ตอนที่ 112
บทที่ 112 ประจบถูกคนแล้ว
“คุณชายเก้า ท่านนี้คือ...” ด้านข้างมีคนลองเชิงถามขึ้น
ซือเยี่ยหานไม่ชอบการถูกคนอื่นถามไถ่เรื่องส่วนตัวที่สุด คนคนนั้นเพิ่งจะถามจบก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้ว ทว่าคิดไม่ถึง ชายหนุ่มกลับตอบเขากลับมาคำหนึ่งจริงๆ
“แฟน”
ความสำคัญของคำๆ นี้ไม่ธรรมดา!
เดิมทีคิดว่าเป็นเพียงเพื่อนผู้หญิงธรรมดา สุดท้ายกลับมีสถานะเสียด้วย?
มุมปากหลิวเชวียหยักโค้งเล็กน้อยปรายตาไปที่ซือเยี่ยหาน หรือว่าที่เจ้าหมอนี่เรียกเยี่ยหวันหวั่นมากะทันหัน ก็เพื่อที่จะประกาศความเป็นเจ้าของเธออย่างนั้นเหรอ?
ชุยเฮ่าเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก รีบฉวยโอกาสตีสนิท “โอ้โห มิน่าล่ะ ที่ปกติแล้วคุณชายเก้าไม่สนใจผู้หญิง ที่แท้ที่บ้านก็ซ่อนแฟนสวยขนาดนี้ไว้ ไม่รู้ว่าคุณผู้หญิงท่านนี้ชื่ออะไรหรือครับ?”
“สวัสดีค่ะทุกคน ฉันสกุลเยี่ยค่ะ” เยี่ยหวันหวั่นทักทายอย่างเรียบง่าย
เยี่ย...?
ทันใดนั้นทุกคนก็นึกถึงตระกูลเศรษฐีในเมืองหลวงที่สกุลเยี่ยทั้งหมดรอบหนึ่ง ผลคือก็ยังไม่รู้ว่าสกุลเยี่ยไหนกันแน่
สกุลเยี่ยในเมืองหลวงที่สามารถขานชื่อออกมาได้เหมือนว่าจะมีเพียงตระกูลเดียว แต่จากคุณสมบัติของตระกูลนั้นก็ห่างไกลจากการเข้ามาในวงสังคมของพวกเขา อีกทั้งลูกสาวของตระกูลนั้นก็กำหนดงานแต่งกับสกุลกู้ไว้แล้ว
ทุกคนเห็นว่าถามมาถึงตรงนี้ก็ควรพอได้แล้ว ไม่กล้าที่จะซักไซ้อีก และเริ่มดื่มเหล้าพูดคุยกันอย่างรื่นเริงอีกครั้ง
เรื่องหลังจากนี้ทั้งหมดล้วนธรรมดา โครงการของชุยเฮ่าที่พยายามคุยมากว่าครึ่งปีก็ยังไม่สำเร็จ ในที่สุดก็ประสบความเร็จในการเป็นพารท์เนอร์กับซือเยี่ยหานได้ในคืนนี้
ตอนชนแก้วครั้งสุดท้าย สายตาเอ่อรื้นด้วยน้ำตาของชุยเฮ่า มองเยี่ยหวันหวั่นด้วยสายตาเหมือนมองพระโพธิสัตว์กวนอินที่ได้โปรดสัตว์ให้พ้นความทุกข์ยาก
เดิมทีคิดว่าแย่แน่แล้ว ไหนเลยจะรู้ว่าไม่เพียงคลี่คลายสถานการณ์เสี่ยงตายไปได้ ยังคุยเรื่องธุรกิจสำเร็จอีกด้วย
ก็เหมือนกับขุนนางในสมัยโบราณที่ชอบยัดผู้หญิงเข้าไปในวังหลังของฮ่องเต้ ทุกคนล้วนคิดจะยัดผู้หญิงไว้ข้างกายซือเซี่ย เขาเองก็ไม่ต่างออกไป
วันนี้ได้เห็นท่าทีซือเยี่ยหานที่ตะเพิดหญิงอื่นออกไปหมด ขอรักเพียงเธอคนเดียว พวกเขาหมดโอกาสแน่แล้ว ทำดีไม่ดีหากไม่ระวังจะกลายเป็นก่อเรื่องยุ่งยากเหมือนเมื่อสักครู่เข้า
แต่ว่า ลงมือจากที่อื่นก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้...
ก่อนจะจากกัน ชุยเฮ่าหยิบการ์ดสีทองจากกระเป๋าเสื้อออกมาใบหนึ่ง ส่งให้เยี่ยหวันหวั่นด้วยความใจกว้าง เอ่ยด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า “คุณเยี่ยครับ เจอกันครั้งแรก นี่เป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากผม ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
เยี่ยหวันหวั่นปรายตามองการด์ใบนั้น สายตาพลันเป็นประกาย คิดไม่ถึงว่าจะเป็นการ์ดทองของห้างสรรพสินค้าพาร์คสันที่รวมตัวของสินค้าแบรนด์หรูที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง
ด้วยการ์ดใบนี้จะได้รับการบริการระดับ VIP สามารถได้ส่วนลดที่มากที่สุดของแบรนด์หรูทุกแบรนด์
ปกติแล้วผู้ที่จะได้การ์ดใบนี้ได้ นอกจากผู้บริหารระดับสูงภายใน ก็จะต้องมียอดค่าใช้จ่ายถึงสิบล้านหยวน
คนรวยที่แท้จริง ซื้ออัญมณีหรือหยกสักเม็ดก็สามารถทำถึงยอดนี้ได้แล้ว แต่สำหรับคนธรรมดา หรือกระทั่งเศรษฐีทั่วไปแล้ว ชีวิตทั้งชีวิตก็ไม่สามารถใช้จ่ายเงินจำนวนมากขนาดนี้ที่ห้างสรรพสินค้าหนึ่งได้หรอก
คนคนนี้กลับมอบการ์ดทองของห้างพาร์คสันให้เธออย่างง่ายดาย?
ชุยเฮ่า...ชุย...ให้ตายเถอะ! เธอนึกออกแล้ว หรือว่าคนคนนี้คือนายห้างน้อยของพาร์คสันกรุ๊ป?
เยี่ยหวันหวั่นเห็นดังนั้น กลับไม่ได้รับมา แต่หันมองซือเยี่ยหานที่อยู่ข้างกาย
ซือเยี่ยหานมองชุยเฮ่าอย่างเฉยเมย เหมือนว่าไม่ได้รู้สึกไม่ดีกับการกระทำของเขา “รับไว้สิ”
เห็นซือเยี่ยหานอนุญาตแล้ว เยี่ยหวันหวั่นถึงได้รับเอาไว้ “ขอบคุณค่ะ”
ชุยเฮ่าพลันโล่งใจ “ไม่ต้องเกรงใจๆ คิดไม่ออกจริงๆ ว่าควรจะมอบอะไรให้คุณดี พวกสาวๆ มักจะชอบชอปปิ้ง เลยคิดว่าคุณน่าจะชอบสิ่งนี้ด้วย”
นับว่าเขามองออกแล้ว ผู้หญิงคนนี้มีผลกระทบต่อซือเยี่ยหานไม่ธรรมดา ดังนั้นสร้างสัมพันธ์เอาไว้ไม่เสียหลาย
หลังจากรอให้รถของซือเยี่ยหานขับแล่นออกไปแล้ว หลินเชวียปรายตามองชุยเฮ่าที่อยู่ข้างกายครั้งหนึ่ง “นายนี่มีไหวพริบจริงๆ!”
ชุยเฮ่ายิ้มแห้ง “ผู้ที่เข้าใจสถานการณ์คือผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้นเองครับ แต่ว่าคุณชายหลิน ผู้หญิงเป็นมายังไงกันแน่? แอบบอกให้ผมฟังสักนิดไม่ได้เหรอครับ?
หลินเชวียจุดบุหรี่ “เป็นมายังไงบอกไม่ได้หรอกนะ แต่ว่าผมบอกได้อย่างหนึ่ง...”
“อะไรเหรอครับ?”
“ประจบถูกคนแล้ว”