สมาชิก

บางระจัน

ตอนที่ 16

อัลบั้ม: ละครฟอร์มยักษ์ "บางระจัน"

ในขณะที่กองทัพอังวะของชุกคยีพรั่งพร้อมทั้งกองกำลังและสรรพาวุธมากขึ้นเรื่อยๆ ทัพก็ควบ อ้ายเลาอย่างไม่หยุดพัก หวังจะไปให้ถึงกรุงศรีฯ โดยเร็วที่สุดเพื่อขอปืนใหญ่ไปรบ ส่วนพวกบ้านคำหยาดในค่าย ดูแลกันและกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะแฟงที่กำลังท้องได้รับการประคบประหงมเป็นพิเศษจากทุกคน

เฟื่องไปนอนเป็นเพื่อนแฟงในเรือนของทัพสะดุ้ง ตกใจกลางดึก เมื่อน้องสาวคนเดียวร้องเสียงหลงว่าค่ายถูกไฟไหม้ อดีตสาวแก่นน้ำตานองหน้า ใจไม่ดี เมื่อคิดถึงผัวรัก...ไม่รู้ว่าป่านนี้พี่ทัพจะเป็นตายร้ายดียังไง

เวลาเดียวกันที่ชายป่าใกล้กรุงศรีฯ...ทัพควบ อ้ายเลาฝ่ากองทัพอังวะหลายสิบนาย จะเข้าไปให้ถึงค่ายไทย และอดีตทหารกล้าก็เกือบจะหมดแรงอยู่แล้ว ถ้าเสียงปืนใหญ่จากค่ายเจ้าพระยารัตนาธิเบศร์จะไม่ยิงคุ้มกันให้เสียก่อน

เหล่าทหารอังวะที่ไล่ตามทัพมาจากชายป่า พากันถอยร่นไม่เป็นท่า ทัพรวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย ถลาไปกราบเท้าเจ้าพระยารัตนาธิเบศร์ด้วยความดีใจ...

ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ มาถึงกรุงศรีฯตามที่ตั้งใจไว้แต่ความหวังของทัพก็ต้องถูกขัดขวาง เมื่อจมื่นศรีสรรักษ์หรือคุณพระนายอดีตต้นสังกัดของทัพทราบเรื่อง ก็รีบมาบอกว่าเขาเป็นพวกหนีทัพ เป็นขบถแผ่นดิน ทัพรีบแก้ว่าตัวเองมาจากค่ายบ้านระจันร่วมรบกับนายกองสังข์และหมู่ขาบ และเพลานี้จะมาขอปืนใหญ่ไปรบกับพวกอังวะเพื่อปกป้องค่าย เจ้าพระยารัตนาธิเบศร์นิ่งไปอึดใจ ก่อนจะบอกให้คุณพระนายใจเย็นๆ เพราะตนเองก็ได้ยินชื่อเสียงความเข้มแข็งและความกล้าหาญของพวกบ้านระจันมานานแล้ว

คุณพระนายเบ้หน้า ค่อนแคะอดีตทหารกล้าในสังกัดและพวกบ้านระจันว่าคงสู้พวกอังวะไม่ได้

“แผ่นดินนี้เป็นของปู่ย่าตายายเขา คุณพระนายจะให้พวกเขาหนีไปอยู่ที่ไหน” ทัพโต้เสียงห้วน

“คิดโง่ๆอย่างชาวบ้าน กองทัพกรุงศรียังต้านมันไม่อยู่ ชาวบ้านแค่หยิบมือเดียวจะหาญไปสู้มัน”

“แต่เขาก็สู้ต้านมันมาถึงเจ็ดทัพแล้ว ถ้าได้ทหารกรุงศรีไปช่วย มีปืนใหญ่ยิงสู้ เกล้ากระผมคิดว่าสู้ได้”

“ไม่มีใครส่งกองทหารออกไปไกลถึงบ้านระจันดอก ขืนเอาปืนใหญ่ออกไป มีหวังถูกพวกอังวะมันปล้นกลางทางแน่ ทหารอังวะล้อมกรุงอยู่เป็นแสน เอ็งฝ่าหนีมันมาได้ก็นับว่าบุญแล้ว อยู่ช่วยข้ารบในกรุงนี่แหละ ไม่ต้องกลับแล้ว”

