สมาชิก

บางระจัน

ตอนที่ 13

อัลบั้ม: ละครฟอร์มยักษ์ "บางระจัน"

ชัยชนะสี่ครั้งของชาวค่ายบ้านระจันทำให้เนเมียวสีหบดีโกรธจัด อาละวาดใส่เหล่าทหารในสังกัดจนใครก็เข้าหน้าไม่ติด และสุดท้ายก็ตัดสินใจเด็ดขาด ส่งคนสนิทไปตามหานายกองคนใหม่ โดยให้เลือกจากคนที่มีความชำนาญพื้นที่แขวงสิงห์บุรีเป็นพิเศษ...ครานี้ พวกบ้านระจันจะได้สิ้นซากสักที!

ฟากบ้านระจัน...ไม่รู้ว่าศึกใหญ่จะมาถึง มัวเคร่งเครียดกับการจากไปแบบกะทันหันของสังข์ ทัพไม่ยี่หระสายตาขอร้องของทุกคน แม้แต่จวง...น้องสาวสุดที่รักและเมียของสังข์

“เดี๋ยวฉันไปพูดให้พี่สังข์มาขอสมาพี่กับพี่ใจ พี่ทัพ อย่าเคืองพี่สังข์เลยนะจ๊ะ”

“ข้ารู้สันดานผัวเอ็งดีจวง เพราะไอ้สังข์ มันเคยเป็นเกลอรักของข้า”

จวงหน้าเสีย แฟงสงสารเลยช่วยพูด แต่ทัพก็ใจแข็งไม่ยอม ใจเลยอาสาบ้าง

“ไม่ต้องไอ้ใจ ไม่ใช่แค่เรื่องเอ็ง ไอ้สังข์มันบ้ายศ ไม่คิดถึงส่วนรวม ไม่คิดถึงความสามัคคีที่จะพาเรารอด”

“ไม่จริง...พี่สังข์เป็นคนดี ฉันจะพาพี่สังข์กลับมาอยู่กับพวกเรา”

จวงโต้แทนผัว ก่อนจะวิ่งหนีด้วยความโมโห ทัพมองตามด้วยความหนักใจ แต่ก็ไม่ใจอ่อน ผละจากไปดื้อๆ

สังข์ไม่สนว่าใครจะเดือดเนื้อร้อนใจกับการจากไปของตนบ้าง เก็บข้าวของใส่ห่อผ้าลวกๆ จวงกลับมาเห็นก็ตกใจ พยายามอ้อนวอนขอให้อยู่ต่อเพื่อเห็นแก่เธอ รวมทั้งขอให้อภัยทัพด้วย แต่สังข์ก็ไม่เปลี่ยนใจ

จวงสะอื้นไห้อย่างหนัก โอดเสียงสั่น “พี่จะทิ้งฉัน พี่ไม่รักฉันแล้วหรือไอ้สังข์”

“รักสิจวง พี่รักเอ็งมากเหลือเกิน ไม่ว่าตัวพี่จะอยู่ที่ไหน ขอให้รู้ว่าใจพี่อยู่กับเอ็ง”

สังข์ดึงเมียรักมากอดแน่น ก่อนจะสะพายย่ามลงเรือนไป ทิ้งให้จวงมองตามตาค้าง ก่อนจะวิ่งตามติด เวลาเดียวกับที่ทัพกับแฟงมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง เพราะอดีตทหารกล้าไม่ยอมละทิฐิ รั้งสังข์ให้อยู่ด้วยกัน

“พี่สองคนเป็นเกลอกัน รบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมากี่ครั้ง พี่ทัพ...พี่เองเป็นคนพูดว่าคนไทยต้องมีน้ำหนึ่งใจเดียวถึงจะชนะข้าศึกได้ ทำไมพี่ถึงให้เรื่องขี้ผงมาทำลายน้ำใจของเกลอที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมา”

ไม่ใช่แค่แฟงคนเดียวที่ไม่เข้าใจความคิดของทัพ ขาบกับเฟื่องก็ลำบากใจไม่แพ้กัน รวมทั้งสไบกับใจที่พยายามขวางสังข์ไว้ แต่อดีตนายกองจอมโอ่ก็รั้น จนขาบต้องโพล่งออกไป

“ไอ้สังข์คิดให้ดี ข้างนอกนั่นไม่มีใครรักแล้วก็หวังดี ให้โอกาสเอ็งเท่าเพื่อนอย่างไอ้ทัพอีกแล้ว”

“มึงเลิกพูดชื่อไอ้ทัพสักที...ถ้าคนอย่างไอ้ทัพมันเป็นเทวดา ก็เชิญกราบไหว้กันไป แต่สำหรับข้า...ไอ้ทัพมันคือเกลอที่เอาดีเข้าตัวคนเดียว สักวันหนึ่งไอ้ขาบมึงต้องเป็นอย่างกู ถูกไอ้ทัพมันเหยียบย่ำขึ้นไปยืนเหนือทุกคน”

ทัพกำหมัดแน่น แต่สังข์ก็ไม่ยี่หระ รีบพุ่งไปที่ประตูค่าย ใจเห็นท่าไม่ดี ถลาไปคุกเข่าขอร้อง แต่สังข์ก็ไม่สนใจ เดินเร็วออกจากค่าย ทิ้งพวกบ้านคำหยาดให้มองตามด้วยความกังวลใจ โดยเฉพาะจวง แทบขาดใจที่ผัวทิ้งไปแบบนี้

แฟงเห็นคนรักมีสีหน้าเคร่งเครียดก็อดเป็นห่วงไม่ได้ แต่เคืองมากกว่าที่เขาใจดำกับเกลอรักเยี่ยงนี้ ทัพไม่เถียง ได้แต่บอกว่าสังข์เลือกทางเดินของตัวเองแล้ว แฟงยิ่งโกรธ สวนกลับเสียงเข้ม

“ข้างนอกค่ายมีแต่ข้าศึก พี่ไม่สนใจเลยหรือว่าเกลอรักจะเป็นหรือตาย...พี่สังข์ไปอย่างหน้ามืดตามัว พี่เป็นเกลอกัน ทำไมไม่ห้าม พี่ทัพที่ฉันรู้จัก ไม่ใช่คนใจจืดใจดำ ทิ้งเกลอให้ไปตายดาบหน้าอย่างนี้!”

ooooooo

จวงร้อนรนมากกับการจากไปของผัว และพาลโกรธทุกคนที่ไม่เข้าใจ หรือพยายามปลอบให้เธอใจเย็น โดยเฉพาะเฟื่องกับแฟง เมียรักของขาบและคนรักของทัพ ที่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากกล่อมให้รอเวลา

“แล้วที่พี่ทัพ พี่ขาบทำกับพี่สังข์ล่ะ ปล่อยผัวฉันออกไปตายเอาดาบหน้า พี่สังข์เขาไม่ใช่คนเลว พี่ทัพไม่รักเพื่อน ไปให้พ้นหน้าฉันทั้งหมด พวกแกมันคนดี...ปล่อยฉันอยู่คนเดียว”

จวงทำท่าจะผละไป สไบรีบขวางและให้กำลังใจว่าสังข์ต้องกลับมา จวงร้องไห้โฮอย่างสุดกลั้น หวาดกลัวไปสารพัดว่าผัวจะตาย เฟื่อง แฟงและสไบมองมาด้วยความสงสารและเวทนา แต่ก็ไม่รู้จะช่วยอะไรให้ดีกว่านี้

ใจเครียดหนักไม่แพ้เมียรัก ตัดสินใจไปพูดกับทัพอีกครั้ง ให้ไปตามสังข์กลับมา แต่ทัพก็ไม่เปลี่ยนใจเพราะรู้จักเกลอรักดีว่าเป็นคนบ้ายศศักดิ์ รักแต่ผลประโยชน์ของตัวจนมองไม่เห็นหัวคนอื่น ใจถอนใจหนักหน่วง รู้สึกผิดไม่น้อยที่ทัพต้องแตกกับสังข์เพราะตนเป็นสาเหตุ แถมทำให้บ้านระจันขาดกำลังสำคัญอีกคน

“เรายังมีคนทั้งค่ายไงใจ คนทั้งค่ายที่สามัคคีน้ำหนึ่งใจเดียวไล่ข้าศึก ข้าถือว่าเนื้อไหนร้าย ปล่อยให้เน่า มันก็ลามไปเนื้อดี ยอมเจ็บเพลานี้ ตัดแขนข้างเดียว ดีกว่าเน่าตายทั้งตัว ขาดไอ้สังข์คนเดียว ค่ายบ้านระจันก็ไม่ล่ม”

ระหว่าง​ที่​คนใน​ค่าย​เป็น​กังวล...สังข์​ไม่​ลังเลใจ​แม้แต่​น้อย​จะ​ช่วย​หญิง​ชาว​บ้าน​จาก​การ​ถูก​พวก​อัง​วะย่ำยี ก่อน​จะ​ต่อสู้​อย่าง​ดุเดือด แต่​พลาดท่า​โดน​ล้อมและ​ถูกจับ​ใส่​ขื่อ​คา​มา​ขัง​ไว้​ที่​ค่าย​อัง​วะ

ภาพ​เชลย​ชาว​ไทย​ถูก​ทุบตี​และ​ทรมาน​อย่าง​หนัก​ใน​ค่าย ทำให้​สังข์​เคียดแค้น​มาก แต่​จำ​ต้อง​อดทน​อดกลั้น เพื่อ​งาน​สำคัญ​บาง​อย่าง และ​ก็​ไม่​ต้อง​รอ​นาน เมื่อ​เขา​ตัดสินใจ​ช่วย​เชลย​ไทย​คน​หนึ่งไม่​ให้​ถูก​ซ้อม หน่วยก้าน​และ​ความ​ใจ​สู้​ของ​สังข์ ทำให้​มยิห​วุ่น​นาย​กอง​ผู้​คุมค่าย​มอง​มา​ด้วย​ความ​สนใจ อดีต​นาย​กอง​จอม​โอ่​ไม่​กลัว​ตาย ต่อสู้​กับ​นาย​กอง​ชาว​อัง​วะ​อย่าง​สูสี ก่อน​จะ​แกล้ง​แพ้

มยิห​วุ่น​มอง​มา​เหยียดๆ ก่อน​จะ​สั่ง​ให้​พา​ตัว​ไป​ขัง

“ค่าย​บ้าน​ระจัน มี​คน​เคย​เป็น​ทหาร​มา​นี่เอง ถึง​เอาชนะ​มิได้​สัก​ที คืน​นี้​จอก​ยี​โบ​จะ​เป็น​คน​สอบสวน​มึง!”

