ตอนที่ 12
อัลบั้ม: 'มาร์กี้' ฮอต! 2 เรื่องในล็อตเดียว! 'ใต้เงาจันทร์' พุธ-พฤหัส ประกบ 'เกรท'
พบูจึงรับปากตั้งใจจะบอกเขาวันพรุ่งนี้เลย...รุ่งเช้าบุรีพาพบูมาเที่ยวสวนสัตว์ดุสิตถ่ายภาพสัตว์ต่างๆและถ่ายรูปเธอไปด้วย เวลาที่พบูอยู่กับบุรีจะรู้สึกเป็นเด็ก เล่นอะไรสนุกตามกัน พบูเกริ่น “ฉันชอบมีเพื่อนเป็นลิงนะ แล้วฉันก็ไม่ชอบเห็นลิงเศร้า ลิงควรสนุกร่าเริงตลอดเวลา”
แล้วพบูก็พูดไม่ออกเปลี่ยนมาชวนไปถีบเรือเล่น บุรีนั่งซังกะตายให้เธอเป็นคนถีบ เธอว่าเขาเอาเปรียบ จู่ๆบุรีก็โพล่งขึ้น “คุณรู้สึกยังไงกับผมกันแน่ บางทีผมก็รู้สึกว่าคุณมีใจให้ผม”
พบูทำเป็นไม่ได้ยินชวนเขาช่วยกันถีบเรือ บุรีตะคอกกลับ ช่างหัวเรือปล่อยมันลอยไป แล้วยกขาเธอมาพาดขาเขาไว้ บังคับให้ตอบ พบูถอนใจเฮือก “ฉันยอมรับว่าฉันเคยรู้สึกดีกับคุณ แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่ามันไม่ใช่ความรัก ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ มันอธิบายเป็นคำพูดเป๊ะๆไม่ได้หรอก”
“ถามจริงเถอะเขาดีกว่าผมตรงไหน ผมทำอะไรมากกว่าเขาตั้งเยอะ ทำไมคุณถึงเลือกเขา”
“เพราะฉันรับจากคุณฝ่ายเดียวไง คุณโตเขาอาจจะไม่ได้ทำอะไรให้ฉันเท่าคุณ ไม่ทำให้ฉันรู้สึกหวือหวา แต่เขาทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองมีค่า ตั้งแต่ฉันออกจากบ้านมา คุณโตคอยช่วยเหลือฉันมาตลอด เขาเป็นคนแรกที่เชื่อใจ
ฉัน ให้งานฉันทำในขณะที่พ่อฉันแท้ๆยังไม่เชื่อมั่นในตัว ฉันเลย ยิ่งพอฉันเห็นเขารักคนอื่น แคร์คนอื่นมากกว่าตัวเองฉัน...”
บุรีตัดบท “พอเถอะ ผมเข้าใจทุกอย่างแล้ว คุณเหมาะกับทาร์ซานไม่ใช่ลิงกังอย่างผม”
พบูสงสารบุรี แต่เขากลับขอให้เที่ยวด้วยกันวันนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วจะไม่ขออะไรอีก พบูอึกอักไม่กล้าบอกว่านัดศตายุไว้ บุรีรู้แก่ใจแต่อยากเอาชนะ
ด้านศตายุนั่งรอพบูอยู่ในร้านอาหารหรู ท่าทางเขาตื่นเต้น กิจจาโทร.เข้ามาแซวนัดสาวไม่บอกกันบ้าง เห็นเด็กที่บ้านบอกว่าเลือกเสื้อผ้าแต่เช้า ศตายุยิ้มอายๆ
บอกปู่ว่ากลับไปจะเล่าให้ฟังแต่แล้วศตายุเห็นพบูผิดเวลามากจึงโทร.ไปถามเก็ทเพราะเธอปิดเครื่อง เก็ทอึกอักก่อนจะบอกให้ลองโทร.เข้าเครื่องบุรี ศตายุอึ้งเมื่อรู้ว่าพบูไปกับบุรีทำให้ผิดนัดกับตน
เก็ทกำลังติวภาษาอังกฤษให้ธราดล เขาถามว่าตกลงพบูนัดใครกันแน่ เก็ทบอกเห็นว่าตอนเช้านัดบุรีก่อน ไม่ทันไรพบูวิ่งร้องไห้เข้ามากอดเก็ท ธราดลงงเกิดอะไรขึ้น เก็ทถามต้องไปหาศตายุไม่ใช่หรือ พบูร้องไห้โฮ “ตอนนี้ฉันไม่อยากเจอใครทั้งนั้น ฉันเคลียร์กับบุรีแล้วนะ”
“ดีแล้ว แล้วแกจะร้องไห้ทำไม...” เก็ทปลอบแล้วต้องขำเมื่อพบูสะอื้นตอบว่าสงสารบุรี
ธราดลรู้สึกเป็นห่วงศตายุคงรอจนเสียใจ...ด้านบุรีเมื่อผิดหวังก็โทร.หาเจมี่ให้ไปพบที่เก่า เจมี่มาถึงเห็นบุรียืนทอดอาลัยเหมือนจะโดดน้ำตาย ก็ตกใจทิ้งของ ปรี่เข้ารั้งตัวเขาไว้ แต่แรงโถมกอดของเธอทำให้บุรีเสียหลักพากันตกน้ำไปทั้งคู่...สุดท้ายทั้งสองนั่งตัวเปียกปอนอยู่ริมสระ เจมี่ขำที่เหตุการณ์เหมือนตอนที่บุรีคิดว่าตนจะโดดน้ำตาย บุรีบอกตนไม่คิดสั้นแน่ เจมี่เอาผ้าพันคอในกระเป๋าถือมาเช็ดผมให้เขาเกรงจะเป็นหวัด และปลอบใจว่าเจ็บแป๊บเดียวเดี๋ยวก็หาย ปลอบไปน้ำตาตัวเองก็ไหลออกมา บุรีตกใจถามเธอร้องไห้ทำไม เจมี่บอกสงสารเขาและตัวเอง
“อ้าว แย่งซีนร้องไห้กันยังงี้ ผมก็เศร้าไม่ถูกเลยสิ...ไม่เป็นไรนะผมไม่เสียใจแล้ว หล่อๆอย่างผมเดี๋ยวก็มีสาวมาติด” กลายเป็นบุรีมาปลอบเจมี่แทน เธอรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นอย่างประหลาด
ธราดลกลับบ้านเห็นศตายุนั่งเศร้าอยู่หน้าบ้าน ถามคิดมากเรื่องพบูใช่ไหม เขาแปลกใจที่น้องรู้ ธราดลรีบบอกว่า “พี่โตเข้าใจผิดแล้ว พี่เฟลอร์ไม่ได้ตั้งใจไปเที่ยวกับนายบุรี แต่ตั้งใจไปบอกเขาว่าชอบพี่ตะหาก”...
