ตอนที่ 1
อัลบั้ม: "ไม้-วฤษฐิ์" ประกบ "มาร์กี้ ราศรี" ในละครคอมมาดี้ "บุษบาเร่ฝัน"
ซุ่ย หรือ น.ส.บุษบา แก้วเกิด ทำงานในบริษัทเฟลอร์-ไทยแลนด์ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวรายใหญ่ ที่มีบริษัทแม่อยู่ฝรั่งเศส เธอรู้สึกตัวเองต่ำต้อยและไร้ค่า วันนี้เธอเดินดูไม้ดอกในร้านขายต้นไม้กระถางของป้องปกเบื่อๆเซ็งๆ พลางนึก
“คนเราควรจะพอใจในตัวเอง...ใช่ ตามหลักการมันก็ควรจะเป็นแบบนั้น...เหมือนดอกไม้แต่ละชนิด
มันน่าจะพอใจในตัวของมัน เพราะดอกไม้แต่ละชนิดต่างก็สวย มีกลิ่นหอม มีความดีงาม น่าสนใจ มีประโยชน์หรือมีความเหมาะสมที่จะใช้ในโอกาสแตกต่างกันออกไป”
ซุ่ยช้อนดอกกุหลาบขึ้นมาดูอย่างชื่นชม “สมมติ ถ้าฉันเป็นดอกกุหลาบ ฉันก็คงจะชอบตัวเองมากๆแน่ เพราะดอกกุหลาบคือราชินีแห่งดอกไม้ เป็นสัญลักษณ์ของความงาม เป็นตัวแทนของความรัก”
ซุ่ยเดินไปที่ดอกกล้วยไม้ ก็เปรียบเทียบว่า
“ถ้าฉันเป็นดอกแวนด้า...ฉันก็คงจะลุ่มหลงในเสน่ห์ของตัวเองไม่น้อย เพราะกล้วยไม้กว่าจะออกดอก ต้องดูแลทะนุถนอมอย่างดี ดอกมีสีสันสะดุดตา มีเสน่ห์เฉพาะตัว ลึกลับชวนค้นหา และราคาแพง...”
ซุ่ยเดินมานั่งที่พื้น มีดอกหญ้าบานแซมสลับกันหลากสี มองแล้วรำพึง...
“หรือแม้แต่ดอกหญ้า ก็เป็นดอกไม้น่ารัก น่าเอ็นดู น่าชื่นชม สวยธรรมชาติๆ ใสๆ ไม่ฉูดฉาดแต่เพียบพร้อม ดูบอบบางแต่กลับอยู่ได้ทุกสภาพแวดล้อม...ใช่สิ...ไม่ว่าจะเป็นดอกอะไร ก็น่าพอใจทั้งนั้น...เว้น... ลั่นทม...”
ซุ่ยเดินมาถึงรถกระป๋องเก่าๆที่จอดอยู่หน้าบ้านข้างต้นลั่นทม มองดอกลั่นทมรำพึง...
“ใช่สิ...ไม่ว่าจะเป็นดอกอะไร ก็น่าพอใจทั้งนั้น เว้น...ลั่นทม ใช่...ระทมทุกข์ความสุขหาไม่เจอ นี่แหละฉัน ดอกลั่นทมที่ปลูกอยู่ตามวัด หรือสุสาน ไม่ใช่ไม่สวยนะ ฉันสวย มีกลิ่นหอมด้วย แต่หอมแบบเศร้าๆ ต้องเรียกชื่อใหม่ให้ก่อน...ว่าลีลาวดี แล้วถึงจะปลูกฉันได้”
ลั่นทมร่วงลงมาดอกหนึ่ง ซุ่ยพยายามจะรับไว้... ขณะที่ใจยังคิด...
“ทั้งๆที่จริงๆแล้ว จะลีลาวดีหรือลั่นทมมันก็คือ ดอกไม้ที่ชวนให้คิดถึงความหดหู่ ปลงอนิจจัง...หรือคิดถึงป่าช้า...ที่มีผีตาโบ๋ลอยไปมากุ๊กๆกู๋ ไม่เย้ายวนชวนพิสมัย หรือทำให้ใครเกิดความปรารถนาเหมือนเดิมนั่นแหละ”
ลั่นทมดอกนั้นร่วงลงพื้น แล้วร่วงลงมาทีละดอก ...ทีละดอก จนหมดต้น ใบก็ทิ้งขั้วลงมาทีละใบ จนเหลือแต่ต้นกับซุ่ย ที่ยืนห่อเหี่ยวเช่นเดียวกับลั่นทมที่ยืนต้นโกร๋น...
ooooooo
เช้านี้ ซุ่ยขับรถกระป๋องที่เป็นมรดกตกทอดจากพ่อมาถึงหน้าตึกบริษัทเฟลอร์์-ไทยแลนด์ ควบปุเลงปุเลงมาจอดข้างรถเบนซ์คันหรูอย่างไม่สนใจใคร ยามเป่านกหวีดปรี๊ดดดด...โบกมือไล่ให้ไปจอดที่อื่น
ซุ่ยโผล่หน้าบอกว่าตนรีบ พลางชี้ไปที่กล่องอ้างความจำเป็น แต่ยามไม่สนใจเป่านกหวีดไล่ท่าเดียว ซุ่ยขับรถบุโรทั่งออกไปทับกระป๋องเครื่องดื่มที่กลิ้งอยู่ใกล้ถังขยะที่เจิ่งน้ำจนบู้บี้ รถจอดสนิทอยู่ใกล้ถังขยะแต่ซุ่ยก็ยังภูมิใจว่า
“ถึงที่จอดรถของฉันมันจะติดดินไปสักหน่อยแต่ฉันก็ยังดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทนี้จริงๆค่ะ”
ทันใดนั้น เสียงนาฬิกาจากมือถือดังขึ้น ซุ่ยตกใจอุทาน “อีกห้านาทีเข้างาน!!!” ซุ่ยตะกุยของในรถคว้ากล่องได้ก็วิ่งหัวทิ่มหัวตำออกไป ทิ้งรถที่มีฝุ่นเขรอะจอดใกล้ถังขยะ มีรอยนิ้วมือที่หลิวน้องสาวของซุ่ยเขียนไว้ว่า “คันนี้คือรถเบนซ์”
เป็นความจริง! เพราะที่เห็นคือรถกระป๋องบุโรทั่ง แต่ที่เขียนคือรถเบนซ์
ซุ่ยถือกล่องวิ่งไปที่หน้าลิฟต์ เห็นผู้คนมากมายกำลังไหลเข้าลิฟต์ วิ่งจนถึงหน้าลิฟต์ก็ถูกคนที่วิ่งตามหลังมาชนจนคะมำ กล่องหลุดมือ เอกสารหล่นกระจาย แต่ไม่มีใครสนใจทุกคนมุ่งแต่จะเข้าลิฟต์ ซุ่ยก้มหน้าก้มตารวบเก็บเอกสาร พอเงยหน้าขึ้นก็ตะลึงตาค้างพึมพำเหมือนละเมอ
“คุณรังสิต...”
รังสิตหัวหน้าฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเฟลอร์- ไทยแลนด์เดินมาที่ลิฟต์อย่างหล่อ เท่ ซุ่ยมองเคลิ้มเพ้อ...
“คุณรังสิต คือหนึ่งเดียวที่ทำให้ซุ่ยอยากมาทำงานทุกวั้น...ทุกวัน...”
ห้านาทีก่อนเข้างาน ซุ่ยเผชิญอุปสรรคอย่างทุลักทุเล พอลิฟต์มาใหม่รังสิตก้าวเข้าไปอย่างเท่ ซุ่ยตะกายจะตามเข้าไปก็เต็มพอดี ซุ่ยพยายามจะแทรกเข้าไป แต่ถูกเบลล่าสาวสวยแก๊งเม้าท์ของเฟลอร์ที่ยืนเหล่รังสิตอยู่ข้างแผงปุ่มลิฟต์กดปิดประตูทันที ซุ่ยชนประตูลิฟต์หน้าหงาย ตัดสินใจวิ่งไปขึ้นทางบันไดหนีไฟ ก้าวทีก็ร้องที ด้วยสีหน้าฮึกเหิมดุดัน
“คุณรังสิตรักฉัน! คุณรังสิตเป็นของฉัน! ฉันรักคุณรังสิต! เราจะแต่งงานกัน!”
ซุ่ยจำได้ฝังใจในวันที่ได้เจอรังสิตครั้งแรก...วันนั้น ซุ่ยอยู่ในลิฟต์ประตูกำลังจะปิด ซุ่ยเห็นแว้บๆว่ามีคนวิ่งมาจึงกดเปิดประตูอีกครั้งอย่างมีน้ำใจ พอประตูเปิดเห็นรังสิตยืนอยู่หน้าลิฟต์ยิ้มเท่อย่างเป็นมิตรเอ่ยเสียงหล่อ “ขอบคุณครับ” แล้วต่างก็แอบมองกันเป็นระยะ จนรังสิตเอ่ยขึ้นว่า ลิฟต์ตึกนี้กระจกใสดีนะครับ ซุ่ยไม่เฉลียวใจตอบเสียงแผ่วเขินๆ ค่ะ รังสิตบอกให้ลองส่องกระจกดู ซุ่ยเหลือบมองจึงเห็นเม็ดข้าวติดที่ริมฝีปาก ซุ่ยแลบลิ้นตวัดแผล็บ รังสิตยิ้มขำๆ บอกว่า
“รู้เลยว่าเมื่อเช้าทานอะไรมา” แล้วแนะนำตัวเองสบายๆ อย่างมีไมตรีว่า “ผมชื่อรังสิต เพิ่งมาทำงานวันแรก ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณ...น้องข้าวผัด”
เพียงแค่นั้น ซุ่ยก็ตีขลุมเพ้อเจ้อตลอดมาว่า รังสิตรักตน...เป็นของตน...
ooooooo
ซุ่ยขึ้นไปถึงหน้าแผนกมาร์เกตติ้ง เจอฝรั่งชาย สองคนถามทางไป product development depart- ment ซุ่ยได้ยินภาษาอังกฤษยาวเหยียดก็เหวอ แต่ต้องพูดอะไรสักอย่าง เลยตอบ เยส!!
ฝรั่งดีใจนึกว่าซุ่ยรู้ ให้ช่วยบอกทาง ซุ่ยงงตัดสินใจตอบมั่วไปว่า โน!! ฝรั่งงงถามว่าตกลงรู้หรือไม่รู้ ซุ่ยงงแล้วงงอีก แต่คล่องอยู่สองคำคือเยสกับโน เมื่อตอบเยสไปแล้ว โนก็ตอบแล้วเลยตอบเยสอีกที ซุ่ยตอบเยสๆ โนๆ จนฝรั่งอุทาน
“My god!!”
โชคดีที่รังสิตออกจากห้องฝ่ายการตลาดได้ยินซุ่ยพูดและฝรั่งอุทานจึงรีบเข้าไปทักทายแล้วพาฝรั่งเดินเลี้ยวไปอีกทาง
“โอววว...คุณรังสิตมาช่วยซุ่ยทันเวลา บังเอิญจังเลย อย่างกับคุณจงใจที่จะหาโอกาสมาช่วยซุ่ยจากวิกฤติอย่างนั้นแหละ” ซุ่ยคิดฟุ้งซ่านเข้าข้างตัวเอง มัวแต่เคลิ้มเลยเดินชนชฎาสาวใหญ่หัวหน้าแผนกมาร์เกตติ้งหัวหน้าสายตรงของซุ่ยที่ชอบพูดไทยคำฝรั่งคำถือแก้วกาแฟมาพอดี แก้วกาแฟกระเด็นจากมือกาแฟหกรดชุดและกระเด็นถูกหน้าชฎาเลอะ
ชฎาด่าซุ่ยทั้งภาษาไทยและอังกฤษไฟแลบ ซุ่ยยืนก้มหน้าสลด แต่ไม่เจ็บเท่าไรเพราะฟังคำด่าภาษาอังกฤษไม่ออก
“อะไรกันคะ อะไรกัน คุณชฎา...เสียงดังไปถึงโน่น” โรสนักการตลาดมือหนึ่งของบริษัทเดินเข้ามาถามอารมณ์ดีเมื่อรู้เรื่องก็แนะนำให้ชฎาไปถามชุดที่เอามาซักที่ร้านคงจะมีเสร็จบ้างแล้ว แต่ชฎาด่าซุ่ยยังไม่เสร็จ โรสจึงใช้ให้ซุ่ย ไปถ่ายเอกสารเตรียมให้ตนประชุม ซุ่ยรับงานแล้วรีบไปด้วยความรู้สึกขอบคุณเป็นล้นพ้นที่โรสช่วยตนรอดจากปากชฎา
“อ้อ แล้วเธอ...เธอ...แอนด์เธอ” โรสชูสองแขนขึ้นอย่างมั่นใจแล้วดีดนิ้วเป๊าะ “ไปรับหน้าฝรั่งพวกนั้นที่มีตติ้ง รูมก่อนเลย โชว์ไทม์!!” โรสยืนสั่งการอย่างสง่า มั่นใจ ซุ่ยมองปลื้มมาก รักสุดๆ อยากเป็นแบบโรสเหลือเกิน...