สังข์​มัว​สา​แก่​ใจ​ได้​เข้าถึง​ค่าย​อัง​วะ ไม่​รู้​เลย​ว่า​ทุก​คนใน​ค่าย​บ้าน​ระจัน​เป็น​ห่วง​แค่​ไหน โดยเฉพาะ​ใจ รู้สึก​ผิด​มาก กลัว​อดีต​นาย​กอง​จอม​โอ่​จะ​ถูก​พวก​ข้าศึก​สังหาร​ทิ้ง​กลาง​ป่า เพียง​เพราะ​ไม่​ชอบ​ขี้หน้า​และ​สงสัยตน สไบ​เห็น​ผัว​เป็น​ทุกข์ เลย​ปลอบ​ให้​ทำใจและ​ระบายความ​อึดอัด​ใจ​ออก​มา​บ้าง

“พี่​อยาก​จะ​ลืม​มัน​ให้​หมด ลืม​ว่า​เคย​ทำ​อะไร​ลงไป จำ​แค่​วัน​นี้...ที่​นี่...มี​สไบ​ที่​ผูก​ใจ​พี่​ไว้”

สไบ​กุม​มือ​ผัว ให้​กำลังใจ “ที่​ค่าย​บ้าน​ระจันทุกคน​เหมือน​พี่น้อง ทุกข์​ยาก​เรา​ก็​จะ​ลำบาก​ด้วย​กัน รอ​วันที่อังวะ​ถอย​ทัพ​ไป​จน​หมด​แผ่นดิน เรา​จะ​สร้าง​บ้าน​ของ​เรา​อยู่ที่นี่”

“พี่​ก็​อยาก​ฝัน​แบบ​สไบ แต่​ทัพ​อัง​วะ​ต้องการ​ตี​กรุง​ศรี​ให้​ได้”

“พี่​ใจ​ตอบ​ฉัน​สัก​คำ​เถอะ​นะ ตอบ​เมีย​ของ​พี่ พี่​เลือก​จะ​อยู่​ข้าง​อัง​วะ​หรือ​อยู่​ข้าง​เมีย​พี่”

ใจ​ดึง​มือ​ออก สีหน้า​กดดัน “ถ้า​พี่​เลือก​อัง​วะ สไบ​ก็​จะ​หมด​รัก​พี่”

“ฉัน​ไม่​มี​วัน​หมด​รัก​พี่ ฉัน​ขอ​แค่​รู้​ว่า​คน​ที่ฉันรัก​รู้สึก​อย่างไร”

ใจ​นิ่ง​ไป​อึดใจ ก่อน​จะ​บอก​ว่า​ตัว​เอง​เป็น​ชาวอังวะ สไบ​น้ำตา​คลอ แม้​จะ​เตรียม​ใจ​มา​แค่​ไหน ก็​อด​สะเทือนใจ​ไม่ได้ ใจ​ได้ยิน​เสียง​สะอื้น​ไห้​ของ​เมีย​รัก เลย​ยื่นมือ​ไป​ประคอง​หน้า​ไว้

“พี่​กำลัง​รับ​โทษ​คน​ทรยศ​แล้ว​สไบ ตา​พี่​มองไม่เห็น ชีวิต​พี่​มี​แต่​ความ​มืด​มิด สไบ​คือ​แสง​เดียว​ใน​ชีวิต​พี่”

สอง​ผัว​เมีย​โอบ​กอด​กัน​ด้วย​ความ​รัก ขมขื่น​ใจ​เหลือเกิน​ที่​ต้อง​มี​ชะตา​กรรม​โหดร้าย​เยี่ยง​นี้

ooooooo

อู​ทินลิน​ฟื้น​จาก​อาการ​บาดเจ็บ​เจียน​ตาย ลงมือ​สอบสวน​เชลย​ไทย​คน​ใหม่​ของ​ค่าย​แทน​จอก​ยี​โบ สังข์​เห็น​หน้า​พี่​ชาย​ของ​ใจ​ก็​เหยียด​ยิ้ม​เย็น สาปแช่ง​อีกฝ่าย​ให้​ตาย​ตก​ไป​ตาม​กัน​ด้วย​น้ำมือ​คน​ไทย อู​ทินลินโกรธมาก กระหน่ำ​ชก​เชลย​ไทย​ปาก​ดี​จน​แทบ​ลุก​ไม่​ขึ้น ก่อน​จะ​คาดคั้น​เสียง​เข้ม​ให้​บอก​ความ​ลับ​ของ​ค่าย​บ้าน​ระจัน

“กู​ไม่​มี​วัน​หักหลัง​คน​ไทย​ด้วย​กัน”

อู​ทินลิน​ยิ้ม​เหี้ยม ก่อน​จะ​ส่ง​สัญญาณ​ให้​ทหาร​จิ้ม​เหล็กใน​เตาไฟ นาบ​บน​หน้าอก​ของ​สังข์​เพื่อ​ทรมาน​ให้​คาย​ความ​ลับ แต่​สังข์​ก็​ทนทายาด ไม่​ปริปาก​อะไรเลย แม้​จะ​เจ็บ​เจียน​ตาย​ก็ตาม

เช้า​วัน​ต่อ​มา​ที่​ค่าย​บ้าน​ระจั​น...เหล่า​นักรบจาก​บ้าน​คำ​หยาด​ไป​รวม​ตัว​กัน​ที่​วิหาร​หลวง​พ่อ​ธรรม​โชติ ปรับทุกข์​กัน​ด้วย​ความ​หนักใจ​เรื่อง​ข้าศึก ที่​ยก​ทัพมาถี่​และ​เพิ่ม​จำนวน​ไพร่พล​มาก​ขึ้น​ทุกที หลวง​พ่อ​ธรรม​โชติ​กวาดตา​มอง​ทุก​คน​ด้วย​สายตา​สงบ ก่อน​จะ​ไป​หยุด​ที่​ใจ แล้ว​เอ่ย​ขึ้นเสียง​เบา​แต่​หนักแน่น

“เมตตา​คน​คด​ไม่ได้​ผล เพราะ​ใจ​มัน​ไม่​มี​วันตรง”

ทัพ​มอง​ไป​ทาง​สไบ​แต่​ไม่​พูด​อะไร ต่าง​จาก​พวก​เฟื่อง มอง​คน​งาม​บ้าน​สาม​โก้​ด้วย​ความ​สงสัย เพราะ​ดู​ซึมๆไม่​เหมือน​คน​เพิ่ง​แต่งงาน สไบ​หน้าเสีย ไม่​กล้าบอก​เพื่อน​เรื่อง​ที่​คุย​กับ​ผัว​เมื่อ​คืน ได้​แต่​เก็บ​ความทุกข์​ใจ​ไว้​กับ​ตัว​คน​เดียว

แต่​แม้​สไบ​จะ​ไม่​พูด​อะไร คำ​พูด​ปริศนา​ของหลวงพ่อ​ธรรม​โชติ​ก็​ทำให้​ทัพ​กับ​ขาบ​อด​ระแวง​ไม่ได้

“หลวง​พ่อ​ธรรม​โชติ​ท่าน​หมาย​ถึง​ใคร...ไอ้​ใจ​หรือ​เปล่า”

ทัพ​ถอน​ใจ​หนักๆ ขาบ​เลย​ระบาย​ความ​กังวลของ​ตัว​เองว่า​ไม่​อยาก​วางใจ​ใคร จนกว่า​จะ​เจอ​ไส้ศึก​ตัวจริง

“ข้า​ก็​ไม่ได้​นิ่ง​นอนใจ​หรอก แต่​ตอน​นี้​ไอ้​ใจ​มัน​ตาบอด ลำพัง​จะ​ซอกแซก​ไป​ไหน​มัน​ก็​ยาก แล้วยังเรื่อง​การ​มอง​เห็น การ​จะ​รู้​กล​ศึก​ก็​แทบ​จะ​ไม่​มี​ทาง รบครั้งที่ผ่านมา เรา​ชนะ​เพราะ​พ่อ​ค่าย​ท่าน​เปลี่ยน​แผน ไม่เหมือนที่เรารบ​มา​ทุก​ครั้ง ข้า​ก็​ยืนยัน​ไม่ได้​หรอก​ว่า​ไอ้​ใจ​มันไม่รู้​ไม่​เห็น​เรื่อง​ไส้ศึก เพราะ​ที่​ผ่าน​มา​หลาย​อย่าง​ก็​ส่อ​พิรุธ​ใน​ตัวมัน”

ทัพ​ส่าย​หน้า​ปลงๆ “ตอน​นี้​มัน​มอง​ไม่​เห็น​แล้ว ถ้านี่​เป็น​การ​ลงโทษ​ที่​เคย​ผิด​คำ​สัตย์​สาบาน ข้า​ก็​คิดว่าคุณพระ คุณเจ้า สิ่ง​ศักดิ์สิทธิ์​ได้​ให้โอกาส​มัน​กลับ​ตัว​เสียใหม่”

“ทำไม​เอ็ง​ไม่​ถาม​มัน​ตรงๆ”

“ข้า​ไม่​อยาก​ตอก​ย้ำ​ความ​ผิด​ของ​ใคร บาปบุญ คุณโทษ เรา​ต้อง​รู้อยู่​แก่​ใจ ขอ​ให้​เชื่อ​เถอะ​เพื่อนข้าไม่ได้ ปล่อย​ให้​เรื่อง​นี้​ผ่าน​ไป​เฉยๆ ถึง​เวลา​เอ็ง​ก็​จะ​รู้ ว่าข้าทำอะไรอยู่”

เวลา​เดียวกัน​ที่​ค่าย​อัง​วะ...สังข์​ถูก​ทรมาน​อย่าง​ต่อ​เนื่อง แต่​ที่​ทำให้​แค้น​แทบ​กระอัก​ก็​เมื่อ​ถูก​อู​ทินลินขู่

“คิด​ดู...ตอน​ที่​พวก​มึง​แพ้ นังจ​วง​เมีย​สาว​ของมึง จะ​ต้อง​มา​บำเรอ​ทหาร​กู​ทั้ง​ค่าย​นี่”

สังข์​ดิ้นรน​ด้วย​ความ​โมโห เมื่อ​ถูก​จี้​ใจ อูทินลิน​ยิ้ม​เย็น ก่อน​จะ​คาดคั้น​ให้​บอก​ความ​ลับ​เรื่อง​ค่าย​บ้านระจัน​อีก​รอบ สังข์​หัวเราะ​เยาะ ตอก​กลับ​อย่าง​ไม่​กลัว​ว่าพวก​พ่อ​ค่าย​แข็งแกร่ง​และ​สามัคคี​กัน​ดี พวก​อัง​วะ​ไม่​มี​วัน​สู้ได้ อู​ทินลิน​เจ็บใจ กำหมัด​ชก​หน้า​เชลย​ไทย​ปากกล้า​จน​หน้า​หัน ก่อน​จะ​คว้า​แส้เตรียม​ฟาด​เพื่อ​รีด​ความ​ลับ

สังข์​หน้าตา​ยับเยิน​แต่​ใจ​สู้​สวน​กลับ “อาวุธพวก​กู​มี​น้อย​กว่า​พวก​มึง​เป็น​หลาย​ร้อย​เท่า แต่​พวก​กู​ก็​ไม่​กลัว​มึง พวก​กู​รบ​ด้วย​ใจ รบ​ด้วย​ชีวิต​ของ​พวก​กู แผ่นดิน​นี้​กู​เป็น​เจ้าของ พวก​มึง​อย่า​หมาย​มา​แย่ง​ไป...กู​ยอม​ตาย”

อู​ทินลิน​หัวเสีย​มาก แต่​ก่อน​จะ​ทำ​อะไร​รุนแรงก็​ฉุกใจ​ถาม​ถึง​ออ​ง​นาย​ศิษย์​น้อง​เสีย​ก่อน สังข์​มอง​เห็นแววตา​เป็น​ห่วง​วูบ​หนึ่ง​ของ​นาย​ทหาร​อัง​วะ แสยะ​ยิ้มร้าย​แล้วบอก​ว่า​ใจ​ยัง​มี​ชีวิต แต่​ก็​เจ็บ​หนัก ทรมาน​เหมือน​ตาย​ทั้ง​เป็น!

ด้าน​ทัพ...หนักใจ​เรื่อง​แฟง​ไม่​แพ้​เรื่อง​สังข์ เพราะ​สาว​คน​รัก​เคือง​ไม่​หายที่​เขา​ไม่​รั้ง​สังข์​ไว้

แฟง​มอง​หนุ่ม​คน​รัก​เซ็งๆ ก่อน​จะ​ตัดพ้อ “ฉัน​เคย​เห็น​แต่​พี่​ทัพ...คน​ที่รัก​เกลอ​ร่วม​ตาย”

“พี่​ไม่​ขอ​ให้​เอ็ง​เข้าใจ​พี่​ตอน​นี้​หรอก​แฟง”

“ดี...ถ้า​พี่​ไป​ตาม​พี่​สังข์​กลับ​มา​เมื่อ​ไหร่ เราค่อย​กลับ​มา​คุย​กัน”

แฟง​ผละ​จาก​ทัพ​มา​ด้วย​ความ​หงุดหงิด เพราะเขา​รั้น ไม่​ยอม​ตาม​สังข์​กลับ​มา แต่​อารมณ์​ขุ่นมัว​นั้น​ก็​ไม่น่า​กังวล​เท่า​สีหน้า​แตกตื่น​ของ​สไบที่​วิ่ง​มา​บอก​ถึง​ความสงสัย ว่า​ใจ​อาจ​ไม่ได้​ตาบอด และ​กำลัง​หลอก​พวก​เธอ​อยู่ แต่เมื่อ​ย้อน​กลับ​ไป​ดู ก็ได้​ถอน​ใจ​โล่ง​อก เพราะ​ใจยังควานหา​ของ​แบบ​สะเปะสะปะ เหมือน​คน​ตาบอด​ทุก​ประการ

แต่​คน​น่า​เป็น​ห่วง​กว่า​คือ​จ​วง กิน​ไม่ได้​นอน​ไม่​หลับ​ด้วย​ความ​ตรอมใจ​เพราะ​การ​จาก​ไป​ของ​ผัว เฟื่อง​กับ​สไบ​พยายาม​ปลอบ​และ​กล่อม​ให้​ทาน​ข้าว แต่​จ​วง​ก็​ไม่​ยอม​แตะ จน​แฟง​ต้อง​โพล่ง​ออก​ไป​อย่าง​เหลืออด

“พี่​สังข์​ทิ้ง​เอ็ง​ไว้​ที่​นี่​เพราะ​อยาก​ให้​เอ็ง​รอด...ทำไมไม่​รักษา​กาย​ใจ รักษา​ชีวิต​ไว้​รอ​เจอ​คน​ที่​เอ็ง​รัก​อีก​ครั้งล่ะจวง”

ooooooo

อาการ​ของ​แท่น​ไม่​ดี​ขึ้น ทรุด​ลง​เรื่อยๆ สร้าง​ความ​หนักใจ​ให้​แก่​ชาว​ค่าย​บ้าน​ระจัน​เป็น​อย่าง​มาก แต่​ถึง​กระนั้น...เหล่า​พ่อ​ค่าย​ที่​เหลือ​ก็​ไม่​ท้อถอย อาสา​สู้​จน​ลม​หายใจ​สุดท้าย

ทัพ​เฝ้า​มอง​ด้วย​ความ​ศรัทธา ก่อน​จะ​เสนอ​หนทาง​เอาชนะ​ข้าศึก ด้วย​การ​เรียนรู้​กล​ศึก​ของ​พวก​อัง​วะ เหล่า​พ่อ​ค่าย​นิ่ง​ฟัง​ด้วย​ความ​สนใจ แต่​ทัพ​ก็​ยัง​ไม่​เฉลย​ว่า​จะ​ได้ความ​ลับ​นั้น​มา​ด้วย​วิธี​ใด

เวลา​เดียวกัน​ที่​ค่าย​อัง​วะ...เน​เมีย​วสี​ห​บดี​กราดเกรี้ยว​ใส่​เหล่า​ทหาร​นาย​กอง​เรื่อง​การ​เดินทัพ

“บัดนี้​ทัพ​ของ​ท่าน​มั​งม​หา​นรธา​มุ่ง​ไปทุ่ง​สี​กุ​ก ประชิด​กำแพง​กรุง​โยเ​ดี​ย​ทาง​ทิศ​ตะวัน​ตก​เข้าไป​แล้ว แต่​ทัพ​ข้า​ยัง​ติด​อยู่​แค่​ปากน้ำ​ประสบ ห่างไกล​กำแพงโยเดีย​หลาย​เท่าตัว เพราะ​เสบียง​ข้า​มี​ไม่​พอ​ให้​เดิน​หน้า...มัน​เพราะ​อะไร”

จอก​ยี​โบ​นั่ง​หมอบ​ไม่​ไกล​กัน​นั้น ตัดสินใจ​ชี้แจง​ด้วย​สีหน้า​สงบ “พวก​ชาว​บ้าน​ไทย​มัน​แข็ง​ข้อ ไม่​ยอมให้​ข้าว​เรา​ง่ายๆ และ​เวลา​นี้​ค่าย​บ้าน​ระจัน​ก็​แข็งแกร่ง​ขึ้น ชาว​บ้าน​ไทย​มัน​จึง​กล้า​ต้าน​กอง​ทหาร​เรา”

“ทหาร​อัง​วะ​มัน​ไร้​ฝีมือ​หรือ​ไง​ถึง​สู้​ไม่ได้ จะปล่อย​ให้​ไอ้​พวก​บ้าน​ระจัน​มัน​รั้ง​ทัพ​ข้า​ไว้​อย่าง​นั้น​หรือ ข้าอยาก​จะ​ตัด​หัว​พวก​เอ็ง​ทิ้ง​นัก ค่าย​มัน​มี​คน​ไม่​ถึง​พัน แต่​กองทัพ​ข้า​มี​ทหาร​กว่า​ครึ่ง​แสน กลับ​หา​ใคร​ไป​ปราบ​มัน​ไม่ได้”

จอกยีโบก้มหน้านิ่ง เนเมียวสีหบดีเลยยิ่งโมโห ประกาศกร้าวให้เหล่านายกองหาทางตีค่ายบ้านระจันให้ได้ โดยจะยกแผ่นดินไทยให้ครองครึ่งหนึ่ง ถ้าใครทำสำเร็จ สังข์ซึ่งถูกซ้อมจนน่วม ได้ยินทุกอย่าง เจ็บแค้นมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องทนเก็บความขมขื่นใจไว้ รอวันเวลาจะได้ชำระแค้นอีกครั้ง

แต่ที่พวกอังวะไม่รู้ คือแท้จริงสังข์คือสายของทัพ ถูกส่งตัวมาสืบกลศึกของศัตรูส่งกลับค่ายบ้านระจัน และสังข์ก็ไม่ปล่อยเวลาไว้นานเลย เมื่อสบโอกาสก็รีบหาทางปลอมตัวเป็นทหารอังวะสืบเส้นทางการเดินทัพในคืนเดียวกันนั่นเอง แล้วอดีตนายกองจอมโอ่ก็ไม่ผิดหวัง เมื่อได้เห็นโฉมหน้าของนายกองคนใหม่ของเนเมียวสีหบดี

“ข้า...แยจออากา นายทัพเรือ...ท่านแม่ทัพเนเมียว สีหบดีได้มอบหมายให้ข้านำทหารไปขยี้ชาวบ้านระจันที่กล้าตั้งค่ายปล้นกองเสบียงอาหารของพวกเรา ข้าจะมาเอาชัยชนะไปมอบให้แก่ท่านเนเมียวสีหบดี”

จอกยีโบยินดีรับใช้ แต่ไม่วายเตือน “ข้ายินดีจัดกองทหารตามท่านสั่ง แต่ขอให้ท่านอย่าปรามาสฝีมือชาวบ้านไทย จงรบอย่างรัดกุม อย่าชะล่าใจ ชาวบ้านระจันมันไม่ใช่กองโจรที่เราจะประมาทฝีมือได้...เราแพ้มันมาถึงสี่ครั้งแล้ว”

แยจออากาไม่ยี่หระ ลำพองใจว่าเป็นทหารฝีมือดี แค่ชาวบ้านไทยหยิบมือเดียว...ทำไมจะเอาชนะไม่ได้!

ระหว่างที่พวกอังวะเตรียมไพร่พลเพื่อออกรบเป็นครั้งที่ห้า พวกบ้านระจันก็ไม่นิ่งนอนใจ ซ้อมดาบและศิลปะการต่อสู้อื่นๆอย่างหนัก แต่ที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ คงหนีไม่พ้นการฝึกยิงปืนโดยขุนสรรค์ พวกทัพร่วมซ้อมกับนักรบคนอื่น ทำได้ดี แต่ไม่วายกังวลเพราะชาวค่ายมีอาวุธน้อยและไม่ค่อยดี

“อาวุธจะดีแค่ไหน ก็ไม่สำคัญเท่ากับความสามัคคี จะรบก็ต้องรบให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน”

นายจันหนวดเขี้ยวพูดให้กำลังใจ แต่พวกทัพก็อดเครียดไม่ได้ โดยเฉพาะขาบ

“พวกอังวะมันเปลี่ยนนายกองคุมทัพมาสู้ไม่หยุดหย่อน มันคงคิดว่าเราแค่หยิบมือ...จะย่ำยียังไงก็ได้”

“ตราบใดที่เรายังรักกัน สามัคคีกันรบ มันคงเอาชนะยาก เราต้องสามัคคีกันอย่างพ่อจันหนวดเขี้ยวบอก”

ทัพเอ่ยด้วยความเชื่อมั่น ไม่ว่าข้าศึกจะยกไพร่พลมามากแค่ไหน ชาวบ้านระจันก็ไม่มีวันถอยแน่ๆ

สังข์ส่งแผนการเดินทัพของพวกอังวะถึงมือทัพในอีกไม่กี่วันต่อมา พวกพ่อค่ายหารือกันอย่างเคร่งเครียด และเห็นว่าควรให้พวกผู้หญิงฝึกดาบไว้ เผื่อไว้ป้องกันตัวเอง เพราะศึกครั้งนี้ข้าศึกยกทัพมาไม่น้อย

นายทองแสงใหญ่พยักหน้าเห็นด้วย “เวลานี้...ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายก็ต้องสู้เอาตัวรอดกันไว้ทั้งนั้น ยามคับขันเราอาจพึ่งให้พวกผู้หญิงเป็นกองหลังไว้ก็ดี จะได้เอาไว้หลอกขู่พวกอังวะว่าคนในค่ายของเราก็มีไม่น้อยกว่าพวกมัน”

นายทองเหม็นมีสีหน้าฮึกเหิม ประกาศกร้าว “เรากลับไปลับดาบให้คมเถิด ไม่เกินสองวันมันคงถึงบ้านขุนโลกแน่ เราต้องหาทางสกัดไม่ให้มันยกข้ามคลองสะดือมาได้โดยเด็ดขาด!”

ooooooo

เสียงกลองศึกดังทั่วค่ายบ้านระจันในเช้าวันถัดมา พวกทัพอยู่บนหลังม้า เป็นกองหน้าเคียงข้างขุนสรรค์

และนายจันหนวดเขี้ยว โดยมีหลวงพ่อธรรมโชติมาสวด คาถาอวยชัย และเหล่านักรบมากมายล้อมรอบ

“พวกข้า...นักรบชาวเมืองสิงห์ สรรค์บุรี ทั้งวิเศษไชยชาญและสุพรรณ...ที่ร่วมใจกันสู้ศึก พลีชีวิตให้แก่ชาติ รวมเรียกว่าชาวค่ายบ้านระจัน ไทยกอดคอไทย น้ำตาหลั่ง ตายเถิด...จะตายเมื่อไหร่ก็ได้...ตายแทนชาติ”

ถ้อยคำห้าวหาญของทัพทำให้เหล่านักรบฮึกเหิม ไม่เว้นแม้พวกผู้หญิงซึ่งฝึกซ้อมดาบที่หลังค่ายกันอย่างดุเดือด พร้อมพลีกายและใจเพื่อรักษาไว้ซึ่งผืนแผ่นดินอันเป็นที่รัก

ศึกครั้งที่ห้ากับกองทัพแยจออากาผ่านไปได้อย่างสวยงาม ข่าวการศึกจากสังข์ทำให้พวกบ้านระจันเอาชนะได้ในเวลาไม่นาน แถมฆ่าแยจออากาตายคาสนามรบด้วย

เหล่าชาวบ้านโห่ร้องด้วยความดีใจที่กองทัพไทยเอาชนะข้าศึกได้อีกครั้ง คงมีเพียงใจ รับรู้ด้วยสีหน้าเครียดหนัก แต่ก็ต้องข่มอารมณ์โกรธแค้นไว้สุดความสามารถ ไม่อาจบอกให้เมียรู้ กลัวความลับเรื่องยังเป็นไส้ศึกจะแตก

แฟงปลาบปลื้มยินดีกับชัยชนะของค่ายบ้านระจันไม่ต่างจากคนอื่น แต่เพราะยังเคืองคนรัก เลยไม่ยอมออกไปรอรับเหมือนเคย ทัพไม่ถือสา และเป็นฝ่ายตามหาเธอจนพบที่ท่าน้ำหลังค่าย

แฟงเกือบจะยกดาบแทงคนรักซึ่งแอบย่องมาจากด้านหลังอกทะลุไปแล้ว ถ้าเขาไม่จับมือเธอไว้ก่อน

“ จะดุไปถึงไหน พี่เห็นผิวเอ็งเลอะเหงื่อไคลก็อยากจะเช็ดให้นวลเนียนเหมือนเดิม”

ทัพมองมาด้วยสายตาแพรวพราวบอกความในใจ แฟงเขิน พยายามเบี่ยงตัวหนีไม่ให้เขาเข้าใกล้ ทัพรู้ทัน รวบตัวมากอดแน่นให้สมกับความคิดถึง แฟงหน้าแดง เบือนหน้าหลบจมูกเขา ก่อนจะโพล่งถาม

“ฉันได้ยินเขาพูดกันว่าพี่ช่วยวางแผนรบครั้งนี้ พี่รู้ว่าข้าศึกจะเดินทัพมาทางไหนหรือพี่ทัพ...ทำไมพี่รู้”

ทัพอมยิ้ม “พี่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ชัยชนะ ถึงจะถูกแฟงโกรธเกลียดมากแค่ไหน”

“อย่ามัวแต่พูดเย้าฉันนะพี่ทัพ”

“พี่พูดจริง...แฟงเอ๋ย ฟังพี่เถิด พี่จะพูด จะถามความจริงใจ หากชนะศึกครั้งหน้า เอ็งจะหายโกรธพี่หรือยัง”

ทัพส่งตาหวาน ขอเธอมาเป็นศรีเรือน ถ้าชนะศึกคราวหน้า แฟงอายไม่ยอมรับปาก ทัพเลยต้องคาดคั้น

“ตอบพี่ก่อนแฟง...ตอบเป็นสัญญาให้พี่ชื่นใจ

มีหวังจะสู้ศึกคราหน้า เพื่อกลับมากินข้าวฝีมือเมีย”

“อยากกินข้าวอร่อย ก็ไปบอกสาวๆคนอื่น มีตั้งหลายอีที่ทอดสายตาให้นายกองม้าคนเก่งกล้าอย่างพี่”

“ร้อยหญิง พันหญิง สวยหยาดฟ้ามาดิน ก็ไม่เคยอยู่ในสายตาพี่ นอกจากหญิงเดียวตรงหน้านี้” ทัพดึงแฟงมาแนบชิด เอ่ยเสียงหวานข้างหู “ให้พี่มีหวัง มีกำลังใจจะได้กอดเอ็งให้สมรัก ได้อยู่เคียงข้างในยามที่มีลมหายใจ”

แฟงยกมือปิดปากคนรัก ทัพจูบตอบแผ่วเบา ก่อนจะอ้อนเสียงหวาน

“พี่จะไปขอเอ็งกับอาเฟี้ยม จะเรียกสินสอดทองหมั้นเท่าไหร่ พี่จะหามาให้ได้”

“เห็นแม่ฉันแล้งน้ำใจ คิดจะเรียกสินสอดยามศึกเช่นนี้ได้ลงคอหรือพี่”

“นอกจากแผ่นดินเกิดที่จะต้องรักษาไว้เป็นสิ่งแรก ก็มีเอ็งนี่แหละแฟง ที่จะเป็นดั่งชีวิต ดั่งวิญญาณของพี่ แฟงเอ๋ย...รูปเอ็งสวยนัก แต่ใจนั้นสวยเกินรูป ขอให้พี่ได้เป็นเจ้าของกายใจงดงามนี้แต่เพียงผู้เดียวจนชั่วชีวิตเถิด”

แฟงซาบซึ้งใจมาก ยอมให้เขาจูบหน้าผากอย่างอ่อนโยน ก่อนจะซบอกแกร่งด้วยความอิ่มเอมใจ

ooooooo
เนเมียวสีหบดีรับฟังข่าวการพ่ายแพ้ของทัพแยจออากาด้วยสีหน้าโกรธจัด ไม่อยากเชื่อว่าจะถูก หยามศักดิ์ศรีย่อยยับด้วยน้ำมือชาวบ้านแค่ไม่กี่ร้อยอีกครั้ง จอกยีโบก้มหน้าเงียบ แม่ทัพใหญ่ฝ่ายเหนือยิ่งโมโห ประกาศลั่น

“จอกยีโบ...ไอ้พวกเชลยไทยที่ค่ายวิเศษไชยชาญมีเท่าไหร่ เอาออกมาตัดหัวสังเวยศพพวกเราให้หมด เราจะฆ่าเชลยไทยทุกคนที่จับได้ จนกว่าข้าจะตีค่ายระจันแตก!”

ในขณะที่พวกอังวะระส่ำระสายเพราะพ่ายแพ้ติดกันหลายครั้ง สังข์กับเหล่าเชลยไทยสะใจมาก ที่แผนลอบส่งข่าวได้ผลดีอย่างเหลือเชื่อ แต่ที่ทำให้ทุกคนเริ่มเครียดอีกครั้ง ก็เมื่อนายกองอังวะคนใหม่มารายงานตัวกับเนเมียวสีหบดี

“ข้า...จิกแก...ปลัดเมืองทวาย ขออาสายกทัพไปกวาดล้างพวกบ้านระจัน ล้างแค้นให้ท่าน”

“ข้าหวังว่าท่านจะล้างแค้นให้สำเร็จ ท่านรู้ใช่ไหมว่าข้าแค้นไอ้พวกบ้านระจันแค่ไหน”

“อย่าว่าแต่ท่านเลย ข้าพเจ้าก็แค้นไม่ใช่น้อย ข้าจะสังหารมันให้สิ้นเพื่อให้ท่านรุกลงไปตีกรุงโยเดียให้สบายใจ”

“จงตีค่ายระจันให้ราบ อย่าไว้ชีวิตพวกมันแม้แต่คนเดียว ลูกเล็กเด็กแดงก็อย่าเอาไว้เป็นเสี้ยนหนาม พวกมันฆ่าทหารข้าไปถึงห้ากองแล้ว เจ้าจงไปกู้ศักดิ์ศรีกองทัพอังวะคืนมาให้ข้าโดยเร็ว!”

สังข์ปลอมตัวเป็นทหารอังวะอีกครั้ง ขบกรามแน่นเมื่อได้ยินว่าจิกแกเคยเป็นพ่อค้าในเมืองไทย และรู้เส้นทางแถบบ้านระจันเป็นอย่างดี จึงไม่รอช้า รีบหาโอกาสปลีกตัวไปส่งข่าว อูทินลินเห็นนายทหารท่าทางคุ้นๆก็สงสัยและไล่ตาม แต่สังข์ก็อาศัยความมืด เอาตัวรอดไปได้อย่างหวุดหวิด ก่อนจะรีบดำน้ำข้ามคลองไปยังที่นัดหมาย เอาผ้าที่เขียนแผนการรบจากฝ่ายอังวะผูกข้อเท้าอ้ายเลาม้าคู่ใจของทัพ

“รีบเอาความนี้ไปให้ไอ้ทัพ เพื่อนรักของข้า นายของเอ็ง จงรักษาตัวให้รอดถึงค่ายระจัน อ้ายเลา...ม้าวิเศษ”

สั่งจบก็เอามือตบสีข้างอ้ายเลาให้รีบไป ส่งยิ้มสะใจไล่หลัง ก่อนจะพึมพำเสียงเบา

“ไอ้ทัพ...แผนเอ็งที่ทำเป็นผิดใจเพื่อน เพื่อส่งข้ามาสอดแนมกำลังทำให้เราชนะพวกศัตรู”

ด้านทัพ...ตัดสินใจบอกพวกบ้านคำหยาดถึงแผนการที่ทำร่วมกับสังข์ เวลาเดียวกับที่ใจกำลังคิดไม่ซื่อ แอบไปส่งข่าวถึงจอกยีโบช่วงกลางดึกของคืนเดียวกัน แต่ที่ใจไม่รู้คือทัพแอบสะกดรอยตามมา ด้วยความระแวงว่าเขาอาจไม่ได้ตาบอด แล้วก็จริงดังคาด เมื่อพรานหนุ่มชาวอังวะถูกจับได้คาหนังคาเขาว่ากำลังส่งข่าวผ่านนกพิราบสื่อสาร

ทัพโยนซากนกที่ถูกยิงตรงหน้าใจ “ไม่ใช่ข้าไม่รู้ว่าเอ็งน่าสงสัย ไม่ใช่ข้าจะไว้ใจเอ็งจนยอมตัดเพื่อน แต่ที่ข้าทำ เพราะข้ากำลังให้โอกาสเอ็งกลับตัว แต่ในที่สุด...เอ็งก็พิสูจน์ให้ข้าเห็น...เมตตาคนคดไม่ได้ผล เพราะใจมันไม่มีวันตรง”

ooooooo

บางระจัน

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด