ตอนที่ 87
บทที่ 87 ประจบได้ดีมาก
บรรยากาศในห้องที่เงียบเหมือนป่าช้า มีเพียงเสียงเรียกเข้าจากสายที่ไม่คาดคิดดังสะท้อนก้องอย่างต่อเนื่อง
สวี่อี้เดาความหมายของซือเยี่ยหานไม่ออกจริงๆ ไม่รู้เขาอยากรับสายหรือไม่ จึงได้แต่ถือโทรศัพท์ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น สำคัญที่สุดคือ โทรศัพท์สายนี้ทำให้เขาเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นในจิตใต้สำนึก หากเป็นไปได้ เขาภาวนาให้นายท่านอย่ารับสาย
เสียงเรียกเข้ายิ่งดัง ความกดดันโดยรอบยิ่งรุนแรงมากขึ้น เสียงริงโทนที่ดังเข้าหูเป็นเหมือนการนับถอยหลังของระเบิดเวลา
เส้นประสาทของสวี่อี้ตึงเครียดเป็นที่สุด เพราะลนลานมากเกินเหตุ มือสั่นเทาจึงเผลอไปกดปุ่มรับสายเข้า
วินาทีถัดมา บนหน้าจอปรากฎใบหน้าเห็นแล้วแสบตาเช่นเคยของเยี่ยหวันหวั่น
เชี่ย! ซวยแล้ว...
คนในสาย เยี่ยหวันหวั่นรอนานเป็นครึ่งวันก็ไม่มีคนรับสาย มองเห็นโทรศัพท์กำลังจะวางสายอัตโนมัติอยู่แล้ว ตอนนี้ภาพหน้าจอกระพริบในที่สุดก็มีการรับสายวิดีโอคอลแล้ว
วินาทีที่เห็นภาพหน้าจอชัดเจน นัยน์ตาของเยี่ยหวันหวั่นหดลงทันที
เห็นชายหนุ่มในสายกำลังเอนกายอยู่บนโซฟา มือข้างหนึ่งก่ายหน้าผาก ปกคอเสื้อเชิ้ตปลดกระดุมไว้สองเม็ด ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าซีดเซียวผิดปกติ
ต่อให้จะมองผ่านทางหน้าจอ เธอก็ยังสัมผัสได้ว่ามีรังสีอันตรายน่ากลัวถึงขีดสุดแผ่ซ่านจากกายของชายหนุ่ม แต่ก็เย้ายวนถึงขีดสุดเหมือนกัน
มองจากมุมของวิดีโอ เหมือนว่าจะเป็นคนอื่นที่ถือโทรศัพท์อยู่ น่าจะเป็นสวี่อี้
หน้าจอโทรศัพท์สั่นอยู่ตลอด เธอเดาว่าน่าจะเป็นเพราะมือของสวี่อี้กำลังสั่น
จากอาการสั่นเพียงเล็กน้อยนี้ เยี่ยหวันหวั่นก็ตระหนักรู้ทันทีถึงความวิกฤต แปดสิบเปอร์เซ็นต์เดาว่าซือเยี่ยหานรู้ข่าวแล้ว เธอมาช้าไปก้าวหนึ่ง
เยี่ยหวันหวั่นเม้มริมฝีปาก ตาละห้อย “ขอโทษด้วย...ฉันมารบกวนการพักผ่อนของคุณหรือเปล่า...”
สวี่อี้ที่อยู่ด้านข้างไม่ทันระวังกดโดนปุ่มรับสายไปแล้ว เมื่อเห็นแบบนี้จึงทำได้เพียงพูดประนีประนอมด้วยอาการเหงื่อแตกพลั่ก “คุณหนูเยี่ย คุณชายเก้ายังไม่เข้านอนครับ คุณโทรมาดึกขนาดนี้มีเรื่องอะไรเหรอครับ? หากไม่ใช่เรื่องด่วน...”
เยี่ยหวันหวั่นไม่รอให้สวี่อี้พูดจบก็พยักหน้าอย่างแรง “มีค่ะ ฉันมีเรื่องด่วน!”
สวี่อี้ “อ๊า...”
เยี่ยหวันหวั่นรีบบอก “วันนี้มีผู้ชายคนหนึ่งมาสารภาพรักกับฉันที่โรงเรียน บอกว่าชอบฉัน...”
สวี่อี้แสบคอขึ้นมา ตกใจวิญญาณแทบหลุด เขานึกอยู่แล้วว่าไม่ควรรับสายนี้
เขาแอบส่งสัญญาณส่ายโทรศัพท์ไปมา เพื่อเตือนเยี่ยหวันหวั่นอย่าได้พูดเรื่องนี้
ต่อมา ในสายนั้นก็มีเสียงบ่นอุบอิบของเยี่ยหวันหวั่นดังต่อมาอีก “คุณไปเจอผู้ชายคนนั้นเป็นเพื่อนฉันได้ไหมคะ?”
สวี่อี้รู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าผ่าฟาดลงกลางกบาล
เธอยังชวนคุณชายเก้าไปพบผู้ชายคนนั้นด้วยกันจริงเหรอ?
เวลานี้ บนโซฟา ซือเยี่ยหานที่กึ่งลืมตาอยู่ได้ลืมตาขึ้นมาโดยสมบูรณ์ ราวกับสัตว์ป่าที่ตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล...
ในขณะที่สวี่อี้กำลังหมดหนทางไม่รู้ควรทำอย่างไรดี ในสายก็มีน้ำเสียงโมโหของเยี่ยหวันหวั่นดังขึ้นอีก “ฉันบอกผู้ชายคนนั้นไปว่าฉันมีแฟนแล้ว แต่เขากลับไม่เชื่อ หรือว่าสภาพฉันมันเหมือนกับสุนัขไร้คู่ขนาดนั้นหรือไง?
เพราะโมโหเหลือเกิน ด้วยความหุนหันพลันแล่นฉันจึงรับปากเขาไปว่าจะพาแฟนไปเจอเขา ฉันไม่ได้แค่มีแฟนแล้ว แต่แฟนของฉันหล่อกว่าเดือนโรงเรียนของพวกเราเป็นพันเท่า...”
“อ๊า...” สวี่อี้ยืนค้างอยู่ด้านข้าง ฟังแล้วตกตะลึงอ้าปากค้าง คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีวิธีการแบบนี้ด้วย
เยี่ยหวันหวั่นประจบได้...ลื่นไหลมากเกินไปแล้ว!
แม้แต่ผู้ชายบนโซฟาที่มีสีหน้าหม่นหมองมาโดยตลอดยังตะลึงงันไปชั่วขณะ
เยี่ยหวันหวั่นรออยู่นานไม่เห็นมีการตอบรับ ก้มหน้าท่าทางเศร้าและหดหู่ “ขอโทษนะ...ทำให้คุณลำบากแล้วใช่ไหม? หากคุณไม่สะดวก ก็...”
“เวลา” ในสายนั้นมีเสียงแหบพร่าของชายหนุ่มดังขัดจังหวะเธอขึ้นมา
เยี่ยหวันหวั่นชะงักเล็กน้อย ก่อนที่ดวงตาทั้งคู่จะแวววาวระยิบระยับ “เย็นวันพรุ่งนี้ได้ไหม? ร้านใกล้ๆ โรงเรียนของพวกเรา!”
“ได้”