ตอนที่ 7
บทที่ 7 เมื่อคืนไปทำอะไรมากันแน่
ภายใต้ปฏิกิริยาของน้ำยาลบรอยสัก รอยสักบนร่างกายค่อยๆ หลุดออกไปด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
เยี่ยหวันหวั่นนอนแช่อยู่ในน้ำอุ่น บนหน้าแปะแผ่นมาส์กหน้าไว้ แล้วหลับตาพักผ่อนไปครู่หนึ่ง
กระทั่งตื่นขึ้นมา น้ำในอ่างอาบน้ำเปลี่ยนสีกลายเป็นสีดำขุ่นทั้งหมด
และร่างกายของเธอ...
หลังจากไม่มีรอยสักบดบังแล้ว ก็เผยโฉมเดิมออกมาโดยสมบูรณ์
รอยสักชั่วคราวชนิดที่เธอทำไม่มีอันตรายต่อผิวหนัง นอกจากปานแดงรูปจันทร์เสี้ยวที่หน้าอกแล้ว เรือนร่างของเธอก็ไม่มีตำหนิแม้เพียงเล็กน้อย ดุจดั่งหยกมันแพะชิ้นหนึ่ง ขาวกระจ่าง นุ่มลื่นเรียบเนียน เหมือนปุยหิมะทับถมใต้แสงจันทร์
ก่อนจะเกิดใหม่ เธอหุนหันพลันแล่นไปสักรอยสักแบบถาวร ทำให้รอยสักนี้ติดตัวเธอตลอดเจ็ดปีเต็ม ดังนั้นเป็นเวลาเจ็ดปีแล้วที่เธอไม่รู้ว่าเรือนร่างตัวเองเป็นอย่างไรกันแน่
เวลานี้ได้เห็นสภาพเดิมของมัน แม้แต่ตัวเธอเองยังประหลาดใจ ผิวพรรณของเธอดีขนาดนี้เลยเหรอ
บวกกับตอนนี้เธอเพิ่งจะอายุยี่สิบ เดิมทีก็เป็นช่วงวัยที่หญิงสาวมีสภาพผิวพรรณดีที่สุด
หลังจากลอกแผ่นมาส์กหน้าออกแล้ว เยี่ยหวันหวั่นปล่อยน้ำสกปรกในอ่างอาบน้ำทิ้ง แล้วอาบน้ำชำระร่างกายอีกครั้ง
เธอเปลี่ยนมาใส่ชุดคลุมอาบน้ำ นั่งลงตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
หญิงสาวในกระจกคิ้วดั่งหมึกเขียนภาพ จมูกโด่งงดงาม สีเดิมของริมฝีปากบางสวยมาก ราวกับผลเชอร์รี่เดือนสาม ดึงดูดให้คนเข้าไปเด็ดชิม และสิ่งที่ทำให้ประหลาดใจที่สุดก็คือ ดวงตาคู่นั้นเหมือนน้ำในฤดูใบไม้ร่วง เปล่งประกายระยิบระยับเหมือนดวงดาวที่สุกสกาวพร่างพราว
สภาพผิวที่แต่งหน้ามานานทั้งแห้งและเหลือง เมื่อได้รับความชุ่มชื้นจากการแผ่นมาส์กหน้า ก็กลับคืนสู่สภาพที่ดี กลับมาเนียนนุ่มเทียบเท่าผิวกายของเธอแล้ว
เพียงแต่เยี่ยหวันหวั่นรู้ มันดีเพียงชั่วคราวเท่านั้น การมาส์กหน้าก็เหมือนกับการเสริมความงาม สามารถรักษาสภาพผิวได้แค่ในเวลาอันสั้น โดยเฉพาะมาส์กกู้สภาพผิวแบบฉุกเฉิน จะช่วยรักษาได้เพียงปลายเหตุเท่านั้น
หากเธออยากจะฟื้นฟูสภาพผิวกลับมาอย่างสมบูรณ์ จะต้องบำรุงรักษาอย่างดีอีก
เวลานี้หลังจากที่เธอเข้าร้านทำผมเพื่อสระผมครั้งใหญ่แล้ว สภาพผมก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม ผมเปียกหมาดยาวถึงเอวทิ้งตัวพาดหัวไหล่ของเธออย่างเกียจคร้าน
ในชาติก่อน ผมยาวที่เธอหวงแหนที่สุดถูกเธอตัดทิ้งไปหมดในภายหลัง ตอนนี้กลับยัง...
เยี่ยหวันหวั่นปลื้มปริ่มยินดีที่ได้ของกลับคืนมา ใช้หวีไม้บรรจงสางผมอย่างทะนุถนอม
หลังจากเป่าผมจนแห้ง เยี่ยหวันหวั่นเริ่มมากลัดกลุ้มกับเสื้อผ้าสีสันจัดจ้านในตู้เสื้อผ้า
ช่างเถอะ ไปหยิบเสื้อที่ห้องเสื้อผ้าส่วนตัวชั้นสามมาสักชุดก็แล้วกัน การได้เกิดใหม่อีกครั้งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทำไมต้องให้ตัวเองได้รับความไม่เป็นธรรมอีก
ทั่วทั้งชั้นสามเป็นห้องเสื้อผ้าส่วนตัว ด้านในมีเสื้อผ้า เครื่องประดับ กระเป๋าที่ซือเยี่ยหานเตรียมไว้ให้เธอทั้งหมด แม้ว่าของเหล่านี้เธอจะไม่เคยแตะต้องสักครั้ง แต่ว่าตลอดเจ็ดปีเต็ม สิ่งของในห้องนี้จะถูกเปลี่ยนเป็นคอลเลคชันใหม่ประจำฤดูกาลนั้นๆ ตลอด
ชั้นล่างของอาคาร
หน้าโต๊ะอาหาร ซือเยี่ยหานกำลังดื่มกาแฟอย่างเอ้อระเหย
ใบหน้าของชายหนุ่มขาดการนอนหลับพักผ่อนเป็นเวลานาน หน้าตาจึงหมองคล้ำขึ้นมาก ทว่าวันนี้ใบหน้าหล่อเหลาเป็นทุนเดิมกลับฉายออร่าเปล่งปลั่ง ราวกับปีศาจที่ได้ดูดกลืนพลังมาเต็มเปี่ยม
“ซู้ด ร้อนร้อนร้อน...” หลินเชวียเหม่อมองเขา ไม่ทันระวังจึงถูกกาแฟร้อนลวกปาก
ซือเยี่ยหานปรายหางตามองเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ตรงหน้า แสดงสีหน้าเหมือนเห็นคนโง่อย่างชัดเจน
ทางด้านหลินเชวียรู้สึกได้ แม่เจ้าโว้ย ถึงผู้ชายคนนี้จะแสดงสีหน้าเยาะเย้ยตน ก็ยังหล่อระเบิดเหมือนเดิม!
หลินเชวียวางแก้วกาแฟในมือลงอย่างแรง “แม่ง! ซือจิ่ว (คุณชายซือเก้า)! พูดความจริงมาเดี๋ยวนี้ เมื่อคืนไปทำอะไรมากันแน่? ไปเติมหยินเสริมหยางมาใช่ไหมนายน่ะ?”