ขณะซุ่ยไปถ่ายเอกสารอยู่ในมุมที่มองผ่านกระจกเข้าไปในห้องประชุมเห็นโรสพอดี ซุ่ยไม่ได้สนใจการซีร็อกซ์เลยเพราะมัวชื่นชมกับท่วงท่าสุดเท่ของโรสปล่อยให้เครื่องถ่ายเอกสารเองหมด จนถ่ายมือตัวเอง กอหญ้าถามว่าปริ๊นต์แอดครีมทามือหรือ ซุ่ยจึงรู้สึกตัวรีบกดหยุดเครื่อง กอหญ้าหัวเราะเบา บอกว่าตนเข้าใจ ใครล่ะที่เห็นพี่โรสแล้วจะไม่ตะลึง
“เห็นด้วย” แวนด้ายิ้มหวาน “โรสไม่ใช่คนธรรมดา นิสัยก็ดี เก่งก็เก่ง สวยก็สวย คำเดียวเท่านั้นที่เหมาะกับเขา ยิ่งกว่าเพอร์เฟกต์...สมบูรณ์แบบ คือคำว่า...พิเศษเอ็กซตร้าออร์ดิเนรี่...”
กอหญ้ากับแวนด้ายิ้มให้กันอย่างเห็นพ้อง ซุ่ยหันมองไปที่โรสอย่างหลงใหล วาดฝัน...
“ชาตินี้จะมีใครพูดถึงฉัน...ว่า...พิเศษเอ็กซตร้าออร์ดิเนรี่บ้างนะ...”
แวนด้าเร่งให้ซุ่ยรีบถ่ายเอกสารจะใช้ตอนนี้แล้ว ซุ่ยจึงรู้สึกตัวลนลานนับเอกสาร...
แม้ซุ่ยจะชื่นชอบโรสมากถึงมากที่สุด แต่เมื่อเห็นรังสิตผู้ชายที่ตัวเองตีขลุมว่าเป็นแฟน ซื้อน้ำส้มคั้นในแก้วใสสวยสองขวดมีไอน้ำเกาะเย็นเฉียบไปวางไว้ที่โต๊ะโรส มีกระดาษโพสต์อิทเขียนข้อความติดไว้ ซุ่ยก็ตาร้อน แอบดูเห็นโรสหยิบกระดาษโพสต์อิทอ่านแล้วยิ้มหวาน
เบลล่า ยาย่าและสมบูรณ์ที่มายืนข้างหลังซุ่ย ถามกันว่าหรือโรสจะเซเยสกับรังสิตจริงๆ ซุ่ยเผลอหลุดปากลั่น
“ไม่จริง!!”
ซุ่ยเดินหงุดหงิดออกมา เจอโรสเดินออกมาพอดีเลยแกล้งหันไปดูบอร์ดติดประกาศอะไรแถวนั้น พอลิฟต์มาประตูเปิด ซุ่ยมองเข้าไปเห็นรังสิตยืนอยู่ในลิฟต์ พอโรสก้าวเข้าไป ซุ่ยก็พรวดเข้าไปยืนกั้นกลางระหว่างรังสิตกับโรสซะงั้น!
ระหว่างนั้นก็คิดหลอกตัวเองเข้าข้างตัวเองว่ารังสิตไม่ได้ชอบโรส ไม่ได้มองโรส หลอกตัวเองว่าที่รังสิตไม่มองตนเพราะเขิน ฟุ้งซ่านคิดเองเออเองแล้วสรุปว่า “ค่อยยังชั่วหน่อยที่คุณรังสิตไม่ได้คิดอะไรกับคุณโรส...แต่คิดกับเรา...”
ooooooo
แล้วความคิดของซุ่ยก็เตลิดไปจนกู่ไม่กลับ เมื่อตอนเย็นแวนด้าขอติดรถซุ่ยไปลงกลางทาง พอขึ้นรถแวนด้าก็ย่นจมูกถามว่าขยะทำให้รถซุ่ยเหม็น หรือรถซุ่ยทำให้ขยะเหม็น บอกให้ซื้อใหม่เถอะจะแนะนำเซลส์ให้ มีลดแลกแจกแถมเพียบ
ซุ่ยบอกว่าไม่ใช่ไม่อยากได้แต่ไม่มีเงินดาวน์
แวนด้าบอกว่าเดี๋ยวนี้เขาผ่อนเงินดาวน์ได้แล้ว ยุให้เปลี่ยนรถเสียขับรถอย่างนี้หนุ่มที่ไหนจะมาจีบ เห็นซุ่ยเงียบก็ยุต่อ
“ถ้ามัวทำตัวต๊อกต๋อยมันก็จะต๊อกต๋อยตลอดไปนะซุ่ย เธอก็ไม่ได้หน้าตาแย่นะซุ่ย ถ้ามัวแต่คิดว่าตัวเองไม่สวยขับรถอะไรก็ได้ปล่อยตัวเองให้โทรม ไม่ผูกมิตรกับเครื่องสำอาง ชาตินี้เธอก็จะอยู่แค่นี้ตลอดไป ไม่มีวันพัฒนา”
ซุ่ยเบรกรถเอี๊ยดเพราะเจ้าหน้าที่ทำถนนโบกให้จอดเพราะรถใหญ่กำลงจะออก ซุ่ยเงียบแต่แวนด้าฟุ้งต่ออย่างติดลม
“เธอลองคิดดูนะ ถ้าคนสวยเก่งอย่างคุณโรสขับรถกระป๋องคันนี้ มันหมดความน่าเชื่อถือไหม ถ้าอยากเป็นอย่างคุณโรสเธอต้องปฏิวัติตัวเอง ต้องเปลี่ยนรถ!!”
รถซุ่ยแล่นมาดับกลางสี่แยกทั้งที่ไฟเขียว รถที่ตามมากดแตรไล่ บ้างก็ขับเลี่ยงไป ซุ่ยพยายามสตาร์ตแต่ไม่ติด แวนด้าถามว่า
“เธอตอบสิว่าเวลาคับขันอย่างตอนนี้ ผู้ชายจะเลือกช่วยใคร ระหว่างซุ่ยที่ขับรถกระป๋องกับซุ่ยที่ขับรถสปอร์ตซีดาน เธอพอจะจินตนาการออกนะ”
ซุ่ยมโนว่า ตนแต่งชุดสวยเปิดประตูรถซีดานหรูลงมา มีรถเข้ามาจอดพึ่บพั่บ ผู้ที่ลงจากรถเป็นผู้ชายทั้งหมด รถคันสุดท้ายที่มาจอดแล้วคนขับรีบลงมา รังสิตนั่นเอง! เขาเรียกซุ่ยอย่างอาทร...
“ซุ่ยของพี่...”
ซุ่ยหลุดจากภวังค์ ก้าวลงมายืนข้างรถกระป๋อง รถที่ผ่านไปต่างบีบแตรไล่และขับเลี่ยงไป ไม่มีใครสงสารหรือจะช่วยเหลือเลย ซุ่ยอึ้ง ช็อก ประกาศลั่นสี่แยก
“ฉันจะเปลี่ยนรถ!!!!”
ooooooo
ป้องปกเช่าที่ส่วนหนึ่งในบริเวณบ้านซุ่ยทำร้านขายต้นไม้กระถาง เขาเป็นพี่บุญธรรมที่ทั้งแม่และม่าของซุ่ยรักมาก เพราะป้องปกขยัน และเป็นสารพัดช่างในบ้านตั้งแต่ซ่อมรถจนซ่อมหลังคา และพาหลิวน้องซุ่ยวัย 9 ขวบเข้าโรงเรียน
วันนี้ขณะป้องปกยกกระถางต้นไม้สูงพุ่มหนาจนบังหน้าเดินออกมาขวางรถที่ซุ่ยขับเข้ามา ซุ่ยเบรกเอี๊ยดลงมาโวยวาย
“เฮียป้อง อยากตายเหรอ!!”
“ซุ่ยนั่นแหละทำไมต้องขับเข้าบ้านเร็วขนาดนี้ด้วย ปวดอึเหรอ ขับรถอย่างนี้เขาเรียกว่าประมาท ไม่ทำตัวเองเจ็บก็ทำคนอื่นเจ็บ แต่คนอย่างซุ่ยคงไม่เข้าใจจนกว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจริงๆ”
ซุ่ยพาลว่าเป็นแค่คนเช่าที่ทำร้านขายต้นไม้ไม่ต้องมาด่าลูกเจ้าของบ้าน ถึงที่นี่จะเป็นบ้านแต่ตรงนี้คือถนน ป้องปกถามอย่างใจเย็นว่า “แล้วถ้าคนที่เดินไม่ใช่เฮีย แต่เป็นแม่หรือม่าของซุ่ย ซุ่ยจะพูดงี้ไหม”
“เถียงไม่ได้ก็เล่นแม่เล่นม่าตลอด” ซุ่ยตะแบงแล้วเดินกลับไปขึ้นรถ ป้องปกพูดตามหลังว่า ตอบไม่ได้ก็หนีตลอด ซุ่ยหันขวับเสียงเขียวว่า “ซุ่ยมีเรื่องด่วน!! ไม่รู้อะไรก็เงียบไปเลย ไม่ต้องมาถามด้วยว่าเรื่องอะไร ไม่บอก!!”
ซุ่ยสตาร์ตรถไม่ติดอีก โมโหเลยลงจากรถเดินปึงปังเข้าบ้านไป ป้องปกมองขำๆ อย่างชินชากับนิสัยของซุ่ยแล้ว
ม่าอายุมากแล้วแต่เลือดนักสู้แรงมาก มีม็อบเรียกร้องความเป็นธรรมที่ไหน ม่าถึงไหนถึงกัน วันนี้ก็คว้าป้ายจะไปม็อบต่อต้านการสร้างเขื่อน แม่บอกว่าหยิบป้ายผิดงานเพราะม่าหยิบป้าย “รักร่วมเพศไม่ใช่อาชญากรรม” แม่ขอให้ม่าเพลาๆบ้างเพราะวันก่อนเพิ่งไปประท้วงที่สีลมมา
ซุ่ยเดินปึงปังเข้ามาพอดี หลิวทักว่าอาทิตย์นี้เจ๊กลับเร็วสามวันติดกันสงสัยจะโดนไล่ออกแล้วแน่ๆ ซุ่ยตรงไปบิดปากน้องไปมาหาว่าปากไม่ดี แล้วบอกแม่ว่าจะซื้อรถใหม่ แม่ตอบทันทีว่าดี เพราะเมื่อสองวันก่อนเฮียป้องก็พูดเรื่องนี้
“เฮียป้อง! อะไรๆก็เฮียป้อง” ซุ่ยบ่นขัดใจเดินออกไปเห็นป้องปกกำลังก้มๆเงยๆ ซ่อมรถอยู่ก็พุ่งเข้าหาเรื่องทันที
“ฉันจะออกรถใหม่รถเก่า เฮียป้องมายุ่งอะไรด้วย”
ป้องปกชี้แจงว่ารถเก่าซ่อมจนซ่อมไม่ได้แล้วเอาค่าซ่อมไปดาวน์รถกระบะมือสองดีกว่า ซุ่ยช็อกทวนลั่น
“รถกระบะ!!”
แม่ตามออกมาสนับสนุนป้องปกเพราะรถเก๋งนั่งได้คนเดียว ไหนๆจะออกรถแล้วก็เอารถกระบะดีกว่าขนของได้ด้วยหรือไม่ก็รถตู้ ซุ่ยสะอึกพูดไม่ออก
ป้องปกอธิบายถึงเครื่องที่ทันสมัยและการใช้ประโยชน์ได้คุ้มของรถกระบะ ซุ่ยไม่สนใจบอกแม่ว่าอย่างมากบ้านเราก็ขนพวกกระดุม ลูกปัด งานฝีมือเล็กๆ น้อยๆเท่านั้น เราไม่ใช่พ่อค้าต้นไม้ถึงต้องขนดินขนปุ๋ย ถ้าเราถอยรถกระบะหรือรถตู้ตนนั่งรถเมล์ดีกว่า
ทั้งแม่และป้องปกสนับสนุนทันทีเพราะขึ้นรถเมล์ไปต่อรถไฟฟ้าสะดวกมาก ซุ่ยโมโหจนกรี๊ดที่ถูกขัดใจ พาลหาว่าเฮียป้องพูดอะไรแม่ก็ว่าดีไปหมด เราจะซื้อรถเราไม่ใช่รถเฮียป้อง
“ทำไมพูดอย่างนั้น แม่เป็นคนขอให้เฮียป้องช่วย เฮียป้องช่วยคิดให้เอง เฮียป้องก็มีน้ำใจ เพราะเห็นว่าบ้านเรามีแต่ผู้หญิง แล้วรถซุ่ยก็ไม่ใช่เฮียป้องเหรอที่ช่วยดูแลทำให้มันวิ่งได้มาตลอด!!”
“แม่อ่ะ!” ซุ่ยฮึดฮัดขัดใจ “ทำไมอะไรๆก็ต้องเฮียป้องๆๆ มีเรื่องไหนบ้างที่จะไม่ได้ยินชื่อเฮียป้องเข้ามาเกี่ยว!!”
ซุ่ยเดินปึงปังไปอีกทาง ป้องปกถอนใจ แม่มองเขาอย่างเกรงใจ
ooooooo
ซุ่ยฮึดฮัดไปนั่งม้าหินที่สวนอีกด้านของบ้าน มีต้นลีลาวดีออกดอกพราวอยู่ ซุ่ยพึมพำกระฟัดกระเฟียด
“คนในครอบครัวก็ไม่ใช่ ทำไมต้องมามีอิทธิพลกับทุกคนด้วย”
ซุ่ยมองต้นลีลาวดีแล้วชะงัก ความทรงจำกับลีลาวดีต้นนี้กลับมาอย่างแจ่มชัด เพราะเป็นต้นลีลาวดีที่ป้องปกให้ตอนที่ซุ่ยเรียนอยู่ชั้นมัธยมและเวลานั้น ซุ่ยรักกันอยู่กับป้องปก เวลานั้นซุ่ยขอบคุณ สัญญาว่าจะดูแลให้ดีที่สุด
แต่วันนี้...วันที่ซุ่ยบอกเลิกกับป้องปกแล้ว ต้นลีลาวดีที่แข็งแรงและดอกบานสะพรั่ง ซุ่ยกลับเห็นว่าน่าเกลียด พุ่งไปด่า
“คนบ้า ให้ดอกอะไรไม่ให้ ให้ดอกลีลาวดีเห็นฉันเป็นเจ้าอาวาสวัดเหรอ...มีความสุขมากใช่ไหมที่ได้ขัดคอซุ่ย!!”
ซุ่ยเด็ดใบลีลาวดีอย่างชิงชัง เห็นยางไหลก็สะใจ ป้องปกเดินมาข้างหลัง ซุ่ยรู้ว่าเป็นเขา ทิ้งใบลีลาวดีร้องอย่างรังเกียจ “อี๋...เพลี้ย” ป้องปกพูดอย่างรู้ทันว่าเพลี้ยกินทุกครั้งที่ซุ่ยโกรธตน ซุ่ยหันถามเสียงเขียวว่าแล้วไง?!
“โตแล้วนะซุ่ย พูดกันด้วยเหตุผลไหม ทำไมต้องรถใหม่ป้ายแดง”
ซุ่ยพาลว่าไม่ทันคุยก็หาว่าตนไม่มีเหตุผลแล้ว ป้องปกบอกว่าถ้ามีเหตุผลก็ทำตัวให้เหมือนคนมีเหตุผลสิแล้วรอฟัง ซุ่ยฉุนมองหน้าเขานิ่ง ต่างนิ่งกันอยู่อย่างนั้น แล้วซุ่ยก็หุนหันเดินหนี ป้องปกพูดตามหลังว่า “แสดงว่าไม่มีเหตุผล”
“เพราะมันดูดีกว่า เท่กว่า ซุ่ยทนขับรถกระป๋องมาตั้งแต่สมัยเรียน ถ้าจะซื้อใหม่ซุ่ยก็อยากมีอะไรที่มันดูดีเหมือนคนอื่นเขาบ้างไม่ได้เหรอ!! เข้าใจไหมว่าถ้าซุ่ยได้ขับรถดีๆ ไปไหนมาไหน เวลาทำอะไรใครๆก็เชื่อถือ” ซุ่ยใส่เป็นปืนกล
“ใครจะเชื่อถือเราหรือคิดยังไงกับเรา ไม่เห็น เกี่ยวกับรถที่ขับเลย พวกคนรวยขับรถแพงๆแต่ทำตัวโง่ๆ กร่าง อวดเบ่ง ท้าตีท้าต่อยกับคนบนท้องถนนมีเยอะแยะไป...ถ้าซุ่ยจะซื้อรถใหม่เพื่อเอาไปโอ้อวดคนอื่น ซุ่ยก็ไม่ต่างอะไรกับคนพวกนั้น!!”
“เฮียป้อง!!” ซุ่ยแว้ดใส่ “ใช่สิ ก็ซุ่ยไม่เก่งเหมือนเฮียนี่ ทนขับกระบะสนิมเขรอะเกรอะกรังอยู่ได้ ทั้งๆที่เพื่อนรุ่นเดียวกันเปลี่ยนเบนซ์เป็นว่าเล่น เฮียป้องอาจจะทนได้ไม่รู้ร้อนรู้หนาวได้ แต่เป็นซุ่ย ซุ่ยอาย!!”
ป้องปกบอกว่าไม่เห็นต้องอายถ้ามันคือสิ่งที่เราต้องการจริงๆ เราก็จะมีความสุขกับสิ่งที่เราเลือกแล้ว ซุ่ยเถียงฉอดๆว่าตนไม่มีความสุข แล้วพรั่งพรูความ น้อยเนื้อต่ำใจน้ำตาไหลว่า
“ชีวิตซุ่ยมันห่วยแตก สวยก็ไม่สวย ทำงานก็ไม่เก่ง พรสวรรค์ก็ไม่มี ตำแหน่งก็กระจอก บ้านก็ไม่รวย รถก็เก่า ถ้าซุ่ยเกิดมารวย สวย เก่งอย่างคนอื่น ชีวิตซุ่ยก็คงมีความสุข มีคุณค่า ไม่ต้องทนให้เฮียด่าแบบนี้!!”
“ซุ่ย...ซุ่ยอย่าร้องไห้” ป้องปกหน้าเสีย
“ปล่อยให้นางร้องไปเลยไอ้ป้อง” เสียงของคมน์แทรกเข้ามา ทั้งซุ่ยและป้องปกหันมอง
คมน์เป็นนักแสดงเพื่อนสนิทของป้องปก เขาไม่เห็นด้วยที่ป้องปกฝังใจในรักครั้งแรกกับซุ่ย วันนี้คมน์มาในชุดเจ้าชายแขก แต่หัวมังกุท้ายมังกรเพราะใส่ร้องเท้า อิดิดาส ไนกี้ มาให้ป้องปกช่วยหาต้นไม้ไปประดับฉาก ป้องปกเสนอต้นสน
คมน์ไม่ชอบซุ่ยพยายามหาคนในวงการให้ แต่ป้องปกไม่สน เร่งให้คุยธุระของตัวเอง แต่คมน์ยังพล่ามไม่หยุด
คมน์ถามว่าป้องปกจะทนอยู่เป็นขี้ข้าบ้านยัยโรคจิตนี่ไปอีกนานแค่ไหน ป้องปกฉุนบอกว่าตนไม่ได้เป็นขี้ข้าและซุ่ยก็ไม่ได้เป็นโรคจิต แต่คมน์ยังไม่ยอมหยุดถามว่าป้องปกจะถอนตัวจากที่ตรงนี้ไปให้พ้นจากยายบุษบาแสนชุ่ยคนนี้ได้หรือยัง ป้องปกฉุน เสียงเข้มว่า “ถ้านายเรียกซุ่ยแบบนี้ ก็ไม่ต้องเอาล่ะนะต้นสน”
“เฮ้ย...ไรว้า...ไอ้ป้อง”
“ถอนคำพูดก่อนดิ” ป้องปกดุดัน คมน์กรอกตาอย่างเพลียใจที่เพื่อนไม่ยอมเปลี่ยนใจ
ooooooo
คืนนี้ ขณะซุ่ยนอนคิดคำพูดของเฮียป้องที่ว่าเราไม่ต้องอายเรื่องใช้รถเก่าถ้ามันคือสิ่งเราต้องการจริงๆ เราก็จะมีความสุขกับสิ่งที่เราเลือกแล้วนั้น หลิวเข้ามาให้ซุ่ยช่วยพับดอกกุหลาบให้หน่อย
ซุ่ยบ่นว่าสอนหลายทีแล้วไม่รู้จักจำแต่ก็พับให้อย่างรวดเร็วสวยงาม หลิวชมว่าพับได้เร็วกว่าคราวที่แล้วอีก ซุ่ยถามว่าพับไปทำไม ห่อของขวัญนั่นด้วย จะเอาไปให้หนุ่มที่ไหน หลิวตอบล้อๆว่า “วันเกิดแฟนตัวเองทำเป็นลืม”
ซุ่ยปรามว่าอย่าพูดแบบนี้ ตนเสียหาย หลิวว่าถามเสียหายยังไง เฮียป้องทั้งเก่งทั้งเท่ ซุ่ยยิ้มเยาะท้าว่าลองไปเจอคุณรังสิตดูรับรองต้องร้อง โอ๊ว...อ๊า...แอร๊ยแน่ๆ
เขาทั้งหล่อ เท่ ยิ้มทีใจละลาย พอหลิวถามว่าเขาเป็นแฟนเจ๊เหรอ? ซุ่ยก็เงียบ
“นั่นไง เขาไม่ได้รักเจ๊ละสิ ฮะๆ แล้วเจ๊จะเอามาทับถมเฮียป้องทำไม??”
ซุ่ยพยายามข่มตาให้หลับ แต่เสียงของหลิวก็ตามหลอนตลอดว่า “เขาไม่ได้รักเจ๊ล่ะสิ ฮะๆ”
เช้าวันรุ่งขึ้น ซุ่ยยังอารมณ์ค้าง ไปถึงบริษัทจอดรถข้างถังขยะเหมือนเดิม ขณะเดินไปเข้าตึกยังบ่นเกลียดหลิว เกลียดป้องปก เกลียดคมน์ไปตลอดทาง พอเข้าตึกซุ่ยเดินสวนกับชายคนหนึ่งสวมแหวนทองคำรูปถ้วยที่นิ้วชี้ ชายคนนั้นหยุดกึกทันทีเหมือนได้ยินเสียงความคิดของซุ่ย เขาตามซุ่ยเข้าไปในลิฟต์ ซุ่ยหมกมุ่นกับความคิดของตนไม่สนใจ
“ถึงชั้นของคุณแล้วครับคุณบุษบา” ชายคนนั้นบอก ซุ่ยตกใจวิ่งออกไปแล้วนึกได้ว่าชายคนนั้นเรียกชื่อ จริงตนด้วย หันมองอย่างสงสัย เสียงชายคนนั้นดังลอดประตูลิฟต์ออกมาว่า “ทำตัวของคุณให้กลายเป็นคนที่ไม่มีใครแทนได้”
ชายคนนั้นคือ ดร.ถ้วยทอง นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ ให้พลังพิเศษเหนือธรรมชาติ ที่สามารถเปลี่ยนทัศนคติจากลบเป็นบวกได้ และสามารถเปลี่ยนคนเป็นคนใหม่ได้เลย! บางคนบอกว่าเขาเป็นนักสะกดจิต!
เมื่อซุ่ยไปถึงห้องทำงานไม่มีใครอยู่เลย เพราะชฎาให้ทุกคนไปสัมมนาที่ ดร.ถ้วยทองจะมาพูดสร้างแรงบันดาลใจให้พนักงานทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซุ่ยไปถึงคนนั่งเต็มแล้วจึงเลี่ยงไปข้างหลังไกลลิบ ได้รับข้อความจากกอหญ้าให้จองที่นั่งให้ด้วย ซุ่ยจึงเอาสมุดปากกาวางไว้ที่นั่งข้างๆ พลางหยิบกระดาษออกมาพับดอกกุหลายฆ่าเวลา
“ทำตัวคุณให้กลายเป็นคนที่ไม่มีใครแทนได้ ว่ามันคืออะไร ทำไมเราถึงต้องเป็นคนที่ไม่มีใครแทนได้ มันจำเป็นหรือสำคัญยังไง ใครบอกผมได้บ้าง”
เสียง ดร.ถ้วยทองดังขึ้น แต่ซุ่ยยังคงติดพันกับการพับดอกกุหลาบ จู่ๆรังสิตก็เข้ามาถามว่า ที่ตรงนี้ว่างไหม ซุ่ยตื่นเต้นสุดๆ บอกว่าไม่มีใครนั่ง รังสิตนั่งมองซุ่ยพับดอกกุหลาบอย่างสนใจ ขอให้ซุ่ยสอนให้ด้วย
ทั้งสองมัวพับกุหลาบกันอยู่ จนคนในห้องทยอยหายไปหมด สุดท้าย ดร.ถ้วยทองก็หายไปด้วย ในห้องเหลือแต่รังสิตกับซุ่ยสอนพับกุหลาบกันกระหนุงกระหนิง รังสิตพับเสร็จดอกกุหลาบยับยู่ยี่มอบให้ซุ่ย บอกว่ากุหลาบดอกแรกมอบให้เธอ ซุ่ยเคลิ้มตัวลอย รังสิตขอกระดาษไปหัดพับที่ห้องด้วย ซุ่ยยินดีเต็มใจหยิบกระดาษสีแดงให้ แล้วตัวเองก็ประคองกุหลาบยู่ยี่ของรังสิตอย่างทะนุถนอมหวงแหน
ooooooo
ซุ่ยประคองดอกกุหลาบที่รังสิตพับกลับห้อง แวนด้าบอกว่าให้ช่วยกันแปะฉลากครีมอาบน้ำกับโลชั่นก่อนนอนที่จะมาเปิดตัวพรุ่งนี้ โรงงานแปะไม่ทันให้ซุ่ยไปเอาส่วนของเธอที่โต๊ะโรสให้รีบไป เดี๋ยวชฎาจะเหวี่ยงเอา
ซุ่ยไปยกลังที่โต๊ะโรส เห็นมีน้ำส้มคั้นสองขวดวางไว้ที่เดิม มีกระดาษโพสต์อิทวางในถาดขาวข้างขวดน้ำส้มมีกุหลาบพับสีแดงจากกระดาษที่รังสิตขอไปจากตน ซุ่ยผงะ ช็อก! ยัดกุหลาบที่ได้จากรังสิตเข้าปากเคี้ยวๆๆอย่างแค้นใจ แล้วยกลังออกไป ใจเหม่อลอยจนติดฉลากสลับขวด ซุ่ยโดนชฎาด่าแหลก ซุ่ยขอโทษ ชฎาด่าว่าซุ่ยทำลายความตั้งใจของทุกคน โทษว่าถ้าปีนี้โบนัสน้อยลงไปก็เพราะเธอ
โรสเข้ามาถามซุ่ยว่าตอนติดฉลากคิดอะไรอยู่ถึงได้ปิดผิดขวดหมด ชฎายังด่าไม่หยุด โรสบอกว่าด่าไปก็ไม่มีประโยชน์มาช่วยกันคิดแก้ปัญหาดีกว่า โรสถามซุ่ยว่ามีปัญหาอะไรให้ช่วยไหม ซุ่ยมองหน้าโรสพูดตัดพ้อว่าก็เพราะโรสนั่นแหละ แล้วคว้ากระเป๋าวิ่งไปเข้าห้องน้ำหญิง เจอพนักงานแต่ละคนเติมหน้าเตรียมเลิกงานกัน ก็ถอยออกไปเข้าห้องน้ำชายที่ไม่มีคน โรสตามไปถามอย่างเป็นห่วงอีก ซุ่ยระเบิดอารมณ์ว่า
“ไม่ต้องมายุ่งกับซุ่ย!! คนที่มีแต่คนชื่นชมอย่างคุณจะมาเข้าใจอะไร!! ชีวิตคุณเพอร์เฟกต์ทุกอย่าง เงินงาน ความรักคุณมีครบหมด คุณได้ทุกอย่างที่อยากได้ คุณไม่เข้าใจชีวิตซุ่ยหรอก!! ไม่ต้องมาแสดงบทแม่พระ เข้าอกเข้าใจชีวิตของคนอื่นเลย!!”
พอระเบิดอารมณ์ออกไปแล้วเห็นโรสเงียบ ซุ่ยรู้สึกผิด รีบขอโทษ โรสถามว่า
“เธอลองมาเป็นฉันสักวันไหม ถ้าเธอคิดว่าชีวิตฉันมันดีนัก เราลองมาแลกชีวิตกันสักวันดูไหม”
“คิดว่าซุ่ยไม่อยากเหรอ...คุณอย่ามาพูดเพราะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้หน่อยเลย...ถ้าทำได้จริง คุณไม่มีทางเอาชีวิตดีๆของคุณมาแลกกับซุ่ยหรอก ชีวิตซุ่ยมันห่วยแตกที่สุดในโลก คุณก็รู้”
“ทำไมจะไม่อยากแลก...ถ้าทำได้ ฉันจะยกชีวิตเพอร์เฟกต์ของฉันให้เธอไปเลย!! เอาไปให้หมดเลย!! เธอน่ะไม่เคยเป็นฉัน ก็อย่ามาตัดสินฉันหน่อยเลย”
โรสออกไปแล้ว ดร.ถ้วยทองเดินเข้ามาล้างมือ พูดลอยๆว่าผู้หญิงคนเมื่อกี๊ใจร้ายจังนะที่พูดกับเธออย่างนั้น ล้างมือเสร็จมาเช็ดมือชะโงกพูดกับซุ่ยอีกว่า
“ชีวิตตัวเองก็แสนดี กลับไม่พอใจ แล้วยังมาซ้ำเติมคนอื่นอีก”
ซุ่ยมองลึกเข้าในดวงตาที่เป็นสีเทาอมม่วง ดูน่าพิศวงของ ดร.ถ้วยทอง ซุ่ยรู้สึกเหมือนคนละเมอ ครึ่งหลับครึ่งตื่น เสียงของ ดร.ถ้วยทองดังมาทางโน้น...ทางนั้น.. ทั้งๆที่ตัว ดร.ถ้วยทองยืนอยู่ตรงหน้าซุ่ย...
“ให้ฉันช่วยเธอเอาไหม ในฐานะที่เธอมีชีวิตด้อยกว่าใครทั้งหมดที่เธอรู้จัก ต่อไปนี้เธอได้รับสิทธิ์ให้ลองไปเป็นใครก็ได้ที่เธออยากเป็น แล้วก็ให้คนๆนั้นมาลองเป็นเธอบ้าง จะได้รู้ว่าการเป็นคนอื่นมันรู้สึกยังไง...ดีไหม”
ซุ่ยมึนงงกับสิ่งที่ได้ยิน ไม่แน่ใจว่าฝันหรือจริง...
ooooooo
ซุ่ยสะดุ้งตื่นลุกพรวดขึ้นมา พบว่าตัวเองอยู่ในโรงหนัง พอดีนักแสดงในฉากกำลังหัวเราะก๊ากๆ ซุ่ยมองไปรอบๆสงสัยว่าตัวเองมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง ถูกคนอื่นทำมือให้นั่งลง ซุ่ยหัวเราะแหะๆผสมโรงแล้วนั่งลงงงๆ
กลางคืนกลับถึงบ้านเอาดึก ป้องปกถามว่าไปเถลไถลที่ไหนมารู้ไหมว่าคนเขาตามตัวให้วุ่น แม่กับม่าก็วิ่งมาถามป้องปกว่าเจอซุ่ยที่ไหน ถูกใครทำร้ายมาหรือรถชน มีแผลหรือเปล่า หลิวถามว่าหรือถูกไล่ออกเลยไปหาที่สงบทำใจ
“ซุ่ยไปดูหนังมา!”
แม่กับม่าถามทันทีว่าไปดูกับใคร ซุ่ยบอกว่าคนเดียว ป้องปกตกใจเพราะซุ่ยไม่เคยไปดูหนังคนเดียว ม่าสงสัยว่าไปดูกับผู้ชาย หลิวแจ๋นขึ้นทันทีว่า
“หลิวรู้!! ผู้ชายชื่อรังสิต พี่ซุ่ยรักเขา ไปดูหนังกับเขา แล้วก็โดนเขาทิ้งแน่นอน!” ซุ่ยตวาดหลิวให้หุบปาก แม่ถามว่าถูกเขาทิ้งมาจริงหรือ ความอดทนซุ่ยขาดผึงทันที แผดเสียงใส่ทุกคน
“โอ๊ยยยย ใช่! ซุ่ยไปดูหนังกับเขามา กอดจูบลูบคลำกันนัวเนียในโรงหนังนั่นแหละ ไม่เชื่อก็ดูหน้าซุ่ยสิ มีความสุขมากเลยใช่ไหมแม่!!”
แม่ตบหน้าซุ่ยเพียะ ตบแล้วแม่รู้สึกตัวเป็นห่วงซุ่ย ซุ่ยถามป้องปกว่าสะใจแล้วใช่ไหมที่ตนโดนตบ ก็ถูกแม่ปรามว่าทำไมพูดกับเฮียป้องอย่างนั้น รู้ไหมว่าเฮียป้องเขาห่วงซุ่ยขนาดไหน รู้ไหมว่าวันนี้วัน...แม่พูดไม่ทันจบซุ่ยก็ขัดขึ้นว่า
“ก็ได้ค่ะแม่ ซุ่ยขอโทษเฮียป้อง ซุ่ยผิดเอง ยังไงเฮียป้องก็เหมือนลูกแม่ หลานม่าอยู่แล้ว ส่วนซุ่ยเองมันเหมือนหมาหัวเน่าข้างถนน!” แล้วซุ่ยก็วิ่งกระแทกเท้าเข้าบ้านไป ไม่สนใจเสียงไล่หลังของใครทั้งสิ้น
พอเข้าบ้านเห็นที่โต๊ะมีอาหารวางอยู่เต็ม ซุ่ยชะงักงงมองที่ป้ายเขียนว่า “สุขสันต์วันเกิดเฮียป้อง” มีกล่องของขวัญจากแม่ ม่า ของหลิวมีดอกกุหลาบที่ซุ่ยพับให้ติดไว้ ซุ่ยมองดอกกุหลาบนั้นนิ่ง ป้องปกตามมาบอกว่า
“เราทุกคนรอซุ่ยกลับมาจะได้กินพร้อมๆกัน
ซุ่ยรู้หรือเปล่า นี่ทุกคนเลยยังไม่ได้กินอะไรเลย”
“อ้อ...นี่หาว่าซุ่ยทำลายงานวันเกิดเฮียใช่ไหม” ซุ่ยนั่งกราบกับพื้นประชด “ซุ่ยขอโทษอีกที พอใจยัง!!” แล้วลุกเดินไปเลย พอเข้าห้องก็ทุ่มตัวลงบนเตียงเอาหมอนปิดหน้าเกลือกกลิ้งยกเท้ากระแทกเตียงปึงปัง
ป้องปกมาเคาะประตูแล้วเปิดเข้ามา ซุ่ยด่าว่าไม่มีมารยาท ป้องปกถามว่าตนไม่มีมารยาทแล้ว ที่ซุ่ยทำเมื่อกี๊ล่ะ? ซุ่ยแว้ด เขวี้ยงหมอนใส่ตวาดไล่ออกไป๊...ออกไป แต่ป้องปกยังพูดอย่างใจเย็นว่า ไม่รู้ว่าซุ่ยไปเจออะไรนอกบ้านมา แต่ที่มาลงกับคนในบ้านที่เป็นห่วงซุ่ยทุกคนมันไม่ถูก ซุ่ยแว้ดใส่ว่า “เฮียป้องมาเกี่ยวอะไรด้วย เป็นคนในบ้านนี้เหรอ!!”
“ก็ใช่...พี่ไม่ใช่คนบ้านนี้ งั้นทีหลังหงุดหงิดอะไรก็มาลงกับพี่คนเดียว คนอื่นจะได้ไม่ต้องเสียใจเพราะคำพูดของซุ่ย”
ซุ่ยตะโกนประชดว่าใครจะกล้าแตะต้องลูกรัก เฮียทำอะไรก็ถูก ก็ดีไปหมด ป้องปกถามว่าเป็นความผิดของตนหรือ
“ใช่ ผิด ผิดที่เฮียยังวนเวียนอยู่ในบ้านนี้ มีใครที่ไหนบ้าง เลิกกันแล้วแต่แฟนเก่ายังเดินเข้าออกบ้านได้อย่างกับเป็นบ้านตัวเอง แล้วยังสนิทสนมกับพ่อแม่พี่น้องเขามากกว่าเจ้าตัวเสียอีก”
“ซุ่ยไปนอนถามตัวเองดีๆเถอะ ว่าอะไรกันแน่เป็นสาเหตุให้ซุ่ยกลับมาฟาดงวงฟาดงาใส่ทุกคนแบบนี้ ลองไปคิดดูว่ามันยุติธรรมกับทุกคนแล้วเหรอ ที่ต้องมารองรับอารมณ์ของซุ่ยที่เสียมาจากที่อื่น” ป้องปกเดินออกไปทันที
ซุ่ยแววตาสลดลง แต่ยังแฝงความดื้อรั้นอยู่
ป้องปกออกมาบอกกับแม่ ม่า และหลิวว่าวันนี้ซุ่ยคงเจอเรื่องไม่ดีมากๆ ทุกคนอย่าโกรธซุ่ยเลย ไว้
พรุ่งนี้ซุ่ยอารมณ์เย็นขึ้นคงจะคิดได้ แม่ขอร้องเฮียป้องอย่าทิ้งซุ่ย เพราะมีแต่เฮียป้องคนเดียวเท่านั้นที่กำราบซุ่ยได้
“เฮียป้อง...เป่าเค้กเถอะ ขอพรให้เจ๊ซุ่ยหายบ้าด้วยนะ”
เฮียป้องทำตามที่หลิวบอกแล้วเป่าเทียนด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ แต่ก็รักซุ่ย
ooooooo
ซุ่ยนอนคิดคำพูดของป้องปกที่ให้คิดว่าทำไมอารมณ์เสียจากที่อื่นแล้วมาลงกับคนที่บ้าน คิดแล้วก็สะเทือนใจไม่อยากคิดอีก ความคิดก็กลับไปหมกมุ่นเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างตนกับโรส น้อยใจว่าทำไมตนไม่เกิดมาเป็นโรส
“นั่นน่ะสิ” เสียง ดร.ถ้วยทองดังขึ้น ซุ่ยตกใจไม่รู้ว่าฝันหรือจริง ดร.ถ้วยทองยังคงพูดต่อ “ในฐานะที่เธอมีชีวิตด้อยกว่าใครทั้งหมดที่เธอรู้จัก ต่อไปนี้เธอได้รับสิทธิ์ให้ลองไปเป็นใครก็ได้ที่เธออยากเป็น แล้วก็ให้คนๆนั้นมาลองเป็นเธอบ้างจะได้รู้ว่าการเป็นคนอื่นมันรู้สึกยังไง...ดีไหม”
ซุ่ยงง ดร.ถ้วยทองยิ้ม รัศมีเรืองรองรอบตัว ถาม “บอกมาซิ ถ้าเปลี่ยนชีวิตได้ เธออยากเป็นใคร”
“โรส! ซุ่ยอยากเป็นโรส!”
เช้าวันใหม่ ซุ่ยลืมตาฟึ่บ พบตัวเองนอนบนเตียงในห้องหรูหราของโรส ซุ่ยมองตัวเอง อุทานครั้งแล้วครั้งเล่า
“เฮ้ย...เฮ้ยยย...เฮ้ยยยยย!!!”
ซุ่ยช็อกที่ตัวเองกลายเป็นโรสไปแล้วจริง!
ooooooo










