สมาชิก

ใต้เงาจันทร์

ตอนที่ 13

อัลบั้ม: 'มาร์กี้' ฮอต! 2 เรื่องในล็อตเดียว! 'ใต้เงาจันทร์' พุธ-พฤหัส ประกบ 'เกรท'

ในห้องพักคนไข้ พิมพ์พรรณเฝ้าไข้กิจจาอยู่ไม่ห่าง พบูเดินเข้ามากวาดตามองหาศตายุ พิมพ์พรรณกำลังจะอ้าปากตอบ เจมี่ก็โผล่มาอีกคนแขวะพบู

“เธอก็ไม่รู้เหมือนกันเหรอว่าพี่โตไปไหน เธอเป็นคนสำคัญของพี่โตไม่ใช่เหรอ ทำไมพี่โตถึงไม่บอกเธอล่ะหรือว่า ไม่สำคัญจริง”

พบูหน้าเสียแต่ก็สวน “เพราะสำคัญมาก เขาเลยไม่อยากให้ฉันเป็นห่วงตะหากย่ะ”

พิมพ์พรรณมองสองสาวเถียงกันไปมาก็แทรกขึ้น ศตายุไม่อยู่ ฝากตนดูแลกิจจาตั้งแต่เมื่อคืน พบูถามเขาไปไหน เธอส่ายหน้า สองสาวมองหน้ากันต่างรู้สึกเป็นห่วงศตายุอย่างมาก...

กลับถึงร้าน พบูหงุดหงิดพยายามโทร.หาศตายุแต่เขาปิดเครื่อง เก็ทปลอบให้ใจเย็น ที่ศตายุปิดเครื่องแสดงว่าคงยังไม่พร้อมจะคุยกับใคร เขาสบายใจขึ้นเมื่อไหร่คงติดต่อมาเอง

ไม่ทันไร ธราดลหน้าตื่นเข้ามาถามหาศตายุ ตนติดต่อไม่ได้เหมือนกัน เก็ทให้เช็กตามบ้านพักต่างอากาศของกิจจาทั้งหมด ธราดลตอบว่าเช็กหมดแล้วไม่ได้ไปเลย

“ผมจะต้องไปเรียนต่อแล้วด้วย เกิดเรื่องแบบนี้ผมไม่สบายใจเลย” ธราดลเศร้า เก็ทบีบมือปลอบใจ พบูมัวแต่กดโทรศัพท์จึงไม่ทันสังเกตการกระทำของเพื่อนกับน้อง

บนทางเดินโรงพยาบาล งามยิ่ง เมฆพัดและเจริญรุ่งเดินคุยกันมา งามยิ่งกับเมฆพัดดีใจที่ศตายุเก็บของออกจากบ้านไปแล้ว สะใจที่คงสติแตกรับความจริงไม่ได้เมื่อรู้ว่าตัวเองไม่ได้เป็นสายเลือดศศิวงศ์ เจริญรุ่งนิ่งอึ้งรู้สึกสงสารศตายุขึ้นมาบ้าง งามยิ่งกระดี๊กระด๊า

“ต่อไปนี้เราจะทำอะไรในบ้านในบริษัทก็คงสบาย ไม่ต้องมีใครมาคอยขัดแข้งขัดขาให้เสียอารมณ์”

เจริญรุ่งขัด “อย่าเพิ่งดีใจไปก่อนเลย รอคุณพ่อฟื้นก่อนดีกว่า บางทีท่านอาจจะเฉยๆก็ได้ที่โตไม่ได้เป็นหลานแท้ๆของท่าน”

งามยิ่งกับเมฆพัดฟังแล้วเซ็ง แต่ก็เชื่อว่ากิจจาต้องไม่เอาศตายุไว้แน่...

พอทั้งสามเปิดประตูห้องเข้ามา ต้องแปลกใจที่เห็นพิมพ์พรรณนั่งอยู่ เจริญรุ่งถามทำไมไม่อยู่ที่บริษัท พิมพ์พรรณยกมือไหว้ทั้งสามคนก่อนจะบอกว่าศตายุให้ตนมาเฝ้ากิจจา เมฆพัดชักสีหน้าไม่พอใจ งามยิ่งบอกให้กลับไปตนจะดูแลพ่อเอง แต่พิมพ์พรรณปฏิเสธ

“ไม่ได้หรอกค่ะ คุณโตสั่งให้เฝ้าคุณกิจจาตลอดเวลา ห้ามไม่ให้ไปไหนเด็ดขาด”

“นี่เธอยังไม่รู้ล่ะสิว่าไอ้โตไม่ได้เป็นอะไรกับคุณพ่อ ไม่ได้เป็นประธานบริษัทนี้ แล้วก็ไม่มีสิทธิ์อะไรด้วย...รู้แบบนี้แล้วยังจะฟังคำสั่งไอ้โตอยู่อีกไหม” งามยิ่งแจกแจง

พิมพ์พรรณอึ้งไปนิดๆแต่ก็ตอบว่า “ฟังค่ะ พิมพ์ไม่ทราบหรอกนะคะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สำหรับพิมพ์ คุณโตก็คือเจ้านายของพิมพ์”

