ตอนที่ 13
อัลบั้ม: ละครฟอร์มยักษ์ "บางระจัน"
ชัยชนะสี่ครั้งของชาวค่ายบ้านระจันทำให้เนเมียวสีหบดีโกรธจัด อาละวาดใส่เหล่าทหารในสังกัดจนใครก็เข้าหน้าไม่ติด และสุดท้ายก็ตัดสินใจเด็ดขาด ส่งคนสนิทไปตามหานายกองคนใหม่ โดยให้เลือกจากคนที่มีความชำนาญพื้นที่แขวงสิงห์บุรีเป็นพิเศษ...ครานี้ พวกบ้านระจันจะได้สิ้นซากสักที!
ฟากบ้านระจัน...ไม่รู้ว่าศึกใหญ่จะมาถึง มัวเคร่งเครียดกับการจากไปแบบกะทันหันของสังข์ ทัพไม่ยี่หระสายตาขอร้องของทุกคน แม้แต่จวง...น้องสาวสุดที่รักและเมียของสังข์
“เดี๋ยวฉันไปพูดให้พี่สังข์มาขอสมาพี่กับพี่ใจ พี่ทัพ อย่าเคืองพี่สังข์เลยนะจ๊ะ”
“ข้ารู้สันดานผัวเอ็งดีจวง เพราะไอ้สังข์ มันเคยเป็นเกลอรักของข้า”
จวงหน้าเสีย แฟงสงสารเลยช่วยพูด แต่ทัพก็ใจแข็งไม่ยอม ใจเลยอาสาบ้าง
“ไม่ต้องไอ้ใจ ไม่ใช่แค่เรื่องเอ็ง ไอ้สังข์มันบ้ายศ ไม่คิดถึงส่วนรวม ไม่คิดถึงความสามัคคีที่จะพาเรารอด”
“ไม่จริง...พี่สังข์เป็นคนดี ฉันจะพาพี่สังข์กลับมาอยู่กับพวกเรา”
จวงโต้แทนผัว ก่อนจะวิ่งหนีด้วยความโมโห ทัพมองตามด้วยความหนักใจ แต่ก็ไม่ใจอ่อน ผละจากไปดื้อๆ
สังข์ไม่สนว่าใครจะเดือดเนื้อร้อนใจกับการจากไปของตนบ้าง เก็บข้าวของใส่ห่อผ้าลวกๆ จวงกลับมาเห็นก็ตกใจ พยายามอ้อนวอนขอให้อยู่ต่อเพื่อเห็นแก่เธอ รวมทั้งขอให้อภัยทัพด้วย แต่สังข์ก็ไม่เปลี่ยนใจ
จวงสะอื้นไห้อย่างหนัก โอดเสียงสั่น “พี่จะทิ้งฉัน พี่ไม่รักฉันแล้วหรือไอ้สังข์”
“รักสิจวง พี่รักเอ็งมากเหลือเกิน ไม่ว่าตัวพี่จะอยู่ที่ไหน ขอให้รู้ว่าใจพี่อยู่กับเอ็ง”
สังข์ดึงเมียรักมากอดแน่น ก่อนจะสะพายย่ามลงเรือนไป ทิ้งให้จวงมองตามตาค้าง ก่อนจะวิ่งตามติด เวลาเดียวกับที่ทัพกับแฟงมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง เพราะอดีตทหารกล้าไม่ยอมละทิฐิ รั้งสังข์ให้อยู่ด้วยกัน
“พี่สองคนเป็นเกลอกัน รบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมากี่ครั้ง พี่ทัพ...พี่เองเป็นคนพูดว่าคนไทยต้องมีน้ำหนึ่งใจเดียวถึงจะชนะข้าศึกได้ ทำไมพี่ถึงให้เรื่องขี้ผงมาทำลายน้ำใจของเกลอที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมา”
ไม่ใช่แค่แฟงคนเดียวที่ไม่เข้าใจความคิดของทัพ ขาบกับเฟื่องก็ลำบากใจไม่แพ้กัน รวมทั้งสไบกับใจที่พยายามขวางสังข์ไว้ แต่อดีตนายกองจอมโอ่ก็รั้น จนขาบต้องโพล่งออกไป
“ไอ้สังข์คิดให้ดี ข้างนอกนั่นไม่มีใครรักแล้วก็หวังดี ให้โอกาสเอ็งเท่าเพื่อนอย่างไอ้ทัพอีกแล้ว”
“มึงเลิกพูดชื่อไอ้ทัพสักที...ถ้าคนอย่างไอ้ทัพมันเป็นเทวดา ก็เชิญกราบไหว้กันไป แต่สำหรับข้า...ไอ้ทัพมันคือเกลอที่เอาดีเข้าตัวคนเดียว สักวันหนึ่งไอ้ขาบมึงต้องเป็นอย่างกู ถูกไอ้ทัพมันเหยียบย่ำขึ้นไปยืนเหนือทุกคน”
ทัพกำหมัดแน่น แต่สังข์ก็ไม่ยี่หระ รีบพุ่งไปที่ประตูค่าย ใจเห็นท่าไม่ดี ถลาไปคุกเข่าขอร้อง แต่สังข์ก็ไม่สนใจ เดินเร็วออกจากค่าย ทิ้งพวกบ้านคำหยาดให้มองตามด้วยความกังวลใจ โดยเฉพาะจวง แทบขาดใจที่ผัวทิ้งไปแบบนี้
แฟงเห็นคนรักมีสีหน้าเคร่งเครียดก็อดเป็นห่วงไม่ได้ แต่เคืองมากกว่าที่เขาใจดำกับเกลอรักเยี่ยงนี้ ทัพไม่เถียง ได้แต่บอกว่าสังข์เลือกทางเดินของตัวเองแล้ว แฟงยิ่งโกรธ สวนกลับเสียงเข้ม
“ข้างนอกค่ายมีแต่ข้าศึก พี่ไม่สนใจเลยหรือว่าเกลอรักจะเป็นหรือตาย...พี่สังข์ไปอย่างหน้ามืดตามัว พี่เป็นเกลอกัน ทำไมไม่ห้าม พี่ทัพที่ฉันรู้จัก ไม่ใช่คนใจจืดใจดำ ทิ้งเกลอให้ไปตายดาบหน้าอย่างนี้!”
ooooooo
จวงร้อนรนมากกับการจากไปของผัว และพาลโกรธทุกคนที่ไม่เข้าใจ หรือพยายามปลอบให้เธอใจเย็น โดยเฉพาะเฟื่องกับแฟง เมียรักของขาบและคนรักของทัพ ที่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากกล่อมให้รอเวลา
“แล้วที่พี่ทัพ พี่ขาบทำกับพี่สังข์ล่ะ ปล่อยผัวฉันออกไปตายเอาดาบหน้า พี่สังข์เขาไม่ใช่คนเลว พี่ทัพไม่รักเพื่อน ไปให้พ้นหน้าฉันทั้งหมด พวกแกมันคนดี...ปล่อยฉันอยู่คนเดียว”
จวงทำท่าจะผละไป สไบรีบขวางและให้กำลังใจว่าสังข์ต้องกลับมา จวงร้องไห้โฮอย่างสุดกลั้น หวาดกลัวไปสารพัดว่าผัวจะตาย เฟื่อง แฟงและสไบมองมาด้วยความสงสารและเวทนา แต่ก็ไม่รู้จะช่วยอะไรให้ดีกว่านี้
ใจเครียดหนักไม่แพ้เมียรัก ตัดสินใจไปพูดกับทัพอีกครั้ง ให้ไปตามสังข์กลับมา แต่ทัพก็ไม่เปลี่ยนใจเพราะรู้จักเกลอรักดีว่าเป็นคนบ้ายศศักดิ์ รักแต่ผลประโยชน์ของตัวจนมองไม่เห็นหัวคนอื่น ใจถอนใจหนักหน่วง รู้สึกผิดไม่น้อยที่ทัพต้องแตกกับสังข์เพราะตนเป็นสาเหตุ แถมทำให้บ้านระจันขาดกำลังสำคัญอีกคน
“เรายังมีคนทั้งค่ายไงใจ คนทั้งค่ายที่สามัคคีน้ำหนึ่งใจเดียวไล่ข้าศึก ข้าถือว่าเนื้อไหนร้าย ปล่อยให้เน่า มันก็ลามไปเนื้อดี ยอมเจ็บเพลานี้ ตัดแขนข้างเดียว ดีกว่าเน่าตายทั้งตัว ขาดไอ้สังข์คนเดียว ค่ายบ้านระจันก็ไม่ล่ม”
ระหว่างที่คนในค่ายเป็นกังวล...สังข์ไม่ลังเลใจแม้แต่น้อยจะช่วยหญิงชาวบ้านจากการถูกพวกอังวะย่ำยี ก่อนจะต่อสู้อย่างดุเดือด แต่พลาดท่าโดนล้อมและถูกจับใส่ขื่อคามาขังไว้ที่ค่ายอังวะ
ภาพเชลยชาวไทยถูกทุบตีและทรมานอย่างหนักในค่าย ทำให้สังข์เคียดแค้นมาก แต่จำต้องอดทนอดกลั้น เพื่องานสำคัญบางอย่าง และก็ไม่ต้องรอนาน เมื่อเขาตัดสินใจช่วยเชลยไทยคนหนึ่งไม่ให้ถูกซ้อม หน่วยก้านและความใจสู้ของสังข์ ทำให้มยิหวุ่นนายกองผู้คุมค่ายมองมาด้วยความสนใจ อดีตนายกองจอมโอ่ไม่กลัวตาย ต่อสู้กับนายกองชาวอังวะอย่างสูสี ก่อนจะแกล้งแพ้
มยิหวุ่นมองมาเหยียดๆ ก่อนจะสั่งให้พาตัวไปขัง
“ค่ายบ้านระจัน มีคนเคยเป็นทหารมานี่เอง ถึงเอาชนะมิได้สักที คืนนี้จอกยีโบจะเป็นคนสอบสวนมึง!”
สังข์มัวสาแก่ใจได้เข้าถึงค่ายอังวะ ไม่รู้เลยว่าทุกคนในค่ายบ้านระจันเป็นห่วงแค่ไหน โดยเฉพาะใจ รู้สึกผิดมาก กลัวอดีตนายกองจอมโอ่จะถูกพวกข้าศึกสังหารทิ้งกลางป่า เพียงเพราะไม่ชอบขี้หน้าและสงสัยตน สไบเห็นผัวเป็นทุกข์ เลยปลอบให้ทำใจและระบายความอึดอัดใจออกมาบ้าง
“พี่อยากจะลืมมันให้หมด ลืมว่าเคยทำอะไรลงไป จำแค่วันนี้...ที่นี่...มีสไบที่ผูกใจพี่ไว้”
สไบกุมมือผัว ให้กำลังใจ “ที่ค่ายบ้านระจันทุกคนเหมือนพี่น้อง ทุกข์ยากเราก็จะลำบากด้วยกัน รอวันที่อังวะถอยทัพไปจนหมดแผ่นดิน เราจะสร้างบ้านของเราอยู่ที่นี่”
“พี่ก็อยากฝันแบบสไบ แต่ทัพอังวะต้องการตีกรุงศรีให้ได้”
“พี่ใจตอบฉันสักคำเถอะนะ ตอบเมียของพี่ พี่เลือกจะอยู่ข้างอังวะหรืออยู่ข้างเมียพี่”
ใจดึงมือออก สีหน้ากดดัน “ถ้าพี่เลือกอังวะ สไบก็จะหมดรักพี่”
“ฉันไม่มีวันหมดรักพี่ ฉันขอแค่รู้ว่าคนที่ฉันรักรู้สึกอย่างไร”
ใจนิ่งไปอึดใจ ก่อนจะบอกว่าตัวเองเป็นชาวอังวะ สไบน้ำตาคลอ แม้จะเตรียมใจมาแค่ไหน ก็อดสะเทือนใจไม่ได้ ใจได้ยินเสียงสะอื้นไห้ของเมียรัก เลยยื่นมือไปประคองหน้าไว้
“พี่กำลังรับโทษคนทรยศแล้วสไบ ตาพี่มองไม่เห็น ชีวิตพี่มีแต่ความมืดมิด สไบคือแสงเดียวในชีวิตพี่”
สองผัวเมียโอบกอดกันด้วยความรัก ขมขื่นใจเหลือเกินที่ต้องมีชะตากรรมโหดร้ายเยี่ยงนี้
ooooooo
อูทินลินฟื้นจากอาการบาดเจ็บเจียนตาย ลงมือสอบสวนเชลยไทยคนใหม่ของค่ายแทนจอกยีโบ สังข์เห็นหน้าพี่ชายของใจก็เหยียดยิ้มเย็น สาปแช่งอีกฝ่ายให้ตายตกไปตามกันด้วยน้ำมือคนไทย อูทินลินโกรธมาก กระหน่ำชกเชลยไทยปากดีจนแทบลุกไม่ขึ้น ก่อนจะคาดคั้นเสียงเข้มให้บอกความลับของค่ายบ้านระจัน
“กูไม่มีวันหักหลังคนไทยด้วยกัน”
อูทินลินยิ้มเหี้ยม ก่อนจะส่งสัญญาณให้ทหารจิ้มเหล็กในเตาไฟ นาบบนหน้าอกของสังข์เพื่อทรมานให้คายความลับ แต่สังข์ก็ทนทายาด ไม่ปริปากอะไรเลย แม้จะเจ็บเจียนตายก็ตาม
เช้าวันต่อมาที่ค่ายบ้านระจัน...เหล่านักรบจากบ้านคำหยาดไปรวมตัวกันที่วิหารหลวงพ่อธรรมโชติ ปรับทุกข์กันด้วยความหนักใจเรื่องข้าศึก ที่ยกทัพมาถี่และเพิ่มจำนวนไพร่พลมากขึ้นทุกที หลวงพ่อธรรมโชติกวาดตามองทุกคนด้วยสายตาสงบ ก่อนจะไปหยุดที่ใจ แล้วเอ่ยขึ้นเสียงเบาแต่หนักแน่น
“เมตตาคนคดไม่ได้ผล เพราะใจมันไม่มีวันตรง”