ศตายุดีใจกับความจริงที่ได้รับรู้
พบูออกจากห้องน้ำนึกได้ว่าปิดโทรศัพท์ไว้ จึงรีบเปิดเครื่อง ทันใดก็มีสายเข้าทันที เป็นเจมี่โทร.มาต่อว่า “เธอมันเป็นผู้หญิงสองใจ ขี้โลเล เธอทำให้คนดีๆอย่างบุรีต้องเสียใจ แล้วปิดมือถือหนีความจริงทำไมไม่ทราบ”
“ก็คนมันเศร้า ยังไม่อยากคุยกับใคร เธอไม่เคยเป็นรึไง...เงียบทำไมล่ะ” พบูสวน
เจมี่อึ้งย้อนว่าตนโทร.มาต่อว่าไม่ได้ให้เธอมาว่ากลับ พบูไม่สนใจใส่ต่อ ว่าไม่เคยโลเลบ้างหรือ มีคนมาทำดีให้ตลอดแถมหน้าตาดีอีก เป็นเธอจะไม่หวั่นไหวบ้างเชียวหรือ เจมี่โวยทำไมไม่คิดถึงความรู้สึกบุรีบ้าง พบูโวยกลับ
“แล้วทำไมไม่มีใครคิดถึงจิตใจฉันบ้างล่ะ ฉันผิดมากเลยรึไง ฉันฆ่าใครตายเหรอ”
เจมี่ขู่จะเอาเรื่องพบูโพสต์ประจานในเน็ต ให้ทุกคนรุมประณามว่าเป็นผู้หญิงสองใจ ทำลายชีวิตคนดีๆ อย่างบุรี พบูกำลังเสียใจเบื่อที่จะฟังจึงตัดบท “ถ้าด่าเจ็บได้แค่นี้ก็อย่าด่าเลย”
พอตัดสายเจมี่ไป ก็มีสายเข้ามาอีก พบูนึกว่าเป็นเจมี่กดรับใส่ไม่ยั้ง จะด่าอะไรอีก...ไม่อยากฟัง เสียงศตายุตอบกลับมาว่าเป็นเขาเอง พบูตกใจเสียงอ่อนลงแก้ตัวพัลวัน
“คุณโตเองเหรอคะพอดีวันนี้ฉันมีเรื่องนิดหน่อย ที่จริงก็ไม่นิดหรอกค่ะ เอาเป็นว่าไม่สบายใจมากๆ มากถึงมากที่สุด ฉันก็เลยไม่ได้ไปตามนัดคุณ ฉันขอโทษนะคะ”
เสียงศตายุอารมณ์ดีนัดใหม่วันพรุ่งนี้ พบูเหวอรีบรับปากเสียงอ่อยถ้าเขาไม่โกรธ ตนไปเที่ยวสองวันเลยก็ได้ ศตายุแอบขำรู้สึกมีความสุขขึ้นมาก
ooooooo
เช้าวันใหม่ ศตายุยืนพิงรถรอหน้าคอนโดพนักงาน พบูยังบรรจงแต่งหน้าอย่างใจเย็นจนเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง เขาโทร.ขึ้นไปเร่ง เธอตอบว่ากำลังแต่งหน้า เขาบ่นแต่งเป็นชั่วโมงแล้ว
พบูอ้อน “คุณก็เห็นครีมฉันแล้วนี่ว่าเยอะขนาดไหน กว่าจะทาครบแต่ละตัวก็ต้องใช้เวลา ไหนจะต้องรอครีมซึมเข้าหน้าอีก”
“ไม่ต้องแต่งแล้ว คุณดูดีอยู่แล้ว สวยธรรมชาติไง”
“ยุคนี้ไม่มีสวยธรรมชาติแล้ว ที่คุณเห็นก็มีแต่แต่งแบบธรรมชาติทั้งนั้นแหละ ฉันไม่มีทางให้คุณเห็นหน้าสดๆ ของฉันเด็ดขาด” พบูพูดไปบรรจงแต่งหน้าต่อไปชิวๆ
จากนั้นศตายุก็พาพบูมาเที่ยวสวนสัตว์เหมือนที่บุรีพาเธอมาเมื่อวาน บอกเธอว่าต้องการตามรอยบุรี แล้วถามว่าเขาจับมือเธอบ้างหรือเปล่า คุยอะไรกันบ้าง พบูอมยิ้มที่เห็นศตายุหึง...ทั้งสองเดินเล่นดูนกชมไม้อย่างมีความสุข จนมานั่งพักที่มุมหนึ่ง เห็นพ่อแม่ลูกพากันมาเที่ยว
ศตายุเอ่ยเศร้าๆ “เชื่อไหมว่าทั้งชีวิตผมไม่เคยมีโอกาสได้มาเที่ยวพ่อแม่ลูกแบบนี้เลย”
“ฉันก็เหมือนกัน ถ้าอยากมีโมเมนต์แบบนี้คุณคงต้องรอเป็นพ่อสถานเดียวแล้วล่ะค่ะ”
“มาเป็นแม่ให้ลูกผมไหมล่ะ จะได้มีโมเมนต์นี้ร่วมกัน” เห็นพบูเหวอ ก็ขำ “ผมพูดเล่น ผมยังไม่ขอคุณแต่งงานตอนนี้หรอกน่า”
พบูเบ้ปากใส่ ศตายุบอกว่าตนเคยคิดอิจฉาเด็กพวกนี้ พบูปลอบอย่างน้อยเราก็มีพ่อแม่ดีกว่าเด็กกำพร้าตั้งเยอะ ศตายุเห็นด้วย ถ้าตนไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครมา จากไหน คงเหมือนตัวคนเดียวบนโลกใบนี้ ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีครอบครัว พบูเข้าใจความรู้สึกนั้นได้ดี
ขณะที่ศตายุกับพบูกำลังมีความสุข งามยิ่งได้รู้ผลการตรวจดีเอ็นเอใหม่ว่า ศตายุไม่ใช่ลูกของเจริญรุ่ง รีบโทร.บอกเมฆพัดทันที เมฆพัดกลับบ้านเพื่อบอกความจริงกิจจา แต่กิจจาย้อนถามว่าเจริญรุ่งเป็นคนบอกหรือ เมฆพัดตอบว่าตนสงสัยที่เจริญรุ่งไม่รักศตายุจึงแอบตรวจดีเอ็นเอ
“พอได้แล้ว เลิกอิจฉาหลานตัวเองได้แล้ว ยังไงไอ้โตมันก็เป็นหลานฉัน คนที่ไม่สมควรจะเป็นลูกฉันก็คือแกตะหาก...อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าแกแอบทำอะไรชั่วๆกับบริษัทเอาไว้บ้าง”
เมฆพัดหน้าเสียถามว่าศตายุบอกอะไรบ้าง กิจจาชี้หน้า ไม่ต้องรอให้บอก ตนรู้ก่อนด้วยซ้ำแต่ที่ไม่พูด เพราะเห็นว่าเป็นลูกหวังว่าจะคิดได้เอง เมฆพัดหวั่นใจจะรู้เรื่องลูกตาลด้วยไหม กิจจาสาธยายความเลวของเมฆพัดอีก ว่าเขาแอบกินเปอร์เซ็นต์จากซัพพลายเออร์ ถ้าไม่ได้ศตายุบริษัทคงเจ๊งไปแล้ว เมฆพัดระเบิดอารมณ์พรั่งพรูความน้อยเนื้อต่ำใจออกมา
“ที่ผมเป็นแบบนี้ก็เพราะคุณพ่อนั่นแหละ คุณพ่อไม่เคยรักไม่เคยสนใจ ทำเหมือนผมไม่ใช่ลูก ผมทำอะไรก็ดูเลวร้ายไปหมดทั้งที่ผมเป็นลูกคนหนึ่งแต่คุณพ่อกลับไม่เคยเห็นความสำคัญเลย” กิจจาให้ลองถามตัวเองดู “ผมถามตัวเองทุกวัน แต่ผมก็ไม่เคยได้คำตอบว่าทำไม ผมต่างจากไอ้โตมันตรงไหน ผมตั้งใจทำงานทำทุกอย่างเพื่อบริษัทมาตลอด ผม...”
กิจจาสวน “แกบอกว่าแกขยันตั้งใจทำงาน แต่แกทำไม่ได้ครึ่งหนึ่งของโตหรอก เพราะเขาต้องคอยเช็ด คอยล้างคอยกันไม่ให้คนอย่างแกกัดกินบริษัท แกมันก็เหมือนแม่ของแกเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ ไม่เคยจริงใจกับใคร แกคิดว่าฉันโง่ถึงขนาดมองหน้าเสแสร้งของแกไม่ออกเลยรึไง”
เมฆพัดโกรธที่โดนจี้ปมเรื่องแม่ กำหมัดแน่นกิจจาไล่ให้เขาออกไปพ้นหน้า เลิกใส่ร้ายศตายุเสียที กิจจาหันหลังจะเดิน เมฆพัดลุแก่โทสะ ผลักกิจจาล้มหน้าคะมำหัวฟาดโต๊ะ แล้วยืนตะลึงทำอะไรไม่ถูก เข้าไปจับพ่อพลิกตัวเห็นเลือดเปรอะมือตัวเองก็ยิ่งตกใจ ลูกตาลเข้ามาเห็น เมฆพัดลนลานปฏิเสธไม่ได้ทำอะไร ลูกตาลปลอบให้ตั้งสติ พอตั้งสติได้เขาก็ให้เธอโทร.ตามหมอแต่เธอกลับพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “ทิ้งคุณพ่อไว้ที่นี่แหละ คุณทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“แล้วถ้าคุณพ่อเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง”
“ก็ดีสิ ทุกอย่างจะได้เป็นของคุณ” ลูกตาลดึงเมฆพัดเดินออกมา
เมฆพัดยังลังเลจะกลับไปช่วยกิจจาแต่พอลูกตาลบอกว่า ถ้ากิจจาฟื้นจะต้องไม่เอาเขาไว้แน่จึงชะงัก ทันใดงามยิ่งกลับมาถึง ตะลึงเห็นลูกตาลกอดเมฆพัด ทั้งสองรีบผละออกจากกัน เมฆพัดแก้ตัวลนลานว่าไม่ได้เป็นชู้ตนมาก่อน พ่อมาทีหลัง งามยิ่งยิ่งช็อก
“แกทำอย่างนี้กับคุณพ่อได้ยังไง...แล้วคุณพ่อล่ะ”
เมฆพัดบอกหกล้มอยู่ข้างบน งามยิ่งตกใจโวยทำไมไม่ส่งโรงพยาบาล แล้วรีบวิ่งขึ้นบ้าน
ooooooo
ศตายุกับพบูเดินกลับมาที่รถ พบูขอบคุณสำหรับวันนี้และมอบของขวัญแก่เขาพร้อมคำอวยพร ศตายุแกะของขวัญเห็นเสื้อยืดธรรมดาๆตัวหนึ่ง แกล้งบ่นว่าไม่ลงทุนเลย เธอบอกไม่ได้ให้เสื้อ แต่ให้ความหมายบนเสื้อ ศตายุกางเสื้ออ่านข้อความบนอกเสื้อว่า...ช้างเท้าหน้า
ศตายุยังไม่เข้าใจ พบูอธิบายว่าตนให้เขาเป็นช้างเท้าหน้า เขาดีใจขอบคุณที่เธอให้เกียรติ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะเพราะฉันเป็น...ควาญช้าง” พบูกางเสื้อของตัวเองที่มีข้อความออก
ศตายุขำ ทว่ามีเสียงโทรศัพท์ขัดขึ้น เขารับสายแล้วตกใจมาก พบูงงรีบตามเขาไปด้วย...
หน้าห้องฉุกเฉิน งามยิ่งกับเมฆพัดหน้าเครียด เมื่อมธุรสบอกว่าหมอให้ญาติเซ็นอนุญาตผ่าตัดกิจจาเพราะเลือดคั่งในสมอง เมฆพัดออกตัวแค่ดมยาสลบก็ไม่รู้ว่าพ่อจะฟื้นไหม ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะรับผิดชอบไหวหรือ งามยิ่งพลอยลังเลไปด้วย ศตายุเดินเข้ามาบอกว่าตนจะเซ็นเอง เมฆพัดชักสีหน้าไม่พอใจที่มาข้ามหน้าข้ามตา ศตายุไม่สนใจใครรีบเดินไปคุยกับหมอ
หมออธิบาย “เพราะมาส่งที่โรงพยาบาลช้าเกินไป เลยทำให้ท่านเสียเลือดมาก ก้อนเลือดที่คั่งอยู่ใหญ่เกินกว่าใช้ยาสลายได้ เลยจำเป็นต้องผ่าตัดครับ”
ศตายุยินยอมขอให้กิจจารอดเท่านั้น แล้วหมอก็ถามว่ากิจจาหมดสติก่อนล้มหรือเปล่า ศตายุรู้มาว่าเขาเป็นลม แต่หมอคิดว่าไม่น่าใช่เพราะลักษณะล้มหน้าคว่ำเหมือนสะดุดอะไร ศตายุยิ่งแปลกใจเพราะตรงที่ล้มไม่มีอะไรให้สะดุด หมอถามอีกว่ามีเด็กที่อาจจะผลักเขาล้มบ้างไหม
“ที่บ้านผมไม่มีเด็กเล็กครับ ถ้าจะถูกผลักก็อาจไม่ใช่ฝีมือเด็ก” ศตายุชักสงสัยเมฆพัด
ศตายุเดินกลับมาต่อยหน้าเมฆพัด “อาเมฆตั้งใจทำร้ายคุณปู่ใช่ไหม ผมเตือนอาแล้วว่าให้หยุดทุกอย่าง...
ผมโทร.เช็กกับแม่บ้าน เขาบอกก่อนจะเกิดเรื่องอาขึ้นไปคุยกับคุณปู่ที่ห้อง หมอก็บอกว่าคุณปู่เสียเลือดมากเพราะส่งโรงพยาบาลช้า ถ้าไม่ได้เป็นเพราะอาแล้วจะเป็นเพราะใคร”
เมฆพัดย้อนว่ากิจจาเป็นลมเพราะรู้เรื่องที่ตนบอก ศตายุถามคงไม่ได้บอกเรื่องที่เขาลักกินขโมยกินหรอกนะ ตนบอกแล้วให้เก็บเป็นความลับ เมฆพัดเยาะไม่ใช่เรื่องนั้นแต่เป็นเรื่องที่น่าช็อกมากกว่า ทันใดเจริญรุ่งโผล่มาขัดให้หยุดพูด เอ็ดทั้งสองคนที่มาทะเลาะกันให้เครียดขึ้น
งามยิ่งและเมฆพัดดึงเจริญรุ่งออกมาคุยลำพัง ซักไซ้ทำไมต้องปิดบังเรื่องศตายุไม่ใช่ลูก เจริญรุ่งชะงักยอมรับแต่ไม่บอกเหตุผล ให้รอกิจจาฟื้นแล้วตัดสินใจเอง
ศตายุกับพบูเฝ้ารอการผ่าตัดกิจจาที่หน้าห้อง
ศตายุยังโมโหที่เมฆพัดทำร้ายปู่เหมือนที่ทำกับธราดล พบูลูบหลังปลอบ สักพักหมอออกมาบอกว่าการผ่าตัดเรียบร้อย รอคนไข้ฟื้นเท่านั้น
ooooooo
บุรีได้รับโทรศัพท์จากโยธกา พยายามทำเสียงปกติไม่ให้แม่รู้ว่าตนกำลังอกหัก แล้วทำทีคุยเล่นเหมือนเคย โยธกาโทร.มาให้เขาตามลูกชุบกลับบ้านที พอวางสายไม่ทันไร ลูกชุบก็มาหาที่ห้องร้องไห้โฮว่าถูกทิ้ง บุรีโมโหไปด้วยแต่พอเธอบอกว่าถูกทิ้งเพราะตนนอกใจ บุรีเหวอ
ลูกชุบเล่าว่ามีคนหน้าตาดีนิสัยคล้ายเขามาจีบเลยหลงไปชั่วครู่ บุรีสมน้ำหน้าแล้วกล่อมให้กลับบ้าน... พอกำลังส่งลูกชุบขึ้นแท็กซี่หน้าคอนโด ลูกชุบพูดขำๆ
ว่าจะรอเป็นเจ้าสาวของเขา เจมี่ถือถุงขนมมาตั้งใจเอามาฝากบุรี ได้ยินลูกชุบพูดแบบนั้นก็ผิดหวังโวยว่าเขามีแฟนอยู่แล้วยังไปจีบพบูอีก บุรีรีบอธิบายว่าลูกชุบเป็นแค่น้องข้างบ้านโตมาด้วยกัน แล้วแปลกใจเจมี่โมโหอะไร เจมี่ก็งงตัวเองเอาถุงขนมยัดใส่มือเขาแล้วกลับไป บุรีงงไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่าเธอหึง
เช้าวันใหม่ ศตายุเรียกแม่บ้านและทุกคนมา สอบถามเรื่องวันเกิดเหตุ งามยิ่งกับเมฆพัดไม่พอใจหาว่าเขาจะยึดอำนาจในบ้าน มธุรสกับธราดลอธิบายว่าศตายุกำลังสืบเรื่องที่กิจจาล้มเพราะไม่เชื่อว่าจะล้มเอง ศตายุประกาศเพื่อความปลอดภัยช่วงนี้ไม่ให้ใครไปเยี่ยมกิจจาที่โรงพยาบาล งามยิ่งไม่พอใจ เมฆพัดดึงพี่สาวออกมา ให้ปล่อยศตายุจัดการไปถ้าคิดว่าวิธีนี้จะช่วยพ่อได้
จากนั้นศตายุก็มาหาเก็ทที่ร้านเพื่อขอร้องบางอย่าง และนัดธราดลให้ตามมาที่ร้านด้วย
“พี่จะส่งดลไปเรียนเมืองนอก พี่กลัวว่าอาเมฆจะทำร้ายดลอีก พี่เชื่อว่าคุณปู่หกล้มเป็นฝีมืออาเมฆ พี่ไม่อยากให้ดลเป็นอะไรไปอีก”
ธราดลเข้าใจแต่คิดว่าดูแลตัวเองได้และพ่อก็เลิกเข้าบ่อนมีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น เมฆพัดคงไม่กล้าทำอะไรอีก แต่ศตายุไม่อยากประมาท ขอให้เขาไปเรียนเมืองนอก โดยให้เก็ทไปเป็นเพื่อนคอยดูแลให้คำแนะนำ พบูเห็นดีด้วย ไปทำให้พ่อแม่ภูมิใจ ธราดลสบตาทุกคนก่อนรับคำ
งามยิ่งหงุดหงิดหาว่าศตายุยึดอำนาจ เมฆพัดจะไปจัดการให้เขาไปจากบ้านเอง เจมี่ผ่านมาได้ยินการสนทนาของทั้งสองคน ตกใจมากเมื่อรู้ว่าศตายุไม่ใช่ลูกของเจริญรุ่ง...
ขณะที่ศตายุเฝ้ากิจจาที่โรงพยาบาลเมฆพัดส่งข้อความมาถึงว่าเขาไม่ใช่ลูกเจริญรุ่ง พร้อมเอกสารผลดีเอ็นเอ จากนั้นก็โทร.เข้ามาเยาะอย่างสะใจ “ได้ข้อความจากฉันแล้วล่ะสิ ช็อกไปเลยใช่ไหมล่ะ ใช่...แกไม่ใช่ลูกพี่รุ่ง คุณพ่อช็อกล้มไปเพราะรู้ความจริงว่าแกไม่ใช่หลานไง ทีนี้ชัดเจนรึยังว่าคนที่เป็นต้นเหตุทำให้คุณพ่อเป็นแบบนี้ก็คือแกนั่นแหละ”
ศตายุอึ้งเมื่อรับรู้ความจริง รีบกลับบ้านไปคาดคั้นเจริญรุ่งและยื่นผลดีเอ็นเอให้ดู เจริญรุ่งอึกอักถามใครเป็นคนบอก ศตายุปัดว่าไม่สำคัญ สำคัญที่เป็นความจริงหรือไม่ ตนอยากได้ยินจากปากเขา...เจริญรุ่งนิ่ง ศตายุมองด้วยสายตาเจ็บปวด
“ไม่ว่าความจริงจะเป็นยังไง คุณพ่อก็คงเกลียดผมมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้วล่ะ แล้วผมก็คงรู้สึกเสียใจมากไปกว่านี้ไม่ได้เหมือนกัน บอกผมมาเถอะครับ ผมแค่อยากรู้ความจริง”
เจริญรุ่งไม่อยากทำร้ายจิตใจเขาเท่าไหร่กัดฟันพูด “แกไม่ใช่ลูกฉัน ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของฉันพอใจรึยัง...ในชีวิตฉัน ฉันมีลูกอยู่สองคน คนหนึ่งก็คือ เจ้าดล ส่วนอีกคนตายไปตั้งแต่วันที่เขาเกิด ส่วนแกเป็นเด็กที่ฉันเก็บมาเลี้ยง มาสวมรอยแทนลูกฉันเพื่อไม่ให้คุณพ่อเสียใจ”
“เพราะแบบนี้ใช่ไหมครับ คุณพ่อถึงได้เกลียดผมนัก” ศตายุชอกช้ำใจสุดๆ
“ใช่ แกเป็นใครก็ไม่รู้แต่แกกลับมามีความสุขบนกองเงินกองทองที่ควรจะเป็นของลูกฉัน แล้วแกยังมาแย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากดลอีก” เจริญรุ่งพรั่งพรูความรู้สึกที่เกาะกินใจมานาน
ศตายุทรุดฮวบลงกับความจริงที่ได้รับรู้ เหมือนตัวเองไร้ค่ามาชูคออยู่ในครอบครัวคนอื่น มือไม้เขาสั่นน้ำตาคลอเบ้า...ออกมาขึ้นรถขับออกจากบ้านด้วยความรู้สึกสับสนว้าวุ่นไปหมด เขาจอดรถฟุบหน้าลงกับพวงมาลัยปล่อยให้น้ำตารินไหล เขาต้องการกำลังใจอย่างมาก จึงกดโทรศัพท์หาพบู เธอรับสายแล้วกรอกเสียงสดใสมาว่า “ว่าไงคะฮันนี่...”
ศตายุพยายามทำเสียงปกติถามฮันนี่อะไร พบูบอกว่าเพิ่งเปลี่ยนชื่อเรียกเขาเป็นฮันนี่ ดูน่ารักดี เสียงพบูทำให้เขายิ้มทั้งน้ำตา “ผมแค่อยากได้ยินเสียงคุณอยากเจอคุณ อยากเห็นหน้าคุณ”
พบูแปลกใจ “อะไรกันคะ เพิ่งเจอกันเมื่อเช้า คิดถึงอีกแล้วเหรอ...อยากเจอก็มาหาสิคะ”
ศตายุจะรีบไปหาเธอที่ร้าน พบูรู้สึกว่าน้ำเสียงเขาดูเศร้า...ระหว่างนั้นบุรีกำลังปรับทุกข์กับเก็ท เก็ทปลอบว่าบางทีการเห็นคนที่เรารักมีความสุขมันก็ทำให้เรามีความสุขได้เหมือนกัน
บุรีรำพัน “ใครจะทำใจได้ ไม่ได้เตรียมใจแล้ว ก็ไม่คิดเลยว่าจะอกหัก บอกเลยว่างงและเงิบ คิดดูนะเขาไปไหนมาไหนกับผม แอบเอาน้ำมาให้ผมแถมยังเขียนข้อความเปรียบเทียบว่าชอบผมมากกว่าอีก จะไม่ให้คิดเข้าข้างตัวเองได้ยังไง”
เก็ทตงิดๆถาม “ขวดน้ำ? แล้วก็เขียนเปรียบเทียบด้วยเหรอ...เฟลอร์เขาให้น้ำตอนที่คุณหลับใช่ป่ะ ขวดแบบนี้ใช่ป่ะ แล้วก็เขียนเปรียบเทียบคุณกับคุณโต วันที่ไปตีแบดกันใช่ป่ะ”
บุรีพยักหน้า เก็ทยิ้มแหยๆสารภาพว่าทั้งสองอย่างเป็นฝีมือตนเอง พบูไม่เกี่ยว บุรีเหวอเมื่อรู้ว่าตนคิดผิดมาตลอด เก็ทให้กำลังใจ “เอาน่า ยอมแพ้คุณโตเขาไปเถอะ เขาสองคนผ่านอะไรมาด้วยกัน มีอะไรเหมือนๆกัน ทั้งเรื่องชีวิต ปัญหาที่บ้าน มันเลยเติมเต็มให้กันได้ไง”
บุรีโวยวายแบบนี้ตนต้องทำตัวให้ดราม่าน่าสงสาร มีปัญหาครอบครัวแบบศตายุบ้าง พบูจะได้เห็นใจตนบ้าง เก็ทพยายามอธิบายไม่ใช่แบบนั้น บุรียังเสียงเข้ม
“ไม่ใช่แบบนี้แล้วแบบไหน แค่นี้ก็ชัดเจนแล้วว่าคุณพบูชอบคุณโตเพราะความสงสาร”
เผอิญศตายุมาถึงได้ยินทุกคำที่บุรีพูด ด้วยจิตใจที่บอบช้ำทำให้ยิ่งเสียใจมากขึ้น เหมือนโดนตอกย้ำความน่าสมเพช เขารับไม่ได้หันหลังเดินออกจากร้าน...พบูมาถึงเห็นศตายุเดินไปที่รถก็ร้องเรียกเสียงสดใส แต่เขากลับไม่หันมา เธอไม่รู้ว่าเขาพบเจออะไรมา วิ่งตามไปแหย่
“สงสัยต้องให้เรียกฮันนี่ใช่ไหมถึงจะยอมหยุด”
ศตายุหันมองพบูด้วยสีหน้าน้อยใจผิดหวัง หญิงสาวแปลกใจทำไมมองตนแบบนี้ เป็นอะไรหรือเปล่า เขานิ่งไม่ตอบ สายตาดูผิดหวังจนพบูต้องรบเร้า
“มีอะไรก็พูดออกมาสิ อย่าเก็บไว้คนเดียว ฉันเป็นห่วงนะ”
ศตายุเงยหน้ามองเห็นบุรียืนข้างต้นไม้เบื้องหลังเธอ ทำให้นึกถึงคำพูดอันเจ็บปวดของเขา จึงเอ่ยถามเสียงแข็งเย็นชา “คุณเป็นห่วงผมเพราะอะไร”
“คุณเป็นอะไรของคุณ ตอนคุยโทรศัพท์ก็ยังดีๆอยู่เลย” พบูงง
“ทำไมไม่ตอบล่ะ คุณชอบผมเพราะอะไร...คุณลองไปคิดดูให้ดีว่าคุณรู้สึกยังไงกับผม ถ้าคุณเป็นห่วงผม ทำดีกับผมเพราะความสงสาร ก็ขอให้คุณหยุดเถอะ ผมไม่ต้องการความรักเพราะความสงสารจากใคร”
พบูอึ้งที่จู่ๆเขาก็เสียงแข็งเย็นชาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ศตายุกล้ำกลืนความเจ็บปวดเสียใจทั้งเรื่องตัวเองเป็นเด็กกำพร้าและเรื่องความรัก หันหลังเดินไป พบูน้ำตาร่วงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คิดว่าตัวเองโดนศตายุปฏิเสธความรัก บุรีเห็นพบูเสียใจก็รู้ว่าเธอรักศตายุมากขนาดไหน รู้สึกปวดใจจะเดินหนี แต่แล้วก็ใจอ่อนไม่สามารถทิ้งเธอไว้คนเดียวได้ เดินเข้ามาหาพบูฟูมฟาย “เขาเป็นอะไรของเขา พูดแบบนี้กับฉันได้ไง”
“บอกแล้วว่าให้เลือกผม ซบอกผมไหม อกผมยังว่างนะ” บุรีแกล้งแซวให้หายเครียด
พบูทุบแขนเขาอั๊ก บุรีลูบหลังปลอบใจให้เธอคลายเศร้า ทั้งที่ตัวเองเจ็บปวดใจไม่น้อย
ooooooo
บุรีสงสัยท่าทางของศตายุ มากระซิบเก็ทว่าศตายุอาจจะได้ยินที่เราคุยกัน เก็ทโวยเพราะการพูดไม่คิดของเขาแท้ๆ ให้บอกพบูจะได้ไปเคลียร์กับศตายุ แต่บุรีไม่ไปกลัวพบูจะเกลียดตนมากขึ้น อ้างว่า ถ้าสองคนรักกันจริงจะต้องเคลียร์กันได้ ความรักต้องมีอุปสรรคกันบ้าง
พอเห็นพบูมีท่าทางเศร้าๆ บุรีก็เข้ามากวน “เป็นไงล่ะ ทะเลาะกับคุณโตเสียใจล่ะสิ บอกเลยว่าผมเจ็บกว่าที่คุณเจ็บร้อยเท่า”
“กรรมตามสนองฉันแล้ว พอใจยัง” พบูประชด
เก็ทเตือนอ้อมๆให้ไปเคลียร์กับศตายุว่าเขาเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า พบูทำทีไม่สนใจ “ทำไมฉันต้องง้อด้วย เรื่องแค่นี้ฉันไม่แคร์ ไม่เอามาเป็นปัญหาใหญ่ในชีวิตอยู่แล้ว เชิดๆชิวๆ”
แต่แล้วคืนนั้นพบูต้องระบายความโมโหปนเศร้าด้วยการเต้นฟุตเวิร์กอยู่ในห้องพัก ขึ้นเข่าตีศอก
“ทำไมถึงพูดกับฉันแบบนี้ฮะ...มีอะไรทำไมไม่พูด...ฉันทำอะไรผิด...อย่าหวังเลยว่าฉันจะง้อ”
พบูระเบิดอารมณ์ชกพัลวันจนเหนื่อย ทรุดนั่งหอบด้วยความรู้สึกค้างคาใจไม่หาย
ส่วนศตายุเก็บไปฝันร้ายว่างามยิ่ง เจริญรุ่งและเมฆพัดอยู่พร้อมหน้าในห้องคนไข้ กิจจานั่งหน้าเครียดอยู่บนเตียง พอศตายุถามว่าฟื้นตั้งแต่เมื่อไหร่ กิจจาก็แผดเสียงว่า
“ฉันไม่ใช่ปู่แก”
งามยิ่งเยาะว่ากิจจารู้ความจริงหมดแล้ว เมฆพัดเสริมว่าเขารับไม่ได้แล้วก็เสียใจมาก เจริญรุ่งย้ำว่ากิจจาไม่อยากเห็นหน้าและไล่ให้กลับไป ศตายุพยายามจะเข้าไปคุยกับกิจจา
“คุณปู่ครับ...คุณปู่คิดอย่างที่คุณพ่อพูดจริงๆเหรอครับ”
กิจจาเมินหน้าหนีไม่ตอบ งามยิ่งไล่ให้ออกไป ศตายุบอกว่าตนจะไปเมื่อปู่เป็นคนพูด กิจจาหันมาจ้องหน้าแล้วพูดจริงจัง
“ฉันรู้ว่าแกทุ่มเทช่วยงานฉันมานาน แต่ตอนนี้อะไรๆมันก็เปลี่ยนไปแล้ว ฉันจะให้เงินทุนแกแล้วไปตั้งต้นชีวิตใหม่ซะ...ไปซะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าแกอีก”
ศตายุผิดหวังเสียใจหันหลังจะเดินไป กิจจาเรียกไว้เขาหันมาอย่างมีความหวัง กิจจากล่าวอย่างเย็นชา “แล้วช่วยเปลี่ยนนามสกุลด้วยล่ะ ฉันไม่อยากให้แกใช้นามสกุลศศิวงศ์อีกแล้ว”
ศตายุหน้าชาน้ำตาคลอเบ้าไม่คิดว่าปู่ที่เคยรักตนมากจะเปลี่ยนเป็นเกลียดตนได้ขนาดนี้...
ศตายุสะดุ้งตื่นจากที่นอนบนโซฟาในห้องพักคนไข้ เหงื่อเต็มหน้า ลุกขึ้นมองไปที่เตียงคนไข้ เห็นกิจจายังนอนนิ่ง ก็เข้าไปกุมมือแน่น หวั่นใจกลัวจะเป็นเรื่องจริง
กลางดึกศตายุโทร.เรียกพิมพ์พรรณมาที่โรงพยาบาล ครุ่นคิดจะทำอย่างไรกับชีวิตตัวเองดี พอพิมพ์พรรณมาถึง เขาก็กล่าวขอโทษที่รบกวน แล้วสั่งการ
“ผมจะไม่อยู่ซักพัก อยากฝากคุณให้ช่วยดูแลคุณปู่แทนผมด้วย อย่าห่างจากตัวคุณปู่เด็ดขาด ตอนนี้ผมไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น โดยเฉพาะอาเมฆ”
“แล้วคุณโตจะไปไหนคะ”
“ถ้าคุณปู่รู้สึกตัว ฝากเอาจดหมายฉบับนี้ให้คุณปู่ด้วย ต้องส่งให้ถึงมือคุณปู่ให้ได้นะ”
พิมพ์พรรณรับจดหมายมาและรับปากจะดูแลกิจจาให้ดีที่สุด ศตายุขอบคุณ ย้ำตนไม่ไว้ใจใครจริงๆ นอกจากเธอ พิมพ์พรรณงงและสงสัยว่าเจ้านายจะไปไหนแต่ไม่กล้าถาม
ooooooo
รุ่งเช้า พบูตื่นขึ้นมาเห็นช่อดอกไม้ที่ศตายุเคยให้ก็ทำให้หงุดหงิด เอาผ้าไปคลุมไว้ ระหว่างนั้นมธุรสโทร.มาถามว่าศตายุติดต่อมาบ้างหรือเปล่า พบูบอกแม่ว่าตั้งแต่เมื่อวานยังไม่ได้คุยกันเลย มธุรสถามน้ำเสียงเป็นกังวล รู้ไหมว่าเขาไปไหน เขาบอกไว้หรือเปล่า
“ไม่เลยค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะ” พบูเริ่มใจไม่ดี
“ที่บ้านเพิ่งมีเรื่อง คุณโตเพิ่งรู้ความจริงว่าเขาไม่ใช่ลูกคุณรุ่ง แม่ก็เพิ่งรู้เหมือนกัน ว่าคุณรุ่งเก็บคุณโตมาเลี้ยง...ถ้าคุณโตเขาไปหาหนู ช่วยดูแลเขาหน่อย คุณโตคงเสียใจมาก”
พบูหน้าเสียเป็นห่วงศตายุจับใจ รู้สึกผิดที่เมื่อวานไม่สนใจเขาไม่รู้เลยว่าเขากำลังมีปัญหาชีวิต พบูครุ่นคิดถึงวันที่ไปเที่ยวกับศตายุ เขาพูดออกมาว่า
“เป็นผมผมคงเศร้าน่าดู ไม่มีโอกาสได้รู้ว่าตัวเองเป็นลูกใคร ไม่มีแม้กระทั่งครอบครัว ญาติพี่น้องเหมือนอยู่ตัวคนเดียวบนโลก”
สายวันนั้น ธราดลได้รับซองเอกสาร พิมพ์พรรณนั่งทำงานในห้องพักคนไข้ เฝ้าไข้กิจจาไปด้วย และโทร.ถามธราดลว่าได้รับเอกสารการเรียนต่อเรียบร้อยแล้วใช่ไหม เขาพร้อมเมื่อไหร่ก็สามารถเดินทางได้เลย
ธราดลใจหายที่มันรวดเร็วปานนี้ พิมพ์พรรณยังบอกอีกว่าศตายุฝากจดหมายไว้ให้เขา อยู่ในซองเอกสารที่เขาได้รับ...ธราดลวางสายแล้วหยิบจดหมายออกมาเปิดอ่านด้วยความสงสัย
“พี่เตรียมเอกสารและค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ดลต้องใช้เดินทางไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็ออกเดินทางได้เลย พี่อาจจะไม่ได้อยู่ส่งดลไปเรียนหรอกนะ ...ตอนนี้ดลเป็นความหวังเดียวของครอบครัว ขอให้ตั้งใจเรียน คุณปู่และพ่อแม่จะได้ดีใจ อย่าทำให้ทุกคนผิดหวังล่ะ...”
ธราดลอ่านจดหมายจบเดินไปถามแม่บ้านว่าศตายุอยู่ไหน แม่บ้านตอบว่าเขาเก็บข้าวของออกไปจากบ้านตั้งแต่เมื่อคืน ธราดลสังหรณ์ใจว่ามีเรื่องไม่ดีแน่ รู้สึกเป็นห่วงเขามาก
ooooooo










