ตอนที่ 45
บทที่ 45 ชอบซือเซี่ย?
เช้าวันถัดมา
ตอนที่เยี่ยหวันหวั่นตื่นขึ้นมา ซือเยี่ยหานก็ไม่อยู่แล้ว และไม่รู้ด้วยว่าเมื่อคืนเขากลับไปตอนไหน
ชอบทำตัวลึกลับซับซ้อนจริงๆ
เยี่ยหวันหวั่นบิดเอวเกียจคร้านหลังตื่่นนอน แล้วไปอาบน้ำแต่งหน้า
วิกสีเขียวและรอยสักบนกายปรากฏอีกครั้ง เสื้อยืดประดับเลื่อมแวววาว กางเกงยีนส์ขาดหลายสิบรู รองเท้าบูทมีหมุดแหลมคมปักอยู่เต็มไปหมดคล้ายกับกระดานปักหมุดสองข้าง ผสมผสานกับการแต่งหน้าแบบกอธิค ผลลัพธ์โดดเด่นเหนือใคร
จากอัตราการหันมองของฝูงชนตลอดทาง แสดงให้เห็นถึงความน่าตกใจของเธออย่างชัดเจน
ระหว่างทางไปโรงอาหาร ก็ได้พบกับเฉินเมิ่งฉี
“หวันหวั่น ฉันกำลังไปหาเธอพอดีเลย ไปกินข้าวเช้าด้วยกันเถอะ” เฉินเมิ่งฉีเห็นเธอแล้วก็เข้าไปคล้องแขนอย่างสนิทสนม
ได้เห็นการแต่งตัวของเยี่ยหวันหวั่นแล้ว เฉินเมิ่งฉีดวงตาเป็นประกายแพรวพราว คล้ายกับพอใจอย่างมาก
ดูท่าคำพูดของตนเมื่อคืน เยี่ยหวันหวั่นฟังเข้าหูไปจริงๆ
เมื่อไปถึงโรงอาหาร พวกนักเรียนโดยรอบต่างพากันซุบซิบนินทาแอบมองมายังคนทั้งสอง
“รีบมาดูเร็ว! เยี่ยหวันหวั่นออกความน่าเกลียดขั้นสูงมาอีกแล้ว”
“เฉินเมิ่งฉีจิตใจดีเกินไปแล้ว ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ยอมเลิกคบกับยัยตัวประหลาดนั่นอีก เวลาสองคนนี่ยืนอยู่ข้างกันเหมือนสาวงามกับอสูรร้ายเลยจริงๆ”
“พวกเธอเลิกพูดแบบนี้ได้แล้ว ยัยตัวประหลาดนั่นมีความสามารถมากเลยนะ ไม่เพียงสอบได้ที่หนึ่งของห้อง แต่ยังเอาชนะดาวห้องอย่างเฉิงเสวี่ยและกรรมการงานศิลปะวัฒนธรรมอย่างหานเสี่ยวหรู ได้โอกาสแสดงละครเวทีคู่กับซือเซี่ย!”
“แม่เจ้า! จริงหรือหลอก? ยัยตัวประหลาดนี่พยายามทุกวิถีทางขนาดนี้เลย ไม่ใช่ว่าเกิดสนใจเทพบุตรของฉันหรอกนะ!”
……
ได้ยินเสียงถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์รอบด้าน เฉินเมิ่งฉีแววตาเป็นประกายขึ้นมา
หรือว่าความรู้สึกของเยี่ยหวันหวั่นที่มีต่อคุณชายกู้จะจืดจางไปแล้ว เพราะว่าซือเซี่ย...
เฉินเมิ่งฉียิ้มพลางกล่าว “ใช่แล้ว หวันหวั่นฉันยังไม่ได้แสดงความยินดีกับเธอเลย ได้ยินว่าเธอสอบได้ที่หนึ่งของห้องเหรอ?”
ตรงหน้าของเยี่ยหวันหวั่นมีโจ๊กมันม่วงชามใหญ่ ซาลาเปาไส้เนื้อลูกโตสองลูก และก็เครปเจี่ยนปิ่งที่เติมเนื้อสามชิ้นไข่ไก่สองฟองและไส้กรอกแฮมหนึ่งชิ้น เธอกินไปพลางพูดไป “อืม แค่สอบเล่นๆ ทำไมเหรอ?”
เฉินเมิ่งฉีรู้ว่าเยี่ยหวันหวั่นความจำเป็นเลิศ แต่เมื่อได้รู้ว่าเธอสอบได้ที่หนึ่งของห้องก็ยังรู้สึกแปลกใจมาก “เธอไม่ได้บอกว่าเกลียดการเรียนมากไม่ใช่เหรอ? ทำไมจู่ๆ ก็หันมาตั้งใจเรียนได้?”
เยี่ยหวันหวั่นกัดซาลาเปา “ความจริงก็เกลียดมาก ฉันเกลียดทุกสิ่งที่ไม่มีความยาก”
เฉินเมิ่งฉีหน้าเสียไปเลยทันที สะอึกกับคำพูดของเธอจนพูดอะไรไม่ออก
ทุกวันเธอต้องพยายามแทบตายกับการอ่านหนังสือและทำแบบฝึกหัด พยายามรักษาสิบอันดับแรกของชั้นเรียนไว้ให้ได้ คะแนนดีที่สุดก็ได้แค่ที่สามของห้อง ครั้งนี้รักษาอันดับไว้ไม่ได้จึงหล่นไปอยู่อันดับที่เก้า ผลที่ได้เยี่ยหวันหวั่นสอบเล่นๆ กลับสอบได้ที่หนึ่ง?
เฉินเมิ่งฉีพยายามกลั้นความรู้สึกไม่เหมาะสมไว้ในใจ คะแนนดีแล้วอย่างไร? ตระกูลเยี่ยไม่ใช่ตระกูลเยี่ยของเยี่ยเส่าถิงอีกแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่ใช่คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเยี่ยที่สดใสงดงามอีกแล้ว เยี่ยหวันหวั่นในตอนนี้ยังไม่คู่ควรแม้แต่มาขัดรองเท้าให้เธอเลย
“แล้วเรื่องของเธอกับซือเซี่ยเป็นอย่างไรบ้าง? เธอคงไม่ได้ชอบซือเซี่ยหรอกนะ?” เฉินเมิ่งฉีในที่สุดก็ถามถึงประเด็นหลักแล้ว
อย่างไรแล้วช่วงที่ผ่านมาเยี่ยหวันหวั่นก็นั่งเรียนโต๊ะเดียวกับซือเซี่ย หรือว่าในช่วงเวลานั้น เยี่ยหวันหวั่นเกิดมีใจหวั่นไหวให้กับซือเซี่ย?
เยี่ยหวันหวั่นได้ยิน ดวงตาทั้งสองข้างพลันหรี่เล็กลง
ดูท่าเรื่องของซือเซี่ยจะต้องรีบจัดการโดยเร็วแล้ว ไม่เช่นนั้นจะถูกเฉินเมิ่งฉีหยิบมาเล่นงานเธอได้อีก
“ไม่ได้สนใจ” เยี่ยหวันหวั่นตอบส่งๆ ไปคำหนึ่ง