ตอนที่ 64
ตอนที่ 64 สุดที่รักของเธอ ศัตรูหัวใจของเขา (4)
หลังจากซูจือเนี่ยนวางซ่งชิงชุนลงบนเตียงแล้ว เขาก็นั่งลงข้างเตียง เฝ้ามองเธอนอนหลับ มือของเขายื่นออกไปจะลูบไล้ใบหน้าอันงดงามของเธอโดยไม่รู้ตัว
ทว่ามือนั้นพลันหยุดชะงัก ห่างจากใบหน้าเธอเพียงหนึ่งเซนติเมตร ปลายนิ้วของเขาสั่นเทาเล็กน้อยราวกับหวั่นเกรงไม่กล้าแตะต้องเธอ หลังจากลังเลอยู่พักใหญ่ เขาก็สัมผัสคางของเธออย่างอ่อนโยน
ความเหินห่างและความเย็นชามลายหายไปจากใบหน้าของเขาจนสิ้น สายตาที่เฝ้ามองใบหน้าของเธอนั้นช่างอ่อนโยนอย่างเหลือเชื่อ นัยน์ตาของเขาค่อยๆ แปรเปลี่ยนจากสงบเยือกเย็นกลายเป็นเปี่ยมล้นด้วยความรู้สึกลึกซึ้งดื่มด่ำและทรงพลัง อารมณ์ความรู้สึกของเขานั้นช่างงดงามดุจท้องทะเลภายใต้ดวงดาวระยับฟ้า ความงามและความเศร้าที่ซ่อนเร้นอยู่นั้นหลั่งไหลออกมาโดยมิอาจยับยั้งได้
มีเพียงยามอยู่ลำพังเท่านั้นที่เขาจะกล้าเผยความรู้สึกลึกๆ ที่มีต่อเธอ เขาทั้งรัก ทั้งหลง ทั้งหวาดหวั่น และรันทดสลดใจ ซ่งชิงชุน คุณรู้ไหม...ว่าผมรักคุณมากขนาดไหน
ซูจือเนี่ยนวาดนิ้วเป็นวงเล็กๆ บนผิวอ่อนนุ่มของหญิงสาว แล้วความทรงจำในอดีตค่อยๆ หลั่งไหลกลับคืนมา
...
ตอนอายุเจ็ดขวบ เขาเพิ่งตระหนักว่าตัวเองแตกต่างจากคนอื่น เขาได้ยินเสียงที่คนอื่นไม่ได้ยิน รอบตัวเขามีแต่เสียงแปลกๆ น่าขนลุกเต็มไปหมด แม้กระทั่งยามค่ำคืนดึกดื่นเขามักตื่นขึ้นมาเพราะเสียงที่ดังอยู่รอบตัว
บางทีอาจเป็นเพราะความเป็นจริงอันโหดร้ายของชีวิตได้สั่งสมให้เขาเติบโตขึ้นมา รับรู้ว่าหลายสิ่งหลายอย่างมิได้สวยสดงดงามดั่งที่เห็น
ยกตัวอย่างเช่น คู่รักที่อาศัยอยู่ชั้นบนคู่นั้นทะเลาะกันทุกคืน ต่อหน้าคนอื่นพวกเขายิ้มให้กันเสมอ แต่พออยู่ลับหลัง ทั้งคู่กลับนินทาว่าร้ายซึ่งกันและกัน
การได้ยินเช่นนี้ยังไม่เป็นเรื่องหนักหนาเท่าใดนัก เมื่อเทียบกับตอนที่เขาค้นพบความสามารถพิเศษอีกอย่าง เวลาเขาสัมผัสโดนคนอื่นเขาจะอ่านความคิดของคนคนนั้นได้ นั่นละ บทเรียนที่แท้จริงจึงเริ่มขึ้น เรื่องราวทั้งหมดทั้งมวลที่เขาได้ยินได้ฟังมา ทำให้เขาเข้าใจถึงความสกปรกโสมมในจิตใจมนุษย์อย่างถ่องแท้
เรื่องแรกที่เขาค้นพบคือความลับอันดำมืดของครอบครัวเขาเอง
เขารู้ว่าแท้จริงแล้วป้าของเขาเองที่ขโมยเงินเดือนมารดาเขา รู้ว่าลุงเขาเองเช่นกันที่ทำทุกอย่างเพื่อขับไล่เขากับมารดาออกจากบ้านคุณตา และรู้อีกด้วยว่าคุณยายทวดของเขาลำเอียง รักลูกชายมากกว่าลูกสาว มอบมรดกแก่ลุงของเขาเป็นเงินถึงห้าแสนหยวน...
จากนั้นเขาก็ได้ยินความลับของเพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียง
เขารู้ว่าผู้ชายที่อยู่ห้องเบอร์ห้าศูนย์สองนั้นติดยาเสพติด รู้ว่าชายคนที่อยู่ชั้นหนึ่งชอบมารดาของเขา และรู้อีกว่าป้าซุน เพื่อนสนิทของมารดาเขามักพูดนินทาว่าร้ายมารดาของเขาลับหลังไปทั่วกับเพื่อนบ้านในละแวกนี้...
ในตอนนั้น เขายังเด็กยังไม่เข้าใจอะไรนัก ไม่เข้าใจสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์ เขาจึงเล่าเรื่องที่รับรู้มาออกไปโดยไม่เก็บงำ
ทว่าพวกผู้ใหญ่มักฉลาดแกมโกงกว่าเด็กเช่นเขาอยู่แล้ว แม้ความลับถูกเปิดโปง พวกเขาก็หาเหตุผลมาแก้ต่างกลบเกลื่อนให้ตัวเองจนได้ ทั้งที่ลึกๆ แล้วพวกนั้นรู้ดีว่าเรื่องที่เขาเอ่ยมาทั้งหมดนั้นเป็นความจริง
บางทีพวกนั้นคงสงสัยว่าเขารู้ความลับเหล่านี้ได้อย่างไร แต่ที่มากไปกว่านั้นคือ คนพวกนั้นหวาดกลัวและชิงชังเขา และพร้อมใจกันหาวิธีขจัดเขาออกจากโลกของพวกตน
ในตอนแรก พวกนั้นพยายามกีดกันเขา เรียกเขาว่าตัวประหลาด ต่อมาไม่รู้ว่าใครเป็นคนริเริ่มเรียกเขาว่าคนบ้า แล้วคนอื่นๆ ที่หวาดกลัวเขาก็พากันเรียกตาม
ถ้อยคำและความคิดเห็นของคนเราอาจเป็นนามธรรมแตะต้องไม่ได้ แต่กลับทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ เมื่อหลายหลากความเห็นรวมตัวกันจนถึงจุดๆ หนึ่งที่แม้แต่มารดาของเขาเอง คนที่คอยปกป้องเขาเสมอมา ถึงกับเห็นด้วยว่าการที่เขาเปิดเผยความลับออกมาเป็นครั้งคราวนั้นเป็นอาการป่วยทางจิต เธอจึงพาเขาไปพบแพทย์เพื่อรักษา และเชื่อคำแนะนำของแพทย์คนหนึ่งซึ่งเสนอให้ส่งเขาไปอยู่สถานพักฟื้นทางจิตเป็นเวลาสามเดือน
เขารู้ดีว่ามารดาของเขาทำเพื่อตัวเขา เพราะเธอคิดจริงๆ ว่าเขาป่วย