ทัพโมโหลืมตัว โพล่งลั่น “คุณพระนายเห็นแก่ตัว เอะอะก็เอาแต่สั่งถอย เพราะมีนายทหารอย่างคุณพระนายนี่สิ พวกเกล้ากระผมถึงเข้าตาจน หนีออกมาเป็นโจร ศึกนครสวรรค์แตกเพราะคุณพระนายสั่งถอยไม่ยอมสู้”

คุณพระนายโกรธจนตัวสั่น สั่งเสียงห้วนให้ทหารลากทัพไปขังและโบย โทษฐานปากมากและอาจเป็นไส้ศึก เจ้าพระยารัตนาธิเบศร์พยายามห้าม แต่คุณพระนายก็ไม่สน ผลุนผลันออกไปพร้อมกับเหล่าทหาร ทิ้งเจ้าพระยาแห่งกรุงศรีให้มองตามด้วยความไม่แน่ใจ...ว่าจะเชื่อใจทัพได้แค่ไหน

ทัพถูกจับมัดมือมัดเท้า โยนเข้าคุกในเขตเรือนของคุณพระนาย น้ำตาไหลพรากอย่างหมดหวัง

“ข้าทำดีที่สุดแล้ว พี่น้องบ้านระจันของข้า บุญข้าได้ตอบแทนพ่อแม่พี่น้องได้แค่นี้ แฟง...พี่อยากจะบอกเอ็งว่าพี่รักเอ็งที่สุดในชีวิต เกิดชาติหน้าฉันใด ขอเอ็งเกิดมาเป็นเมียพี่ทุกชาติ”

ฝ่ายชาวค่ายบ้านระจัน...เฝ้ารอการกลับมาของทัพอย่างมีความหวัง แต่ปืนใหญ่ของชุกคยีที่บุกหนักแทบทุกวัน ทำให้เหล่าพ่อค่ายทนไม่ไหว โดยเฉพาะขุนสรรค์กับนายจันหนวดเขี้ยว อาสาไปฟาดฟันข้าศึกให้หายแค้น เหล่าพ่อค่ายคนอื่นสุดจะห้าม ต้องยอมเปิดประตูค่าย ทั้งที่รู้แน่แก่ใจว่าสองพ่อค่ายอาจต้องตายคาสนามรบ

ชุกคยียังไม่รู้ว่าพวกพ่อค่ายบ้านระจันจะมารบด้วย ด้วยกำลังวางแผนโจมตีกับเหล่าทหารอย่างเคร่งเครียด

“ข้าจะให้พวกเอ็งเข้าประชิดหลังค่าย แล้วเอาปืน ใหญ่ยิงสกัด อย่าให้ใครหลบออกมาได้ ส่วนข้าจะบุกนำเข้าทางหน้าค่าย เราจะล้อมฟันมันให้สนุกมือทั้งด้านหน้า ด้านหลัง แต่แผนนี้ต้องทำเป็นการลับ อย่าให้พวกระจันรู้ตัว”

ใจนั่งฟังตลอด เย็นวาบไปทั้งตัว เมื่อได้ยินแผนลับสุดโหดของชุกคยี แต่ไม่ทันพูดอะไร ก็ต้องวิ่งไปหน้าค่ายเสียก่อน เมื่อนายทหารเข้ามารายงานว่าพวกบ้านระจันบุกมาแล้ว ชุกคยีแสยะยิ้มร้าย ก่อนจะสั่งไพร่พลให้ไปสังหารพวกบ้านระจัน ขุนสรรค์มองไปทางปืนใหญ่ด้วยสายตาไม่ครั่นคร้าม ประกาศกร้าว

“นักรบเราใช่คนขลาด จะหยุดรับเชิงศึกอยู่แต่ในค่ายหาใช่วิสัย จงพลีชีพเพื่อแผ่นดินเถิด อย่าได้เสียดายชีวิต”

“ถึงแพ้ก็ยังได้ชื่อว่านักรบกล้าที่ชนะอยู่หน้าค่าย โห่ตามข้ามา โห่ลาค่ายและบางระจัน โห่ไว้ยศให้นักรบเรา โห่ให้คนชนะที่เขามีชีวิตช่วยฝังศพพร้อมกันเป็นสามลา” นายจันหนวดเขี้ยวเสริมเสียงเข้ม

ใจยืนฟังเสียงโห่ร้องสู้ตายของพวกบ้านระจันด้วยความสะเทือนใจ ก่อนจะน้ำตาไหลอย่างสุดกลั้น เมื่อเห็นเหล่านักรบล้มตายเหมือนผักปลา เมื่อถูกปืนใหญ่ของชุกคยียิงสกัด ขุนสรรค์ยิงโต้ เดินฝ่าวิถีกระสุนแบบไม่กลัวตาย

“ลาก่อนค่ายบ้านระจัน ลาก่อนแผ่นดินที่เกิด ลาทั้งสองนี้ จงเป็นเกียรติเป็นศักดิ์ของนักรบอย่างข้า ลา...ที่ต้องการให้ลูกหลานไทยจงรักษาไว้ ใครอื่นจะแย่งศักดิ์และเกียรตินี้ไปจากตัวข้ามิได้ ถึงตายแล้วขอศักดิ์ชายชาตินักรบของข้า จงยังมีชื่อติดแผ่นดิน ติดปากคนอยู่หลัง”

ขาดคำก็เล็งปืนไปที่ทหารบนป้อม ยิงร่วงลงมาหลายสิบนาย ชุกคยีมองมาด้วยแววตาร้ายลึก ก่อนจะคว้าปืนมาเล็งยิงขุนสรรค์ทะลุกลางอก นายจันหนวดเขี้ยวเห็นเพื่อนร่วมรบตายต่อหน้าต่อตา เลยหมดความอดทน ควงดาบคู่พุ่งเข้าหา แต่สุดท้ายก็ต้องล้มลง เพราะถูกเหล่าทหารอังวะหลายสิบรุมแทงจนขาดใจตาย

“ครบสามลาสุดท้าย ข้าขอคำนับผู้ชนะเราแต่เพียงกาย หัวใจชายบ้านระจันขอเป็นไทย มิยอมก้มหัวเป็นเชลยให้ คนชนะมันได้ก็เพียงศพเราไป...”

ooooooo

พวกบ้านระจันรับรู้ข่าวการจากไปของขุนสรรค์และนายจันหนวดเขี้ยวด้วยความเศร้าสลด น้ำตาไหลพรากด้วยความซาบซึ้งใจในวีรกรรมอันห้าวหาญ

สังข์ ขาบและเหล่านักรบบ้านคำหยาดช่วยกันกับชาวบ้านแบกร่างไร้ลมหายใจของสองพ่อค่ายคนสำคัญ โดยมีพวกแฟงตามติดเป็นขบวน ช้ำใจเหลือเกินที่ค่ายบ้านระจันต้องมีชะตากรรมเยี่ยงนี้

ด้านทัพ...ถูกคุณพระนายโบยจนเลือดโชก ขู่แกมบังคับให้บอกว่าใครเป็นคนบงการส่งตัวมาที่นี่ ทัพยืนยันว่ามาจากค่ายบ้านระจัน เลยถูกโบยจนสลบ ก่อนจะฟื้นขึ้นมาใหม่ เมื่อเหล่าทหารเอาน้ำราดเรียกสติ คุณพระนายตั้งท่าจะทรมานอดีตทหารในสังกัดอีกครั้ง แต่ก็ต้องยั้งมือไว้ เมื่อพระยาธรรมาธิกรณ์ปรากฏตัวพร้อมนายทหารคนสนิท

“ท่านเจ้าคุณรัตนาธิเบศร์ให้ข้าพเจ้ามารับตัวนักโทษไป”

“ข้าพเจ้าแจ้งท่านเจ้าคุณแล้วไง ว่าข้าพเจ้าจะเค้นความมันเอง”

“มิได้...ขุนหลวงวัดประดู่ มีรับสั่งให้ข้าพเจ้านำมัน เข้าเฝ้า”

คุณพระนายพูดไม่ออก ไม่อยากเชื่อว่าเรื่องบ้าๆของอดีตนายทหารจะไปถึงพระกรรณขุนหลวงวัดประดู่

ทัพถูกนำตัวไปเข้าเฝ้าถึงในวังหลวง โดยมี เจ้าพระยารัตนาธิเบศร์และพระยาธรรมาธิกรณ์เข้าเฝ้าด้วย ทัพก้มกราบทั้งน้ำตาด้วยความปลื้มใจ ขุนหลวงวัดประดู่มองมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ

“มึงมันเหมือนพ่อมึงแท้ สัตย์ซื่อแต่ผยองเดช มิยอมก้มหัวให้ผู้ใด หากมันผู้นั้นไม่มีศีล”

“ข้าพระพุทธเจ้ามิรู้จะพึ่งผู้ใดแล้ว หากมิได้ปืนใหญ่ไปยิงสู้ ค่ายบ้านระจันคงแหลกยับ ตายกันหมดค่าย”

“แล้วมึงจะเอาปืนใหญ่สักกี่กระบอก ถึงจะยิงสู้มันชนะ พวกมันมีปืนเป็นพันกระบอก” ทัพเงียบ ตอบไม่ได้ “ขนปืนใหญ่ออกนอกกรุงเพลานี้อันตรายนัก ข้ามองไม่เห็นทางว่าจะฝ่าทัพอังวะเรือนแสนไปถึงบ้านระจันได้อย่างไร ข้าขอเถอะ...ถึงกรุงศรีจะมีปืนใหญ่นับพันกระบอก แต่กองทหารปืนใหญ่ไม่อาจเคลื่อนออกนอกกำแพงเมืองได้”

ทัพเสียใจ ร้องไห้สะอึกสะอื้น เอื้อมมือไปรวบชายจีวรขึ้นจบหัว

“หากมิทรงเมตตา ขอโปรดปล่อยข้าพระพุทธเจ้าไปตายที่ค่ายระจัน ข้าพระพุทธเจ้าขอกลับไปตายกับคนระจัน”

เจ้าพระยารัตนาธิเบศร์มองมาด้วยความสงสาร บอกทัพเสียงอ่อนว่าขุนหลวงฯมีรับสั่งให้นำคณะหล่อปืนไปที่บ้านระจันแทนการขนปืนใหญ่ออกไป ทัพตื่นเต้นมาก ร้องไห้โฮด้วยความตื้นตันใจ ขุนหลวงฯเลยรับสั่งทิ้งท้าย

“ท่านเจ้าคุณ...บ้านระจันนี้ก็คือคนไทยร่วมแผ่นดิน อาตมาทิ้งเขาไม่ได้จริงๆ ไปช่วยพี่น้องไทยด้วยกันเถิด ด้านพระเจ้าอยู่หัวนี้ อาตมาจะนำความขึ้นกราบบังคมทูลเอง แต่ท่านเจ้าคุณจงรีบกลับมารักษากำแพงพระนครให้ทัน ก่อนจะถูกทัพอังวะปิดเส้นทางทั้งสิ้น” พระยารัตนาธิเบศร์ก้มกราบลา เช่นเดียวกับทัพที่กำชายจีวรนิ่ง “ไปเถิด...เพลานี้ ไม่ว่าพระเจ้าอยู่หัวหรือราษฎร ต่างก็มีภาระหนักเท่ากันทั้งสิ้น ว่าจะรักษาแผ่นดินนี้ให้คงอยู่สืบไปถึงลูกหลานไทยได้ยังไง”

ฟากชาวบ้านค่ายระจัน...ร้องไห้ระงมไม่เลิก ด้วยความเศร้าใจกับการจากไปของขุนสรรค์และนายจันหนวดเขี้ยว แม้แต่เหล่าพ่อค่ายที่เหลือก็แทบหมดกำลังใจ เพราะดูท่าความหวังจะปราบพวกอังวะให้หมดจากแผ่นดินจะยากมากขึ้นทุกที ส่วนพวกชาวบ้านที่ขวัญผวาจากเสียงปืนใหญ่และการจากไปของเหล่าพ่อค่าย ก็พาลไปลงกับสไบ

สไบโกรธจนทนไม่ไหวแหวกลับ “พวกพี่พูดอย่างนี้ก็ไม่ถูกนะ ฉันก็เป็นคนไทยคนหนึ่ง แผ่นดินนี้ก็เป็นที่เกิดฉัน ฉันอยู่ที่บ้านระจันก็เพื่อต้องการให้พวกพี่รู้ว่าฉันจะตายอยู่กับพวกพี่ ไม่หนีไปไหน”

“ใช่...พวกพี่เสียอีกที่ทำเป็นรักแผ่นดิน แต่คิดเอาตัวรอด ร่ำร้องแต่จะออกไปจากค่าย” จวงช่วยโต้

“แต่ฉันก็ไม่ได้มีผัวเป็นอังวะ เอาปืนใหญ่มาไล่ยิงใส่ค่ายนี่” ปลิวเถียง

สไบแหวกลับอย่างเหลืออด “อย่ามาเรียกพวกอังวะว่าผัวฉันอีก คนที่มันเอาปืนมายิง เอาดาบมาฟันคอคนไทย มันก็คือศัตรูฉันเหมือนกัน ใครที่ได้ชื่อว่าเป็นอังวะ เข้ามาแย่งแผ่นดินนี้อยู่ ฉันฆ่าได้ทั้งนั้น แม้พี่ใจ...ถ้าฉันเห็นพี่ใจเมื่อไหร่ แล้วฉันไม่ได้ตัดคอเขา พวกพี่อย่ามาเรียกฉันว่าคนไทย!”

พวกชาวบ้านที่โกรธแค้นพวกอังวะผละไปแล้ว สังข์กับขาบเลยเข้ามาไกล่เกลี่ยบรรยากาศ แฟงเดินไปตักน้ำให้สองหนุ่ม แล้วอดถามถึงผัวด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ สังข์สงสาร ปลอบให้เชื่อมั่นในตัวทัพ ว่าต้องพยายามเต็มความสามารถให้ชาวค่ายได้มีปืนใหญ่ แฟงพยายามกลั้นน้ำตา...ขอให้พี่ทัพทำสำเร็จทีเถอะ

ooooooo

ในที่สุดการรอคอยของแฟงก็สิ้นสุด เมื่อทัพพาคณะหล่อปืน นำโดยเจ้าพระยารัตนาธิเบศร์และ พระศักดิ์สงครามมาถึงค่ายบ้านระจันในวันต่อมา เหล่าพ่อค่ายมาต้อนรับพร้อมพวกชาวค่าย เจ้าพระยารัตนาธิเบศร์กวาดตามองชาวค่าย ได้ยินความเสียสละของพวกเขา ก็รู้สึกนับถือหัวใจยิ่งนัก แต่ก็จำต้องบอกความจริง

“ข้าปรึกษาหารือกับเสนาบดีหลายคน อยากจะ ช่วยพวกเอ็ง แต่ได้ข้อสรุปว่าหากนำปืนใหญ่ขึ้นมาถึงบ้านระจันนี้ คงถูกข้าศึกยึด เอาย้อนไปยิงกำแพงกรุงศรี เสียเองเป็นแน่”

เหล่าพ่อค่ายพากันนิ่งอึ้ง ก่อนจะช่วยกันขอร้องและ โน้มน้าวให้เปลี่ยนใจ เจ้าพระยารัตนาธิเบศร์ส่ายหน้าเบาๆ

“ข้าเพียงคนเดียวทัดทานเสียงเสนาบดีหลายคนไม่ได้ แต่ข้ารู้ว่าที่นี่สำคัญมาก ถึงเป็นเพียงชาวบ้าน แต่จิตใจพวกเอ็งนั้นรักแผ่นดิน รักไม่น้อยกว่าแม่ทัพสู้ศึกคนไหนของอยุธยา ที่ข้ามาที่นี่ได้ ก็เพราะพระบารมีของขุนหลวงวัดประดู่ สมเด็จพระอนุชา พระองค์ทรงห่วงใยชาวระจันมาก จึงส่งข้ามา”

เจ้าพระยารัตนาธิเบศร์เงียบไปอึดใจ ก่อนจะคว้ากระดาษจากพระศักดิ์สงครามมาคลี่ตรงหน้าทุกคน

“พวกข้าเอาปืนใหญ่ออกจากกำแพงวังไม่ได้ ขุนหลวงวัดประดู่ได้กราบบังคมทูลพระเจ้าอยู่หัว ส่งพระศักดิ์สงครามผู้นี้มาหล่อมันขึ้นที่ค่ายระจันนี้ ข้าจะหล่อปืนใหญ่ให้พวกระจันเอง”

แต่เสียงเฮของพวกชาวค่ายก็ดังได้ไม่นาน แล้วต้องหันมามองหน้ากันเครียดๆ เมื่อรู้ว่าการหล่อปืนใหญ่ ต้องใช้เหล็ก โลหะ เงินหรือทองบริสุทธิ์จำนวนมาก แต่พวกชาวค่ายส่วนมากเป็นพวกอพยพ เลยหาของเหล่านั้นได้ยากเต็มที

