นิยายไทยรัฐ
วิมานมนตรา
เสียงเหมือนคนฟาดเข็มขัดดังลอดมาจากห้องเดือนดารา แสงตกใจมากปรี่กลับเข้าห้องเมียรัก แล้วก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเมื่อเห็นเดือนดาราใช้เข็มขัดฟาดตัวเองไม่ยั้ง
แสงพยายามตั้งสติรีบห้าม “อย่า...พอที...อย่าทำร้ายตัวเอง”
“อย่ามาห้าม ไปให้พ้น!”
“ไม่นะน้องดารา น้องอย่าทำเช่นนี้อีก...พี่ขอร้อง”
“ก็ในเมื่อคุณพี่อยากลงโทษน้องแต่ไม่กล้าทำทั้งที่ใจอยากมาก”
“พูดอะไรช่างน่ากลัวนัก ดูสิเลือดออกซิบๆ ทั่วแขนแล้ว โธ่...พี่ตกใจมากรู้ไหม”
“ช่างมันเถิดค่ะ ชีวิตน้องก็เหมือนตกนรกหมกไหม้ตั้งแต่เด็กถูกเฆี่ยนตีทำร้ายโขกสับยิ่งกว่าทาส ถูกเอาไปขายซ่อง ถูกนักเลงคุมซ่องซ้อมปางตายเพราะน้องไม่ยอมขายตัว คุณพี่มีชีวิตดั่งเจ้าชายมาตั้งแต่เกิด คุณพี่ไม่เคยรู้หรอกว่าชีวิตน้องมันผ่านเรื่องเลวร้ายมาเช่นไร น้องทำผิดน้องต้องลงโทษตัวเอง คุณพี่จะได้สาแก่ใจที่เห็นน้องเจ็บ”
“อย่าทำเช่นนี้อีกเลยนะ พี่จะไปสั่งนางพริ้งให้ไปเอายามาทาแขนทาตัวให้น้อง”
“ออกไปเถิด น้องต้องการอยู่ตามลำพัง”
แววตาแข็งกร้าวของเมียรักทำให้แสงไม่กล้าปฏิเสธยอมผละไปเงียบๆ ทิ้งให้เดือนดาราร้องไห้ฟูมฟาย
“ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ใครรักรักบ้าง ใครชังชังตอบ คุณพี่ช่างแล้งน้ำใจ...ก่อนไปแม้แต่จะโอบกอด แสดงความเห็นใจ ปลอบใจกันสักนิดก็ไม่มี!”
ข่าวเดือนดารามีแผลเหมือนโดนฟาดทั่วตัวทำให้พวกบ่าวไพร่ลือหึ่งว่าแสงทำโทษเมียรักที่ทำร้ายเมียน้อยอย่างพลอย นางเอิบสาแก่ใจมาก ต่างจากแสง...รู้สึกผิดต่อเดือนดาราเหลือเกินที่ไม่หักห้ามใจไม่เอาพลอยเป็นเมีย
พลอยรู้สึกผิดไม่แพ้แสง แล้วก็ต้องหน้าชาด้วยความละอายใจเมื่อตามนางเอิบไปหาหลวงปู่มั่น
“โยมพลอย...สบายดีอยู่รึ”
“เอ้อ...สบายดีเจ้าค่ะ”
“สบายดีบนความไม่สบายของผู้อื่นไม่เรียกว่าสบายแท้จริงหรอกนะโยม”
หลวงปู่มั่นไม่ได้ยี่หระสีหน้าพลอย หันไปทักนางเอิบบ้าง “โยมเอิบเล่า...สบายดีรึ”
“สบายดีเจ้าค่ะ”
“สบายดีเพราะได้ทำสิ่งที่คิดเอาเองว่าทำแล้วสบาย นั่นมันเป็นความสบายที่ไม่ยั่งยืนเพราะมันอาจเป็นสาเหตุของความไม่สบายของผู้อื่น ฟังเอาไว้... โยมทั้งสองว่ายน้ำไม่แข็งอย่าคิดออกไปว่ายน้ำลึกหรือว่ายถลำไปกลางลำคลองจะพากันกอดคอจมน้ำตายเสียเปล่าๆ”
สองคนยายหลานหน้าเสียเพราะคำเทศนาของหลวงปู่ หลวงปู่มั่นถอนใจยาวก่อนถามถึงแสงบ้าง
นางเอิบเป็นคนตอบแทนพลอยเมียน้อยหมาดๆ “ก็สบายดีเจ้าค่ะ”
“สบายนั้นบางทีมิได้หมายความว่าไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วย แต่มันไปป่วยที่ใจคือใจหาสุขแท้จริงไม่ได้”
พลอยกับนางเอิบมองหน้ากันเจื่อนๆ ก่อนหน้าเครียดกว่าเดิมเมื่อหลวงปู่มั่นมอบแหวนให้คนละวงและกำชับไม่ให้ถอดจากนิ้วเด็ดขาดเพราะจะช่วยปกป้องอันตรายและผ่อนเรื่องร้ายหนักให้เป็นเบา
“อาตมารับความรู้สึกได้ว่าที่บ้านโยมแสงมีพลังพิเศษบางอย่างกำลังครอบคลุมอยู่”
“หลวงปู่กำจัดมันไม่ได้หรือเจ้าคะ”
“ทางใครทางมัน เวรใครเวรมัน กรรมใครกรรมมัน ทำไม่ได้หรอก”
“เรือนนางโลมนั่นหรือเปล่าเจ้าคะ เพราะวันนั้นพอท่านจะพรมน้ำมนต์ขันก็มีอันพลัดตก น้ำมนต์หกกระจาย”
“โยมเอิบอย่าไปผูกเรื่องให้ผู้อื่นเสียหาย แม้เรื่องใดคือความจริงก็ยังมิบังควร”
คำสอนของหลวงปู่ทำให้นางเอิบหน้าสลดอีกรอบ หลวงปู่มั่นถอนใจยาวก่อนฝากแหวนอีกวงให้แสง
“ฝากไปให้โยมแสงด้วย ตอนนี้เขามีเคราะห์กรรมถาโถมมาหาไม่ได้ขาดสาย”
นางเอิบจะให้พลอยรับแทนในฐานะเมีย หลวงปู่มั่นลอบถอนใจ เตือนสติทิ้งท้าย “ใครรับแทนก็ไม่ต่างกันหรอกโยม สิ่งของไม่ใช่บุญหรือกรรม เพราะสองสิ่งนั้นไม่อาจรับแทนกันได้ ดังนั้นจะทำสิ่งใดๆจงใคร่ครวญให้ดีก่อนทำ”
ooooooo
ไม่ใช่แค่พลอยที่ฝันร้ายเมื่อคืน เสริมก็ฝันไม่ดีถึงพลอยจนอดไม่ได้ปรี่มาหาพี่ชายถึงที่ทำงานอีกรอบ
“ดูแกจะห่วงพลอยมากไปสักหน่อยกระมัง”
“เท่าที่ผมเล่าความฝันให้พี่แสงฟัง มันไม่น่าเป็นห่วงหรือครับ”
“ความฝันก็เป็นเพียงความฝัน ว่าแต่แกเถอะ... ฝันถึงเมียคนอื่นมันยังไงอยู่นา”
“ผมยอมรับว่าเป็นห่วงคุณพลอย”
“ขอบใจ แต่เลิกเป็นห่วงได้แล้วเพราะเขามีพี่คอยปกป้องดูแล ส่วนแกน่าจะเป็นห่วงน้องกานดาวดีมากกว่า”
“น้องกานดาวดีที่พี่แสงโยนมาให้ผมรับผิดชอบแทนอย่างนั้นหรือครับ”
คำพูดของน้องชายทำให้แสงกำหมัดแน่นแต่ไม่นานก็คลายมือออกเมื่อสำนึกได้ว่าตนก็มีส่วนผิด
“พี่ขอโทษ...พี่ไม่ควรพูดเช่นนั้นกับแก”
“ที่ผมมาวันนี้ก็ไม่ใช่จะมาทะเลาะกับพี่แสง แต่ผมเป็นห่วงครอบครัวของพี่แสง”
“ซึ่งพี่ควรจะพูดว่าขอบใจใช่ไหม...ขอบใจ”
เสริมแยกจากพี่ชายมาขับรถเล่น แล้วโชคชะตาก็เล่นตลกให้เขาเจอพลอยที่แยกตัวจากนางเอิบมาหาผิวเพราะยังไม่สบายใจเรื่องเป็นเมียน้อยของแสง
พลอยตกใจมากที่เห็นเสริม พยายามเว้นระยะห่าง พลันต้องเบิกตาโพลงเมื่อเขาบอกว่าเพิ่งไปเจอแสง
“คุณไปพบคุณท่านเรื่องอะไร”
“ผมสังหรณ์ใจว่าคุณอาจตกอยู่ในอันตราย”
“เลิกยุ่งกับฉันเสียที ฉันไม่ต้องการให้คุณท่านเข้าใจผิด”
น้ำเสียงพลอยดุดันจนเสริมใจเสีย พลอยก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าใส่อารมณ์เกินไป ถามต่อเสียงอ่อย
“คุณบอกคุณท่านเรื่องที่...”