ตอนที่ 14
บทที่ 14 โตมาน่าเกลียดแล้ว
พริบตาที่ริมฝีปากอันอ่อนนุ่มของหญิงสาวแตะลงมา รูม่านตาของซือเยี่ยหานหดตัวฉับพลัน
นัยน์ตาคู่นั้นมืดมิดยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ราวกับสามารถดูดวิญญาณของคนเข้าไปได้
ขณะจดจ้องสายตาเร่าร้อนของเขา เยี่ยหวันหวั่นถอยไปอยู่ในระยะห่างที่ปลอดภัย ฝืนพูดต่อไปว่า “ที่... ที่จริง... ฉันแค่หวังว่าจะเป็นเหมือนเด็กผู้หญิงทั่วไป ใช้ชีวิต เรียนหนังสือ มีความรัก...
ฉันรับรองว่าฉันจะไม่ทะเลาะกับคุณอีก คุณก็อย่าบังคับฉันให้ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ อย่าเอาแต่โมโหหรือน่ากลัวขนาดนั้นได้ไหม?
กู้เยว่เจ๋อนั่น ก่อนหน้านี้สมองฉันคงโดนประตูหนีบเข้าให้ ถึงได้เอาแต่คิดถึงผู้ชายไม่ได้เรื่องคนหนึ่ง ตอนนี้ฉันคิดได้แล้ว
ฉันคิดว่า ด้วยฐานะหน้าตาของคุณชายเก้าอย่างคุณ ขอแค่พวกเรากลับไปพูดคุยกันปกติ พอเวลานานไป ฉันจะต้องเติบโตเป็นแตงหวานได้แน่นอน!
อันที่จริง...แตงหวานมันอร่อยจริงๆ นะ ฉันคิดว่าคุณน่าจะลองดูสักหน่อย ไม่เคยลองจะรู้ได้ยังไงว่าไม่ชอบ ใช่ไหมล่ะ?
แหะๆ เพราะฉะนั้น จะให้โอกาสฉันอีกสักครั้งไม่ได้เหรอ? ครั้งนี้ฉันรับรองว่าจะพยายามเติบโตอย่างดี จะต้องรากตรงต้นกล้าแดง! ดีไหม?”
เยี่ยหวันหวั่นพูดจนคอแหบคอแห้ง จากนั้นก็รอคอยคำตอบของเขาอย่างตื่นเต้น
สายตาซือเยี่ยหานหยุดอยู่ที่ริมฝีปากของหญิงสาว หยุดอยู่ที่สายตาซึ่งหวาดกลัวอย่างชัดเจน ทว่ายังฝืนสบตาตรงๆ เขามองอยู่เนิ่นนาน
สายตานั้นราวกับสามารถทะลวงผ่านจิตวิญญาณได้ ทำให้คนสั่นเทาด้วยความกลัว
เยี่ยหวันหวั่นไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรกันแน่ ช่างเป็นเวลาที่ยาวนานราวหลายศตวรรษ ในที่สุดก็ได้ยินเสียงของชายหนุ่มแว่วเข้าหูมา “ได้”
เยี่ยหวันหวั่นอึ้งจนนิ่งอยู่กับที่ น่าเหลือเชื่อจริงๆ
ซือเยี่ยหานตกลงแล้ว คาดไม่ถึงว่าเขาจะตกลง!?
“คุณ...คุณตกลงแล้วนะ!” ดวงตาของเยี่ยหวันหวั่นเป็นประกายสดใส ลองเชิงถามอย่างระแวดระวัง “ถ้าอย่างนั้น... ถ้าอย่างนั้นฉันกลับไปเรียนที่โรงเรียนได้ไหม?”
ซือเยี่ยหานมองดวงตาสดใสของเธอ ใบหน้าเย่อหยิ่งเย็นชาพลันอ่อนโยนลงหลายส่วน “ได้”
เยี่ยหวันหวั่นพลันโผเข้าไปหอมแก้มซือเยี่ยหานด้วยความดีใจ “ขอบคุณค่ะ!”
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอลองพูดคุยกับซือเยี่ยหาน เธอถึงขั้นเตรียมใจที่จะล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วนเอาไว้แล้ว อย่างไรซะโรงเรียนของเธอก็เป็นโรงเรียนประจำ อนุญาตให้เธอไปโรงเรียน หมายความว่ายอมปล่อยเธอออกจากกรงนั่นเอง
แต่เธอกลับทำสำเร็จแล้ว
ทำไมชาติก่อนเธอถึงไม่เคยคิดจะพูดกับซือเยี่ยหานดีๆ นะ?
หากตอนนั้นเธอลองปรับเปลี่ยน ผลลัพธ์จะต่างออกไปหรือเปล่า...
“ถ้าอย่างนั้นฉันไปเก็บของก่อนนะ! ถ้าว่างฉันจะกลับสวนจิ่นหยวนมาดูแลสวนผัก!” เยี่ยหวันหวั่นกระโดดโลดเต้นกลับห้องไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ
ทางด้านหลัง สายตาของซือเยี่ยหานมองตามทิศทางที่หญิงสาวเดินออกไป พลางยกมือขึ้นสัมผัสบริเวณที่ถูกหอมเมื่อครู่...
หลังจากกลับถึงห้อง
เยี่ยหวันหวั่นรีบเก็บหนังสือเรียนและสัมภาระของตัวเอง
ไม่นึกเลยว่าจะสำเร็จแล้ว อย่างกับฝันไปเลย!
เวลานี้เอง มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ชื่อผู้โทรเข้ามาคือเฉินเมิ่งฉี
มุมปากของเยี่ยหวันหวั่นหยักโค้งยิ้มหยัน ยกมือขึ้นรับโทรศัพท์ “ฮัลโหล?”
ทันทีที่รับโทรศัพท์ เสียงร้อนใจของเฉินเมิ่งฉีก็ดังออกมา “หวันหวั่น ฉันโทรหาเธอทำไมไม่มีใครรับเลย? เธอเป็นอะไรไป? ทำไมไม่หนีไปกับคุณชายกู้? เธอรู้หรือเปล่าว่าฉันต้องกล่อมคุณชายกู้ขนาดไหนเขาถึงจะยอมช่วย!”
เยี่ยหวันหวั่นตอบด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “คุยในโทรศัพท์มันไม่ชัดเจน รอพรุ่งนี้ฉันกลับโรงเรียนแล้วค่อยว่ากันนะ”
เฉินเมิ่งฉีได้ยินแล้วสีหน้าพลันเปลี่ยนไป “กลับโรงเรียน? คุณซือเขา...ไม่ได้ทำอะไรเธอเหรอ? อีกทั้งยังปล่อยเธอกลับโรงเรียนด้วย?”
เห็นกับตาตัวเองว่าเยี่ยหวันหวั่นจะหนีไปกับกู้เยว่เจ๋อแล้ว ทำไมซือเยี่ยหานถึงปล่อยไปง่ายๆ แบบนี้?