ทัพกลับไปหาแฟงที่เรือนหลังจากนั้น รวบรวมข้าวของที่เป็นโลหะ รวมทั้งทรัพย์สมบัติเท่าที่มีใส่ห่อ จะเอาไปหลอมทำปืนใหญ่ แฟงหมดแรงเพราะแพ้ท้อง นั่งดูผัวได้ไม่นานก็ผล็อยหลับ ทัพหันมาเห็นก็ก้มจูบหน้าผากด้วยความเอ็นดู ก่อนจะเย้าว่าไม่เคยเห็นเมียรักนอนหลับกลางวัน แฟงหลบตา ดึงมือผัวมาแนบท้องที่ยังแบนราบ

“ฉันกินอะไรมันก็ออกมาหมด พี่เฟื่องบอกว่าฉันกำลังแพ้...ฉันกำลังจะมีลูกให้พี่”

แฟงยิ้มเขิน ทัพตาโต ตื่นเต้นมาก ดึงเมียรักมากอดแน่น “แฟง...ชื่นใจของพี่ แฟงจะมีลูกให้พี่ ไม่ว่าหญิงหรือชายพี่ก็รักทั้งนั้น เพราะพี่รักแม่ของลูก รักเหมือนชีวิตพี่”

สองผัวเมียกอดกันด้วยความรักและความสุขล้นหัวใจ ก่อนจะไปสมทบกับคนอื่นๆ ที่ลานหน้าวัดโพธิ์สามต้นให้หลวงพ่อธรรมโชติทำพิธีหล่อปืน ขาบ เฟื่อง จวงและสังข์นำของมาวางพร้อมกับสไบ

“ฉันเหลือเพียงแผ่นดิน คิดแต่ว่าทำอย่างไรจะไล่ข้าศึกไปให้พ้น แล้วกลับไปอยู่สามโก้ ทำไร่ทำนาปกติ”

ทุกคนมองหน้ากันด้วยความหวังเต็มเปี่ยม ไม่รู้เลยว่าหลวงพ่อธรรมโชติกวาดตามองทุกคนห่างๆด้วยความเป็นห่วง สังหรณ์บางอย่างทำให้อดกังวลไม่ได้ แต่ยังไม่กล้าพูดอะไร เพราะไม่อยากทำลายกำลังใจ

ข่าวการหล่อปืนใหญ่ของชาวค่ายบ้านระจันรู้ถึงหูชุกคยีจนได้ จอกยีโบหนักใจไม่น้อย กลัวจะเสียแผน แต่นายกองชาวมอญกลับไม่คิดมาก สะใจเสียอีกที่พวกชาวค่ายสู้ไม่ถอย

“ดี...พวกกล้าไม่กลัวตายอย่างนี้ ข้าชอบ สยา... เร่งป้อมปืนใหญ่เคลื่อนเข้าหาค่ายมันเร็วขึ้น ครั้งนี้...ถึงเพลาที่ข้าจะยิงถล่มค่ายมันให้พินาศเสียที!”

ใจได้ยินก็เครียดมาก เป็นห่วงพวกบ้านระจัน โดยเฉพาะสไบ จะต้องตายในอีกไม่ช้า ซึ่งก็ไม่ต่างจากสไบเลย ที่เฝ้าคิดถึงผัวรักไม่เว้นแต่ละวัน “พี่ใจ...ฉันไม่เคยหมดรักพี่เลย ทำไมเราต้องเกิดมาเป็นศัตรูกัน”

ooooooo

เพราะความเป็นห่วงสไบแท้ๆ ทำให้ใจตัดสินใจออกจากค่ายอังวะ จะลอบไปช่วยเมียหนีก่อนค่ายจะแตก จอกยีโบรู้ทัน ตามไปดักหน้า ขู่ให้ออกไปบอกพวกชาวค่าย ถ้าอยากเป็นพวกทรยศ!

ทัพกับแฟงไม่รู้เรื่องความลำบากใจของใจ มัวหยอกล้อกันเรื่องลูก ทัพลูบท้องเมียด้วยความรักสุดหัวใจ หวังอยากให้จบศึกเร็วๆ ลูกน้อยจะได้เกิดมาไม่ลำบาก แฟงมองผัวยิ้มๆ ยิ่งเมื่อเขาขอมีลูกหลายคน ยิ่งเขิน

ทัพดึงมือเมียมาจูบ “เรากำลังจะหล่อปืนใหญ่สู้กับพวกอังวะ พวกมันจะต้องพ่าย ยกทัพกลับไปเหมือนคราวก่อน เราจะกลับบ้าน แล้วก็จะมีไอ้เสือน้อยคำหยาดวิ่งเล่นอีกสักสี่ห้าคน”

สองผัวเมียหยอกเอินกันอีกครู่ใหญ่ ก่อนจะไปสมทบกับคนอื่นๆที่วิหารหลวงพ่อธรรมโชติเพื่อดูการคัดเลือกโลหะเพื่อหล่อปืนใหญ่ พระยารัตนาธิเบศร์หันไปมองหน้าพระศักดิ์สงครามเครียดๆ เมื่อเห็นว่าจำนวนโลหะทั้งหมด น่าจะหล่อปืนได้แค่สองกระบอก แต่เมื่อเห็นแววตาสู้ไม่ถอยของเหล่าชาวค่าย ก็ถึงกับถอนใจยาว

“ข้าแปลกใจว่าหัวใจพวกบ้านระจันทำด้วยอะไร ทำไมถึงไม่เหมือนคนในกรุงศรีสักนิด ถ้าเรารวมหัวใจกันได้แบบนี้ก่อนอังวะยกลงมาถึงชานพระนคร กรุงศรีเราคงไม่เลือดตากระเด็นถึงเพียงนี้”

หลวงพ่อธรรมโชติได้ยินทุกอย่าง หันมามองสองขุนนางใหญ่จากกรุงศรีฯด้วยความเข้าใจ

“เกิดและดับเป็นธรรมชาติ โยมตั้งใจมาหล่อปืนก็จงทำตามปณิธานเถิด นับว่าได้ทำให้คนระจันเป็นสุขแล้ว”

กล่าวจบหลวงพ่อก็หลับตาสวดบริกรรมต่อ ทิ้งเจ้าพระยารัตนาธิเบศร์ให้มองมาด้วยความไม่แน่ใจ ว่าหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์แห่งวัดโพธิ์สามต้นต้องการจะบอกอะไรเขากันแน่

ด้านสไบ...นั่งมองดาบของพ่อด้วยแววตาเศร้าสร้อย จวงเป็นคนถือกลับมาให้เมื่อเช้า ไม่อยากหลอมรวมกับของอย่างอื่น เพราะรู้ดีว่าคนงามบ้านสามโก้จะอุ่นใจกว่าถ้าได้เก็บไว้ สไบน้ำตาร่วงด้วยความคิดถึงพ่อ ก่อนจะพยายามข่มไว้ แล้วไปช่วยพวกชาวบ้านตักน้ำจากคลองท้ายค่าย

สไบก้มหน้าก้มตาตักน้ำ ไม่ยอมปล่อยให้ความเศร้ามาทำให้หมดอาลัยตายอยาก แต่ทุกอย่างก็พังไม่เป็นท่า เมื่อใจปรากฏตัวให้เห็นและพยายามจะพาหนี!

ใจเอามือปิดปากเมียรัก ลากหลบสายตาชาวค่ายไปมุมลับตา สไบขืนตัวไว้ ยกมือตบทันทีที่เขาปล่อยมือ ก่อนจะกระชากเสียงถาม “บอกมาว่าแกลอบเข้ามาที่นี่ได้ยังไง ไอ้ไส้ศึก...ไอ้คนทรยศ”

ใจบีบแขนสไบแน่น พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฟังพี่... สไบ ไม่ใช่แค่ในค่ายนี้ ในกรุงศรีก็มีไส้ศึกอังวะอยู่เต็มไปหมด แม่ทัพอังวะถูกสั่งให้ลบชื่อกรุงศรีอยุธยาลงให้ได้ ทัพอังวะเตรียมการรบลงมาอย่างดี จะไม่ถอยเหมือนศึกที่แล้ว ต่อให้น้ำหลากท่วมเต็มนอกกำแพงกรุงศรีก็จะไม่มีวันถอย กรุงศรีอยุธยาคงสิ้นไปจากสุวรรณภูมิแน่ครานี้”

สไบส่ายหน้าไม่อยากฟัง แต่ใจก็ไม่ยอม จับไหล่เมียรักให้เผชิญหน้า

“เพลานี้กรุงศรีกำลังเข้าตาจน ทัพอังวะล้อมรอบกำแพงกรุงศรีทุกด้าน คนในกำแพงกำลังจะอดตาย”

“ไม่จริง...แผนของพวกแกไม่มีวันเป็นจริง”

“สไบเชื่อพี่ ไม่ใช่แค่ค่ายบ้านระจัน แม้กรุงศรีอยุธยาก็ต้องแตก แผ่นดินอยุธยาจะต้องเสียให้แก่อังวะ”

น้ำเสียงเชื่อมั่นของผัวทำให้แทบทรุด สไบพึมพำเสียงเบาว่าไม่จริง ใจต้องจับตัวไว้

“หนีไปกับพี่ ค่ายระจันกำลังจะถูกยิงถล่มจากปืนใหญ่ ค่ายระจันไม่มีทางรอดแล้ว!”

เวลาเดียวกันที่ลานวิหารหลวงพ่อธรรมโชติ...ทัพกับชาวค่ายคนอื่นพนมมือนั่งฟังเสียงสวดมนต์ในพิธีหล่อปืน โดยมีพ่อค่าย เจ้าพระยารัตนาธิเบศร์และพระศักดิ์–สงครามนั่งอยู่ไม่ไกลกันนั้น แต่จู่ๆเสียงฟ้าผ่าก็ดังขึ้นติดกันหลายครั้ง จนต้นไม้แถวนั้นเกิดไฟลุก กลายเป็นลางบอกเหตุให้เหล่าชาวค่ายใจไม่ดี ไม่เว้นแม้แต่สองขุนนางใหญ่จากเมืองหลวง รวมทั้งหลวงพ่อธรรมโชติ แต่ทั้งสามก็ได้แต่นั่งเงียบ มองหน้ากันเครียดๆ ไม่กล้าพูดอะไรให้ชาวค่ายเสียกำลังใจ

เสียงฟ้าผ่าเงียบไปแล้ว ชาวค่ายจึงนิมนต์ให้หลวงพ่อธรรมโชติทำพิธีต่อ ทัพกับสังข์มองตากันนิ่งๆ รู้ใจกันโดยไม่ต้องบอกว่าอาจเกิดลางไม่ดี ทัพตั้งท่าจะพูดบางอย่าง แต่ก็ต้องหันไปพูดกับพระศักดิ์สงครามเสียก่อน

“หากหล่อปืนใหญ่ครั้งนี้สำเร็จ นับว่าเป็นความสามารถของเจ้าโดยแท้นะพ่อทัพ และยิ่งถ้าชาวระจันรบชนะศึกอีก เอ็งจะได้ความดีความชอบไม่น้อยทีเดียว”

“กระผมมิได้หวังความดีความชอบอันใดเลยขอรับคุณพระ ที่ทำลงไปเพราะไม่อยากเห็นแผ่นดินเราต้องถูกย่ำยีจากคนเมืองอื่น ภาษาอื่น ที่นี่เป็นแผ่นดินเกิด ได้อยู่ ได้ทำนาปลูกข้าวหาเลี้ยงตัวมาตั้งแต่บรรพบุรุษ จะปล่อยให้ชาติอื่นเมืองอื่นมาฉกฉวยแผ่นดินไป ก็เหมือนลูกหลานเนรคุณ ปู่ย่าตาทวดจะสาปแช่งให้ตกนรกหมกไหม้ไม่รู้กี่ขุม”

พระศักดิ์สงครามยกมือลูบหัวทัพด้วยความปรานี แล้วเดินไปสั่งการต่อ แฟง เฟื่องและจวงเข้าไปช่วยชาวบ้านคนอื่นๆหยิบจับโน่นนี่ ก่อนจะรู้ว่าสไบหายตัวไป แฟงกับจวงอาสาไปตาม แล้วก็ต้องตกใจหน้าซีด เมื่อเห็นกระชุใส่น้ำของสไบวางระเกะระกะที่ริมคลองท้ายค่าย

แฟงกับจวงรีบตามหาตัวสไบ ใจเห็นเข้าเลยดึงเมียรักหลบข้างทาง ก่อนจะขู่ให้เงียบเสียง ถ้าไม่อยากให้สองสาวตาย สไบหยุดดิ้นเพราะห่วงเพื่อน แต่เมื่อเขาเผลอก็รีบพุ่งตัวออกไป ใจเห็นท่าไม่ดีเลยรีบหนี มุดเข้าอุโมงค์กลับค่าย ทิ้งสามสาวให้มองหน้ากันเครียดๆ หงุดหงิดมากที่จับใจไม่ได้ แถมปล่อยให้หนีไปอีกต่างหาก

ooooooo

บางระจัน

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด