ตอนที่ 63
บทที่ 63 สุดยอดไปเลย
หากบอกว่าสไตล์การตกแต่งห้องของเยี่ยหวันหวั่นเปรียบดั่งซีรีส์รักใสๆ เพ้อฝัน เช่นนั้นห้องของซือเยี่ยหานก็คงเป็นฉากเขย่าขวัญ ไม่ต่างไปจากสไตล์ห้องนอนอันมืดมิดที่สวนจิ่นหยวนห้องนั้นเลย
ตอนที่เยี่ยหวันหวั่นเดินเข้าไป ด้านในมีคนรออยู่แล้ว
ซึ่งก็คือโม่เสวียน หมอประจำตัวของซือเยี่ยหาน
ได้เห็นคนทั้งสองเดินเข้ามา โม่เสวียนก็ลุกขึ้นยืน “คุณชายเก้า คุณหนูเยี่ย”
ซือเยี่ยหานคล้ายกับจะคุ้นชินที่เห็นโม่เสวียนปรากฎตัวอยู่ในห้องนอนของเขาเวลานี้ เดินตรงไปที่ขอบเตียงใบหน้าเรียบเฉย
เยี่ยหวันหวั่นเดินตามซือเยี่ยหานอยู่ข้างหลัง ก้าวเดินอย่างค่อนข้างลังเล “คือว่า ฉันอยู่ที่นี่ด้วยจะเป็นการรบกวนพวกคุณหรือเปล่าคะ?”
เธอรู้ว่าช่วงเวลาการสะกดจิตเข้านอนของซือเยี่ยหานไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้ามารบกวน
โม่เสวียนชำเลืองมองเยี่ยหวันหวั่นทีหนึ่ง พูดตามหลักแล้วเป็นการรบกวนอย่างแน่นอน การสะกดจิตเข้านอนจำเป็นต้องดำเนินการภายใต้สภาพแวดล้อมที่ปิดสนิทไร้คนนอกรบกวน
แต่ว่าเมื่อนึกถึงการคาดเดาของพวกเขาในคืนนี้แล้ว ประจวบกับซือเยี่ยหานเป็นคนพาเยี่ยหวันหวั่นเข้ามาด้วยตนเอง เขาย่อมไม่กล้าไล่เธอออกไป จึงเอ่ยว่า “ลองดูก็แล้วกันครับ”
“ค่ะ” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า
ซือเยี่ยหานนอนลงบนเตียง เห็นว่าเธอยังคงยืนอยู่ไกลๆ หัวคิ้วพลันขมวดย่น
เยี่ยหวันหวั่นยังคงสับสน เพราะซือเยี่ยหานบอกเพียงว่าให้เธอมานอนเป็นเพื่อน เธอยังไม่ค่อยเข้าใจว่า “เป็นเพื่อน” หมายถึงเป็นเพื่อนแบบไหน อีกอย่างโม่เสวียนก็อยู่ตรงนี้ เธอก็เก้อเขินหากจะตรงเข้าไปนอนบนเตียงเป็นเพื่อนเขา?
“มานี่” ในขณะที่เยี่ยหวันหวั่นกำลังลังเลไม่แน่ใจอยู่นั้น ความอดทนของปีศาจร้ายบางตัวก็หมดลง
สัมผัสได้ถึงรังสีอันตรายที่แผ่ซ่าน เยี่ยหวันหวั่นไม่มีเวลาไปสนใจสิ่งอื่นมากมาย รีบวิ่งเข้าไปหย่อนก้นนั่งลงที่ขอบเตียง
วินาทีถัดมา รู้สึกถึงเอวที่ถูกกระชับแน่น แขนยาวของชายหนุ่มโอบรัดตัวเธอ แล้วเอียงศีรษะซุกแนบกับบริเวณต้นคอ
เยี่ยหวันหวั่นพิงหัวเตียง ถูกโอบรัดเอวไว้ราวกับเป็นหมอนข้าง ไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อย
โม่เสวียนกำลังวุ่นวายอยู่กับการเตรียมงานสะกดจิตเข้านอน ได้เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ก็รู้สึกแปลกใจกับท่าทีของเยี่ยหวันหวั่นที่เปลี่ยนไปอย่างมาก
เมื่อก่อนแม้เยี่ยหวันหวั่นจะรู้ดีว่าซือเยี่ยหานน่ากลัวมากเพียงใด แต่ก็ยังคงดื้อรั้นหัวชนฝา ไม่เคยยอมอ่อนข้อเลยสักครั้ง
ขอให้ผู้หญิงคนนี้คิดได้จริงๆ เถิด อย่าได้มีความคิดที่ไม่ควรคิดอีก ไม่อย่างนั้นท้ายที่สุดคนที่ต้องทุกข์ทรมานก็มีเพียงเธอเองคนเดียว
จากมุมมองของคนที่มองดูอยู่ภายนอก เขาเองก็รู้ว่าการที่ซือเยี่ยหานจะรั้งให้หญิงสาวอยู่ข้างกายโดยไม่สนใจว่าเธอจะยินยอมหรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แต่คุณจะไปเถียงเรื่องทฤษฎีความถูกผิดกับเทพสังหารที่ปีนออกมาจากขุมนรกและไร้ความรู้สึกท่านนี้น่ะเหรอ? เป็นความคิดที่ผิดตั้งแต่แรกแล้ว
ผ่านไปพักหนึ่ง ในที่สุดเขาก็จัดเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว
โม่เสวียนเดินไปยังขอบเตียง “คุณชายเก้า เริ่มได้แล้วครับ”
ไร้การตอบสนองจากซือเยี่ยหานที่อยู่บนเตียง
“คุณชายเก้าครับ” โม่เสวียนเรียกอีกครั้ง
ซือเยี่ยหานยังคงไร้การตอบสนองเช่นเดิม
สุดท้าย เยี่ยหวันหวั่นมองดูซือเยี่ยหานที่นอนหลับสนิท จึงเอ่ยเตือนขึ้นมา “คือ...เหมือนว่าซือเยี่ยหานจะหลับไปแล้วค่ะ หมอโม่คุณสุดยอดไปเลย!”
“…”
โม่เสวียนเงียบไปนาน หน้าเปลี่ยนสีราวกับโคมม้าวิ่ง พูดอะไรไม่ออกสักคำ
สุดยอดอะไร? เขายังไม่ทันได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ?!
โม่เสวียนมองซือเยี่ยหานที่นอนหลับไปแล้วจริงๆ ด้วยความรู้สึกสับสน เขาไม่เพียงนอนหลับไปแล้ว แต่ยังนอนหลับสนิทมากอีกด้วย ไม่รู้สึกตัวตื่นแม้จะมีเสียงรบกวนจากการพูดคุยอยู่ด้านข้างก็ตาม
หรือว่าการที่ซือเยี่ยหานนอนหลับได้เองตามธรรมชาติในหลายครั้งที่ผ่านมาจะเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนี้จริงๆ?
แล้วทำไมถึงไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน?
อีกอย่างเยี่ยหวันหวั่นก็แค่นั่งอยู่ตรงนั้นไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย?