สมาชิก

บุษบาเร่ฝัน

ตอนที่ 10

อัลบั้ม: "ไม้-วฤษฐิ์" ประกบ "มาร์กี้ ราศรี" ในละครคอมมาดี้ "บุษบาเร่ฝัน"

ป้องปกเป็นห่วงซุ่ย พยายามหาทางที่จะรักษาเธอให้หาย จำได้ว่าโรสเคยแนะนำหมอให้แต่ก็ไม่ได้ให้เบอร์ไว้จนลืมไป วันนี้เขาจึงมาหาที่บริษัทเพื่อขอเบอร์โทรศัพท์ของหมอ

รังสิตเห็นป้องปกมาหาโรสก็สงสัยว่ามาทำไม ความอยากรู้ทำให้ตามทั้งสองไป เห็นไปนั่งดื่มกาแฟคุยกันก็เข้าไปทักป้องปกอย่างพร้อมจะมีเรื่อง “มาทานกาแฟไกลจังเลยนะครับ” แล้วทำหน้าตายนั่งดื่มกาแฟด้วย

“คราวที่แล้วคุณเลี้ยงผม ผมก็เลยซื้อมาคืนให้” รังสิตเลื่อนกาแฟให้ป้องปก โรสสงสัยว่าสองคนเคยเจอกันตอนไหน รังสิตตอบกวนๆด้วยสีหน้าและคำพูดที่ห่างเหินว่า “ตอนที่คุณไม่รู้ไงครับ คุณโรส”

รังสิตชวนป้องปกคุยโดยไม่สนใจโรส เขาเปิดมือถือเอารูปต้นแคทนิปให้ดู ถามว่าเขารู้จักต้นนี้ไหม ป้องปกบอกว่ากอหญ้าเคยเอามาให้ดูแล้วว่าไล่แมลงได้จริงหรือเปล่า มันไล่ได้จริงแต่ยังไม่มีผลการวิจัยรับรองว่าไม่เป็นอันตรายกับมนุษย์

รังสิตพูดเหน็บโรสว่าตนได้ยินมาเหมือนกัน แต่บางคนจงใจทำเป็นไม่รับรู้เพียงเพราะอยากเอาชนะ โรสโกรธจี๊ด เหน็บคืนทันทีว่าทางตนกำลังทดลองเพิ่มกับกลุ่มตัวอย่างอยู่แต่บางคนก็ไม่รู้เพราะจ้องหาเรื่องอย่างเดียว

การประชดประชันเหน็บแนมกันระหว่างโรสกับรังสิตผ่านป้องปกเป็นไปอย่างตึงเครียดไม่มีใครยอมใคร ป้องปกมองคนนั้นทีคนนี้ที ถอนใจหนักๆ พูดแทรกขึ้นเบาๆว่า

“แค่เลิกกัน ต้องกลับเป็นศัตรูกันเลยเหรอครับ” ทั้งสองชะงักมองป้องปก “ผมขอโทษนะครับ ผมเป็นคนนอก ไม่ควรตัดสินปัญหาของพวกคุณ แต่ผมก็เคยเลิกกับคนที่ผมรักเหมือนกัน จนถึงตอนนี้...ผมก็ยังอยากให้เธอมีความสุขอยู่ดี”

รังสิตกับโรสหน้าม้าน ป้องปกเก็บนามบัตรหมอที่โรสให้ใส่กระเป๋าเสื้อ ขอบคุณโรสสำหรับเบอร์คุณหมอและขอบคุณรังสิตสำหรับกาแฟ บอกว่าตนต้องกลับไปหาซุ่ยแล้ว

โรสกับรังสิตอยู่กันตามลำพัง ในความเงียบนั้นต่างคิดคำพูดของป้องปกเมื่อครู่นี้ที่ว่า... “เคยเลิกกับคนที่ผมรักเหมือนกัน จนถึงตอนนี้...ผมก็ยังอยากให้เธอมีความสุขอยู่ดี” แล้วต่างก็มองหน้ากัน แต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา

ooooooo

ซุ่ยในร่างกอหญ้าเดินเหม่อลอยอย่างผิดหวังสับสนผ่านล็อบบี้ที่แก๊งเม้าท์กำลังเม้าท์ข่าวนักแสดงหน้าใหม่มีป๋า ค.ช่วยดันกันอยู่ ยาย่าร้องทักแต่ซุ่ยเดินผ่านเหมือนไม่ได้ยิน สมบูรณ์ปากยื่นปากยาวด่าเบาๆ

“หยิ่ง ยโส จองหอง ไร้มารยาท เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวจะต้องสั่งสอนเสียให้เข็ด!”

ซุ่ยเดินไปนั่งที่สวนหย่อมชั้นลอยพิงพนักถอนใจเฮือกใหญ่ ขณะเดียวกันรังสิตที่มาจากอีกทางก็มานั่งในอาการเดียวกัน เมื่อหันเจอกันต่างถามพร้อมกันว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ซุ่ยเกี่ยงให้รังสิตพูดก่อนเพราะเรื่องของตนซับซ้อน

“ผมเหรอ...ผมก็แค่สงสัย คนเราเป็นแฟนกัน

ถ้าเลิกกันแล้ว จะยังเป็นเพื่อนกันได้ไหม” ซุ่ยถามว่าถามตนหรือ “ถ้าได้ความเห็นบวกๆบ้างก็คงดีนะ กอหญ้า”

“ความเห็นบวกๆจากกอหญ้าเหรอ?...งั้นก็คงขึ้นอยู่กับว่าเลิกกันเพราะอะไรมั้ง แต่ถ้าถามฉัน หมายถึงฉันจริงๆน่ะ ถึงจะเลิกกันดีๆก็ยังยากอยู่ดีที่จะมองหน้ากัน แค่เห็นก็เจ็บ ต่อไม่ติด ไม่สนิทใจ อย่าเจอเลยดีกว่า”

