ตอนที่ 105
บทที่ 105 จูบที่ไม่อาจห้ามใจได้ (5)
นี่เป็นครั้งแรกเลยตั้งแต่ที่เธอย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเขา และขออนุญาตหยุดอย่างมีสติ
วันหยุดแรก และหยุดเพื่อฉินอี่หนาน... แววตาของซูจือเนี่ยนแพร่รังสีเย็นเยียบเหมือนน้ำแข็ง
ซ่งชิงชุนรออยู่สักพัก แล้วพอเธอเห็นว่าซูจือเนี่ยนยังเอาแต่มองหน้าจอโทรทัศน์โดยไม่ตอบ เธอเลยเสริมว่า “คุณซู ฉันไปได้หรือเปล่าคะ”
ซูจือเนี่ยนทำเป็นไม่ได้ยินเธอ เอาแต่จ้องมองจอโทรทัศน์ตาไม่กะพริบ
ตอนที่ซ่งชิงชุนตัดสินใจว่าจะถามเป็นครั้งที่สามดีหรือไม่นั่นเอง ชายหนุ่มจึงหันขวับมา ก่อนเลื่อนสายตามองเธอช้าๆ
มีความเย็นเยียบในดวงตาของเขา หรือพูดให้ถูกคือไร้ความรู้สึก เขามองราวกับเธอหลอมละลายเป็นหนึ่งเดียวกับฉากหลัง แววตาเขาไม่ปรากฏอารมณ์ใดเด่นชัดเลย แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ซ่งชิงชุนกลับรู้สึกว่าเขามีเรื่องมากมายที่ไม่ได้พูดออกมา
ซูจือเนี่ยนจ้องเธออยู่พักใหญ่โดยไม่พูดอะไรสักคำเดียว จนซ่งชิงชุนเริ่มกระสับกระส่าย มือเธอชื้นเหงื่อไปหมดแล้ว
แค่ตอนที่ซ่งชิงชุนเลิกหวังถึงวันหยุดแล้วนั่นแหละ ในที่สุดซูจือเนี่ยนก็อ้าเปิดพูดขึ้นว่า “ผมให้คุณลาทั้งคืนไม่ได้ บอกมาว่าคุณจะไปนานแค่ไหน แล้วผมจะดูให้ว่าทำอะไรได้บ้าง”
นี่เขาจะอนุญาตให้ฉันลาได้จริงๆ เหรอ
ดวงตาของซ่งชิงชุนเปล่งประกายความหวัง ขนตายาวงอนของเธอกะพริบปริบๆ ขณะที่ฟันเฟืองในสมองเริ่มทำงาน งานเลี้ยงเริ่มตอนสองทุ่มครึ่ง แล้วก็ควรเลิกตอนห้าทุ่ม แต่เธอต้องออกจากบ้านตอนสองทุ่ม...
“สี่...” ก่อนจะพูดจบ ซ่งชิงชุนยั้งตัวเองไว้แล้วลดเวลาลง “สามชั่วโมง...”
หญิงสาวชะงัก ก่อนเสริมอย่างลังเล “...คิดว่างั้นนะคะ”
ประกายสดใสในดวงตาเธอเป็นเหมือนคมมีด มันกำลังทิ่มแทงลึกลงไปในหัวใจของซูจือเนี่ยน
เธออยากไปงานเลี้ยงของฉินอี่หนานขนาดนั้นเลยเหรอ นั่นเป็นเหตุผลเดียวที่จู่ๆ ดวงตาเธอถึงเปล่งประกายความหวังแบบนั้น
ซูจือเนี่ยนเบือนหน้าหนีสายตาของซ่งชิงชุนโดยไม่รู้ตัว เขาขบริมฝีปากเพื่อปิดซ่อนความเจ็บปวดในหัวใจ
การกระทำนั้นทำให้ซ่งชิงชุนกังวล เธอกลัวว่าเขาอาจคืนคำ จึงรีบเสริมไปว่า “คุณซูคะ ถ้าสามชั่วโมงมันมากไป งั้นสองชั่วโมงครึ่งก็ได้ค่ะ... หรือแค่สองชั่วโมงก็ได้...”
ซ่งชิงชุนเห็นว่าชายหนุ่มไม่ตอบกลับ จึงลอบถอนหายใจ เธอขบฟันแล้วต่อรอง “ถ้าอย่างนั้น หนึ่งชั่วโมงครึ่งไหมคะ คุณซู นั่นน้อยที่สุดแล้ว แค่เดินทางไปกลับก็ใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงแล้ว...”
“เที่ยงคืน” ซูจือเนี่ยนโพล่งขัดขึ้น
ซ่งชิงชุนหยุดพูดแล้วมองชายหนุ่มอย่างงุนงง
มือที่จับรีโมตอยู่กำแน่นขึ้น แล้วซูจือเนี่ยนพูดต่อเสียงเรียบ “คุณต้องกลับบ้านก่อนเที่ยงคืน!”
เที่ยงคืนเหรอ ตอนนี้เพิ่งทุ่มห้าสิบเองนะ นั่นแปลว่าเขาให้เธอหยุดได้ห้าชั่วโมงเลยเหรอ
สีหน้าของซ่งชิงชุนเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นดีใจเหมือนเพิ่งถูกลอตเตอรี่ เธอพูดอย่างมีความสุข “ขอบคุณค่ะ คุณซู!”
ซ่งชิงชุนไม่สนใจท่าทีไร้ปฏิกิริยาของชายหนุ่ม แล้วถามยิ้มๆ ว่า “คุณซูคะ งั้นมื้อเย็นวันนี้คุณอยากกินอะไรคะ”