ตอนที่ 91
บทที่ 91 ความลับของเจ้านาย
“แกร๊ง” เสียงแสบแก้วหูดังขึ้นมา
แก้วในมือหลิงตงตกลงไปที่พื้น ทั้งตัวเขาเหมือนโดยสายฟ้าฟาด จ้องมองทั้งสองคนที่อยู่ตรงข้ามอย่างตกตะลึง “คุณ...คุณ คุณ คุณ...คุณคือ...”
ถ้าบอกว่าเขากับหวั่นหวันยืนอยู่ด้วยกันเปรียบเทียบแล้วดูสว่างเจิดจ้าและสูงตระหง่าน ถ้าอย่างนั้นภาพเบื้องหน้าของคนนี้ที่อุ้มเยี่ยหวันหวันไว้ในอ้อมกอดแล้วจูบนี่คือภาพในนิยายชัดๆ น่าตกตะลึงเหลือเกิน!
“คุณเป็นแฟนของเยี่ยหวั่นหวัน...” นานมากกว่าหลิงตงจะหาเสียงตัวเองเจอ
ถึงแม้เป็นเขาก็ยังไม่สามารถจูบเยี่ยหวั่นหวันในสภาพนี้ได้เลย ซือเซี่ยยิ่งหาข้ออ้างสารพัดที่จะหลบหนีอยู่ทุกวัน แต่ผู้ชายคนนี้กลับ...
เขานึกถึงที่เยี่ยหวั่นหวันพูดก่อนหน้านี้ ที่เธอแต่งหน้าแบบนี้ เป็นเพราะว่าแฟนเธอชอบเธอแบบนี้
ที่เยี่ยหวั่นหวันพูดมาทั้งหมดนั้นเป็นความจริง!
สายตาไม่แยแสของชายหนุ่มไม่หยุดมองมาที่หลิงตงเลยสักนิด อุ้มหญิงสาวออกไปจากร้านอาหารที่ว่างเปล่าทันที
เยี่ยหวั่นหวันขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มอย่างว่าง่ายตั้งแต่ต้นจนจบ
บางทีเป็นเพราะเพิ่งตื่นเลยรู้สึกตัวช้า หรืออาจจะเป็นเพราะคืนนี้ตัวของซือเย่หานไม่มีกลิ่นอายที่น่ากลัว ซือเย่หานเข้ามาใกล้ชิดทำให้เธอไม่ได้อยากขับไล่เหมือนอย่างที่คิด
ระหว่างที่สูดลมหายใจ เธอได้กลิ่นหอมของผลไม้อ่อนๆ ไม่เหมือนกลิ่นที่เยือกเย็นบนตัวซือเย่หานอย่างที่ผ่านมา แต่ก็หอมดี
และไม่รู้ว่าเธอรู้สึกไปเองหรือเปล่า คืนนี้ผู้ชายคนนี้ยังคงใส่ชุดสีดำเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน แต่กลับทำให้เธอรู้สึกยิ่งใหญ่และเป็นทางการมาก
ตัวอย่างเช่นเมื่อก่อนไม่ใช้น้ำหอมแต่วันนี้กลับใช้ ติดกระดุมข้อมือด้วยหินออบซิเดียนลายครามดูมีรสนิยม เนคไทติดที่กลัดทำจากโลหะพิเศษโดยเฉพาะ สูทชุดนี้ดูเหมือนชุดสูทแบบอื่นแต่พอมองดีไซน์อย่างละเอียดแล้ว น่าจะเป็นครั้งแรกที่เห็นเขาใส่...
ที่น่ากลัวที่สุดคือ คืนนี้นายคนนี้ช่าง...หล่อเหลือเกิน...
แม้แต่เธอที่เห็นใบหน้าซือเย่หานจนชินยังรู้สึกเป็นประกาย
คิดถึงท่าทางหลิงตงเมื่อกี้แล้ว เธออดไม่ได้รู้สึกขำขึ้นมา เด็กน้อยที่น่าสงสาร คิดว่าคืนนี้มุมมองของโลกต้องแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ แน่
เมื่อกี้สวี่อี้ยืนรออยู่หน้าประตูร้านอาหาร มองผ่านหน้าต่างกระจกมองเห็นอย่างชัดเจนว่าข้างในเกิดอะไรขึ้น เห็นผู้ชายคนนั้นยังคงยืนอึ้งอยู่ที่เดิมจนถึงตอนนี้
สวี่อี้เช็ดเหงื่อ ทนไม่ไหวแอบบ่นในใจ เจ้านายนะ คุณจำเป็นต้องทำขนาดนี้ไหม?
ที่จริงแล้วเรื่องนี้เยี่ยหวั่นหวันก็คิดเหมือนกัน เธอให้ซือเย่หานออกมาขวางคนระดับนี้ที่มาจีบ นี่มันต่างอะไรกับเอาทัพใหญ่มาเสริมทัพเล็ก ใช้ตัว BOSS ในด่านสุดท้ายมาฆ่าคนเล่นมือใหม่!
“อืม...คือว่า... ฉันอยากลงค่ะ...” เห็นซือเย่หานอุ้มเธอ ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยเธอลงเลย เยี่ยหวั่นหวันเลยพูด
ฝีเท้าชายหนุ่มหยุดลง บรรยากาศเยือกเย็นขึ้นมาในทันใด ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาค่อยปล่อยเธอลง
เยี่ยหวั่นหวันเขย่งอยู่ที่พื้นสองที เงยหน้าเล็กขึ้นมองชายหนุ่มเบื้องหน้า สีหน้าคาดหวัง “เปลี่ยนเป็นหลังแทนได้ไหม...”
ชายหนุ่มได้ยิน เห็นได้ชัดว่าตกใจ แล้วค่อยๆ หมุนตัวก้มตัวลงตรงหน้าเธอ
เยี่ยหวั่นหวันปีนขึ้นไปบนหลังชายหนุ่มทันที สองมือโอบคอเขาไว้ หาวด้วยความง่วง “แบบนี้สบายกว่า...”
สวี่อี้ที่อยู่ข้างๆ เห็นทั้งสองคนปฏิบัติต่อกัน หัวใจเต้นขึ้นลงเหมือนนั่งรถไฟเหาะมา
อยู่ๆ เขาก็ค้นพบว่า เพียงแค่เยี่ยหวั่นหวันเป็นฝ่ายเข้าหาก่อนเพียงเล็กน้อย เจ้านายเขาที่ดุร้ายน่ากลัวก็อ่อนโยนจนไม่น่าเชื่อขึ้นมาได้
ระหว่างทางเงียบไร้ผู้คน ชายหนุ่มแบกหญิงสาวเดินกลับไปทางโรงเรียนอย่างช้าๆ
รู้สึกได้ถึงศีรษะเล็กโขกบนหลัง ชายหนุ่มถาม “ง่วงหรือ?”
เยี่ยหวั่นหวันใช้ศีรษะถูไปกับไหล่เขาพยักหน้า “อืม... คืนนี้คุณมีเรื่องอะไรหรือเปล่า สำคัญไหม?”
“ไม่มีอะไร”
เยี่ยหวั่นหวันเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “จริงหรือ? แต่ก่อนหน้านี้ในโทรศัพท์ ฉันได้ยินน้ำเสียงของผู้ช่วยสวี่เหมือนใกล้จะร้องไห้แล้ว!”
เธอพูดไปพลางส่งสายตาถามไปทางสวี่อี้ด้วย
สวี่อี้หลังแข็งทื่อ รีบโบกมือแล้วพูด “เฮ้อ คุณหนูเยี่ย ไม่มีเรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว”
ตีให้ตายเขาก็ไม่กล้าบอกว่าเจ้านายที่สูงส่งและเย่อหยิ่งของเขานี้ใช้เวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าสามชั่วโมง ทรมานสไตล์ลิสต์จนแทบบ้าไปสิบกว่าคน ทำคนรับใช้ตกใจร้องไห้ทั่วทั้งบ้าน...