“เหมือนกัน ผมก็คิดแบบนั้น แต่มีคนนึงบอกว่าเขาทำได้แม้จะเลิกกันแล้วเขาก็ยังคอยดูแลแฟนเก่าได้”

“เหรอ?? ใครจะดีได้ขนาดนั้น”

“คุณป้องปกน่ะ ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แต่เธอก็คงดีกับคุณป้องปกเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นเขาจะ

ยังดูแล ยังคบเป็นเพื่อนจนถึงตอนนี้ได้ไง ใช่ไหม”

ซุ่ยอึ้ง พูดไม่ออก รังสิตจมอยู่กับความคิดของตัวเองเลยไม่เห็นอาการของซุ่ย

ooooooo

เมื่อคมน์ยัดเยียดแวนด้าจนได้เล่นบทเปรี้ยวหวานเพื่อนนางเอกในเรื่อง “ริษยากันไปริษยากันมา” ที่ตนเล่นอยู่ด้วยแล้ว ก็เชียร์ออกหน้าออกตา ชมว่าแวนด้าเล่นเก่งมีพรสวรรค์กระทั่งแวนด้ายืนเฉยๆ ตนยังรู้สึกได้ถึงพลังที่เธอส่งมาให้

เมื่อแวนด้าอ้อนว่าบทตนน้อย อย่างนี้เมื่อไหร่จะได้เกิด คมน์ก็ไปปะเหลาะนารีคนเขียนบทให้เพิ่มบทให้แวนด้า ถ้าแวนด้าได้เกิดเพราะการสนับสนุนของคนเขียนบทระดับพี่นารีนางฟ้าของวงการ ตนทั้งคู่จะไม่มีวันลืมเลย

“อืม...เปรี้ยวหวานจะต้องเป็นเพื่อนนางเอกที่ไม่ใช่สักว่าเป็นเพื่อนนางเอกไปวันๆอย่างแน่นอน” นารีให้ความหวัง

คมน์หึงหวงวุ่นวายกับการทำงานของแวนด้ามาก เดี๋ยวเสื้อโป๊ไป เดี๋ยวกางเกงสั้นไป ให้พีอาร์ถ่ายภาพใหม่จนพีอาร์บ่นกับทีมงานว่าไม่ได้ดูเลยว่าปกติเมียตัวเองแต่งตัวแบบไหน จะหวงอะไรนักหนาก็ไม่รู้วุ่นวายจริงๆ ทีมงานผสมโรงว่า...

“เห็นด้วยพี่ เดี๋ยวนี้พี่คมน์เรื่องมากตลอด ไอ้นู่นก็ไม่ได้ ไอ้นี่ก็ไม่ดี หลงแฟนจนป่วนไปทั้งกองเลยเนี่ย”

คมน์วุ่นวายกระทั่งกับคนจัดไฟ และต้นไม้ เจอป้องปกที่มารับจัดต้นไม้เข้าก็อารมณ์เสียถามว่ามาทำไม ถ้าจะขอโทษก็ไม่ต้องเพราะตนยังไม่หายโกรธ แต่แวนด้าอ่อยป้องปกชมว่าดอกไม้สวย ฝากเขาดูตนเข้าฉากด้วย คมน์หงุดหงิดตวาดว่าไปชวนมันทำไม ป้องปกไม่อยากมีเรื่องจึงขอตัวกลับไปดูซุ่ย คมน์ไม่ให้ไปขอคุยด้วย

แต่พอไปพบกันก็ท้าว่าใครดีใครอยู่ ป้องปกไม่เล่นด้วยเตือนว่ารู้ตัวไหมว่าเปลี่ยนไประวังจะกระทบกับงาน คมน์ยังฮึดฮัด ป้องปกตัดบทว่า

“เรารู้จักกันมานาน ฉันไม่อยากทะเลาะกับนายเพราะเรื่องผู้หญิง ยังไงนายก็เป็นเพื่อนฉัน” คมน์ชะงักแต่ยังมีทิฐิ

ooooooo

หลังจากรังสิตพูดเรื่องของตัวเองแล้ว ถามซุ่ยในร่างกอหญ้าว่าเธอไม่สบายใจเรื่องอะไร ปกติดูเป็นคนไม่เครียดอะไร ซุ่ยบอกว่านั่นมันกอหญ้า แต่ตนไม่ใช่ เห็นรังสิตงง ซุ่ยบ่นว่าตนก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร แต่ตนไม่ใช่กอหญ้า!

“คุณรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองใช่ไหม”

“ก็ประมาณนั้น ปัญหาคือฉันไม่อยากเป็นอย่างนี้แล้ว ไม่อยากเป็นคนอื่น แต่มันทำไม่ได้ คุณเข้าใจไหม ฉันกลับไปเป็นตัวเองไม่ได้ ฉันไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว”

“งั้นคุณก็อย่าฝืนดีไหมกอหญ้า ถ้าคุณอึดอัดไม่สบายใจ คุณก็ไม่ต้องฝืนเป็นคนอื่น เป็นตัวของตัวเองให้เต็มที่ ฝืนเป็นคนอื่นก็เท่ากับหลอกตัวเอง คุณควรทำสิ่งที่อยากทำ...ถ้ามันไม่ทำให้ใครเดือดร้อนนะ”

“นั่นสิคะ ฉันควรเป็นตัวของตัวเอง จะทนเป็นคนอื่นทำไม” ซุ่ยคล้อยตาม แววตามุ่งมั่น

ทั้งสองเดินมาที่หน้าลิฟต์ รังสิตบอกซุ่ยว่าตนจะลองทำแบบที่ป้องปกทำดู เพราะยังไงตนก็ไม่คิดจะเป็นศัตรูกับโรสอยู่แล้ว เมื่อรู้ปัญหาของกันและกันแล้ว ซุ่ยบอกรังสิตให้สู้ๆ ส่วนรังสิตก็ย้ำกับซุ่ยว่า

“ขอให้คุณได้กลับไปเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องเป็นคนอื่น”

พอดีลิฟต์มา ประตูเปิดออก ในลิฟต์ ทั้งโรสและแก๊งเม้าท์อยู่ในนั้นต่างถือกล่องสินค้าตัวอย่างกัน แก๊งเม้าท์ตาโต โรสมองรังสิตถามนิ่งๆว่าจะไปด้วยกันหรือเปล่า รังสิตกับซุ่ยจึงก้าวเข้าลิฟต์

ซุ่ยยืนคั่นกลางระหว่างรังสิตกับโรส ซุ่ยหันไปช่วยถือกล่องให้โรส พอซุ่ยรับกล่องมา รังสิตก็รับไปช่วยถือต่อ แก๊งเม้าท์กลอกตามองกันไปมา ซุ่ยส่งสัญญาณให้รังสิตทำอะไรบางอย่าง อยู่ๆรังสิตก็ถามโรสว่า

“สินค้าตัวอย่างหรือครับ” โรสตอบไม่มองหน้าอย่างห่างเหินว่า “ค่ะ คุณรังสิต” บรรยากาศเลยยิ่งอึดอัด

ซุ่ยส่งสัญญานให้รังสิตพูดอีกแต่รังสิตอึกอักนึกเรื่องคุยไม่ออก พอดีลิฟต์ถึง รังสิตรีบบอกโรสว่าจะถือให้ แต่พูดไม่ทันจบ โรสก็ยื่นมือมารับกล่องไปบอกว่า “เดี๋ยวฉันถือเองดีกว่าค่ะ”

ทั้งสองสบตากันนิ่ง ว่างเปล่า พอออกจากลิฟต์ โรสกับรังสิตก็เดินเลี้ยวไปคนละทาง พอซุ่ยจะก้าวตามก็ถูกแก๊งเม้าท์รั้งไว้ รุมกันถามว่าพวกเราคว่ำบาตรรังสิตอยู่ เธอจะดีกับเขาไปทำไมกอหญ้าหรืออยากมีปัญหา

“ฉันไม่ใช่กอหญ้า! ฉันคือซุ่ย” ซุ่ยสวนทันควัน ยาย่ากับเบลล่าตาโตถามว่าติงต๊องหรือ? อะไรของมันวะ สมบูรณ์นึกขึ้นได้ถามว่ารังสิตกับโรสล่ะ ทั้งสามเลยพากันวิ่งออกไป ซุ่ยมองตามพึมพำอย่างมุ่งมั่น

“ฉันไม่ใช่กอหญ้า ฉันต้องกลับไปเป็นตัวเองให้ได้!”

ooooooo

ซุ่ยสร้างความงุนงงกับแก๊งเม้าท์ที่ออฟฟิศแล้ว กลับถึงบ้านก็สร้างความตกใจแก่แม่และนายชุ่ม เมื่อเห็นเสื้อผ้าของใช้ของกอหญ้าก็รื้อกระจายเกลื่อนเตียง แม่แก้วเข้ามาเห็นตกใจถามว่ากอหญ้าทำอะไรเละเทะหมดเลย

“หนูไม่ใช่กอหญ้า” แม่แก้วชะงักอึ้ง “ขอบคุณที่ดีกับหนูนะคะ หนูจะพากอหญ้าคนเดิมกลับมาให้ค่ะ” ซุ่ยเดินลิ่วออกไป แม่แก้ววิ่งตามถามว่ากอหญ้าจะไปไหน ซุ่ยหันบอกว่าตนไม่ใช่กอหญ้า และจะกลับไปเป็นตัวเอง แม่แก้วถามว่ากอหญ้าหนูไม่สบายหรือเปล่า “หยุดเรียกหนูว่ากอหญ้าสักที หนูชื่อซุ่ย นางสาวบุษบา แก้วเกิด เป็นเพื่อนกอหญ้า หนูคิดว่ากอหญ้าเป็นคุณหนู เลยอิจฉา พออิจฉา หนูก็เลยต้องกลายเป็นกอหญ้า แต่ตอนนี้หนูไม่อยากเป็นกอหญ้าแล้ว ไม่อยากเป็นคนอื่นอีกแล้ว หนูต้อการกลับร่างตัวเอง!!!”

คุณหยกได้ยินเสียงออกมาถามว่าแม่ลูกเอะอะอะไรกัน ซุ่ยโพล่งไปว่าตนไม่ใช่กอหญ้า ตนคือซุ่ย

นายชุ่มที่วิ่งมาดูถามว่ากอหญ้าเมาผงชูรสหรือเปล่า ไล่ให้ไปพักก่อน ซุ่ยโมโหที่ไม่มีใครเชื่อว่าตนไม่ใช่กอหญ้าวิ่งหนีไป นายชุ่มบอกแม่แก้วว่าปล่อยไปก่อนเดี๋ยวหายบ้าก็กลับมาเองแหละ คุณหยกก็บอกแม่แก้วว่าปล่อยให้กอหญ้าอยู่คนเดียวสักพัก ให้เวลาลูกหน่อย บางทีกอหญ้าอาจเครียดมาก บอกแม่แก้วว่า

“คงต้องหาทางช่วยกอหญ้าแล้วล่ะ แม่แก้ว”

ooooooo

กอหญ้าในร่างซุ่ยเห็นหลิวทำการบ้านไม่ได้ก็เข้าไปช่วยสอนให้จนหลิวทึ่งว่าพี่ซุ่ยวันนี้เก่งจัง ม่ากับแม่เห็นซุ่ยสอนการบ้านน้อง ยิ้มกันอย่างมีความสุขกับครอบครัวที่อบอุ่น

ทั้งแม่ ม่า และหลิว ต่างลุ้นให้ซุ่ยกับป้องปกกลับมาเหมือนเดิม ทั้งชงทั้งลุ้นทุกโอกาส พูดเองเออเองกันจนซุ่ยเขิน ป้องปกเองก็มีท่าทีไม่ขัดผู้ใหญ่ จนแม่กับม่าบอกว่าดีใจที่เฮียป้องกับซุ่ยจะแต่งงานกัน ทุกคนกอดกันด้วยความสมหวัง

ทันใดทุกคนก็สะดุ้ง เมื่อจู่ๆซุ่ยตัวจริงก็โผล่มาโพล่งขึ้นว่า

“ไม่ได้นะ เฮียป้องจะแต่งงานกับซุ่ยตอนนี้ไม่ได้ เพราะผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ซุ่ย!”

ทุกคนตกใจผงะ อุทานเรียก “กอหญ้า!” ในขณะที่ซุ่ยยืนผงาดประกาศอย่างมุ่งมั่นว่า ตนคือซุ่ยไม่ใช่กอหญ้า

เมื่อเข้าไปนั่งคุยกันในห้องรับแขก ซุ่ยพยายามพูดให้ทุกคนเชื่อว่า

“หนูรู้ว่ามันฟังดูบ้า ประหลาด แต่มันคือเรื่องจริงนะคะ ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ซุ่ยแล้วหนูก็ไม่ใช่กอหญ้า เราสองคนสลับร่างกัน หนูต่างหากที่เป็นลูกของแม่ เป็นหลานของม่า เป็นพี่แกไงหลิว แล้วก็เป็น...ซุ่ยไงเฮียป้อง”

ทุกคนไม่เชื่อ โดยเฉพาะหลิวถามว่านี่กำลังถ่ายรายการอะไรกันอยู่หรือเปล่า ซุ่ยจึงเล่าเรื่องตุ๊กตาบาร์บี้ ที่เป็นเรื่องรู้กันเฉพาะระหว่างตนกับหลิวให้ฟัง ว่าหลิวไม่ชอบตุ๊กตาผมยาวจึงตัดทิ้งจนหัวโล้น หลิวกลัวแม่ว่าเลยขอให้ซุ่ยช่วยปดแม่ว่าตุ๊กตาถูกขโมย หลิวฟังแล้วอึ้งแต่ยังไม่เชื่อถามว่าซุ่ยเอาความลับนี้ไปบอกกอหญ้าหรือ กอหญ้าในร่างซุ่ยอึกอักเพราะไม่รู้เรื่องนี้ ซุ่ยตัดบทว่า

“ไม่มีใครบอกพี่ทั้งนั้น พี่รู้เพราะพี่เป็นคนช่วยหลิวเอาตุ๊กตาไปซ่อนไง ฉันคือเจ๊ซุ่ยของแกไงหลิว”

ทั้งแม่และม่าต่างก็ไม่เชื่อ หัวเราะว่ากอหญ้าล้อเล่น ซุ่ยเซ็งมากแต่ต้องทำให้ทุกคนเชื่อให้ได้ว่าตนคือซุ่ยตัวจริง บอกว่าถ้าแม่ไม่เชื่อ ก็ให้แม่ลองถามอะไรเกี่ยวกับซุ่ยดู ม่าแทรกขึ้นว่าถ้าเป็นซุ่ยตัวจริงก็ให้ลองพับกระดาษดู เพราะซุ่ยพับกระดาษเป็นรูปอะไรก็ได้มันเป็นพรสวรรค์ของซุ่ย ม่าหันไปหยิบกระดาษส่งให้ซุ่ย

“เอ้า...ลองพับคิงคองให้ดูหน่อย”

ซุ่ยรับกระดาษไปพับ แต่พับแล้วพับอีกก็พับไม่ได้ สารภาพว่า

“คือ...หนูเคยพับได้จริงๆนะ แต่พอหนูมาเป็นคนอื่น หนูก็ทำไม่ได้ หนูเสียความสามารถของหนูไป แต่หนูคือซุ่ยจริงๆนะม่า” แต่ทุกคนก็ยังมองเธอเหมือนตัวประหลาด ซุ่ยเสียใจเดินไปหากอหญ้า “กอหญ้า เธอคือกอหญ้าไง เธอจำตัวเองได้ไหม เธอคือลูกสาวของแม่แก้ว เป็นแม่บ้านที่บ้านคุณหยก พ่อเธอเป็นคนขับรถ เธอจำได้ไหม” กอหญ้าจำไม่ได้ ซุ่ยย้ำว่า “เธอไม่ใช่ซุ่ย เธอออกจากร่างฉันมาเดี๋ยวนี้ ออกมา!”

ป้องปกเห็นท่าไม่ดี เข้าไปดึงซุ่ยในร่างกอหญ้าออกมาบอกให้พอได้แล้ว เลิกทำแบบนี้เสียที บอกให้กลับบ้านไปได้แล้ว ในขณะที่กอหญ้าก็สับสนว่าตนไม่ใช่ซุ่ยเหรอ แล้วทิ้งตัวลงบนโซฟาตาปรือเหมือนจะหลับไปอีก

ooooooo

แม้จะถูกป้องปกไล่ให้กลับไป ซุ่ยไม่ยอมกลับ ป้องปกถามว่าเธอเป็นอะไรไป ควรไปหาจิตแพทย์ดีกว่า ซุ่ยเลยเปลี่ยนใหม่ ทบทวนความหลังระหว่างตนกับป้องปกให้ฟังว่า...

“เรารู้จักกันตอนซุ่ยอยู่ ม.1 เป็นแฟนกันตอนซุ่ยขึ้น ม.2 เลิกกันตอนซุ่ยอยู่มหาวิทยาลัย ซุ่ยโกรธที่เฮียป้องไม่สนใจซุ่ย ไม่เคยจับมือซุ่ยเลยสักครั้ง ซุ่ยเลยหลอกเฮียป้องว่าซุ่ยชอบรุ่นพี่ที่คณะ กุเรื่องให้พี่คนนั้นดูดีเลิศประเสริฐศรีเพื่อให้เฮียป้องหึง แต่เฮียป้องก็ไม่หึง แล้วก็ไม่ห้าม แถมยังบอกอีกว่าพี่คนนั้นเป็นคนดี ก็ให้คบกันดีๆ อย่าทำให้แม่เสียใจ”

ป้องปกอึ้งเพราะที่ซุ่ยพูดเป็นความจริงทุกอย่าง ซุ่ยร้องไห้เมื่อนึกถึงความหลัง แล้วเล่าเรื่องต้นลีลาวดีว่า

“ต้นลีลาวดีนี่ก็เหมือนกัน เฮียป้องให้เป็นของขวัญวันที่ซุ่ยเรียนจบ ใส่กระถางมา ซุ่ยไม่ชอบเพราะมันดูไม่ได้เรื่องเลย เฮียป้องเลยต้องเอาลงดิน ดูแล ประคบ ประหงมจนมันโต แล้วซุ่ยก็ตั้งชื่อมันว่าต้นเฮียป้อง เวลาซุ่ยโกรธเฮียป้อง ซุ่ยก็จะมาเด็ดใบมันทิ้งอย่างนี้ ถ้าเฮียป้องมาเห็น ซุ่ยก็จะบอกว่ามันมีเพลี้ย”

“มันมีเพลี้ย...” ป้องปกอุทานทึ่ง ซุ่ยถามว่าเชื่อตนแล้วใช่ไหม ป้องปกเปลี่ยนสีหน้าถามว่า “คุณต้องการอะไรกันแน่ คุณเป็นใคร ทำไมถึงรู้เรื่องของผมกับซุ่ยเยอะขนาดนี้ แล้วมากุเรื่องสลับร่างสลับตัวเพื่ออะไรกันแน่” พอซุ่ยจะชี้แจง เขาก็ตัดบท “พอทีเถอะ คุณกลับไปซะกอหญ้า กลับไปคิดให้ดีว่าคุณทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร แล้วทางที่ดี ถ้าคุณยังไม่หาย ก็อย่ามาที่นี่อีก”

“ซุ่ยมันโง่เอง ที่คิดว่าเฮียป้องจะฉลาดกว่านี้” ซุ่ยพูดอย่างผิดหวังแล้ววิ่งออกไป

ป้องปกหน้าเครียด มองตามซุ่ยไป แล้วหันกลับมองต้นลีลาวีดีที่เรียกกันเองกับซุ่ยว่าต้นเฮียป้อง เดินไปหยิบใบลีลาวดีที่ซุ่ยเด็ดทิ้งขึ้นดู หน้าเครียด

ooooooo

ซุ่ยในร่างกอหญ้ากลับถึงบ้านคุณหยกด้วยหัวใจห่อเหี่ยว อ้างว้าง เข้าครัวไปเห็นแม่กับนายชุ่มกำลังกินข้าวอยู่ แม่ทักว่ากลับมาแล้วหรือ กินข้าวหรือยังก็ไม่ตอบ เหมือนไม่ได้ยิน เดินตรงไปยังห้องนอนบอกว่าขออยู่คนเดียวสักพัก

นายชุ่มเห็นสภาพแล้วบอกแม่แก้วว่าให้เวลาอีกหน่อย ถ้าพรุ่งนี้ตื่นมาแล้วยังไม่หายบ้าตนจะช่วยด่าให้หายเอง นายชุ่มเหลือบดูนาฬิกาแล้วลุกพรวดบอกว่า สองทุ่มแล้วเตรียมตัวดูละครดีกว่ากำลังมันเลย

ขณะแม่แก้วกับนายชุ่มดูละครทีวีที่กำลังตบกันดุเดือด นายชุ่มร้องเชียร์เมามันราวกับเชียร์มวย คุณหยกเดินมาถามว่าเสียงอะไรกรี๊ดๆดังไปถึงข้างบน แม่แก้วบอกว่ากำลังดูละคร

“ก็เรื่องริษยากันไปริษยากันมาไงครับ มันมากเลยนะครับคุณหยก ตบกันทุกฉากเลย” นายชุ่มอินยิ่งกว่าแม่แก้วอีก

ที่บ้านซุ่ย ม่าก็กำลังดูละครเรื่องเดียวกัน แม่เดินเข้ามาเห็นหลิวนั่งจ้องฉากตบตีกันตาเป๋งก็บ่นว่าเป็นเด็กเป็นเล็กดูละครแบบนี้ได้ยังไง มีแต่ความรุนแรง ไล่ให้ ไปนอนเสีย หลิวบอกว่าตนอยากอยู่เพราะมีพี่แวนด้าเล่น

แก๊งเม้าท์ก็ดูละครเรื่องเดียวกัน แต่แก๊งนี้อินกว่าเพื่อน เห็นในจอตบกันก็ตบหมอน ตบอากาศตาม เห็นแวนด้าสู้กับแม่ค้าในตลาดจนแทบลากกันออกมานอกจอ แก๊งเม้าท์อินจนเผลอหลบกันวุ่น

ooooooo

เมื่อแม่ ม่า และหลิว ทั้งชง ทั้งเชียร์และลุ้นกันจนถึงขั้นจะให้กอหญ้าในร่างซุ่ยกับป้องปกแต่งงานกันแล้ว เช้านี้หลิวก็วิ่งเอาแหวนพลาสติกไปให้ป้องปกหมั้นซุ่ยโดยเรียกแม่และม่ามาเป็นพยานด้วย

ป้องปกเล่นด้วย แต่เห็นเป็นแหวนพลาสติกก็บอกซุ่ยว่าวันนี้เราหมั้นกันเล่นๆก่อน แล้วตนจะรีบหาของจริงมาหมั้นจริงๆวันหลัง เมื่อป้องปกสวมแหวนแล้วซุ่ยกรีดนิ้วมองตาวาวชมว่าสวย ตนชอบมาก ป้องปกพึมพำเบาๆว่า

“แปลกดีเนาะ ที่ซุ่ยเล่นด้วย เดี๋ยวนี้ซุ่ยใจดีขึ้นมากเลย นึกว่าจะโดนด่าว่าของเล่นกิ๊กก๊อกปัญญาอ่อนแบบนี้ให้ไปเล่นกับหลิวสองคนเสียอีก”

“อะไรกันคะ ซุ่ยนะเหรอ จะหยาบคายแบบนั้น” ซุ่ยถาม ส่วนม่าปลื้มจนถ่ายรูปป้องปกกับซุ่ยเก็บไว้

เวลาเดียวกัน ซุ่ยในร่างกอหญ้าอยู่ที่บ้านคุณหยก ตื่นเช้ามาอารมณ์ก็ยังขุ่นมัว ขณะล้างถ้วยกาแฟและจานชามในอ่างล้างจานในครัว ทำจานรองแก้วแตกบาดมือจนเลือดไหล คุณหยกเป็นห่วง ถามซุ่ยว่ามีปัญหาอะไรหรือ อย่าเก็บไว้คนเดียว ยิ่งไม่พูดผู้ใหญ่ก็ยิ่งเป็นห่วง ซุ่ยตอบเลี่ยงไปว่าเครียดเรื่องงานนิดหน่อย

“กอหญ้า ฉันมีข้อเสนอเดิมนะ ถ้างานมันหนักนักก็พักไหม ไปเรียนต่อสักปีสองปีได้เห็นมากขึ้นรู้มากขึ้น เผื่อเธอจะได้ไอเดียใหม่ๆกลับมาใช้ต่อยอดในการทำงานได้บ้าง”

ซุ่ยหาขออ้างมากมายที่จะไม่ไปเรียน ทั้งเรื่องต้องใช้เงินเยอะ ห่วงแม่ ห่วงงาน แต่ทั้งแม่และนายชุ่มบอกให้ไป ไม่ต้องห่วงอะไร ทุกคนเห็นด้วยจนซุ่ยพูดไม่ออก เมื่อไปทำงานก็คิดเป็นห่วงว่าถ้าตนไปเรียนแล้วกอหญ้าล่ะ? เฮียป้องล่ะ? คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดี

ฝ่ายกอหญ้าในร่างซุ่ยไปถึงที่ทำงานด้วยใบหน้าอิ่มเอิบมีความสุข แก๊งเม้าท์ตาไวเห็นแหวนที่นิ้วถามว่าแหวนอะไรสวมที่นิ้วนางซ้ายด้วย ถามว่าเธอไม่ได้สวมเล่นเองใช่ไหม กอหญ้าตอบเขินๆว่าเฮียป้องให้เมื่อเช้านี้

ยาย่าถามว่าเขาให้ทำไม สมบูรณ์ดักคอว่า อย่าบอกนะว่าเธอจะมีข่าวดี

“ก็...คงเร็วๆ นี้แหละ” กอหญ้าเขินจัด แก๊งเม้าท์เหวอ ซุ่ยได้ยินถึงกับอึ้ง!

ชฎากับน้ำหวานได้ยินเสียงตื่นเต้นฮือฮาของแก๊งเม้าท์ออกมาถามว่ามีอะไรกัน เบลล่าบอกว่าซุ่ยจะแต่งงาน ยาย่าว่าถ้าไม่เชื่อก็ให้ดูแหวนนี่ พลางจับมือกอหญ้าออกไปอวดแหวน หลายคนฮือฮา ซุ่ยที่ยืนอยู่ในกลุ่มพนักงานพูดลอยๆว่า

“ก็แหวนพลาสติกกิ๊กก๊อกปัญญาอ่อน”

“มันไม่สำคัญหรอกว่าแหวนจะเป็นของเล่นตลกๆ แค่ไหน สำคัญว่าคนที่ให้ เขาเจตนาจะสื่ออะไรต่างหาก จริงไหมซุ่ย” โรสเดินเข้ามาร่วมวง

“ค่ะ คุณโรส แปลกจัง ใครตะกี๊ที่บอกว่าแหวนนี่มันกิ๊กก๊อกปัญญาอ่อนคะ เฮียป้องก็พูดเหมือนกันเลยว่าแกกลัวว่าซุ่ยจะว่าแหวนวงนี้กิ๊กก๊อกปัญญาอ่อน ซุ่ยยังงงเลยว่าคนอย่างซุ่ยจะพูดจาหยาบคายแบบนั้นใส่คนที่น่ารักอย่างเฮียป้องได้ยังไง ซุ่ยไม่ใช่คนไม่มีน้ำใจแบบนั้นซะหน่อย”

โรสบอกว่าซุ่ยโชคดีที่ได้เจอผู้ชายที่เห็นเธอเป็นผู้หญิงพิเศษของเขาอย่างป้องปก อวยพรให้รักกันนานๆ ซุ่ยในร่างกอหญ้าที่ยืนฟังอยู่รับไม่ได้ เถียงเบาๆเข้าข้างตัวเองว่า

“ฉันต่างหาก ผู้หญิงพิเศษของเฮียป้องคนเดียว!!”

ooooooo

รังสิตจำคำของป้องปกและพยายามทำดีกับโรส แต่ด้วยท่าทีที่สงบนิ่งไว้เชิง ทำเหมือนไม่สนใจแต่แอบห่วงใย วันนี้เขาได้ยินโรสพูดโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงตกใจบอกว่าจะไปเดี๋ยวนี้

โรสขึ้นรถตู้จะไปห้องแล็บ รังสิตทำหน้าตายบอกว่าตนก็จะไปพอดี จึงไปด้วยกัน แต่ตลอดทางต่างนั่งเงียบเหมือนไม่สนใจกันเลย เมื่อไปถึงห้องแล็บเจ้าหน้าที่มารายงานว่าสมาชิกในกลุ่มตัวอย่างแพ้ครีมกันแดดที่สกัดจากแคทนิป เป็นผื่นคันทั้งตัวและหายใจไม่ออกต้องรีบพาไปส่งโรงพยาบาล ขณะนี้แพทย์ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด

โรสใจเสียเมื่อมีคนแพ้หนักขนาดนี้จะวางขายได้อย่างไร รังสิตเสนอให้ลดปริมาณสารที่สกัดจากแคทนิปลงได้ไหม เจ้าหน้าที่ว่าได้ แต่คงเสร็จไม่ทันกำหนดเดิมที่จะ วางจำหน่าย เสนอให้เปลี่ยนไปใช้สูตรที่รังสิตเลือกดีกว่า

โรสประชดรังสิตว่าดีใจไหมที่ตนเป็นฝ่ายผิดพลาด รังสิตถามว่า เธอพลาด บริษัทก็พลาด แล้วตนจะดีใจได้อย่างไร และตนก็ไม่เคยคิดจะแข่งกับเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว พูดอย่างเยือกเย็นจริงจังว่า

“อย่าห่วงเรื่องผมเลยคุณโรส ตอนนี้สิ่งที่คุณควรทำคือรีบเอาสินค้าตัวอย่างที่คุณสั่งมาไปทำลาย ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดมีใครเอาไปแจกหรือเอาไปใช้ คงไม่ใช่แต่พวกเราที่รู้เรื่องนี้”

พูดจบรังสิตเดินออกไปอย่างสงบนิ่ง ไม่ตื๊อไม่สนใจโรสเหมือนเมื่อก่อน จนโรสอดใจหายไม่ได้ แต่ก็รีบทำตามคำแนะนำของรังสิต กลับไปที่ห้องทำงานก็สั่งแก๊งเม้าท์ให้เอาสินค้าตัวอย่างไปทิ้งให้หมด แก๊งเม้าท์บ่นเสียดาย โรสบอกว่าไม่ต้องใช้แล้วและไม่อยากให้มันหลุดออกไปถึงมือคู่แข่งของเรา

ooooooo

ซุ่ยอยู่ในสภาพว้าวุ่นอยากกลับสู่ร่างตัวเองแต่กลับไม่ได้ บอกใครก็ไม่มีใครเชื่อ เมื่อไม่มีทางออกจึงตะโกนเรียก ดร.ถ้วยทองให้มาช่วยทำให้ตนได้กลับร่างด้วย ตนไม่อยากเป็นกอหญ้าและไม่อยากให้กอหญ้าแต่งงานกับเฮียป้อง

ดร.ถ้วยทองไม่มาหาซุ่ย แต่ไปหาป้องปกขณะเขาเข้าห้องสมุดในมหาวิทยาลัย บอกให้เขาช่วยทำให้เธอคนนั้นที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเขาให้เธอเข้าใจสักทีว่า ถ้าเธอยังกระวนกระวาย ยังต้องการไม่สิ้นสุดถึงอยากจะหยุดก็หยุดไม่ได้ แต่ป้องปกยังไม่ทันเข้าใจ ดร.ถ้วยทองก็หายไปแล้ว

เมื่อป้องปกออกมานั่งพักที่ม้านั่งระหว่างทางเดินนั้น ด็อกเตอร์ถ้วยทองก็มาบอกเขาอีกว่า

“อย่าลืมเตือนเธอด้วยล่ะ เพราะเวลามันใกล้หมดแล้ว”

เมื่อ ดร.ถ้วยทองไม่มาช่วย ซุ่ยจึงดิ้นรนค้นหาเกี่ยวกับการสลับร่างวิญญาณจากกูเกิ้ล เปิดหาจนพบว่า อาจทำได้เมื่อทั้งสองร่างมีจิตสัมพันธ์กันในภาวะจิตที่ตกใจสุดขีดทำให้สติวูบดับวิญญาณหลุดจากร่าง ซุ่ยตัดสินใจจะลองสลับร่างดูอีกที

ซุ่ยมองกอหญ้าที่ยกลังสินค้าทดลองจะเอาไปทิ้งที่เดินอยู่ข้างหน้าว่าจะทำอย่างไร พอดีเห็นรถคันหนึ่งแล่นมาอย่างเร็ว ซุ่ยจะผลักกอหญ้าให้รถชนแต่พอยกมือก็ยั้งคิด มีรถอีกคันแล่นตามมา ซุ่ยสูดลมหายใจแรงๆเหมือนตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว พอดีกอหญ้าสะดุดพื้นล้มเองรถพุ่งเข้ามาพอดีซุ่ยล้มลงกับพื้นแน่นิ่ง คนขับตกใจรีบลงมาดู

ซุ่ยค่อยๆลืมตา ทบทวนเหตุการณ์แล้วยิ้มดีใจที่เมื่อกี้ตนตกใจสุดขีดอย่างที่ข้อมูลในกูเกิ้ลบอก แต่ความจริงรถไม่ได้ชน ตนตกใจเป็นลมไปเอง ซุ่ยผิดหวังมาก

ที่สลับร่างคืนไม่ได้ พอดีป้องปกวิ่งมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาเข้าประคองกอหญ้าในร่างซุ่ยอย่างห่วงใยจนซุ่ยประชดว่าประคบประหงมกันเข้าไป รักมากใช่ไหม กอหญ้าถามว่าทำไมพูดอย่างนั้น ป้องปกบอกว่าท่าจะเพี้ยนอย่าไปสนใจเลย ชวนกลับบ้านกันเถอะ ซุ่ยยิ่งเจ็บใจน้อยใจ

ขณะพากอหญ้ากลับ ผ่านแก๊งเม้าท์กำลังดูและเม้าท์คลิปที่รังสิตถูกคมน์ต่อยเพราะหึงแวนด้า ป้องปกขอดูคลิป เขาเป็นห่วงคมน์มาก คืนนี้จึงไปที่คอนโดเพื่อเตือนสติเพื่อน กลับถูกคมน์ที่กำลังหลงใหลแวนด้าบอกว่าอย่ามายุ่งกับเรื่องของตน

“ไอ้คมน์ นายไม่ได้สร้างชื่อเสียงขึ้นมาได้ภายในวันเดียวนะเว้ย อย่าให้มันพังลงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ” แต่กลับถูกคมน์ตอบโต้ว่าอย่ามาดูถูกความรักของตน “ไอ้คมน์ ฉันแค่อยากให้นายมีสติ...ถ้าความรักของนายมันดีจริงมันจะไม่ทำให้นายเดือดร้อน แต่ถ้านายร้อนรุ่มเหมือนตอนนี้ นายก็ควรจะลองอยู่นิ่งๆ แล้วหันมาพิจารณาตัวเองมากกว่าอย่างอื่น”

“งั้นนายก็กลับไปซะ ฉันจะได้มีเวลาอยู่นิ่งๆ ไม่ต้องเกิดอารมณ์เสีย ต่างคนต่างอยู่เหอะไอ้ป้อง เชิญ!”

คมน์เปิดประตูไล่ ป้องปกกลับไปอย่างหนักใจไม่รู้จะพูดอย่างไรกับคมน์ที่กำลังหน้ามืดตามัวเพราะหลงแวนด้า

ooooooo

ป้องปกกลับไปด้วยความหนักใจ เดินผ่านสวนที่ปลูกต้นลีลาวดีไว้ เห็นซุ่ยกำลังเด็ดใบลีลาวดีระบายอารมณ์

“นี่แน่ะ...นี่...นี่ เอาให้โกร๋นไปเลย! นี่แน่ะ!!” เขาพุ่งเข้าไปจับมือซุ่ยถามว่าทำอะไรน่ะกอหญ้า “เด็ดต้นเฮียป้องไง นี่...นี่...จะเอาให้เหี้ยนเลย” ป้องปกขู่ว่าบุกบ้านคนอื่นในยามวิกาลเข้าทำลายทรัพย์สินแบบนี้แจ้งความได้นะ ซุ่ยท้าว่าเอาเลย มองมือป้องปกที่จับมือตน พึมพำ “ถ้าเมื่อก่อนเฮียป้องจับมือซุ่ยง่ายๆแบบนี้ ซุ่ยคงไม่น้อยใจหาเรื่องเลิกกับเฮียป้องหรอก”

“คุณเลิกพูดเหมือนคุณเป็นซุ่ยสักทีเถอะ”

“แล้วคิดหรือว่าฉันอยากเป็นอย่างนี้ ทำตัวเหมือนคนบ้าในสายตาคนอื่น ฉันไม่ได้อยากเป็นอย่างนี้สักหน่อย แต่มันไม่มีทางให้ฉันไป ฉันไม่รู้แล้วว่าต้องทำยังไงต่อไป” ซุ่ยน้อยใจมาก

“งั้นคุณก็ลองคิดอีกที คิดให้ดีว่าปัญหาของคุณคืออะไร อะไรที่ทำให้คุณทุกข์อยู่ตอนนี้” ซุ่ยมองหน้าบอกว่าก็เฮียป้องไง! ป้องปกย้ำว่า “ใคร่ครวญ ทบทวนให้เห็นต้นตอของมัน”

“ต้นตอเลยเหรอ...หรือจะเป็นตัวฉันเอง...”

“ถ้าคุณรู้ว่าสาเหตุคืออะไร ก็ลองพิจารณาอีกครั้ง ใช้หลักเหตุผลลองคิดดูว่าจะจัดการมันยังไง” ป้องปกพูดในใจคิดถึงคำพูดของ ดร.ถ้วยทองที่ให้ช่วยเตือนเธอด้วย ถ้าเธอยังกระวนกระวาย ยังต้องการไม่สิ้นสุดถึงอยากจะหยุดก็หยุดไม่ได้ ซุ่ยฟังแล้วถามว่าแค่นั้นพอหรือ บอกว่าก่อนตนจะพอ ขอถามว่า

“คุณจะแต่งงานกับผู้หญิงที่อยู่ในบ้านนั้นจริงๆ หรือ แต่งงานเพราะว่าเธอป่วยหรือ”

“ไม่ใช่...เพราะผมรักซุ่ย”

“ฉันขอถามคำถามสุดท้าย” ซุ่ยกลั้นใจตั้งสมาธิ เรียบเรียงคำพูดอย่างเยือกเย็น “เฮียป้องรักซุ่ยตอนนี้ที่เป็นแบบนี้หรือเด็กผู้หญิงดีๆ ที่เฮียป้องเคยคบเมื่อตอน ม.2 เฮียป้องไม่ต้องรีบตอบ เอาไปคิด ใคร่ครวญ ทบทวนไตร่ตรอง คิดให้รอบคอบ เอาความรู้สึกจริงๆ คิดให้ดีว่า เฮียป้องรักใครกันแน่”

ป้องปกเก็บคำพูดของซุ่ยมานั่งคิดที่โต๊ะทำงานมีรูปกอหญ้าที่ม่าถ่ายให้ตอนเช้า ซุ่ยในรูปเรียบร้อยอ่อนหวานเทียบกับรูปที่เขาถ่ายกับซุ่ยสมัยเรียนที่ซุ่ยโพสท่ากวนๆ สดใส เขาเอารูปทั้งสองใบเปรียบเทียบกันมองอย่างพิจารณาพึมพำ

“มันจะไม่ใช่คนเดียวกันได้ยังไง?”

ป้องปกปิดโคมไฟที่โต๊ะทำงาน แสงสลัวจากหน้าต่าง เห็นว่ามีหนังสือของ ดร.ถ้วยทองวางอยู่ รูปด็อกเตอร์ถ้วยทองที่ปกหนังสืออยู่ๆก็ยิ้มออกมา...

ooooooo

บุษบาเร่ฝัน

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด