ตอนที่ 66
บทที่ 66 ความเงียบสงบก่อนพายุจะมา
หลังจากเยี่ยหวันหวั่นบอกว่าจะกลับเอง นัยน์ตาลึกล้ำดั่งหลุมดำของซือเยี่ยหานก็ยิ่งเยียบเย็นมากขึ้น กระแสน้ำในดวงตาราวกับจะทะลักออกมาในวินาทีต่อมา เพียงแต่มันเกิดขึ้นเพียงแวบเดียวเหมือนเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น
ส่วนเยี่ยหวันหวั่นเมื่อเห็นเขาไม่พูดอะไร ก็คิดว่าเขายินยอมแล้ว เธอเดินไปอยู่หน้าซือเยี่ยหานด้วยท่าทางไม่รู้เรื่องรู้ราวแล้วหอมแก้มเขาไปที “ถ้าอย่างนั้นฉันไปแล้วนะ! ขอตัวไปลาคุณย่าก่อน”
พูดจบก็เดินเข้าบ้านไปอย่างร่าเริง
วินาทีที่เยี่ยหวันหวั่นออกจากลานนั่งเล่นไปแล้ว สีหน้าของซือเยี่ยหานพลันเย็นชาลงไปทันที
เวลานี้เอง สวี่อี้รู้สึกหัวใจท้อแท้อ่อนแอเสียแล้ว
เขาเฝ้าภาวนามาโดยตลอด ขอให้เยี่ยหวันหวั่นอย่าโง่อย่าโง่ แต่สุดท้ายก็เห็นเธอวิ่งเตลิดไปบนเส้นทางสู่ความตายกับตาตัวเอง...
ผู้หญิงโง่เขลาคนนี้ สุดท้ายก็จะไปหากู้เยว่เจ๋อให้ได้ ซ้ำยังทำเป็นอวดฉลาดคิดว่านายท่านไม่รู้อะไรทั้งนั้น เห็นนายท่านเป็นเหมือนคนโง่!
สวี่อี้มีเหงื่อเย็นผุดขึ้นมาที่หน้าผาก เอ่ยเสียงสั่นเครือ “คุณ...คุณชายเก้า...ให้รั้งไว้ไหมครับ...”
ซือเยี่ยหานถอนสายตาที่มองเงาแผ่นหลังของหญิงสาว แล้วค่อยๆ หลับตาลงไป
บรรยากาศรอบด้านเงียบเฉียบราวกับความตาย
ซือเยี่ยหานไม่ได้ออกคำสั่ง สวี่อี้ก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
เวลานี้เอง ในห้องรับแขก
คุณหญิงย่าได้ทราบว่าเยี่ยหวันหวั่นต้องกลับแล้ว หน้าตาอาลัยอาวรณ์เป็นที่สุด เธอเอ็นดูหญิงสาวคนนี้มาก การเปลี่ยนแปลงของหลานชายในช่วงสองวันมานี้เธอได้เห็นกับตาตัวเองแล้ว จึงรู้สึกพอใจในตัวเยี่ยหวันหวั่นมากขึ้นไปอีก
“หวันหวั่นเอย ฉันรู้ว่าเสี่ยวจิ่วเอาแต่ใจตัวเอง นิสัยไม่ดีเท่าไรนัก แต่ความจริงแล้วตัวเขาเองก็ไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ เธอก็คงจะรู้เหมือนกันใช่ไหม เสี่ยวจิ่วมีปัญหาเรื่องการนอนหลับ เธอลองคิดดูนะว่าคนที่นอนไม่ค่อยจะหลับเป็นประจำ จะทรมานมากแค่ไหน เป็นเรื่องยากที่จะไม่ส่งผลกระทบถึงอารมณ์ของเขา
แต่ว่า หลังจากที่เสี่ยวจิ่วคบหากับเธอแล้ว ฉันสังเกตเห็นว่าท่าทางของเขาดีขึ้นมาไม่น้อยเลย แม้แต่นิสัยก็ยังอ่อนโยนขึ้นมากด้วย
หวันหวั่น ฉันขอบใจเธอมากจริงๆ นะ ขอบใจที่เธอยอมผ่อนปรนและอดทนกับเสี่ยวจิ่ว ต่อไปหากเจ้าหลานชายตัวดีกล้ากลั่นแกล้งรังแกเธอ เธอมาบอกฉันได้ทุกเมื่อ ฉันจะอยู่ข้างเธอเอง!”
ได้ยินคุณหญิงย่าพูดด้วยถ้อยคำจากใจจริงเช่นนี้ หัวใจของเยี่ยหวันหวั่นเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกดี “ขอบคุณค่ะคุณย่า”
ไม่ว่าสตรีตรงหน้าท่านนี้จะเป็นบุคคลในตำนานที่มีฐานะสูงศักดิ์เพียงใด เวลานี้ก็เป็นเพียงคุณย่าธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
เพียงแต่น่าเสียดาย ในใจของคุณหญิงย่าเข้าใจว่าเธอและซือเยี่ยหานเป็นคู่รักที่รักใคร่กันมาก ทว่าไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับซือเยี่ยหานเป็นเหมือนฟองสบู่ เพียงแค่สัมผัสก็แตกสลายไปแล้ว
เป็นเพราะเยี่ยหวันหวั่นยืนยันไม่อยากทำให้ลำบาก สุดท้ายเธอจึงเรียกรถกลับเอง
การแสดงออกเช่นนี้ในสายตาของคุณหญิงย่าเป็นเหมือนเด็กที่รู้ความ แต่ในสายตาของสวี่อี้นั้น แน่นอนว่าเป็นการรีบร้อนอยากไปหากู้เยว่เจ๋อที่โรงพยาบาลอย่างรอไม่ได้อีกต่อไป
หากว่าเป็นเมื่อก่อน ซือเยี่ยหานไม่มีทางยอมให้เธอกลับคนเดียวแน่ แต่ครั้งนี้กลับยอมตามใจเธอทั้งหมด
แต่การที่ซือเยี่ยหานยิ่งตามใจมากเท่าไร สวี่อี้ก็ยิ่งรู้สึกหวั่นกลัวมากเท่านั้น
ซือเยี่ยหานในตอนนี้เป็นเหมือนความเงียบสงบก่อนพายุจะมาอย่างแท้จริง
หากนายท่านสั่งการให้จับตัวกลับมาตั้งแต่ตอนนี้ ยังดีเสียกว่ารอผลลัพธ์หลังจากจับได้คาหนังคาเขา...
ครั้งนี้...เกรงว่าเยี่ยหวันหวั่นคงจะซวยจริงๆ แล้ว!
พูดจากใจจริง เขารู้สึกคิดถึงช่วงเวลาอันแสนสงบสุขของสองสามวันนี้จริงๆ เพียงแต่น่าเสียดาย แท้จริงแล้วมันเป็นเพียงจันทร์กระจ่างกลางนที มาลีฉายในคันฉ่อง
อีกด้านหนึ่ง เยี่ยหวันหวั่นโดยสารอยู่บนรถที่แล่นห่างออกมาระยะหนึ่งแล้ว
เมื่อรถเคลื่อนตัวมาถึงทางแยก เยี่ยหวันหวั่นก็เอ่ยขึ้นอย่างกะทันหัน “คุณลุงคะ ไม่ไปโรงเรียนมัธยมปลายชิงเหอแล้ว เปลี่ยนไปโรงพยาบาลเหรินอ้ายแทนค่ะ!”