งามยิ่งโกรธโวยวันใดที่บริษัทเป็นของตน ตนจะไล่เธอออกเป็นคนแรก พิมพ์พรรณเถียงอย่างสุภาพ

“ไล่เลยค่ะ เพราะถ้าคุณโตไม่ได้เป็นประธาน พิมพ์ก็ไม่อยากทำงานที่นี่เหมือนกัน”

งามยิ่งมองพิมพ์พรรณที่เดินไปนั่งข้างเตียงอย่างโกรธและเจ็บใจ เดินฉับๆออกจากห้อง เจริญรุ่งมองกิจจาซึ่งยังนอนอยู่บนเตียงอย่างห่วงๆ ก่อนจะเดินตามงามยิ่งและเมฆพัดออกไป

ooooooo

ข่าวศตายุไม่ใช่ลูกเจริญรุ่งแพร่กระจายไปทั่วบริษัท บุรีตกใจไม่อยากเชื่อ ต๋อยได้ข่าวเพิ่มว่าศตายุรับความจริงไม่ได้จึงหนีไป พิมพ์พรรณก็ไม่มาทำงานเหมือนกัน

บุรีแอบกังวลใจนัดเจมี่ออกมาเจอเพื่อถามข่าวคราว เจมี่เองก็ยังช็อกไม่หายตั้งแต่ได้ยินเมฆพัดคุยกับงามยิ่ง ตอนนี้ก็ตามหาศตายุไม่เจอ สงสัยจะเสียใจมาก บุรีคาดคะเน

“เจอเรื่องดราม่าจัดหนักขนาดนั้นก็คงต้องทำใจซักระยะ”

“ดีนะที่พี่โตยังไม่รู้เรื่องอาเมฆ ไม่งั้นคงเครียดหนักอีกเรื่อง” บุรีรีบถามว่าเรื่องอะไร เจมี่สาธยาย “ตอนนี้คุณพ่อเริ่มสงสัยแล้ว ว่าอาเมฆยักยอกเงินงบประมาณคอนโด จนคอนโดทรุด คุณพ่อกำลังให้คนสืบอยู่ อีกไม่นานก็คงรู้ความจริง”

“ก็ดีแล้ว คนทำผิดก็ต้องรับผิด” บุรีสมน้ำหน้า

เจมี่เซ็งที่มีแต่เรื่องเครียดๆ บุรีหันมาเห็นใจ ลืมตัวเอื้อมมือไปแตะแขนให้กำลังใจ เจมี่รู้สึกวูบวาบบอกไม่ถูก หันไปตักไอศกรีมกินแก้เขิน

เย็นวันนั้น เมฆพัดมองรูปกิจจาด้วยความรู้สึกสับสน ควรทำอย่างไรกับพ่อดี ลูกตาลรู้ว่าเขากำลังใจอ่อนจึงเข้ามายุให้ฆ่ากิจจาเสีย เมฆพัดตาเหลือกมองลูกตาลไม่คิดว่าจะพูดแบบนี้

“ถ้าคุณไม่ชิงลงมือก่อน พ่อคุณฟื้นขึ้นมาคุณนั่นแหละจะเดือดร้อน ฉันเคยบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอ ขนาดปกติเขายังเกลียดคุณ แล้วคุณทำถึงขนาดนี้คิดว่าเขาจะปล่อยคุณไว้เหรอ”

เมฆพัดครุ่นคิดตาม ลูกตาลยุต่อว่าตอนนี้โอกาสกำลังดี ที่ศตายุไม่อยู่ ถ้าเขาไม่ลงมือตนจะลงมือเอง เมฆพัดรู้สึกว้าวุ่นใจควรทำดีหรือไม่

ตกดึกเมฆพัดกับลูกตาลเข้ามาในห้องคนไข้ เห็นกิจจานอนอยู่บนเตียงลำพังไม่มีคนเฝ้า ลูกตาลบอกให้เมฆพัดลงมือโดยเร็ว...เมฆพัดยืนมองหน้าพ่ออย่างลังเล นึกถึงคำพูดบั่นทอนจิตใจของพ่อที่ว่าตนเหมือนแม่ เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ไม่เคยจริงใจ แล้วทำให้แค้นรวบรวมความกล้าหยิบหมอนขึ้นมาจะกดหน้ากิจจา แต่แล้วก็

ทำไม่ลง ลูกตาลไม่รอช้าแย่งหมอนมากดลงบนหน้ากิจจาอย่างรวดเร็ว ร่างกิจจาดิ้นไปมาเล็กน้อยแล้วนิ่งไป มือร่วงลงข้างเตียง ลูกตาลยกหมอนออกแล้วเอามือแตะจมูก เห็นว่าไม่มีลมหายใจแล้ว เมฆพัดกลัวจนแทบเก็บอาการไม่อยู่รีบชวนกลับ

พบูกับพิมพ์พรรณเปิดประตูพรวดสวนเข้ามา มองเมฆพัดกับลูกตาลอย่างไม่ไว้ใจ พอหันมองกิจจาก็ต้องตกใจ พบูรีบถามเมฆพัดว่าทำอะไรกิจจา เขาพยายามพูดให้เป็นปกติ

“ฉันมาเยี่ยมคุณพ่อ แต่คุณพ่อหลับอยู่น่ะเลยจะกลับแล้ว” เมฆพัดกับลูกตาลรีบออกไป

พบูกับพิมพ์พรรณเข้ามาดูกิจจา ช่วยกันปลุกจนใจเสีย พิมพ์พรรณจะกดเรียกพยาบาล เสียงกิจจาแหบพร่าดังขึ้น

“ปู่ไม่เป็นไร...”

สองสาวชะงัก เห็นกิจจาลืมตาก็อ้าปากจะร้องเรียก กิจจาเอานิ้วชี้แตะปากให้ทั้งสองเงียบ

“ปู่ไม่เป็นไร พวกมันเอาหมอนกดหน้าปู่ ปู่เลยต้องแกล้งหมดสติ พวกมันจะได้หยุด”

สองสาวโมโหมาก พบูรีบถามว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้น กิจจาค่อยๆเล่าว่า ตนกับเมฆพัดทะเลาะกันแล้วเขาก็ผลักตนล้มฟาดและปล่อยตนทิ้งไว้แบบนั้น...พบูสบถ เป็นอย่างที่ศตายุเดาไว้จริงๆ

กิจจารีบถาม “แล้วโตล่ะ โตอยู่ไหน เมฆไปพูดอะไรกับโตรึเปล่า”

สองสาวสลดลงจนกิจจาสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น พิมพ์พรรณส่งจดหมายที่ศตายุฝากไว้ให้แก่กิจจา เขารับมาเปิดอ่าน

“ตอนนี้คุณปู่ก็คงรู้ความจริงแล้วว่าผมไม่ใช่หลานแท้ๆของคุณปู่ ผมขอโทษที่ไม่ใช่สายเลือดของคุณปู่ ทำให้คุณปู่ต้องผิดหวัง...ในเมื่อตอนนี้ผมไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับศศิวงศ์เลย ผมขอคืนทุกอย่างที่คุณปู่ให้ผม ทั้งตำแหน่งในบริษัทหรือทรัพย์สินต่างๆให้กับคุณปู่ เพราะผมไม่สมควรจะรับมัน ผมขอโทษที่ไม่ได้มาลาด้วยตัวเองเพราะผมไม่กล้าสู้หน้าคุณปู่อีกแล้ว ขอบคุณที่เลี้ยงผมมาอย่างดี สุดท้ายขอให้คุณปู่รักษาสุขภาพด้วย...รักและเป็นห่วงเสมอ...โต”

กิจจาอ่านจบน้ำตาคลอเบ้า บอกพบูว่าตนอยากเจอศตายุ พบูหน้าเศร้าเพราะตนก็หาเขาไม่เจอ กิจจาบอกว่าตนรู้ว่าเขาอยู่ไหน ให้ช่วยไปตามเขากลับมาที...

พบูยิ้มทั้งน้ำตาด้วยความดีใจ

ooooooo

พบูเอาแผนที่ที่ได้จากกิจจามาให้บุรีอธิบายทาง บุรีเอาเข้าจีพีเอสซูมเข้าไป พบูสาธยายว่าเป็นบ้านสวนของกิจจา เข้าไปลึกมากตนอยากถามทางให้แน่ใจจะได้ไม่หลง บุรีเห็นว่ากว่าพบูจะขับรถไปถึงต้องมืดแน่ จึงอาสาขับรถไปให้ พบูลังเล บุรีรู้ทันดักคอ

“ถ้าอยากเจอคุณโตเร็วๆก็เชื่อผม แต่ถ้าอยากไปหลงคนเดียวก็ตามใจ ผมจะได้ไปกินข้าวกับเพื่อน” บุรีแกล้งทำท่าจะเดินไป พบูหวั่นใจรีบขอร้องให้เขาพาไป บุรีแอบยิ้มสมใจ

บนถนนทางไปบ้านสวนริมน้ำ สองข้างทางเป็นสวนผลไม้ บุรีขับรถพบูมาจอดหน้าบ้าน พบูชะเง้อมองเข้าไปว่าใช่บ้านกิจจาแน่หรือเปล่า พอเห็นว่าใช่ก็รีบบอกบุรีให้รออยู่ข้างนอก ตนจะเข้าไปตามศตายุ สีหน้าพบูดีใจจนบุรีอดแขวะไม่ได้

“แหม...พอเจอเป้าหมายก็ถีบหัวส่งผมเลยนะ”

พบูบอกว่าถีบที่ไหนแค่เกรงใจ ว่าแล้วก็รีบเดินเข้าไปในบ้าน บุรีมองตามเศร้าๆ

ภายในบ้านไฟสลัว ศตายุนั่งเศร้าหมดสภาพอยู่มุมหนึ่ง ข้างตัวมีกองกระป๋องเบียร์ เขาจมอยู่กับความหลอนว่ากิจจาขับไล่เพราะไม่ใช่หลาน เมฆพัดกับงามยิ่งยิ้มเยาะ เจริญรุ่งซ้ำเติมว่าตนไม่ใช่ลูก

พบูเดินเข้ามาใกล้เห็นสภาพเขาก็ยิ่งสงสาร เรียกชื่อเบาๆ ศตายุเงยหน้ามองสีหน้าแปลกใจ พบูบอกว่าตนมารับกลับบ้าน เขานิ่งไม่ตอบ เธอจึงค่อยๆกล่าว

“คุณปู่รู้สึกตัวแล้ว ทุกคนเป็นห่วงคุณมากนะ ฉันก็เป็นห่วงคุณเหมือนกัน”

“เป็นห่วงผมเพราะอะไร สมเพชผมเหรอที่ชีวิตผมเป็นแบบนี้ มันน่าสงสารนักใช่ไหม”

“ทำไมคุณพูดแบบนี้ล่ะ” พบูเอื้อมมือไปจับมือศตายุ

เขาปัดมือเธอออกอย่างแรง พูดจาขาดสติ “ตกลงผมเป็นอะไรสำหรับทุกคน ไอ้เด็กถูกทิ้ง ไอ้คนน่าสงสาร ถ้าไม่อยากมีลูกแล้วจะเก็บผมมาเลี้ยงทำไม ถ้าไม่รักผมแล้วมาให้ความหวังผมทำไม มันสนุกมากนักใช่ไหมที่ทำแบบนี้กับผม ทำไมทุกคนต้องทำกับผมแบบนี้”

พบูพยายามปลอบให้ศตายุตั้งสติ ศตายุกลับไล่เธอ ไม่อยากเห็นหน้า พอเห็นเธอนิ่งก็โวยว่าเธอไม่ไป

ตนไปเองก็ได้...

ศตายุลุกเดินโซเซ พบูปรี่เข้าประคอง เขาสลัดเธอออกจนเธอล้มลง บุรีเดินตามเข้ามาเห็นก็โมโหเข้ากระชากคอเสื้อศตายุตวาดลั่น

“คุณพบูเขาเป็นห่วงคุณมาก พยายามมาหาคุณด้วยความยากลำบาก คุณทำกับคุณพบูแบบนี้ได้ยังไง”

ศตายุไม่พอใจที่เห็นบุรีมากับพบู ประชดกลับ “มากับคุณจะลำบากอะไร ถ้ากลัวมาเสียเที่ยวก็แวะเที่ยวกันต่อไปเลยสิ”

พบูน้ำตาร่วง บุรีทนไม่ไหวชกหน้าศตายุโครมแล้วด่าซ้ำ

“ผมอุตส่าห์ยอมถอย ยกผู้หญิงที่ผมรักให้ แต่คุณกลับมองไม่เห็นค่า คุณมันน่าสมเพชจริงๆ”

ศตายุสติแตกไม่ฟังเสียงชกหน้าบุรีกลับ สองคนวางมวยกันยกใหญ่เหมือนต่างเก็บกดมานาน พบูตกใจพยายามห้ามแต่ไม่มีใครฟัง จึงเข้าไปกันถูกผลักดันจนเสื้อผ้าหลุดลุ่ยผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่คาดคิดมีหมัดลูกหลงของบุรีซัดเข้าเต็มหน้าเธอ ล้มไปเลือดกำเดาทะลัก สองหนุ่ม ยังไม่หยุด

พบูลุกขึ้นโวยลั่น “ตกลงจะไม่มีใครหยุดใช่ไหม ก็ได้ งั้นก็ต่อยกันให้ตายไปเลยฉันไปเอง”

พูดจบก็เดินฉับๆออกจากบ้าน ปล่อยสองคนต่อยกันต่อไปให้หนำใจ

ooooooo

สภาพพบูจมูกแดงโร่มีทิชชูอุดห้ามเลือด เสื้อผ้าผมเผ้ายุ่งเหยิงกลับมาหาเพื่อนที่ร้านลามูน เก็ทอดหัวเราะไม่ได้ ทำแผลให้ด้วยความสงสาร ถามสรุปเธอทิ้งสองหนุ่มแล้วหนีกลับมาหรือ ป่านนี้คงตีกันตาย พบูยังโกรธสบถ

“ไม่รู้ เกิดมาในชีวิตไม่เคยคิดว่าต้องมาเจอสถานการณ์แบบนี้ ทำอะไรไม่ถูกเลย”

“น่าภูมิใจออกมีหนุ่มรูปหล่อสองคนมาต่อยกันต่อหน้า มันศึกชิงนางชัดๆ เชื่อสิว่าคุณโตเขาหึงที่แกไปกับบุรี ส่วนบุรีก็หมั่นไส้คุณโตเพราะแกเลือกคุณโต” เก็ท แกล้งแซว

พบูถอนใจไม่เข้าใจเลยว่าศตายุโกรธอะไรตน ทำไมถึงคิดว่าตนชอบเขาเพราะสงสารเขา ตนไม่ได้คิดอย่างนั้นเสียหน่อย เก็ทสะอึกก่อนจะสารภาพว่าที่เป็นอย่างนั้นเพราะศตายุได้ยินตนคุยกับบุรีวันก่อน พบูตาโตรีบถามว่าคุยอะไรกัน เก็ทขยาดกลัวโดนเพื่อนโวย ค่อยๆเล่า

“บุรีพูดเล่นๆว่าแกชอบคุณโตเพราะว่าสงสารไง คุณโตเขาอาจจะบังเอิญมาได้ยิน”

พบูเคืองเพราะอย่างนี้นี่เอง แต่ก็ไม่โกรธเพื่อน กลับโกรธศตายุมากกว่าที่ไม่เชื่อใจตนถึงกับบ่น

“ฉันแสดงออกขนาดนี้ ดูไม่รู้รึไงว่าฉันชอบเขาขนาดไหน แค่คำพูดนิดๆหน่อยๆก็มาหวั่นไหว ไม่หนักแน่นเอาซะเลย”

“แต่แกก็ต้องเข้าใจคุณโตด้วยนะ เขาเพิ่งเจอเรื่องร้ายๆมา ระบบก็เลยรวน เครื่องเออเร่อ”

พบูพยักหน้าเข้าใจถึงได้ไม่โวยวาย เก็ทสวนนี่ขนาดไม่โวยวายหรือ พบูรำพัน

“ก็มันอดน้อยใจไม่ได้นี่ ขนาดบุรียังโมโหแทนฉันเลย...” แล้วพบูก็นึกขึ้นได้ “บุรี! ตายแล้ว บุรีไม่มีรถนี่ แล้วเขาจะกลับยังไง”

พบูลุกพรวดเดินจ้ำๆออกจากร้าน เก็ทงงตามอารมณ์เพื่อนไม่ทันจริงๆ

ด้านบุรีนั่งปากแตก คุยโทรศัพท์โวยวายกับพบู เพิ่งนึกได้หรือไม่โทรมาพรุ่งนี้เลยล่ะ พบูขับรถไปคุยโทรศัพท์ขอโทษเขาไป แล้วถามตอนนี้เขาอยู่ไหน บุรีกวนกลับ

“คุณทิ้งผมไว้ที่ไหน ผมก็อยู่ตรงนั้นแหละ ผมอุตส่าห์หวังดีเป็นห่วงคุณ ช่วยเหลือคุณ แต่สุดท้ายผมก็ถูกคุณทิ้งอีกตามเคย”

“ฉันขอโทษ แต่คุณก็เสยหน้าฉันจนเยินเหมือนกันแหละ” พบูรู้สึกผิด

“ถ้าคุณเลือกผมตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องมาเสียใจแบบนี้หรอก งี้แหละนะ พอเขาจีบคุณติดก็หมดโปรโมชั่น สู้ผมก็ไม่ได้” บุรีเหล่มองศตายุที่นั่งหมดสภาพอยู่ไม่ห่าง อดแขวะไม่ได้

พบูสวนอย่ามาพาลมันไม่เกี่ยวกัน บุรีพรีเซนต์ตัวเองว่าถ้าเป็นตนจะไม่ทำแบบนี้แน่นอน พบูฉุนตวาดแว้ด “ถ้าพูดงี้ก็นอนกระชับมิตรกับคุณโตที่นั่นซักคืนก็แล้วกัน”

บุรีหน้าเสียน้อยใจที่พบูวางสายไป ศตายุยิ้มเยาะก่อนจะบอกว่าพรุ่งนี้จะให้คนสวนไปส่ง คืนนี้ให้นอนแถวนี้ไปก่อน ศตายุหยิบผ้าห่มกับหมอนมาวางให้ก่อนจะเดินเข้าห้องไป

ooooooo

เช้าวันใหม่ ธราดลโทรศัพท์หาศตายุ เพื่อบอกว่าตนกำลังจะเดินทางแล้วแต่พี่ไม่กลับมาส่ง ศตายุอวยพรให้ตั้งใจเรียน พ่อแม่และปู่จะได้ดีใจเพราะเขาเป็นความหวังเดียวของทุกคน ธราดลย้อนถามว่าแล้วพี่จะกลับมาเมื่อไหร่ ตอนนี้บริษัทเละไปหมด ไม่มีใครจัดการอะไรได้

“ดลก็รู้ พี่ไม่มีสิทธิ์อะไรอีกแล้ว”

“แต่สำหรับผม พี่ก็ยังเป็นพี่ชายของผม ผมเชื่อว่าคุณปู่และพนักงานที่บริษัททุกคนก็คิดแบบนี้เหมือนกันทุกคนรอพี่กลับมาอยู่นะครับ” ธราดลพูดจากใจจริง ศตายุฟังด้วยความซาบซึ้ง

พบูกับเก็ทมารับธราดลที่บ้าน เจริญรุ่งรู้สึกดีขึ้นกับพบู ล่ำลาลูกชายและฝากฝัง เก็ทรับคำ ธราดลกอดเจริญรุ่ง สัญญาจะตั้งใจเรียน...

ด้านศตายุยังคงนั่งเศร้าอยู่ที่ท่าน้ำบ้านสวน ครุ่นคิดจะทำอย่างไรกับชีวิตต่อไปดี ทันใดกิจจาเดินเข้ามาเรียก เขาหันขวับลุกยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก ต่างคนต่างมองหน้ากันน้ำตาคลอ กิจจามองหลานรักที่ดูโทรมลงมากด้วยความสงสารปนห่วงใย
“กลับบ้านเราเถอะนะ ปู่มีโตเป็นทุกอย่างในชีวิตของปู่อยู่คนเดียว โตจะทิ้งปู่ได้ลงเหรอ”


“แต่ผมไม่ได้เป็นหลานปู่ ไม่ได้เป็นอะไรกับคุณปู่เลยด้วยซ้ำ” ศตายุเสียงสั่นน้ำตาร่วงพรู

“ปู่รู้มานานแล้วว่าโตไม่ใช่หลาน แต่ปู่ก็ไม่สนใจเพราะปู่รักโตมาก เพราะโตเป็นเด็กดี ไม่เคยทำให้ปู่ผิดหวังเลยสักครั้ง ทั้งหมดเป็นเพราะตัวของโตเอง ไม่ได้เกี่ยวว่าโตเป็นหลาน ปู่ถึงรัก...ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงความรู้สึกที่ปู่มีต่อโตได้หรอก มีแต่ปู่จะยิ่งรักโตมากขึ้นด้วยซ้ำ รู้แบบนี้แล้วโตยังจะทิ้งปู่ลงอีกเหรอ” น้ำตากิจจาไหลริน

ศตายุสะอื้นทรุดลงกราบ กิจจาดึงเขาขึ้นมากอดด้วยความรัก ไม่มีอะไรจะมาทำลายความรักของปู่หลานคู่นี้ได้ ศตายุถามกิจจาว่าตนเป็นใครแล้วเขารู้เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ กิจจาพร้อมเล่า

ก่อนที่เมียเจริญรุ่งจะท้อง บริษัทศศิวงศ์กำลังย่ำแย่ มีซินแสมาทักว่าจะมีเด็กผู้ชายเข้ามาทำให้กิจการดีขึ้น พอเมียเจริญรุ่งท้อง กิจจากรอคอยและตั้งความหวังกับหลานคนนี้มาก แต่แล้วเมียเจริญรุ่งก็คลอดลูกเสียชีวิตทั้งแม่และลูก ขณะที่เจริญรุ่งนั่งเสียใจที่มุมบันไดหนีไฟ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งอุ้มลูกชายแรกเกิดมายัดใส่มือ พร้อมบอกว่าเธอเลี้ยงเด็กคนนี้ไม่ไหว ให้ช่วยเลี้ยงแทนที แล้วเธอก็วิ่งหนีไปโดยไม่บอกรายละเอียดใดๆเลย...

“ย่าของโตกลัวปู่เสียใจถ้ารู้ว่าหลานตัวจริงตาย เลยรับโตมาสวมรอยเป็นหลานแทนโดยไม่บอกให้ปู่รู้เหมือนกัน จนวันที่ย่าเสีย ปู่ถึงได้รู้ความจริง แต่ตอนนั้นปู่ก็รักโตไปแล้ว ปู่เลยบอกให้เจ้ารุ่งเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ...ยิ่งพอเห็นพ่อโตไม่สนใจ ไม่รักโตเลย ปู่ยิ่งรู้สึกว่าปู่ต้องเป็นทั้งพ่อและแม่ให้โต มันเลยทำให้ปู่รักโต เพิ่มมากขึ้นไปอีก โตรู้ความจริงตั้งแต่ตอนนี้ก็ดี ปู่ตายไปจะได้ไม่มีใครเอาเรื่องนี้มาหาผลประโยชน์กับโตได้” กิจจาโอบศตายุด้วยความรักและสงสาร

“คุณปู่อาจจะรับผมเป็นหลาน แต่คุณพ่อ อาเมฆ อางามคงรับไม่ได้ ไหนจะเรื่องอาเมฆทำร้ายคุณปู่ คุณปู่ จะทำยังไงครับ” กิจจาฟังแล้วครุ่นคิด...

ooooooo

วันต่อมา งามยิ่งเดินอย่างสบายใจในบริษัทที่ไม่มีใครจะมาใหญ่กว่าตน แต่พอบุรีกับต๋อยเอาเอกสารวางให้ตรวจเช็คและเซ็นรับ รวมทั้งเอกสารอื่นๆที่กองบนโต๊ะมากมายก็ทำให้เธอปวดหัว ทำอะไรไม่ถูก

ประจวบกับเมฆพัดโทรเข้ามาบอกให้รีบไปที่โรงพยาบาล เธอรีบไปทันที บุรียิ้มๆก่อนจะกดโทรศัพท์หาพิมพ์พรรณ

“ผมจัดการตามที่คุณกิจจาสั่งเรียบร้อยแล้วนะครับ ตอนนี้คุณงามยิ่งกำลังไปโรงพยาบาลแล้วด้วย” บุรีวางสายเดินไป ต๋อยรวบแฟ้มเอกสารเดินตาม

งามยิ่งมาถึงโรงพยาบาลเห็นเมฆพัดกับพิมพ์พรรณยืนข้างเตียงกิจจาซึ่งสวมเครื่องช่วยหายใจอยู่ พิมพ์พรรณรายงานว่ากิจจาอาการทรุดหนัก สมองตาย ไม่รับรู้อะไรแล้ว เมฆพัดถามว่าพ่อนอนเป็นผักหรือ เธอพยักหน้ารับ หมอบอกว่าถ้าฟื้นก็จำอะไรไม่ได้ งามยิ่งเสียใจ

“เป็นไปได้ยังไง เมื่อวันก่อนคุณพ่อยังอาการดีๆอยู่เลย”

“หมอบอกว่าเมื่อวานคุณกิจจาหยุดหายใจไปชั่วขณะ เลยทำให้เป็นแบบนี้ค่ะ เราคงต้องจ้างนางพยาบาลมาดูแลท่านที่บ้าน”

งามยิ่งปากเสียตามนิสัยแต่จิตใจไม่ได้โหดเหี้ยมอะไรบ่น “ตอนแข็งแรงก็วางอำนาจ แล้วดูสิ สุดท้ายก็ต้องมาเป็นภาระให้ลูกๆดูแลจนได้”

“สมน้ำหน้า กรรมคงตามสนอง ถ้าต้องนอนเป็นผักแบบนี้ ก็น่าจะตายๆไปเลย ลูกหลานจะได้แบ่งสมบัติกันได้ถูก” เมฆพัดเสริมแล้วเกิดขาดสติจะเข้าไปดึงเครื่องช่วยหายใจออก

งามยิ่งตกใจดึงมือเขาไว้ถามจะทำอะไร เมฆพัดสะบัดมือพี่สาวออกแล้วบอกว่า ตนจะทำให้พ่อหลับสบายขึ้น แล้วเขาก็ดึงเครื่องออก ไม่คาดคิด กิจจาได้ยินที่ลูกทั้งสองพูดหมด เขาลืมตาขึ้นจับมือเมฆพัดไว้ เมฆพัดตกใจถอยกรูดไปตั้งหลัก กิจจาลุกนั่ง

“พวกแกคิดกันแบบนี้เองสินะ” เมฆพัดตาเหลือกที่พ่อไม่ได้เป็นอะไรเลย กิจจาสวน “ผิดหวังล่ะสิที่ฉันไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่แกตั้งใจ อุตส่าห์ตามมาทำร้ายฉันทั้งที แต่ฉันก็รอดมาได้...ฉันยังแข็งแรงทุกอย่าง ฉันแค่อยากรู้ว่าถ้าฉันทำอะไรไม่ได้ ต้องเป็นภาระให้พวกแก พวกแกจะทำยังไงกัน แล้วฉันก็ได้เห็นธาตุแท้ของแกจริงๆ”

งามยิ่งแก้ตัวว่าไม่ใช่แบบนั้น พวกตนแค่หงุดหงิดกับงานบริษัทเลยพูดไม่ดี กิจจาย้อนจะหงุดหงิดทำไม ได้บริษัทไปสมใจกันแล้วไม่ใช่หรือ งามยิ่งอึ้งเถียงไม่ออก กิจจาตอกย้ำ

“ทีนี้รู้รึยังว่าโตเขาต้องเหนื่อย ต้องทำอะไรบ้าง ไม่ได้สบายอย่างที่พวกแกเข้าใจในขณะที่พวกแกหวังสมบัติของฉันกันหมด มีแต่โตที่มาช่วยเหลือบริษัท พอเขารู้ว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรกับฉัน ก็ยังเขียนจดหมายยกทุกอย่างคืนให้ฉัน...ฉันก็จะยกสมบัติฉันทุกอย่างให้โตเหมือนกัน ส่วนลูกอกตัญญูอย่างพวกแกก็อย่าหวังจะได้อะไรเลย”

งามยิ่งโวยว่าศตายุไม่ใช่ศศิวงศ์ ยังจะยอมรับเขาอีกหรือ กิจจารับว่าใช่ “ยิ่งพวกแกเกลียดไอ้โตมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งรักโต สงสารโตมากขึ้น ถ้าจะโทษก็ต้องโทษตัวพวกแกเองทั้งนั้น”

เมฆพัดแย้งว่าพวกตนเป็นลูก กิจจาเดือดหันมาจ้องหน้าใส่ไม่ยั้งว่าลูกที่คิดฆ่าพ่อ ผลักตนล้มแล้วทิ้งไม่ช่วยเหลือ ตนได้ยินทุกคำพูดที่เขาพูดกับลูกตาล ทั้งเรื่องที่เขาเป็นชู้กับลูกตาล เรื่องที่เขาโกงบริษัท ตนรู้มานานแต่ทำเป็นไม่รู้เพราะเห็นว่าเป็นลูก แต่แทนที่จะสำนึกกลับทำร้ายธราดล เจริญรุ่งรู้เรื่องนี้แล้วแต่ไม่เอาเรื่องเพราะเห็นว่าเป็นน้อง ยังคิดมาฆ่าตนที่โรงพยาบาลอีก ทำไมถึงเนรคุณขนาดนี้ กิจจาชี้หน้าเมฆพัด

“แกนี่มันผีห่าซาตานมาเกิดแท้ๆเลย”

งามยิ่งตกใจไม่คิดว่าเมฆพัดจะเป็นคนทำร้ายพ่อและหลาน เมฆพัดทำอะไรไม่ถูกกลัวโดนแจ้งตำรวจจับ จึงวิ่งหนีออกจากห้อง พยายามโทร.หาลูกตาลเท่าไหร่ก็ไม่รับสาย ชักใจคอไม่ดีว่าลูกตาลจะเชิดเงินหนี

คืนนั้นกิจจาให้เจริญรุ่งกับศตายุพูดคุยเคลียร์ปัญหาคาใจกัน เจริญรุ่งอ่อนลงบอกศตายุว่า ตนรู้เรื่องจากธราดลหมดแล้ว ขอบใจที่ช่วยชีวิตน้อง และขอโทษที่ทำไม่ดีไว้มาก ศตายุมองนิ่งๆ

เจริญรุ่งตัดสินใจสารภาพ “ที่ฉันเกลียดแก ไม่ใช่เพราะว่าแกไม่ใช่ลูกฉันหรอก แต่เป็นเพราะว่าทุกครั้งที่ฉันเห็นแก ฉันจะนึกถึงลูกฉันที่ตายไป ฉันเสียใจรู้สึกผิดที่ลูกต้องมาตาย ฉันไม่รู้จะเอาความผิดมาลงกับใคร ฉันเลยโทษว่าเป็นเพราะแก ทั้งที่มันไม่ใช่ความผิดแกเลย...แกคงเกลียดฉันมากใช่ไหม”

“ไม่เลยครับ จนถึงตอนนี้ ผมก็ไม่เคยเกลียดคุณพ่อเลย”

เจริญรุ่งซึ้งใจ “ต่อไปนี้ฉันจะลืมเรื่องในอดีตทั้งหมด อนาคตของฉันจะมีลูกแค่สองคน คือแกกับดล แกให้โอกาสพ่ออีกครั้งได้ไหม” เจริญรุ่งสบตาศตายุแล้วกางแขนออก

ศตายุน้ำตาร่วงโผเข้าอ้อมกอดพ่อที่เขาโหยหามาตลอดชีวิต...ศตายุเริ่มมีกำลังใจหวนกลับมาทำงานตามเดิม พิมพ์พรรณและพนักงานทุกคนรอต้อนรับด้วยความดีใจ บุรียืนเหล่ ใบหน้าทั้งสองยังมีรอยบอบช้ำจากการชกต่อยกันอยู่ บุรีแกล้งทัก

“ยินดีต้อนรับกลับมาทำงานนะครับ แผลเป็นยังไงบ้างครับ หายเจ็บรึยัง”

“เจ็บแต่คงไม่เจ็บเท่าตอนคุณพบูทิ้งคุณหรอก” ศตายุสวนกลับหน้าตาย

บุรีสะอึก เจมี่เดินมาเห็นศตายุก็ดีใจปรี่เข้าไปหา แล้วต้องแปลกใจเมื่อเห็นหน้าตาเขาบอบช้ำ นึกได้ว่าคงมีเรื่องกับบุรีจึงโวย “คุณทำพี่โตได้ยังไง ดูสิหน้าพี่โตเป็นแผลหมดเลย”

บุรีโวยกลับว่าพี่โตของเธอเริ่มก่อน ศตายุลืมตัวเถียงว่าบุรีต่างหากที่เข้ามาชกตนก่อน เจมี่อยากรู้แล้วใครชนะใคร พิมพ์พรรณหันมองด้วยความอยากรู้เช่นกัน สองหนุ่มต่างนิ่งอึ้ง...

หลังจากนั้นเจมี่ก็ดึงบุรีมาทายาที่ใบหน้าให้อย่างห่วงใย บุรีเห็นหน้าเธอชิดใกล้รู้สึกเคลิ้มจ้องมองอย่างสุขใจ พอดีต๋อยวิ่งพรวดเข้ามา ทั้งสองผละออกจากกัน ต๋อยไม่ทันสังเกต ตั้งใจมาถามว่าบุรีมีเรื่องชกต่อยกับท่านประธานจริงหรือ เขาเม้าท์กันทั่วบริษัทว่าเรื่องแย่งผู้หญิง บุรีเซ็ง

บ่ายวันนั้น ศตายุพากิจจาออกจากโรงพยาบาลกลับบ้าน และรายงานปู่ว่าธราดลถึงอเมริกาเรียบร้อย กิจจาแซวให้เลิกเป็นห่วงน้องได้แล้ว โทร.หาพบูจะดีกว่า เธอเป็นห่วงเขามากตั้งแต่เขาหายไป ศตายุเศร้าลงรู้สึกผิด เธอคงงอนตนอยู่ กิจจาเตือน “แล้วมัวใจเย็นอะไรอยู่อีก รีบไปง้อเลย ผู้หญิงเนี่ยปล่อยให้งอนนานๆ ยิ่งง้อยากนะจะบอกให้”

ขณะเดียวกันพบูอารมณ์ไม่ดี ไมเคิลหาวิธีระบายให้ด้วยการโขลกน้ำพริก เธอโขลกไปสบถไป “ไอทำผิดอะไร ทำไมต้องมาใส่อารมณ์กับไอด้วย ดูสิตั้งหลายวันแล้วไม่โทร.มาง้อด้วย”

ไมเคิลบอกให้ใส่อารมณ์เต็มที่โขลกแรงๆ พบูรู้สึกคลายเครียดดีเหมือนกัน ทันใดมธุรสโทร.เข้ามาบอกว่ากำลังไปทำธุระที่บ้านสวนให้กิจจา แต่ดันลืมกุญแจไว้ นี่ขับรถมาจะถึงแล้วให้พบูช่วยเอากุญแจตามมาให้ที่บ้านสวนที พบูรับคำรีบออกไป ไมเคิลเซ็งไม่มีใครตำน้ำพริกให้ต่อ

ooooooo

ใต้เงาจันทร์

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด