ตอนที่ 65
บทที่ 65 คุณชายกู้เกิดเรื่องแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้รีบร้อน รอให้โทรศัพท์ดังอยู่ครู่หนึ่งจึงรับสายอย่างใจเย็น “ฮัลโหล?”
“หวันหวั่น ทำไมเธอเพิ่งจะรับสาย ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน? ที่โรงเรียนหรือเปล่า? ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน ให้รีบมาโรงพยาบาลเหรินอ้ายเลยนะ คุณชายกู้เกิดเรื่องแล้ว!” น้ำเสียงในสายของเฉินเมิ่งฉีฟังดูรีบร้อนเป็นที่สุด
เป็นอย่างที่คิด เนื้อหาจากปลายสายของเฉินเมิ่งฉีเป็นเช่นเดียวกับที่เธอคาดการณ์ไว้
เยี่ยหวันหวั่นลูบดอกกุหลาบก้านหนึ่งที่อยู่ข้างแก้ม แกล้งทำเป็นเลิกคิ้วตกใจเอ่ยว่า “เกิดเรื่อง?”
“ใช่แล้ว ฉันเพิ่งได้ข่าวเมื่อครู่นี้เอง คุณชายกู้ถูกรถชน บาดเจ็บสาหัส กำลังรักษาตัวอยู่ในห้องฉุกเฉิน คุณหมอบอกว่าอาจจะอันตรายถึงชีวิต! ถ้าเธอไม่อยากรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต ก็รีบมาที่นี่เร็วเข้าเถอะ!” น้ำเสียงของเฉินเมิ่งฉีมั่นใจมาก ราวกับเชื่อแน่ชัดว่าหลังจากที่เยี่ยหวันหวั่นได้ฟังข่าวนี้ จะต้องรีบมาโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
ท่าทีเย็นชาของเยี่ยหวันหวั่นที่มีต่อกู้เยว่เจ๋อก่อนหน้านี้ ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก ครั้งนี้นับว่าเป็นโอกาสที่ฟ้าประทานจริงๆ
ที่ผ่านมาเพียงแค่กู้เยว่เจ๋อมือเป็นแผลเล็กน้อย เยี่ยหวันหวั่นก็ตื่นตกใจเป็นกระต่ายตื่นตูมแล้ว เธอไม่เชื่อว่าคนอย่างเยี่ยหวันหวั่นจะทำใจแข็งได้
คล้ายกับกลัวว่าเยี่ยหวันหวั่นจะไม่กินเหยื่อ เฉินเมิ่งฉีจึงเติมเชื้อไฟเข้าไปอีก “หวันหวั่น อุบัติเหตุของคุณชายกู้ครั้งนี้แปลกประหลาดมาก กลางวันแสกๆ รถคันนั้นก็พุ่งชนมาที่เขาโดยตรงอย่างกับจับวาง หรือว่าคุณชายกู้ไปล่วงเกินใครเข้า? ใครกันที่กล้าทำถึงขนาดนี้ กล้าลงมือแม้แต่คุณชายตระกูลกู้?”
คำพูดนี้มีความหมายแอบแฝงอย่างชัดเจนว่าซือเยี่ยหานมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุรถชนของกู้เยว่เจ๋อ เรื่องนี้จะทำให้เยี่ยหวันหวั่นและซือเยี่ยหานเข้าใจผิดกันมากยิ่งขึ้นไปอีก ยิ่งเป็นเรื่องที่ดี
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มเยาะอย่างเย็นชาในใจ แม้ว่าในโลกนี้จะมีบางเรื่องที่ต่างออกไป แต่กลอุบายของเฉินเมิ่งฉีไม่เคยเปลี่ยน ชาติก่อนเธอทะเลาะกับซือเยี่ยหานอย่างรุนแรง ก็เพราะคำพูดยุแยงของเฉินเมิ่งฉีนั่นเอง
ความจริงแล้ว กู้เยว่เจ๋อถูกรถชนเป็นเพียงอุบัติเหตุทางการจราจรเท่านั้นจริงๆ
ต่อมาภายหลังแม้จะตรวจสอบชัดเจนแล้ว แต่เพราะตอนนั้นเฉินเมิ่งฉีใช้เพียงคำพูดกำกวม ไม่ได้เอ่ยเจาะจงชื่อของซือเยี่ยหาน เธอจึงไม่สงสัยเลยว่าที่เฉินเมิ่งฉีพูดแบบนั้นเพราะเจตนาให้เธอเข้าใจผิด ในทางกลับกันเธอกลับคิดว่าการที่กู้เยว่เจ๋อถูกรถชนนั้นเกี่ยวข้องกับซือเยี่ยหานอย่างแน่นอน
เฉินเมิ่งฉีอธิบายเรื่องราวอย่างสมจริงสมจังอยู่นาน สุดท้ายเยี่ยหวันหวั่นเพียงแต่ตอบรับไปประโยคเดียวอย่างเกียจคร้าน “รู้แล้วล่ะ”
พูดแล้วก็วางสายไป
หลังจากวางสายแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็จ้องมองโทรศัพท์มือถือเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม
ตอนนี้เฉินเมิ่งฉีจะต้องนั่งอยู่ที่หน้าประตูโรงพยาบาล ใจจดใจจ่อรอจับตาหาหลักฐานการนอกใจของเธอเป็นแน่ จากนั้นค่อยแอบบอกความลับให้กับซือเยี่ยหาน ให้เขาจับได้คาหนังคาเขา ซึ่งนี่ก็เป็นวิธีการที่เธอทำอยู่เสมอ
เหอะ ในเมื่อเฉินเมิ่งฉีทำตัวอวดฉลาด กุมตนเอาไว้เล่นในกำมืออยู่เช่นนี้ ตนก็ไม่ขัดที่จะอยู่เล่นเป็นเพื่อนเธอ...ให้สนุก...
หลังจากรับสายของเฉินเมิ่งฉีแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็กลับมายังลานนั่งเล่น
เก็บสมุดการบ้านบนโต๊ะ เยี่ยหวันหวั่นยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ยกับซือเยี่ยหาน “ที่รักคะ นี่ก็เย็นมากแล้ว พรุ่งนี้ฉันมีเรียนอีก ขอตัวกลับโรงเรียนก่อนนะคะ”
เมื่อเห็นเยี่ยหวันหวั่นเสนอตัวขอกลับทันทีหลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จ สีหน้าของซือเยี่ยหานยังคงเรียบเฉยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด แววตาดำมืดจ้องมองหญิงสาวตรงหน้า นัยน์ตาลึกล้ำมองไม่เห็นก้นบึ้งนั้นราวกับหลุมดำอันน่ากลัวที่สามารถกลืนกินแสงสว่างไปได้ทั้งหมด
“กลับโรงเรียน?” เขาเอ่ยเสียงแผ่วเบา
หากว่าเป็นเยี่ยหวันหวั่นในชาติก่อน ก็อาจจะไม่รู้ถึงความแปลกไปของซือเยี่ยหาน แต่เยี่ยหวันหวั่นในเวลานี้ย่อมสัมผัสได้ถึงความผิดปกติในท่าทีของซือเยี่ยหาน
แปดสิบเปอร์เซ็นต์เป็นไปได้ว่าซือเยี่ยหานรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว และคิดว่าเธอจะรีบไปหากู้เยว่เจ๋อที่โรงพยาบาล
เพียงแต่ เธอทำเหมือนกับไม่รู้ถึงความผิดปกติของซือเยี่ยหานเลยแม้แต่น้อย สะพายกระเป๋าเรียน แล้วเอ่ยพูดอย่างเป็นธรรมชาติ “อืมๆ คุณมีงานต้องทำ ไม่ต้องไปส่งฉันหรอก ฉันกลับเองได้ค่ะ”