ทัพมองไปทางสไบแต่ไม่พูดอะไร ต่างจากพวกเฟื่อง มองคนงามบ้านสามโก้ด้วยความสงสัย เพราะดูซึมๆไม่เหมือนคนเพิ่งแต่งงาน สไบหน้าเสีย ไม่กล้าบอกเพื่อนเรื่องที่คุยกับผัวเมื่อคืน ได้แต่เก็บความทุกข์ใจไว้กับตัวคนเดียว
แต่แม้สไบจะไม่พูดอะไร คำพูดปริศนาของหลวงพ่อธรรมโชติก็ทำให้ทัพกับขาบอดระแวงไม่ได้
“หลวงพ่อธรรมโชติท่านหมายถึงใคร...ไอ้ใจหรือเปล่า”
ทัพถอนใจหนักๆ ขาบเลยระบายความกังวลของตัวเองว่าไม่อยากวางใจใคร จนกว่าจะเจอไส้ศึกตัวจริง
“ข้าก็ไม่ได้นิ่งนอนใจหรอก แต่ตอนนี้ไอ้ใจมันตาบอด ลำพังจะซอกแซกไปไหนมันก็ยาก แล้วยังเรื่องการมองเห็น การจะรู้กลศึกก็แทบจะไม่มีทาง รบครั้งที่ผ่านมา เราชนะเพราะพ่อค่ายท่านเปลี่ยนแผน ไม่เหมือนที่เรารบมาทุกครั้ง ข้าก็ยืนยันไม่ได้หรอกว่าไอ้ใจมันไม่รู้ไม่เห็นเรื่องไส้ศึก เพราะที่ผ่านมาหลายอย่างก็ส่อพิรุธในตัวมัน”
ทัพส่ายหน้าปลงๆ “ตอนนี้มันมองไม่เห็นแล้ว ถ้านี่เป็นการลงโทษที่เคยผิดคำสัตย์สาบาน ข้าก็คิดว่าคุณพระ คุณเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ให้โอกาสมันกลับตัวเสียใหม่”
“ทำไมเอ็งไม่ถามมันตรงๆ”
“ข้าไม่อยากตอกย้ำความผิดของใคร บาปบุญ คุณโทษ เราต้องรู้อยู่แก่ใจ ขอให้เชื่อเถอะเพื่อนข้าไม่ได้ ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปเฉยๆ ถึงเวลาเอ็งก็จะรู้ ว่าข้าทำอะไรอยู่”
เวลาเดียวกันที่ค่ายอังวะ...สังข์ถูกทรมานอย่างต่อเนื่อง แต่ที่ทำให้แค้นแทบกระอักก็เมื่อถูกอูทินลินขู่
“คิดดู...ตอนที่พวกมึงแพ้ นังจวงเมียสาวของมึง จะต้องมาบำเรอทหารกูทั้งค่ายนี่”
สังข์ดิ้นรนด้วยความโมโห เมื่อถูกจี้ใจ อูทินลินยิ้มเย็น ก่อนจะคาดคั้นให้บอกความลับเรื่องค่ายบ้านระจันอีกรอบ สังข์หัวเราะเยาะ ตอกกลับอย่างไม่กลัวว่าพวกพ่อค่ายแข็งแกร่งและสามัคคีกันดี พวกอังวะไม่มีวันสู้ได้ อูทินลินเจ็บใจ กำหมัดชกหน้าเชลยไทยปากกล้าจนหน้าหัน ก่อนจะคว้าแส้เตรียมฟาดเพื่อรีดความลับ
สังข์หน้าตายับเยินแต่ใจสู้สวนกลับ “อาวุธพวกกูมีน้อยกว่าพวกมึงเป็นหลายร้อยเท่า แต่พวกกูก็ไม่กลัวมึง พวกกูรบด้วยใจ รบด้วยชีวิตของพวกกู แผ่นดินนี้กูเป็นเจ้าของ พวกมึงอย่าหมายมาแย่งไป...กูยอมตาย”
อูทินลินหัวเสียมาก แต่ก่อนจะทำอะไรรุนแรงก็ฉุกใจถามถึงอองนายศิษย์น้องเสียก่อน สังข์มองเห็นแววตาเป็นห่วงวูบหนึ่งของนายทหารอังวะ แสยะยิ้มร้ายแล้วบอกว่าใจยังมีชีวิต แต่ก็เจ็บหนัก ทรมานเหมือนตายทั้งเป็น!
ด้านทัพ...หนักใจเรื่องแฟงไม่แพ้เรื่องสังข์ เพราะสาวคนรักเคืองไม่หายที่เขาไม่รั้งสังข์ไว้
แฟงมองหนุ่มคนรักเซ็งๆ ก่อนจะตัดพ้อ “ฉันเคยเห็นแต่พี่ทัพ...คนที่รักเกลอร่วมตาย”
“พี่ไม่ขอให้เอ็งเข้าใจพี่ตอนนี้หรอกแฟง”
“ดี...ถ้าพี่ไปตามพี่สังข์กลับมาเมื่อไหร่ เราค่อยกลับมาคุยกัน”
แฟงผละจากทัพมาด้วยความหงุดหงิด เพราะเขารั้น ไม่ยอมตามสังข์กลับมา แต่อารมณ์ขุ่นมัวนั้นก็ไม่น่ากังวลเท่าสีหน้าแตกตื่นของสไบที่วิ่งมาบอกถึงความสงสัย ว่าใจอาจไม่ได้ตาบอด และกำลังหลอกพวกเธออยู่ แต่เมื่อย้อนกลับไปดู ก็ได้ถอนใจโล่งอก เพราะใจยังควานหาของแบบสะเปะสะปะ เหมือนคนตาบอดทุกประการ
แต่คนน่าเป็นห่วงกว่าคือจวง กินไม่ได้นอนไม่หลับด้วยความตรอมใจเพราะการจากไปของผัว เฟื่องกับสไบพยายามปลอบและกล่อมให้ทานข้าว แต่จวงก็ไม่ยอมแตะ จนแฟงต้องโพล่งออกไปอย่างเหลืออด
“พี่สังข์ทิ้งเอ็งไว้ที่นี่เพราะอยากให้เอ็งรอด...ทำไมไม่รักษากายใจ รักษาชีวิตไว้รอเจอคนที่เอ็งรักอีกครั้งล่ะจวง”
ooooooo
อาการของแท่นไม่ดีขึ้น ทรุดลงเรื่อยๆ สร้างความหนักใจให้แก่ชาวค่ายบ้านระจันเป็นอย่างมาก แต่ถึงกระนั้น...เหล่าพ่อค่ายที่เหลือก็ไม่ท้อถอย อาสาสู้จนลมหายใจสุดท้าย
ทัพเฝ้ามองด้วยความศรัทธา ก่อนจะเสนอหนทางเอาชนะข้าศึก ด้วยการเรียนรู้กลศึกของพวกอังวะ เหล่าพ่อค่ายนิ่งฟังด้วยความสนใจ แต่ทัพก็ยังไม่เฉลยว่าจะได้ความลับนั้นมาด้วยวิธีใด
เวลาเดียวกันที่ค่ายอังวะ...เนเมียวสีหบดีกราดเกรี้ยวใส่เหล่าทหารนายกองเรื่องการเดินทัพ
“บัดนี้ทัพของท่านมังมหานรธามุ่งไปทุ่งสีกุก ประชิดกำแพงกรุงโยเดียทางทิศตะวันตกเข้าไปแล้ว แต่ทัพข้ายังติดอยู่แค่ปากน้ำประสบ ห่างไกลกำแพงโยเดียหลายเท่าตัว เพราะเสบียงข้ามีไม่พอให้เดินหน้า...มันเพราะอะไร”
จอกยีโบนั่งหมอบไม่ไกลกันนั้น ตัดสินใจชี้แจงด้วยสีหน้าสงบ “พวกชาวบ้านไทยมันแข็งข้อ ไม่ยอมให้ข้าวเราง่ายๆ และเวลานี้ค่ายบ้านระจันก็แข็งแกร่งขึ้น ชาวบ้านไทยมันจึงกล้าต้านกองทหารเรา”
“ทหารอังวะมันไร้ฝีมือหรือไงถึงสู้ไม่ได้ จะปล่อยให้ไอ้พวกบ้านระจันมันรั้งทัพข้าไว้อย่างนั้นหรือ ข้าอยากจะตัดหัวพวกเอ็งทิ้งนัก ค่ายมันมีคนไม่ถึงพัน แต่กองทัพข้ามีทหารกว่าครึ่งแสน กลับหาใครไปปราบมันไม่ได้”
จอกยีโบก้มหน้านิ่ง เนเมียวสีหบดีเลยยิ่งโมโห ประกาศกร้าวให้เหล่านายกองหาทางตีค่ายบ้านระจันให้ได้ โดยจะยกแผ่นดินไทยให้ครองครึ่งหนึ่ง ถ้าใครทำสำเร็จ สังข์ซึ่งถูกซ้อมจนน่วม ได้ยินทุกอย่าง เจ็บแค้นมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องทนเก็บความขมขื่นใจไว้ รอวันเวลาจะได้ชำระแค้นอีกครั้ง
แต่ที่พวกอังวะไม่รู้ คือแท้จริงสังข์คือสายของทัพ ถูกส่งตัวมาสืบกลศึกของศัตรูส่งกลับค่ายบ้านระจัน และสังข์ก็ไม่ปล่อยเวลาไว้นานเลย เมื่อสบโอกาสก็รีบหาทางปลอมตัวเป็นทหารอังวะสืบเส้นทางการเดินทัพในคืนเดียวกันนั่นเอง แล้วอดีตนายกองจอมโอ่ก็ไม่ผิดหวัง เมื่อได้เห็นโฉมหน้าของนายกองคนใหม่ของเนเมียวสีหบดี
“ข้า...แยจออากา นายทัพเรือ...ท่านแม่ทัพเนเมียว สีหบดีได้มอบหมายให้ข้านำทหารไปขยี้ชาวบ้านระจันที่กล้าตั้งค่ายปล้นกองเสบียงอาหารของพวกเรา ข้าจะมาเอาชัยชนะไปมอบให้แก่ท่านเนเมียวสีหบดี”
จอกยีโบยินดีรับใช้ แต่ไม่วายเตือน “ข้ายินดีจัดกองทหารตามท่านสั่ง แต่ขอให้ท่านอย่าปรามาสฝีมือชาวบ้านไทย จงรบอย่างรัดกุม อย่าชะล่าใจ ชาวบ้านระจันมันไม่ใช่กองโจรที่เราจะประมาทฝีมือได้...เราแพ้มันมาถึงสี่ครั้งแล้ว”
แยจออากาไม่ยี่หระ ลำพองใจว่าเป็นทหารฝีมือดี แค่ชาวบ้านไทยหยิบมือเดียว...ทำไมจะเอาชนะไม่ได้!
ระหว่างที่พวกอังวะเตรียมไพร่พลเพื่อออกรบเป็นครั้งที่ห้า พวกบ้านระจันก็ไม่นิ่งนอนใจ ซ้อมดาบและศิลปะการต่อสู้อื่นๆอย่างหนัก แต่ที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ คงหนีไม่พ้นการฝึกยิงปืนโดยขุนสรรค์ พวกทัพร่วมซ้อมกับนักรบคนอื่น ทำได้ดี แต่ไม่วายกังวลเพราะชาวค่ายมีอาวุธน้อยและไม่ค่อยดี
“อาวุธจะดีแค่ไหน ก็ไม่สำคัญเท่ากับความสามัคคี จะรบก็ต้องรบให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน”
นายจันหนวดเขี้ยวพูดให้กำลังใจ แต่พวกทัพก็อดเครียดไม่ได้ โดยเฉพาะขาบ
“พวกอังวะมันเปลี่ยนนายกองคุมทัพมาสู้ไม่หยุดหย่อน มันคงคิดว่าเราแค่หยิบมือ...จะย่ำยียังไงก็ได้”
“ตราบใดที่เรายังรักกัน สามัคคีกันรบ มันคงเอาชนะยาก เราต้องสามัคคีกันอย่างพ่อจันหนวดเขี้ยวบอก”
ทัพเอ่ยด้วยความเชื่อมั่น ไม่ว่าข้าศึกจะยกไพร่พลมามากแค่ไหน ชาวบ้านระจันก็ไม่มีวันถอยแน่ๆ
สังข์ส่งแผนการเดินทัพของพวกอังวะถึงมือทัพในอีกไม่กี่วันต่อมา พวกพ่อค่ายหารือกันอย่างเคร่งเครียด และเห็นว่าควรให้พวกผู้หญิงฝึกดาบไว้ เผื่อไว้ป้องกันตัวเอง เพราะศึกครั้งนี้ข้าศึกยกทัพมาไม่น้อย
นายทองแสงใหญ่พยักหน้าเห็นด้วย “เวลานี้...ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายก็ต้องสู้เอาตัวรอดกันไว้ทั้งนั้น ยามคับขันเราอาจพึ่งให้พวกผู้หญิงเป็นกองหลังไว้ก็ดี จะได้เอาไว้หลอกขู่พวกอังวะว่าคนในค่ายของเราก็มีไม่น้อยกว่าพวกมัน”
นายทองเหม็นมีสีหน้าฮึกเหิม ประกาศกร้าว “เรากลับไปลับดาบให้คมเถิด ไม่เกินสองวันมันคงถึงบ้านขุนโลกแน่ เราต้องหาทางสกัดไม่ให้มันยกข้ามคลองสะดือมาได้โดยเด็ดขาด!”
ooooooo
เสียงกลองศึกดังทั่วค่ายบ้านระจันในเช้าวันถัดมา พวกทัพอยู่บนหลังม้า เป็นกองหน้าเคียงข้างขุนสรรค์
และนายจันหนวดเขี้ยว โดยมีหลวงพ่อธรรมโชติมาสวด คาถาอวยชัย และเหล่านักรบมากมายล้อมรอบ
“พวกข้า...นักรบชาวเมืองสิงห์ สรรค์บุรี ทั้งวิเศษไชยชาญและสุพรรณ...ที่ร่วมใจกันสู้ศึก พลีชีวิตให้แก่ชาติ รวมเรียกว่าชาวค่ายบ้านระจัน ไทยกอดคอไทย น้ำตาหลั่ง ตายเถิด...จะตายเมื่อไหร่ก็ได้...ตายแทนชาติ”
ถ้อยคำห้าวหาญของทัพทำให้เหล่านักรบฮึกเหิม ไม่เว้นแม้พวกผู้หญิงซึ่งฝึกซ้อมดาบที่หลังค่ายกันอย่างดุเดือด พร้อมพลีกายและใจเพื่อรักษาไว้ซึ่งผืนแผ่นดินอันเป็นที่รัก
ศึกครั้งที่ห้ากับกองทัพแยจออากาผ่านไปได้อย่างสวยงาม ข่าวการศึกจากสังข์ทำให้พวกบ้านระจันเอาชนะได้ในเวลาไม่นาน แถมฆ่าแยจออากาตายคาสนามรบด้วย
เหล่าชาวบ้านโห่ร้องด้วยความดีใจที่กองทัพไทยเอาชนะข้าศึกได้อีกครั้ง คงมีเพียงใจ รับรู้ด้วยสีหน้าเครียดหนัก แต่ก็ต้องข่มอารมณ์โกรธแค้นไว้สุดความสามารถ ไม่อาจบอกให้เมียรู้ กลัวความลับเรื่องยังเป็นไส้ศึกจะแตก
แฟงปลาบปลื้มยินดีกับชัยชนะของค่ายบ้านระจันไม่ต่างจากคนอื่น แต่เพราะยังเคืองคนรัก เลยไม่ยอมออกไปรอรับเหมือนเคย ทัพไม่ถือสา และเป็นฝ่ายตามหาเธอจนพบที่ท่าน้ำหลังค่าย
แฟงเกือบจะยกดาบแทงคนรักซึ่งแอบย่องมาจากด้านหลังอกทะลุไปแล้ว ถ้าเขาไม่จับมือเธอไว้ก่อน
“ จะดุไปถึงไหน พี่เห็นผิวเอ็งเลอะเหงื่อไคลก็อยากจะเช็ดให้นวลเนียนเหมือนเดิม”
ทัพมองมาด้วยสายตาแพรวพราวบอกความในใจ แฟงเขิน พยายามเบี่ยงตัวหนีไม่ให้เขาเข้าใกล้ ทัพรู้ทัน รวบตัวมากอดแน่นให้สมกับความคิดถึง แฟงหน้าแดง เบือนหน้าหลบจมูกเขา ก่อนจะโพล่งถาม
“ฉันได้ยินเขาพูดกันว่าพี่ช่วยวางแผนรบครั้งนี้ พี่รู้ว่าข้าศึกจะเดินทัพมาทางไหนหรือพี่ทัพ...ทำไมพี่รู้”
ทัพอมยิ้ม “พี่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ชัยชนะ ถึงจะถูกแฟงโกรธเกลียดมากแค่ไหน”
“อย่ามัวแต่พูดเย้าฉันนะพี่ทัพ”
“พี่พูดจริง...แฟงเอ๋ย ฟังพี่เถิด พี่จะพูด จะถามความจริงใจ หากชนะศึกครั้งหน้า เอ็งจะหายโกรธพี่หรือยัง”
ทัพส่งตาหวาน ขอเธอมาเป็นศรีเรือน ถ้าชนะศึกคราวหน้า แฟงอายไม่ยอมรับปาก ทัพเลยต้องคาดคั้น
“ตอบพี่ก่อนแฟง...ตอบเป็นสัญญาให้พี่ชื่นใจ
มีหวังจะสู้ศึกคราหน้า เพื่อกลับมากินข้าวฝีมือเมีย”
“อยากกินข้าวอร่อย ก็ไปบอกสาวๆคนอื่น มีตั้งหลายอีที่ทอดสายตาให้นายกองม้าคนเก่งกล้าอย่างพี่”
“ร้อยหญิง พันหญิง สวยหยาดฟ้ามาดิน ก็ไม่เคยอยู่ในสายตาพี่ นอกจากหญิงเดียวตรงหน้านี้” ทัพดึงแฟงมาแนบชิด เอ่ยเสียงหวานข้างหู “ให้พี่มีหวัง มีกำลังใจจะได้กอดเอ็งให้สมรัก ได้อยู่เคียงข้างในยามที่มีลมหายใจ”
แฟงยกมือปิดปากคนรัก ทัพจูบตอบแผ่วเบา ก่อนจะอ้อนเสียงหวาน
“พี่จะไปขอเอ็งกับอาเฟี้ยม จะเรียกสินสอดทองหมั้นเท่าไหร่ พี่จะหามาให้ได้”
“เห็นแม่ฉันแล้งน้ำใจ คิดจะเรียกสินสอดยามศึกเช่นนี้ได้ลงคอหรือพี่”
“นอกจากแผ่นดินเกิดที่จะต้องรักษาไว้เป็นสิ่งแรก ก็มีเอ็งนี่แหละแฟง ที่จะเป็นดั่งชีวิต ดั่งวิญญาณของพี่ แฟงเอ๋ย...รูปเอ็งสวยนัก แต่ใจนั้นสวยเกินรูป ขอให้พี่ได้เป็นเจ้าของกายใจงดงามนี้แต่เพียงผู้เดียวจนชั่วชีวิตเถิด”
แฟงซาบซึ้งใจมาก ยอมให้เขาจูบหน้าผากอย่างอ่อนโยน ก่อนจะซบอกแกร่งด้วยความอิ่มเอมใจ
ooooooo
เนเมียวสีหบดีรับฟังข่าวการพ่ายแพ้ของทัพแยจออากาด้วยสีหน้าโกรธจัด ไม่อยากเชื่อว่าจะถูก หยามศักดิ์ศรีย่อยยับด้วยน้ำมือชาวบ้านแค่ไม่กี่ร้อยอีกครั้ง จอกยีโบก้มหน้าเงียบ แม่ทัพใหญ่ฝ่ายเหนือยิ่งโมโห ประกาศลั่น
“จอกยีโบ...ไอ้พวกเชลยไทยที่ค่ายวิเศษไชยชาญมีเท่าไหร่ เอาออกมาตัดหัวสังเวยศพพวกเราให้หมด เราจะฆ่าเชลยไทยทุกคนที่จับได้ จนกว่าข้าจะตีค่ายระจันแตก!”
ในขณะที่พวกอังวะระส่ำระสายเพราะพ่ายแพ้ติดกันหลายครั้ง สังข์กับเหล่าเชลยไทยสะใจมาก ที่แผนลอบส่งข่าวได้ผลดีอย่างเหลือเชื่อ แต่ที่ทำให้ทุกคนเริ่มเครียดอีกครั้ง ก็เมื่อนายกองอังวะคนใหม่มารายงานตัวกับเนเมียวสีหบดี
“ข้า...จิกแก...ปลัดเมืองทวาย ขออาสายกทัพไปกวาดล้างพวกบ้านระจัน ล้างแค้นให้ท่าน”
“ข้าหวังว่าท่านจะล้างแค้นให้สำเร็จ ท่านรู้ใช่ไหมว่าข้าแค้นไอ้พวกบ้านระจันแค่ไหน”
“อย่าว่าแต่ท่านเลย ข้าพเจ้าก็แค้นไม่ใช่น้อย ข้าจะสังหารมันให้สิ้นเพื่อให้ท่านรุกลงไปตีกรุงโยเดียให้สบายใจ”
“จงตีค่ายระจันให้ราบ อย่าไว้ชีวิตพวกมันแม้แต่คนเดียว ลูกเล็กเด็กแดงก็อย่าเอาไว้เป็นเสี้ยนหนาม พวกมันฆ่าทหารข้าไปถึงห้ากองแล้ว เจ้าจงไปกู้ศักดิ์ศรีกองทัพอังวะคืนมาให้ข้าโดยเร็ว!”
สังข์ปลอมตัวเป็นทหารอังวะอีกครั้ง ขบกรามแน่นเมื่อได้ยินว่าจิกแกเคยเป็นพ่อค้าในเมืองไทย และรู้เส้นทางแถบบ้านระจันเป็นอย่างดี จึงไม่รอช้า รีบหาโอกาสปลีกตัวไปส่งข่าว อูทินลินเห็นนายทหารท่าทางคุ้นๆก็สงสัยและไล่ตาม แต่สังข์ก็อาศัยความมืด เอาตัวรอดไปได้อย่างหวุดหวิด ก่อนจะรีบดำน้ำข้ามคลองไปยังที่นัดหมาย เอาผ้าที่เขียนแผนการรบจากฝ่ายอังวะผูกข้อเท้าอ้ายเลาม้าคู่ใจของทัพ
“รีบเอาความนี้ไปให้ไอ้ทัพ เพื่อนรักของข้า นายของเอ็ง จงรักษาตัวให้รอดถึงค่ายระจัน อ้ายเลา...ม้าวิเศษ”
สั่งจบก็เอามือตบสีข้างอ้ายเลาให้รีบไป ส่งยิ้มสะใจไล่หลัง ก่อนจะพึมพำเสียงเบา
“ไอ้ทัพ...แผนเอ็งที่ทำเป็นผิดใจเพื่อน เพื่อส่งข้ามาสอดแนมกำลังทำให้เราชนะพวกศัตรู”
ด้านทัพ...ตัดสินใจบอกพวกบ้านคำหยาดถึงแผนการที่ทำร่วมกับสังข์ เวลาเดียวกับที่ใจกำลังคิดไม่ซื่อ แอบไปส่งข่าวถึงจอกยีโบช่วงกลางดึกของคืนเดียวกัน แต่ที่ใจไม่รู้คือทัพแอบสะกดรอยตามมา ด้วยความระแวงว่าเขาอาจไม่ได้ตาบอด แล้วก็จริงดังคาด เมื่อพรานหนุ่มชาวอังวะถูกจับได้คาหนังคาเขาว่ากำลังส่งข่าวผ่านนกพิราบสื่อสาร
ทัพโยนซากนกที่ถูกยิงตรงหน้าใจ “ไม่ใช่ข้าไม่รู้ว่าเอ็งน่าสงสัย ไม่ใช่ข้าจะไว้ใจเอ็งจนยอมตัดเพื่อน แต่ที่ข้าทำ เพราะข้ากำลังให้โอกาสเอ็งกลับตัว แต่ในที่สุด...เอ็งก็พิสูจน์ให้ข้าเห็น...เมตตาคนคดไม่ได้ผล เพราะใจมันไม่มีวันตรง”
ooooooo










