับกอหญ้าเลยเดินมานั่งขนาบคนละข้างจับมือโรสไว้อย่างปลอบใจ...

ooooooo

หลังจากคมน์พาแวนด้าเข้าวงการแล้ว แวนด้าก็หันไปยั่วยวนผู้จัดต้นจนคมน์หึงหวงและมีเรื่องชกต่อยกัน แวนด้าทำเป็นคนดีร้องห้ามผู้จัดต้นที่ตนคั่วอยู่ ไม่ให้ทำคมน์และห้ามทุกคนอย่าถ่ายรูปอย่าทำให้คมน์เสียชื่อมากกว่านี้เลย สงสารเขา

“เขาทำกับคุณอย่างนี้คุณยังจะปกป้องเขาอีกเหรอแวนด้า” ผู้จัดต้นถามและทุกคนก็พากันชื่นชมแวนด้า รังเกียจคมน์

คืนนี้คมน์ระดมโทร.หาแวนด้าจนเธอต้องรับสาย คมน์ขอโทษและอ้อนวอนให้กลับมาอยู่กับตนที่คอนโด ยอมรับว่าตนทำตัวงี่เง่าเพราะหวงเธอ สาบานว่าจะไม่ทำอีกแล้ว แวนด้าตัดบทว่าพอกันทีขออย่าเป็นตัวถ่วงตนอีกเลย บอกคมน์ว่าผู้จัดต้นปลดเขาออกจากละครแล้ว เพราะคลิปในเน็ตมีแต่คลิปเขาก่อกวน ระราน ไม่มีผู้จัดคนไหนเอาเขามาเล่นละครอีกแล้ว คนเขียนบทก็เขียนว่าเขาถูกรถชนเสียโฉมต้องทำศัลยกรรมใหม่กลายเป็นเกรทวรินทร์มาแสดงแทน

“บ้าไปแล้ว นี่มันบ้าไปกันใหญ่แล้วแวนด้า” คมน์ด่าลั่น

“คนเขาวิจารณ์ว่าคุณกำลังตกแล้ว เล่นอะไรก็ไม่เปรี้ยง กระแสก็ไม่มี แต่แวนด้ากำลังมา ใครๆก็จำบทเปรี้ยวหวานได้ คุณอย่ามาวุ่นวายกับแวนด้าอีกเลย แวนด้าขี้เกียจตอบคำถามสื่อ ไม่ต้องติดต่อกับแวนด้าอีก เข้าใจนะ!”

คมน์ถามว่าเธอมีคนใหม่แล้วใช่ไหม ผู้จัดต้นใช่ไหม แวนด้าตอบตามแบบนักแสดงทั่วไปว่าเราไปกันเป็นกลุ่ม ไม่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวแน่นอนแล้วตัดสายเลย ทันใดนั้นก็มีสายเข้า พอเห็นเบอร์แวนด้าทักเสียงหวาน

“คืนนี้จะแวะมาหาแวนด้าไหมคะคุณต้น แวนด้าอุตส่าห์อาบน้ำรอต่อบทกับคุณนะคะ...ไม่มาก็ไม่มา พรุ่งนี้ เจอกันที่กองถ่ายก็ได้ค่ะ จุ๊บ...จู๊บ...” พอวางสายก็โดดขึ้นเตียงรำพึงเคลิ้ม “ถ้าฉันมีแฟนเป็นผู้จัด ฉันต้องได้เป็นนางเอกตลอดชีวิต จะไม่ตกงานแล้ว เย้ๆๆ...”

แวนด้าถ่ายคลิปตัวเองอ้อนแฟนคลับก่อนนอน จากนั้นก็เช็กกระแสตัวเอง ทันใดก็มีเสียงคนคอมเม้นต์ดังมาทันที แวนด้าดีใจรีบอ่าน แต่แล้วก็ชะงัก จากระริกระรี้กลายเป็นหน้าเหวออ่านออกเสียงเบาๆ...นังแพศยา... หน้าไม่อาย...ไม่มีศีลธรรม...แกต้องตกนรก! แวนด้าปิดมือถือโยนไป ด่าพวกที่ด่าตนว่า พวกโรคจิต!

ทันใดก็เห็นที่จอคอมฯมีหัวข้อเขียนว่า “แฉยับ เพื่อนนางเอกดาวรุ่ง ว.ขายตัว มีเสี่ยเลี้ยง” แวนด้าตะโกนเหมือนสติแตกว่า “ไม่จริง! ไม่ใช่ฉัน!!” คลิกดูแล้วช็อกสุดขีด ถามเสียงสั่นสะพรึงกลัว

“ใคร!...ใครปล่อยคลิปเก่าๆของฉัน!!”

ooooooo

ที่บริเวณดาดฟ้าตึกบริษัท...ซุ่ย โรส กอหญ้า นั่งเคียงกันอยู่บนขอบปูนด้านหน้าตึก ความอบอุ่นที่ซุ่ยและกอหญ้ามีต่อโรส ทำให้โรสพูดความในใจให้ฟังว่า

ไม่เข้าใจ ตนทำงานให้บริษัทอย่างถวายหัวมาตั้งกี่ปี แต่พอทำผิดครั้งเดียวก็หมดค่าไปเลย ความดีที่ตนเคยทำมันไม่ได้ช่วยอะไรเลยหรือ กอหญ้ายกคำกล่าวที่ว่าทำดีร้อยครั้งไม่เท่าทำผิดครั้งเดียวเพราะคนเลือกจะจำเรื่องแย่ได้มากกว่าเรื่องดีให้ฟัง

“ขนาดพี่ชฎา คนที่ฉันคิดว่าเขารักฉันอยู่ข้างฉัน ก็ยังกระโจนหนีจากฉันทันที ไม่มีปกป้อง ไม่มีเห็นอกเห็นใจฉันเลย กลับเป็นพวกเธอที่อยู่ข้างฉัน”

“บางทีซุ่ยก็สงสัยนะคะ ว่าสังคมการทำงานมันทำให้คนเรากลายเป็นแบบนั้น หรือพวกเราเป็นแบบนั้นกันอยู่แล้ว”

“ไม่ยุติธรรม ถึงฉันจะทำผิด แต่ก็ไม่น่าจะไม่เห็นคุณค่ากันขนาดนี้”

“ถ้าพูดถึงเรื่องความไร้ค่า เรื่องนี้ซุ่ยเป็นเจ้าของตำแหน่งค่ะ มาสายก็โดนว่า มาช้าก็โดนด่า ทำช้าก็โดนกัด ทำเร็วก็โดนแขวะ ทำผิดก็หาว่าโง่ ทำถูกก็หาว่าอวดเก่ง มีแต่คนอยากไล่ออกจากบริษัท แต่ก็หน้าด้านอยู่ได้ ซุ่ยไม่เคยมีอะไรโดดเด่นดีงามเลยสักอย่าง” ซุ่ยระบายความอัดอั้นกดดัน

โรสเข้าใจและเห็นใจความรู้สึกของทั้งสองคน เอ่ยอย่างทึ่งซุ่ยในร่างกอหญ้าว่า

“กอหญ้า ฉันเพิ่งรู้ว่าเธอเป็นคนที่ใส่ใจความรู้สึกของคนอื่นมาก มากจนเหมือนมานั่งอยู่ในใจเลย ขอบใจมากนะ”

“ขอบคุณค่ะ บางทีชีวิตคุณก็เหมือนชีวิตฉัน... เห็นคุณโรส เห็นกอหญ้า หรือแวนด้า ก็เหมือนเห็นตัวเอง มันมีบทเรียนที่ทำให้ฉันเรียนรู้และเข้าใจความงี่เง่าของตัวเองชัดเจนขึ้น แล้วถ้าเป็นไปได้ ถ้ามีโอกาสฉันก็คงจะทำมันให้ดีขึ้น”

“ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็อยากทำให้ดีขึ้นเหมือนกัน” โรสเปิดใจ กอหญ้าในร่างซุ่ยก็ว่าถ้าเป็นไปได้ตนก็เหมือนกัน

“มีคุณค่า...ได้แต่งงาน...แล้วก็มีความสุขกับคนที่รักตลอดไป” ซุ่ยรำพึง

“ใช่เลย กอหญ้าพูดแทนใจซุ่ยอีกแล้ว” กอหญ้าในร่างซุ่ยพูดอย่างตื่นเต้น ในขณะที่ซุ่ย เหงา เศร้า เมื่อคิดถึงป้องปก

ซุ่ยกลับถึงบ้านคุณหยก กอหญ้าส่งรูปที่ทุกคนกำลังช่วยกันเย็บชุดเจ้าสาวมาให้ดู ซุ่ยบอกแม่แก้วว่าตนทำตามที่แม่บอกคือให้ยินดีกับเขาตนเลยช่วยทำชุดเจ้าสาว เขาจึงส่งรูปมาให้ดู แม่แก้วชมว่าทำดีแล้ว ซุ่ยบอกว่าแต่ตนยังทำใจไม่ได้ถามว่า

“หนูต้องทำยังไงเหรอจึงจะสามารถมีความสุขไปกับความสุขของคนที่เรารักได้จริงๆ” แม่แก้วบอกว่าเดี๋ยวก็ทำได้ ซุ่ยพึมพำ “ทำไมมันยากจัง...”

“ยากไม่ยากก็อยู่ที่ตัวลูกนั่นแหละ ดูอย่างคุณหยกสิ ที่ท่านรักและเอ็นดูลูกมากก็เพราะว่าท่านอยากมีลูก แต่ท่านมีไม่ได้ ถึงท่านจะมีความสุขเรื่องกินเรื่องอยู่สบาย แต่คุณหยกก็ไม่สามารถมีความสุขอย่างที่แม่มีได้ ความสุขจากการมีลูกสาวน่ารักชื่อกอหญ้าให้กอดให้ชื่นใจได้ทุกวัน มันเป็นของแม่คนเดียว” แม่แก้วกอดซุ่ยไว้อย่างแสนรัก ซุ่ยอบอุ่นแต่ก็ท้อใจ ถามว่าตนเป็นความสุขของแม่ขนาดนั้นเลยเหรอ? แม่แก้วกอดกระชับซุ่ย รำพึง “ถึงหนูทำอะไรแปลกๆ พูดอะไรพิลึกๆ เหมือนไม่ใช่ตัวหนู แต่แม่ก็รักกอหญ้าเสมอนะลูก ไม่ว่าลูกจะเป็นยังไง...”

ซุ่ยมองแม่แก้วอึ้ง สงสาร ยิ้มให้แม่แก้วอย่างสำนึกในบุญคุณ

ooooooo

วันนี้ขณะป้องปกจะออกไปทำงาน เห็นกอหญ้าไปยืนอยู่ใต้ต้นลั่นทม เขาถามว่าซุ่ยทำอะไร เธอบอกว่ารอดอกลั่นทมร่วง เมื่อวานฝนไม่ตก ดอกลั่นทมร่วงกราว แต่วันนี้ฝนตกกลับไม่ร่วงสักดอก เขาถามว่าจะรอไปทำไม

“ซุ่ยจะเอาดอกไม้ไปประดับโต๊ะ แต่ไม่อยากเด็ด อยากเอาดอกที่ร่วงเองมากกว่า ร่วงหน่อยนะ สักสามดอกพอ นะ”

พลันดอกลั่นทมก็ร่วงมาดอกหนึ่ง ซุ่ยดีใจเก็บมาทัดหูถามป้องปกว่าสวยไหม เขามองแปลกๆ เพราะซุ่ยเคยเอาเหน็บไว้กลางหัว ขอเอาไปเหน็บกลางหัวให้บอกว่าต้องแบบนี้สิ ซุ่ยดึงออกบอกว่าดูมันตลก ป้องปกถามว่าซุ่ยรู้ตัวไหมว่าตัวเองไม่เหมือนซุ่ยคนเดิม ไม่ขี้โวยวายไม่เอาแต่ใจเหมือนก่อน

“เฮียป้องอยากให้ซุ่ยเอาแต่ใจงั้นเหรอคะ แน่ใจเหรอคะว่าชอบซุ่ยแบบนั้น คิดดีๆก่อนนะคะเฮียป้อง ถ้าซุ่ยมีนิสัยแบบนั้น เฮียยังจะแต่งงานกับซุ่ยหรือเปล่า หรือว่านี่เป็นแผนจะล้มเลิกงานแต่ง” ป้องปกดุว่าไปกันใหญ่แล้ว “ล้อเล่นค่ะ ถึงเฮียอยากล้มเลิก ซุ่ยก็ไม่ให้ล้มหรอก เพราะตอนนี้ซุ่ยมีความสุขมาก ได้อยู่กับคนที่รักทุกคน ขอบคุณนะคะเฮียป้องที่รักซุ่ย พอแล้วเฮียไปทำงานเถอะ”

ขณะป้องปกจะเดินไปนั้น ดอกลั่นทมก็ร่วงลงมาเป็นดอกที่สอง ซุ่ยบอกว่าขออีกดอกเดียวเท่านั้น สิ้นเสียงดอกลั่นทมอีกดอกก็ทิ้งขั้วปลิวลงมาตรงหน้าซุ่ยพอดี พริบตานั้น ซุ่ยเบิกตาโพลงตัวแข็งค้างล้มทั้งยืนพร้อมดอกลั่นลมที่ตกถึงพื้น

“ซุ่ย!!” ป้องปกหันมาเห็นวิ่งลงจากรถทันที กอหญ้าในร่างซุ่ยชักกระตุก มือ แขน ขา คอ เกร็งไปหมด กอหญ้าเห็นป้องปกเบลอ ๆแล้วดับมืดไป...

ooooooo

วันนี้ ขณะซุ่ยขัดรองเท้าให้คุณหยกอยู่นั้นแม่แก้วมาบอกอย่างตื่นเต้นว่าคุณหยกมีข่าวดีจะบอก ลากซุ่ยไปหาคุณหยก

ข่าวดีของคุณหยกคือจัดการเรื่องเรียนต่อให้เรียบร้อยแล้ว บอกซุ่ยว่าเตรียมตัวไว้ให้พร้อม ผลประกาศออกมาเมื่อไร จะได้รีบเดินทางไปเรียนภาษาไว้ก่อนเลย

ขณะที่คุณหยกและแม่แก้วยิ้มแย้มยินดีกับข่าวนี้ ซุ่ยกลับยิ้มไม่ออก!

ซุ่ยว้าวุ่นใจจึงไปที่บ้าน ทั้งบ้านเงียบกริบ คนสวนบอกว่าทุกคนไปโรงพยาบาลเพราะกอหญ้าป่วยหนัก ซุ่ยรีบตามไปโรงพยาบาล เห็นกอหญ้าในร่างตนนอนป่วยหนักไม่รู้สึกตัวก็ตกใจทนดูไม่ได้ ผละออกมาเห็นหลังหลิวอยู่หลังเสารีบเดินไปถามว่าทำอะไร เกิดอะไรขึ้น

ที่หลังเสา แม่กับม่ากำลังปรึกษากันอย่างทุกข์ใจเรื่องค่ารักษาพยาบาล ปรึกษากันว่าจะเอาของในบ้านไปขาย พอดีป้องปกเดินมาบอกว่าตนจะรับผิดชอบค่ารักษาให้ซุ่ยหายให้ได้ไม่ต้องกังวล ซุ่ยในร่างกอหญ้ารู้สึกถึงความตึงเครียดเดินเข้าไปถามว่าซุ่ยเป็นอะไร ต้องใช้เงินมากแค่ไหนจึงจะรักษาซุ่ยได้ ทุกคนมองหน้ากันไปมาไม่รู้จะตอบอย่างไร

ซุ่ยทุกข์ใจมากที่กอหญ้าในร่างตนอาการสาหัสขนาดนี้ ป้องปกบอกว่าเป็นโรคเจ้าหญิงนิทราเกี่ยวกับสารเคมีในสมองทำงานผิดปกติ การรักษาก็ไม่แน่ว่าจะหายขาดได้ แต่มีอีกวิธีที่อาจช่วยได้คือการผ่าตัดสมอง

ซุ่ยทำใจไม่ได้กับสภาพร่างกายของตนขณะนี้จนจะร้องไห้จึงรีบเลี่ยงออกมาข้างนอก เจอโรสเดินหน้าเครียดมา ถามว่ามาเยี่ยมซุ่ยหรือแล้วรีบเข้าไปคุยกับป้องปกข้างใน ซุ่ยได้ยินก่อนประตูจะปิดลงว่า “ป้องปกคะ ฉันคุยกับหมอแล้ว เขาบอกว่า...” ซุ่ยได้ยินก็ยิ่งกงวลเครียด

โรสบอกป้องปกว่า หมอบอกว่าอาการแบบซุ่ยนี้ต้องการกำลังใจ และความรักความอบอุ่นเท่านั้นจะทำให้คนไข้มีแรงสู้ต่อไป มีเด็กที่เป็นแล้วหายเพราะพ่อแม่นั่งเล่านิทานให้ฟังตลอดเวลา จนเด็กตื่นขึ้นมาในที่สุด โรสให้กำลังใจอย่างเชื่อมั่นว่า

“ฉันเชื่อว่า คุณป้องปกกับครอบครัวซุ่ยจะสามารถทำให้ซุ่ยหายได้”

“เล่านิทานหรือครับ แต่ซุ่ยไม่ค่อยชอบฟังนิทานนะ”

ซุ่ยอยากรู้ว่าทั้งสองคุยอะไรกัน ย่องมาเงี่ยหูฟังแต่ก็ยังไม่ได้ยิน เห็นแต่โรสสบตาปกป้องอย่างจริงจัง ย้ำกับเขาว่า

“งั้นก็คุยกับเขา พูดกับเขาตลอดเวลา อย่าปล่อยให้เขาเงียบเหงา”

ป้องปกเป็นห่วงเรื่องงานของซุ่ย โรสบอกว่าไม่ต้องห่วง เราสนใจแต่เรื่องสุขภาพของเราก็พอ ไม่อย่างนั้นอาจเงิบได้ เพราะบริษัทนี้ใช้คนแล้วทิ้ง เวลานี้ตนก็เป็นไม้ประดับออฟฟิศเพราะทำงานพลาดครั้งเดียวพวกเขาก็ลืมความดีทุกอย่างที่ตนเคยทำมา

ป้องปกถามว่าเป็นไปได้ยังไง แล้วทั้งสองก็คุยกันเบาๆอย่างใกล้ชิด ทำเอาซุ่ยร้อนรุ่มไม่พอใจมาก

“ซุ่ยกำลังพะงาบๆ แต่โรสก็มาตีท้ายครัวงั้นเหรอ หรือนี่คือกรรมตามสนองที่เราเคยไปวอแวกะคุณรังสิต?”

ซุ่ยค่อยๆถอยออกมาชนกับรังสิตที่ถือกระเช้ามาเยี่ยมซุ่ยพอดี ซุ่ยถามว่าทำไมเขาต้องมาเยี่ยมด้วยปกติไม่เห็นจะสนิทกันขนาดนี้ รังสิตบอกว่าบริษัทมอบ หมายให้ตนเป็นตัวแทนพนักงานทุกคนมาเยี่ยม ซุ่ยมองการ์ดที่ติดกระเช้ามาเห็นคนเซ็นชื่อเต็มที่ไปหมด ถามว่าชฎาและแก๊งเม้าท์เห็นซุ่ยเป็นคนสำคัญขนาดนี้เลยหรือ

“สำคัญสิ ทุกคนรักและห่วงซุ่ยมากนะ เหมือนเธอไง เธอก็ยังมาเลย”

“จริงเหรอ คนที่ออฟฟิศแคร์ซุ่ยขนาดนี้เลยเหรอ ขนาดที่คุณโรสต้องแนะนำแพทย์เฉพาะทางให้ แล้วยังมาดูแลด้วยตัวเองอีก”

รังสิตอึ้ง ถามว่าโรสทำอะไรนะ ก็พอดีโรสกับป้องปกเดินออกมา โรสพูดให้ความหวังกับป้องปก ทั้งสองจับมือบีบให้กำลังใจกัน รังสิตกับซุ่ยไม่ได้ยินว่าพูดอะไรกัน เห็นแต่บีบมือมองตากันนิ่ง ก็อึ้ง...อึ้ง...

ooooooo

บุษบาเร่ฝัน

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด